มือถือ 5G ดีกว่า มือถือ 4G จริงหรือไม่? และควรซื้อมือถือ 5G ตอนนี้หรือยัง?

ปี 2020 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของสมาร์ทโฟน 5G อย่างแท้จริง จากการเปิดตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งในระดับเรือธง และระดับกลาง จากหลากหลายแบรนด์ดัง เรียกได้ว่าคุณสมบัติดังกล่าวได้กลายเป็นหนึ่งในมาตรฐานใหม่ของสมาร์ทโฟนปัจจุบันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

และการเปิดตัวของสมาร์ทโฟน 5G อย่างต่อเนื่อง ก็ทำให้ผู้ใช้เริ่มให้ความสำคัญกับคำว่า 5G มากยิ่งขึ้น ซึ่งหนึ่งในคำถามที่หลายคนสงสัยก็คงไม่พ้น มือถือ 5G ดีกว่า มือถือ 4G จริงหรือไม่? และควรซื้อตอนนี้หรือยัง? ในวันนี้ทางทีมงานจะมาสรุปประเด็นนี้ให้ทุกอ่านได้พิจารณากันเพิ่มเติม หากพร้อมแล้วไปชมกันเลยค่ะ

มือถือ 5G ดีกว่า มือถือ 4G จริงหรือไม่?

ที่มา : TOT

ก่อนจะเข้าสู่คำถามหลักของเราในวันนี้ ทางทีมงานจะขอสรุปนิยามสมาร์ทโฟน 5G ให้ได้ทราบกันก่อน ซึ่ง 5G คือมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายในยุคที่ 5 ที่ต่อยอดมาจาก 4G ของปัจจุบัน ด้วยความเร็วในการรับส่งข้อมูลระดับกิกะบิตต่อวินาที (Gbps) เทียบเท่ากับการเชื่อมต่อแบบไฟเบอร์ ซึ่งเร็วกว่า 4G ประมาณ 20 เท่า โดยสูงสุดที่ประมาณ 20 Gbps. (20GB ต่อวินาที) และแน่นอนว่าเทคโนโลยีที่ใหม่กว่า ย่อมดีกว่าแบบเก่าเสมอ ซึ่งทางทีมงานจะขอสรุปว่าในทางทฤษฎีแล้วนั้น มือถือ 5G ดีกว่า มือถือ 4G จริง โดยจะสรุปเป็นข้อดังนี้

ที่มา : UIH

1.สามารถเล่นอินเทอร์เน็ตได้เร็วยิ่งขึ้น ด้วยความเร็วระดับกิกะบิตต่อวินาที (Gbps) โดยเร็วกว่า 4G ถึง 20 เท่า มีความเร็วสูงสุดถึง 20 Gbps. ซึ่งรองรับการใช้งานตั้งแต่การใช้งานทั่วๆ ไป อย่างการท่องเว็บไซต์, ดาวน์โหลดข้อมูลต่างๆ เช่น เพลง หรือภาพยนตร์ รวมถึงในด้านความบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลง, ชมภาพยนตร์/ซีรีส์ และเล่นเกมออนไลน์ นอกจากนี้ในด้านเทคโนโลยี Virtual Reality และ Augmented Reality ก็จะมีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น

2.มีค่าความหน่วงเวลา (Latency) น้อยกว่า 1-10 Millisecond ที่ต่ำลงกว่าเดิมถึง 10 เท่า จึงตอบสนองต่อการใช้งานได้เร็วขึ้นด้วยนั่นเอง

3.รองรับการรับ-ส่งข้อมูลที่ 50 Exabytes ต่อเดือน โดยเมื่อนำมาเทียบกับเครือข่าย 4G ที่รองรับการรับ-ส่งข้อมูลปริมาณรวม 7.2 Exabytes ต่อเดือน ถือว่าเพิ่มมากขึ้นราว 7 เท่าเลยทีเดียว

4.5G มีความถี่สำหรับใช้งานมากกว่า จึงสามารถใช้งานคลื่นความถี่ได้ถึง 30GHz

5.เครือข่าย 5G รองรับผู้ใช้งานมากถึงระดับล้านอุปกรณ์ต่อตารางกิโลเมตร จากที่รองรับผู้ใช้ได้ราว 1 แสนคนต่อตารางกิโลเมตร เรียกได้ว่ารองรับการใช้งานในแต่ละพื้นที่มากกว่าเดิมถึง 10 เท่า 

ควรซื้อมือถือ 5G ตอนนี้เลยหรือไม่?

จากข้อมูลข้างต้น มือถือ 5G มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย และในประเทศไทยเองผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือก็เปิดให้บริการ 5G แล้ว หลายคนที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ ก็มักจะนำ 5G ไปเป็นหนึ่งในปัจจัยของการเลือกซื้อเพิ่มเติม ซึ่งทางทีมงานจะขอยกสิ่งที่อาจต้องพิจารณาเพิ่มเติมสำหรับการซื้อมือถือ 5G ในตอนนี้มาให้ได้ทราบกัน ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

ราคาวางจำหน่าย

เนื่องจากความสามารถในการเชื่อมต่อ 5G เป็นเทคโนโลยีใหม่ของสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน ดังนั้นมือถือที่รองรับคุณสมบัตินี้ จำเป็นต้องใช้งานชิปเซ็ต และฮาร์ดแวร์ต่างๆ ที่เป็นรุ่นใหม่ตามไปด้วย อีกทั้งมีต้นทุนในด้าน R&D เพิ่มเติม เนื่องจากมีความต้องการวางเสารับสัญญาณเพิ่มขึ้น ซึ่งสังเกตได้จากมือถือเรือธงของแต่ละค่ายที่รองรับ 5G จะมีราคาวางจำหน่ายที่ค่อนข้างสูงทั้งสิ้น 

ตัวอย่างราคามือถือ 5G และมือถือ 4G

• Samsung Galaxy Note 20 รุ่น LTE ราคา 29,900 บาท
• Samsung Galaxy Note 20 รุ่น 5G ราคา 33,900 บาท
• Samsung Galaxy Note 20 Ultra รุ่น LTE RAM 8GB + ROM 256GB ราคา 38,900 บาท
• Samsung Galaxy Note 20 Ultra รุ่น 5G RAM 12GB + ROM 256GB ราคา 42,900 บาท

จะเห็นได้ว่าราคาของรุ่น LTE และ 5G ห่างกันพอสมควรเลยทีเดียว แต่ก็แลกมากับประสบการณ์การใช้งานที่ดีกว่า รวมถึงสเปกบางอย่างที่เพิ่มเติมเข้ามานั่นเอง

แต่สำหรับท่านที่ไม่ได้ต้องการใช้งานสมาร์ทโฟนในระดับท็อปสุดของค่าย สมาร์ทโฟนในระดับกลางที่มีราคาหมื่นต้น - หมื่นปลาย ก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ได้แก่

• realme X50 5G ราคา 12,990 บาท
• OnePlus Nord ราคา 14,990 บาท
• Vivo V20 Pro 5G : 14,999 บาท
• HUAWEI nova 7 Series : เริ่มต้น 11,990 บาท

สำหรับท่านที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟน 5G ระดับกลาง เพื่อใช้งานในระยะยาวอาจจะต้องพิจารณาในจุดที่ว่ามีโอกาสสูงที่จะไม่ได้รับการอัปเดตเวอร์ชัน Android หรือที่เรียกกันว่าลอยแพ และค่อนข้างตกรุ่นได้เร็ว เนื่องจากมีการเปิดตัวมากกว่า 1 ครั้งใน 1 ปี 

จากแนวโน้มการเปิดตัวสมาร์ทโฟน 5G อย่างต่อเนื่อง และเริ่มมีรุ่นราคาระดับกลางๆ มากขึ้น ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าในปี 2021 ราคาวางจำหน่ายของมือถือ 5G จะจับต้องได้มากกว่าเดิม หากใครที่ยังไม่รีบใครงาน 5G รอดูช่วงปีหน้าเลยน่าจะดีกว่าค่ะ

นอกเหนือไปจากราคาวางจำหน่ายตัวเครื่องสมาร์ทโฟน 5G แล้ว ราคาแพ็กเกจอินเทอร์เน็ต 5G ก็สูงกว่า 4G ด้วยเช่นกัน โดยในปัจจุบันยังไม่มีแพ็กเกจ Unlimited แบบทางการ นอกจากต้องสมัครแพ็กเกจเสริม และหากจำกันได้ 5G จะเพิ่มความสามารถในการดาวน์โหลด และอัปโหลดเป็นเท่าตัว ซึ่งหมายความว่าเราจำเป็นต้องใช้งานปริมาณ Data ที่เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง ฉะนั้นหากไม่ได้ใช้งานแพ็กเกจแบบ Unlimited ก็น่าจะเสียค่าบริการมากพอสมควรเลยค่ะ

การใช้งาน 5G

จากผลการประมูลคลื่น 5G ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทำให้ในประเทศไทยมี 3 คลื่นความถี่ให้เราได้ใช้งานกัน ได้แก่ 

• ความถี่ย่าน 700MHz (CAT/AIS)
• ความถี่ย่าน 2600MHz (AIS/TrueMove H) 
• ความถี่ย่าน 26GHz (AIS/TrueMove H/dtac)

โดยในปัจจุบันทาง AIS และ TrueMove H ได้เปิดให้บริการความถี่ย่าน 2600MHz อย่างเป็นทางการแล้ว พร้อมกับโปรโมชั่นทดลองใช้งาน 5G ในเบื้องต้น แน่นอนว่าสำหรับท่านที่ใช้งานมือถือ 5G พร้อมทำการ Active ซิมการ์ดให้ใช้งาน 5G ได้แล้ว ก็จะใช้งานได้ 

แต่เนื่องจากเพิ่งเริ่มการให้บริการ จึงยังไม่ครอบคลุมในทุกพื้นที่ และพื้นที่หลักที่มีให้บริการจะอยู่ในกรุงเทพเป็นส่วนใหญ่ จึงส่งผลให้การใช้งานอาจไม่ราบรื่นเท่าที่ควร ทั้งนี้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบพื้นที่ให้บริการได้ที่เว็บไซต์ของผู้ให้บริการ หรือสอบถามได้โดยตรง 

ขณะเดียวกันเครือข่าย 4.5G / 4G ครอบคลุมพื้นที่ใช้งานได้มากกว่า และมีความเร็วในการใช้งานตอบโจทย์การใช้งานในปัจจุบันได้ดีอยู่ อย่างการรับชมคอนเทนท์ต่างๆ ผ่านสมาร์ทโฟนด้วยความคมชัดระดับ HD หรือ Full HD ความเร็วของ 4.5G และ 4G ถือว่ายังเพียงต่อการใช้งาน 

นอกจากนี้มือถือ 5G ที่วางจำหน่ายในปัจจุบัน บางรุ่นก็ไม่รองรับคลื่นความถี่ดังกล่าว และอาจไม่มีการระบุข้อมูลไว้อย่างชัดเจน ณ จุดขาย ทั้งนี้ทางทีมงานขอแนะนำให้ติดต่อศูนย์บริการผู้ให้บริการเครือข่ายที่ท่านใช้งานอยู่ ก่อนตัดสินใจในการเลือกซื้อค่ะ

รวมถึงมีความเป็นไปได้ที่จะมีการนำคลื่นความถี่ย่าน 3500MHz มาประมูลเพิ่มในอนาคต ซึ่งคลื่นนี้ถือเป็นมาตรฐานที่ใช้งานกันในหลายประเทศ แต่อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการยืนยันใดๆ ดังนั้นก็ต้องหมั่นติดตามข่าวกันต่อไปค่ะ

บทสรุป

จากข้อมูลทั้งหมดพอจะกล่าวได้ว่ามือถือ 5G น่าสนใจ และเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามในปี 2020 นี้ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ต 5G ก่อนใคร รวมถึงมีงบประมาณในการเลือกซื้อมือถือแบบไม่จำกัด และอยู่ในพื้นที่การให้บริการ 5G โดยทางทีมงานขอแนะนำให้ติดต่อศูนย์บริการผู้ให้บริการเครือข่ายที่ท่านใช้งานอยู่ ก่อนตัดสินใจในการเลือกซื้ออีกครั้งค่ะ และสามารถดูรายชื่อรุ่นที่วางจำหน่ายในประเทศไทยแล้ววันนี้ได้ที่ : รวมมือถือ 5G รุ่นใหม่ที่วางขายในไทยแล้ววันนี้

สำหรับบริการเครือข่าย 5G ในประเทศไทย ณ ตอนนี้ ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น และถือเป็นจุดเปลี่ยนผ่านระหว่าง 4G ไปยัง 5G ที่ต้องการความพร้อมในหลายๆ ด้าน ทั้งตัวมือถือเอง และทางผู้ให้บริการเครือข่าย ซึ่งหากติดตามข่าวสารอยู่เป็นประจำก็จะทราบดีว่า กว่าจะถึงจุดที่พร้อมในทุกด้าน พร้อมกับมีความถี่ให้ใช้งานมากขึ้น รวมถึงครอบคลุมในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อการใช้งาน 5G ได้อย่างเต็มรูปแบบ ก็น่าจะใช้เวลาอีกอย่างน้อย 2-3 ปีเลยทีเดียว ดังนั้นการซื้อมือถือ 5G ในปีนี้ ก็อาจจะยังไม่จำเป็นมากนัก ทั้งนี้เราก็ต้องคอยติดตามกันต่อไป และหากมีข้อมูลสำคัญอะไรเพิ่มเติมทางทีมงานจะมารายงานให้ได้ทราบกันในทันที สำหรับวันนี้ทางทีมงานต้องขอลาไปก่อน สวัสดีค่ะ 

นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com

วันที่ : 29/9/2563