เทียบภาพถ่าย iPhone XS Max และ Samsung Galaxy Note 9 สองมือถือกล้องคู่ตัวท็อปรุ่นล่าสุด แตกต่างกันแค่ไหน มาดูกัน!
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มีสื่อต่างประเทศได้นำ iPhone รุ่นใหม่อย่าง iPhone XS และ iPhone XS Max ไปทดสอบถ่ายภาพเปรียบเทียบกับมือถือกล้องเดี่ยวตัวท็อปอย่าง Google Pixel 2 XL ที่มีดีกรีเป็นถึงอดีตแชมป์มือถือกล้องดีสุดในโลกจาก DxOMark ผู้เชี่ยวชาญด้านการทดสอบเลนส์ และเซ็นเซอร์ชั้นนำ ล่าสุดก็ได้มีการจับ iPhone XS Max ไปทดสอบถ่ายภาพอีกครั้ง แต่คราวนี้ลองถ่ายภาพเทียบกับมือถือตัวกล้องคู่ตัวท็อปที่ติดอันดับท็อป 3 บนตาราง DxOMark ณ ชั่วโมงนี้อย่าง Samsung Galaxy Note 9 ครับ
การทดสอบครั้งนี้จัดทำขึ้นโดยสื่อต่างประเทศอย่าง Apple Insider ที่มีโอกาสได้ทดลองใช้งาน iPhone XS Max และ Samsung Galaxy Note 9 โดยเริ่มต้นที่ซีนแรกอย่างการวัดประสิทธิภาพของ HDR กันก่อน โดยในซีนนี้ทาง Apple Insider ให้ความเห็นว่า iPhone XS Max ค่อนข้างจะมี Dynamic Range ที่กว้างกว่า ต่างจาก Galaxy Note 9 ที่รายละเอียดต่างๆ บนเสื้อถูกกลบหายไป นอกจากนี้ ในบริเวณส่วนที่ควรมืดยังมีความสว่างกว่าเมื่อเทียบกับ iPhone XS Max ที่พยายามรักษาความสมดุลของแสงบนภาพให้เท่าๆ กัน
ข้ามมาที่การถ่ายภาพบุคคลอีกซีน โดยภาพนี้ทาง Apple Insider ให้ความเห็นว่า Galaxy Note 9 ค่อนข้างจะติดอาการ Overposed ไปสักหน่อยโดยสังเกตได้จากท้องฟ้าด้านหลัง และตึกที่สว่างจนเกินไปจนทำให้สูญเสียรายละเอียด แต่อย่างไรก็ดี ภาพตัวแบบของ Galaxy Note 9 จะมีความสว่าง และคมชัดมากกว่าเมื่อเทียบกับ iPhone XS Max ที่ตัวแบบมีความมืดกว่าอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ ทั้งสองรุ่นยังมีความแตกต่างในนเรื่องของสีสันที่ทาง Apple Insider มองว่า ภาพจาก Galaxy Note 9 ค่อนข้างจะมีความอิ่มตัวของสี (Saturation) มากกว่า ทำให้สีสันดูมีความจัดจ้าน ส่วน iPhone XS Max จะให้โทนสีเป็นธรรมชาติมากกว่า
แต่เมื่อลองนำมาถ่ายภาพแบบย้อนแสง จะพบว่า Galaxy Note 9 สามารถทำผลงานได้ดีกว่าชัดเจนทั้งในเรื่องของ Dynamic Range และการเก็บรายละเอียดต่างๆ ในส่วนที่มืด หรือสว่าง รวมทั้ง Galaxy Note 9 ยังเกิดอาการเลนส์แฟร์น้อยกว่าเมื่อเทียบกับ iPhone XS Max ซึ่งแม้จะลองเปลี่ยนไปถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพบุคคลบนมือถือทั้งสองรุ่น ก็พบว่าผลลัพธ์ยังไม่แตกต่างกันมากนัก
เปลี่ยนไปทดสอบการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอด้วยโหมด Portrait บน iPhone XS Max และโหมด Live Focus บน Galaxy Note 9 กันบ้าง โดยทาง Apple Insider มองว่า iPhone XS Max ค่อนข้างจะรักษาความสมดุลของแสงได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับ Galaxy Note 9 ที่แสงมีความสว่างเกินไปเล็กน้อย รวมทั้ง iPhone XS Max ยังละลายฉากหลังได้มากกว่าอีกด้วย ซึ่งแม้ว่าจะลองปรับระดับความเบลอของ Galaxy Note 9 จนสุดแล้ว ก็ยังพบว่าทางฝั่ง iPhone XS Max สามารถละลายฉากหลังได้มากกว่าซึ่งเป็นผลมาจากฟีเจอร์ใหม่อย่าง Depth Control ที่สามารถละลายฉากหลังตามการจำลองค่ารูรับแสงได้ตั้งแต่ F/1.4 - F16 ในขณะที่ Galaxy Note 9 สามารถปรับระดับความเบลอได้ตั้งแต่ 0-7 เท่านั้น
อย่างไรก็ดี เมื่อลองนำไปถ่าย ใบไม้ และดอกไม้ กลับพบว่า Galaxy Note 9 สามารถทำผลงานได้ดีกว่า ด้วยสีสันที่ตรงเป็นธรรมชาติ และยังสามารถตัดขอบของวัตถุได้อย่างแม่นยำ ต่างจาก iPhone XS Max ที่มีการเบลอขอบบางส่วนของใบไม้ไปกับฉากหลังด้วย
ลองเทียบการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอจากกล้องหน้ากันดูบ้าง ทาง Apple Insider ใหห้ความเห็นว่า ภาพที่ได้จาก Galaxy Note 9 ค่อนข้างจะมีความซอฟท์ไปสักหน่อยเมื่อเทียบกับ iPhone XS Max ที่สามารถมองเห็นรายละเอียดต่างๆ บนใบหน้าได้ดีกว่า รวมทั้งพื้นหลังยังมีความสว่างกว่าด้วย
นอกจากนี้ iPhone XS Max ยังมีฟีเจอร์ที่ Galaxy Note 9 ยังไม่สามารถทำได้อย่างการปรับระดับความเบลอของฉากหลังเมื่อถ่ายภาพด้วยกล้องหน้า ทำให้ตัวแบบดูมีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น แต่จะสังเกตเห็นได้ว่าเมื่อปรับระดับความเบลอในระดับสูงๆ ตามภาพด้านต้น จะมีการเบลอรายละเอียดของผม และเสื้อผ้าของตัวแบบไปด้วย
ลองนำโหมดถ่ายภายหน้าชัดหลังเบลอไปถ่ายภาพ Object อื่นๆ กันบ้าง โดยในซีนนี้ทาง Apple Insider มองว่า Dynamic Range ของ iPhone XS Max ค่อนข้างดีกว่า แต่ยังสาามารถตัดขอบของวัตถุได้ไม่เนียนตาเท่า Galaxy Note 9
ในซีนนี้เริ่มพบความแตกต่างแล้ว โดยจากภาพจะเห็นได้ว่า iPhone XS Max กลับไม่เบลอฉากหลังที่อยู่ตรงกลางระหว่างเสาทั้งสองต้น ในขณะที่ Galaxy Note 9 สามารถเบลอได้อย่างแม่นยำ อย่างไรก็ดี ทางผู้ทดสอบให้ความเห็นว่า Dynamic Range บน Galaxy Note 9 ยังทำได้ไม่ดีนัก
ลองเปรียบเทียบการเก็บรายละเอียดกันดูสักหน่อย โดยหากมองรวมๆ แล้วทั้งสองรุ่นถือว่าทำผลงานได้ค่อนข้างดีทีเดียว แต่ภาพบน Galaxy Note 9 ค่อนข้างจะมองเห็นรายละเอียดต่างๆ หรือมี Contrast ที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับ iPhone XS Max
และเมื่อลองใช้เลนส์ตัวที่สอง (เลนส์ Telephoto) ที่มีอยู่บนมือถือทั้งสองรุ่น ก็พบว่ายังเป็นฝั่งของ Galaxy Note 9 ที่สามารถเก็บรายละเอียดต่างๆ ได้ดีกว่า
ในซีนนี้ทาง จะพบว่า iPhone XS Max มี Dynamic Range ที่ค่อนข้างดีกว่าอย่างชัดเจน ส่วน Galaxy Note 9 ดูจะมี Contrast และความอิ่มตัวของสีของภาพถ่ายที่มากกว่า ส่วนการเก็บรายละเอียดนั้นทาง Apple Insider มองว่าทั้งสองรุ่นสามารถทำผลงานได้แทบไม่แตกต่างกัน
เปลี่ยนมาถ่ายภาพเซลฟี่แบบปกติ ซึ่งในซีนนี้มีควาแตกต่างในเรื่องของ Dynamic Range อย่างชัดเจน โดยจะเห็นว่า ภาพท้องฟ้าของ Galaxy Note 9 จะมีความขาวโพลนจนกลบรายละเอียดต่างๆ ไป ในขณะที่ iPhone XS Max สามารถเก็บรายละเอียดต่างๆ ได้ดีกว่า
ลองถ่ายภาพในร่มกันดูสักหน่อย ซึ่งในซีนนี้ก็ยังพบว่า iPhone XS Max ยังมี Dynamic Range ที่ดีกว่า Galaxy Note 9 รวมทั้งยังสามารถถ่ายทอดสีสันของท้องฟ้า และฉากหลังได้ค่อนข้างตรงกว่า
ทดสอบถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยกันบ้าง โดยทาง Apple Insider ให้ความเห็นว่า iPhone XS Max ค่อนข้างที่จะมี Dynamic Range ที่ดีกว่า รวมทั้งยังวัดแสงได้ค่อนข้างตรงกว่า ในขณะที่ Galaxy Note 9 มีการใช้ซอฟท์แวร์เพื่อกลบจุดรวบกวนบนภาพ (Noise) มากจนเกินไป ทำให้รายละเอียดบางส่วนขาดหายไป ซึ่งสังเกตได้จากรายละเอียดต่างๆ บนกางเกงของตัวแบบ
เมื่อทดสอบถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยด้วยโหมดหน้าชัดหลังเบลอ ทาง Apple Insider พบว่า ในบางครั้งกล้องของ Galaxy Note 9 ไม่สามารถตรวจจับใบหน้าได้ทำให้ภาพที่ออกมามีความเบลอ
แต่เมื่อลองถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยมากๆ พบว่า Galaxy Note 9 ทำผลงานได้ดีกว่าในเรื่องของการจัดการ Noise ต่างจาก iPhone XS Max ที่สามารถมองเห็น Noise ได้ค่อนข้างชัดเจนกว่า แต่อย่างไรก็ดี iPhone XS Max ค่อนข้างจะวัดแสงได้ตรงกว่า
ปิดท้ายด้วยการทดสอบถ่ายภาพแสงน้อย พร้อมทดสอบการทำเอฟเฟ็กต์ Bokeh โดยทาง Apple Insider พบว่า iPhone XS Max ค่อนข้างตัดขอบได้อย่างแม่นยำกว่า รวมทั้งยังสามารถทำเอฟเฟ็ตโบโก้ดวงกลมที่มองเห็นได้อย่างคมชัด และยังสามารถละลายฉากหลังได้มากกว่าด้วย
อย่างไรก็ดี การทดสอบ และความเห็นด้านต้นก็มาจากทาง Apple Insider เท่านั้น ซึ่งกล้องรุ่นไหนจะดีกว่านั้นคงไม่สามารถตัดสินได้ เพราะส่วนหนึ่งคงต้องขึ้นอยู่กับความชื่นชอบส่วนบุคคลด้วย แต่โดยปกติแล้ว ทั้ง Apple และ Samsung มักจะมีการปล่อยซอฟท์แวร์เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของตัวเครื่อง รวมไปถึงกล้องถ่ายภาพอยู่เป็นประจำ ซึ่งไม่แน่ว่าปัญหาต่างๆ ที่พบจากการทดสอบครั้งนี้อาจถูกแก้ไขบนแพทซ์อัปเดตในอนาคตก็เป็นได้ครับ
ที่มา : Apple Insider
วันที่ : 1/10/2561