ทำไม Samsung Galaxy Note 9 ในปี 2021 ถึงอาจดูน่าซื้อกว่า Galaxy S21 Ultra ?
แม้ว่าในปี 2021 นี้จะมีสมาร์ทโฟนรุ่นเด่นที่น่าสนใจอย่าง Samsung Galaxy S21 Ultra ถูกเปิดตัวออกมาให้เห็น ซึ่งมาพร้อมกับจุดเด่นด้านสเปกแบบจัดเต็ม และรองรับการใช้งานปากกา S Pen คล้ายกับมือถือตระกูล Galaxy Note Series เป็นครั้งแรก แต่อย่างไรก็ดี แม้ว่า Galaxy S21 Ultra จะดูเป็นมือถือที่น่าสนใจ แต่ในอีกมุมหนึ่ง อดีตเรือธงรุ่นพี่อย่าง Galaxy Note 9 ก็อาจเป็นตัวเลือกที่น่าซื้อกว่าในปี 2021 ก็เป็นได้ แต่เพราะเหตุผลใดนั้น ไปหาคำตอบกันครับ
1.สแกนม่านตา
แม้ว่าจะเป็นมือถือที่เปิดตัวเป็นเวลามากกว่า 2 ปีครึ่ง แต่ Galaxy Note 9 ก็ถือว่ามีฟีเจอร์ที่ล้ำยุคอย่าง Iris Scanner ที่ที่มีความปลอดภัยสูง และสามารถปลดล็อกได้อย่างรวดเร็วแม้ในเวลากลางคืน ซึ่งถือว่าตอบโจทย์การใช้งานในยุคปัจจุบันที่ผู้ใช้จำเป็นต้องสวมใส่หน้ากากอยู่ตลอดเวลาเป็นอย่างมาก ส่วนใครที่ไม่ต้องการใช้งาน Iris Scanner ทาง Samsung ก็ยังติดตั้งระบบปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง ที่สามารถปลดล็อกได้อย่างรวดเร็วไม่แพ้ระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอในยุคปัจจุบันเลยทีเดียว
2.เซ็นเซอร์ Heart Rate และ SpO2
กลายเป็นฟีเจอร์ที่เราไม่ค่อยเห็นบนสมาร์ทโฟนรุ่นปัจจุบันแล้ว สำหรับเซ็นเซอร์ Heart Rate ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้อย่างง่ายๆ โดยที่ไม่จำเป็นต้องสวมใส่นาฬิกาอัจฉริยะ รวมถึงเซ็นเซอร์ SpO2 สำหรับวัดระดับออกซิเจนในเลือดได้อย่างฉับไวเพียงแค่นำนิ้วมือไปแตะที่บริเวณด้านหลังของตัวเครื่องเท่านั้น
3.ยังมีช่องหูฟัง 3.5 มม. และเพิ่ม microSD Card ได้
Galaxy Note 9 ถือเป็นมือถือเรือธงกลุ่มท้ายๆ ของ Samsung ที่ยังคงติดตั้งช่องหูฟังมาตรฐาน 3.5 มม. มาให้ ทำให้ผู้ใช้สามารถเสียบหูฟัง พร้อมกับชาร์ตแบตเตอรี่ได้โดยที่ไม่ต้องใช้อแดปเตอร์แปลงให้ยุ่งยาก รวมทั้งใครที่ชอบเก็บภาพถ่ายเอาไว้ในตัวเครื่องน่าจะถูกใจไม่ใช่น้อย เพราะ Galaxy Note 9 สามารถเพิ่ม microSD Card ได้สูงสุดถึง 512GB
4.S Pen ที่พกพาง่าย และมี Bluetooth
Galaxy Note 9 มาพร้อมกับปากกา S Pen ที่สามารถพกพาได้ง่าย เพียงแค่เสียบเก็บที่ด้านล่างของตัวเครื่อง รวมทั้งตัวปากกายังมีระบบ Bluetooth สำหรับเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เพื่อช่ยให้ควบคุมการทำงานได้อย่างสะดวก อย่างเช่น ฟีเจอร์ Air Actions ที่ผู้ใช้สามารถเรียกใช้แอปกล้อง, ถ่ายภาพ หรือเปลี่ยนเพลง เป็นต้น
5.ฟีเจอร์เรือธงครบครัน
แม้ว่าจะเป็นมือถือที่ตกรุ่น แต่ Galaxy Note 9 ถือว่าเป็นเรือธงที่มีฟีเจอร์ครบเครื่องไม่แพ้เรือธงรุ่นปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอ Super AMOLED ความละเอียดระดับ QHD+, ลำโพงคู่, Samsung DeX, กล้องหลังถ่ายวิดีโอ 4K 60fps พร้อมถ่าย Slow Motion ระดับ 960fps รวมไปถึงกล้องหน้าที่มีระบบ Autofocus ที่ช่วยให้ถ่ายเซลฟี่ได้อย่างสวยคมชัด
6.ราคาถูกกว่า 3 เท่า!
ในปัจจุบัน Galaxy Note 9 เครื่องใหม่ที่ยังพอหาซื้อได้ตามร้านค้าออนไลน์ จะมีราคาอยู่ที่ราวๆ 12,900 - 15,600 บาท ซึ่งนับว่าเป็นราคาที่ถูกกว่าราคาเปิดตัวราว 3 เท่า และยังถูกกว่า Galaxy S21 Ultra มากกว่า 3 เท่าเลยทีเดียว
แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่า Galaxy Note 9 จะดูเป็นมือถือเรือธงที่ดูค่อนข้างน่าสนใจในปี 2021 หากมองอีกมุมหนึ่ง Galaxy Note 9 ก็มีจุดที่ต้องพิจารณาอีกหลายจุดเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น
1.การอัปเดตระบบปฏิบัติการ
Galaxy Note 9 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 8.1 และได้รับเกรดเป็นระบบ Android 10 พร้อม One UI 2.5 ซึ่งหลังจกานั้นมาก็ไม่ได้รับการอัปเดตระบบปฏิบัติการข้ามเวอร์ชันอีกเลย ทำให้ขาดลูกเล่นใหม่ๆ ไป แต่ทาง Samsung ก็ยังมีการทยอยปล่อยอัปเดตซอฟท์แวร์ด้านความปลอดภัยให้เช่นเดิม เพื่อช่วยอุดช่องโหว่ของตัวระบบ ทำให้ยังสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง
2.กล้องหลังไม่มีเลนส์ Ultra Wide
Galaxy Note 9 มาพร้อมกับระบบกล้องคู่ที่ประกอบไปด้วย กล้อง Telephoto และกล้อง Wide ซึ่งขาดเลนส์สำคัญของมือถือยุคปัจจุบันอย่างเลนส์ Ultra Wide สำหรับถ่ายภาพมุมกว้างพิเศษ ทำให้ผู้ใช้ที่ชอบถ่ายภาพวิวทิวทัศน์กว้างๆ อาจต้องมีการถอยออกจาก Subject ที่ต้องการถ่ายค่อนข้างมาก
3.ไม่รองรับ 5G
สำหรับใครที่ต้องการมือถือเพื่อใช้งาน 5G เป็นหลัก อาจจะต้องพิจารณาเล็กน้อย เนื่องจากในยุคที่ Galaxy Note9 เปิดตัวออกมา เทคโนโลยี 5G ยังอยู่ในช่วงพัฒนา และยังไม่มีการเปิดให้บริการจริงอย่างแพร่หลายเหมือนกับยุคปัจจุบัน
4.ไม่มีประกันศูนย์
จากที่ทีมงานลองสำรวจในตลาดออนไลน์ พบว่า Galaxy Note 9 ยังคงมีเครื่องมือ 1 แบบเคลียร์สต็อกวางจำหน่ายอยู่ แต่จะไม่มีประกันศูนย์ไทย มีเพียงประกันจากร้านค้าเป็นระยะเวลาไม่กี่เดือนเท่านั้น จึงทำให้ Galaxy Note 9 อาจไม่เหมาะกับการถือใช้ยาวหากผู้ใช้ไม่มีความชำนาญในการเปลี่ยนอะไหล่ต่างๆ ด้วยตนเอง
สุดท้ายนี้ มือถือรุ่นไหนจะดีกว่ากันทางทีมงานคงไม่ตัดสินได้ เพราะส่วนหนึ่งต้องขึ้นอยู่กับความชื่นชอบส่วนบุคคลด้วย หากมือถือรุ่นนั้นๆ มีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้แบบไม่ขาดตกบกพร่อง ก็ถือว่ามือถือรุ่นนั้นๆ น่าจับจองเป็นเจ้าของแล้วครับ
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 4/2/2564