สรุปจุดเด่น HUAWEI P40 Series กับการอัปเกรดใหญ่ด้วยกล้องหลัง Leica มากถึง 5 ตัว พร้อมจอขอบโค้ง 4 ด้าน 90Hz ในราคาเริ่มราว 28,600 บาท
ในที่สุดก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ HUAWEI P40 Series สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดที่ครั้งนี้มาพร้้อมกับการอัปเกรดกล้องถ่ายภาพครั้งใหญ่ ไปดูกันดีกว่าว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มีจุดเด่นอะไรที่น่าสนใจบ้างครับ
ครั้งแรกที่เปิดตัว 3 รุ่น!
ปีนี้เป็นปีแรกที่ Huawei เปิดตัว P-Series ให้ได้เห็นกันถึง 3 รุ่น ได้แก่ HUAWEI P40, HUAWEI P40 Pro และ HUAWEI P40 Pro+ โดยทั้งสามรุ่นจะมีความแตกต่างในเรื่องของขนาดหน้าจอ, แบตเตอรี่ และจำนวนกล้องถ่ายภาพ
จอขอบโค้ง 4 ด้านครั้งแรกของ HUAWEI
ในรุ่น HUAWEI P40 Pro และ P40 Pro+ มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบใหม่ในชื่อ Quad-Curve Overflow Display ซึ่งเป็นหน้าจอแสงผลที่มีขอบโค้งทั้งสี่มุม ช่วยเพิ่มการแสดงผลให้มากยิ่งขึ้น โดยทั้ง P40 Pro และ P40 Pro+ จะมีขนาดหน้าจอเท่ากันที่ 6.58 นิ้ว ใช้แผงหน้าจอแบบ Flex OLED ที่มีความละเอียดระดับ Full HD+ โดยข้อดีของหน้าจอขอบโค้งทั้งสี่ด้านนอกเหนือจากจะเพิ่มความสวยหรูพรีเมียมแล้ว ยังช่วยให้ตัวเครื่องมีพื้นที่ในการแสดงผล และการสัมผัสมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย ซึ่งทำให้แม้ว่าหน้าจอแสดงผลจะมีขนาดใหญ่ แต่ก็ยังมีขนาดตัวเครื่องที่ยังคงจับถือได้อย่างถนัดมือ
ลื่นไหลด้วยจอ 90Hz
นอกจากเปลี่ยนดีไซน์ของหน้าจอแสดงผลแล้ว HUAWEI P40 Pro และ P40 Pro+ ยังมาพร้อมกับค่า Refresh Rate ระดับ 90Hz ทำให้การสัมผัสหน้าจอเป็นไปอย่างลื่นไหลมากยิ่งขึ้น รวมทั้งยังรองรับการแสดงผลตามขอบเขตสีแบบ DCI-P3 HDR รวมทั้งยังมีฟีเจอร์ Anti Blue Light สำหรับตัดแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตาได้มากถึง 30%
เครื่องเบา แต่แบตเยอะ
HUAWEI P40 Series ชูจุดเด่นในเรื่องของน้ำหนักเครื่องที่เบา แต่ให้แบตเตอรี่มาค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นอื่นๆ บนท้องตลาด โดย HUAWEI P40 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 3800mAh บนน้ำหนักตัวเครื่อง 175 กรัม ด้าน P40 Pro และ P40 Pro+ มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 4200mAh บนน้ำหนักตัวเครื่อง 209 กรัม และ 226 กรัม ตามลำดับ
กล้องหลัง Leica มากถึง 5 ตัว!
HUAWEI P40 Series มาพร้อมกับกล้องหลังที่พัฒนาร่วมกับแบรนด์กล้องชั้นนำระดับโลกอย่าง Leica เช่นเดิม แต่ครั้งนี้เพิ่มจำนวนกล้องให้มากขึ้นเป็นจำนวนสูงถึง 5 ตัวในรุ่น P40 Pro+ แบ่งเป็น กล้อง Ultra Vision Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, กล้อง Ultra Wide Cine ความละเอียด 40 ล้านพิกเซล, กล้อง 10x Telephoto ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, กล้อง 3x Optical Telephoto ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และกล้อง ToF Camera
ส่วนรุ่น P40 จะมาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัว แบ่งเป็น กล้อง Ultra Vision Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, กล้อง 3x Optical Telephoto ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และกล้อง Ultra Wide ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล
ขณะที่รุ่น P40 Pro มาพร้อมกับกล้องหลัง 4 ตัว กล้อง Ultra Vision Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, กล้อง Ultra Wide Cine ความละเอียด 40 พิกเซล,, กล้อง 5x Optical Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และกล้อง ToF Camera
เซ็นเซอร์กล้องหลักตัวใหม่ คมชัดทุกสภาพแสง
สำหรับกล้องหลักของ HUAWEI P40 Series ทุกรุ่นได้ปรับไปใช้เซ็นเซอร์รับภาพตัวใหม่ในชื่อ Ultra Vision Sensor ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์ที่จัดเรียงเม็ดสีแบบ RYYB ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล สามารถเก็บแสงได้ดีกว่าเซ็นเซอร์รุ่นก่อนราว 40% และยังมีขนาดของเซ็นเซอร์ที่ใหญ่กว่าเมือเทียบกับสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นอื่นๆ บนท้องตลาด
ซูมสะใจ 100 เท่า
สำหรับ HUAWEI P40 Pro+ มาพร้อมกับกล้องเลนส์ซูม 2 ตัว ได้แก่ 3x Optical Zoom และ 10x Optical Zoom โดยตัวแรกจะทำหน้าที่ซูมภาพในระดับกลาง (Mid-Range) ที่ไม่ไกลจากผู้ถ่ายมากนัก ขณะที่กล้องเลนส์ซูมตัวที่สองจะรับหน้าที่การซูมภาพในระยะไกลแบบคมชัด และสามารถขยายกำลังซูมได้ไกลสุดถึง 100 เท่า (Max Zoom)ด้วยการวางเลนส์กล้อง Periscope แบบ Multi-Reflection
โดยสาเหตุที่กล้องเลนส์ซูมของ HUAWEI P40 Pro และ P40 Pro+ มีความคมชัดเป็นพิเศษ ก็เนื่องมาจากการเปลี่ยนเซ็นเซอร์ของกล้อง Telephoto เป็นแบบ RYYB Periscope ครั้งแรกของโลก ซึ่งจะช่วยให้กล้องเก็บแสงได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง
ดัน ISO สูงสุด 409600!
สำหรับ HUAWEI P40 Pro และ P40 Pro+ ยังคงมาพร้อมกับความโดดเด่นด้านการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย ด้วยความสามารถในการดันค่า ISO ได้สูงสุดที่ระดับ 409600 ส่วนทางด้านรุ่น P40 รองรับการดันค่า ISO ได้สูงถึง 204800
ประมวลผลภาพสวยชัดด้วย XD Fusion Image Engine
หนึ่งในลูกเล่นใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาใน HUAWEI P40 Series ก็คือ เอนจินสำหรับประมวลผลภาพถ่ายอย่าง XD Fusion Image Engine ซึ่งจะคอยทำหน้าที่ถ่ายภาพหลายๆ ใบ แล้วนำ AI มาวิเคราะห์ เพื่อยกระดับคุณภาพของภาพถ่ายโดยรวมให้สวยงามภายในช็อตเดียว
กล้องหน้าที่ล้ำกว่าเดิมด้วยเทคโนโลยี Dual In-Display Camera
สำหรับกล้องหน้าของ HUAWEI P40 Series มาพร้อมกับกล้องความละเอียดสูง 32 ล้านพิกเซล พร้อมเซ็นเซอร์ IR Depth และเซ็นเซอร์ Ambient + Proximity โดยนอกเหนือจะใช้ถ่ายภาพเซลฟี่ได้อย่างสวยงามแล้ว ยังสามารถปลดล็อกใบหน้าได้ในทุกสภาวะแสง รวมทั้งยังสามารถควบคุมสมาร์ทโฟนแบบไม่จำเป็นต้องสัมผัสจอได้คล้ายกับ HUAWEI Mate 30 Pro อีกด้วย
แรงด้วยชิป Kirin 990 5G
สำหรับ HUAWEI P40 Series ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ตประมวลผล Kirin 990 5G ที่มีจุดเด่นด้านการฝังชิปโมเด็มสำหรับเชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G มาให้ภายในตัว รวมถึงพลังของการประมวลผลทางด้านปัญญาประดิษฐ์ที่รวดเร็ว
ชาร์จไว 40W ทั้งเสียบสาย และไร้สาย
HUAWEI P40 Pro และ P40 Pro+ รองรับการชาร์จเร็วแบบ 40W HUAWEI SuperCharge และรองรับการชาร์จแบบไร้สาย 40W Wireless SuperCharge เป็นรุ่นแรกของโลก โดยจะทำงานร่วมกับแท่นชาร์จไร้สายพิเศษที่พัฒนามาสำหรับ HUAWEI P40 Pro+ โดยเฉพาะ
สรุปราคาวางจำหน่ายในยุโรป
- HUAWEI P40 เปิดราคาขายที่ 799 ยูโร หรือประมาณ 28,600 บาท เริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน เป็นต้นไป
- HUAWEI P40 Pro เปิดราคา 999 ยูโร หรือประมาณ 35,800 บาท เริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน เป็นต้น
- HUAWEI P40 Pro+ เปิดราคา 1,399 ยูโร หรือประมาณ 50,100 บาท เริ่มวางจำหน่ายเดือนมิถุนายน เป็นต้นไป
กำหนดการวางจำหน่ายในประเทศไทย
สำหรับงานเปิดตัวแบบ Global ไม่ได้เปิดเผยให้ทราบถึงกำหนดการเปิดตัวสมาร์ทโฟน HUAWEI P40 Series ในประเทศอื่นๆ รวมถึงประเทศไทยให้ทราบ แต่โดยปกติแล้วสมาร์ทโฟนเรือธงของ HUAWEI มักจะมีการนำเข้ามาเปิดตัว และวางจำหน่ายในบ้านเราหลังจากงานเปิดตัวแบบ Global ราว 2-4 สัปดาห์ ซึ่งก็ทำให้มีความเป็นไปได้ว่า ภายในเดือนเมษายนนี้ เราอาจไ้เห็นข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ HUAWEI P40 Series ในบ้านเราก็เป็นได้ครับ
วันที่ : 26/3/2563
