หน้าแรกมือถือ > รวมข่าวมือถือ > หน้าบทความ ข่าวมือถือ
   
Date : 19/10/2561

เจาะลึก Kirin 980 ชิปเซ็ตระดับ 7nm รุ่นแรกของโลกบน Huawei Mate 20 Series เร็วแรงกว่าเดิมแค่ไหน มีฟีเจอร์เด่นอะไรบ้าง มาดูกัน!

 

เรียกได้ว่าการเปิดตัวของ Huawei Mate 20 Series สมาร์ทโฟนระดับเรือธงรุ่นล่าสุดของค่าย Huawei ได้รับความสนใจทั้งจากสื่อ และผู้ใช้ทั่วโลกอยู่ไม่น้อย ด้วยการดีไซน์โฉมใหม่กับหน้าจอไร้ขอบที่กว้างมากขึ้น และตัวเครื่องกระจกไล่เฉดสีสุดพรีเมียม พร้อมกับกล้องถ่ายภาพ 3 ตัว (Triple Camera) จาก Leica ที่ล้ำหน้ามากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงไฮไลท์สำคัญอย่างชิปเซ็ตประมวลผล Kirin 980 รุ่นใหม่ล่าสุด บนเทคโนโลยี 7nm รุ่นแรกของโลก ที่พัฒนาขึ้นจาก Kirin 970 ชิปเซ็ต Mobile AI รุ่นแรกของค่ายนั่นเอง

ในวันนี้ทางทีมงานจะพาทุกไปทำความรู้จักกับชิปเซ็ต Kirin 980 รุ่นใหม่นี้ให้มากขึ้น ว่ามีประสิทธิภาพในแต่ละด้านเป็นอย่างไร และได้รับการอัปเกรดขึ้นจากเดิมในด้านใดบ้าง หากพร้อมแล้วไปชมกันเลยครับ

 

Kirin 980 กับเทคโนโลยี 7nm ที่เร็วแรง และเหนือชั้นกว่าเดิม

Kirin 980 เป็น System-On-Chip (SoC) ที่ใช้กระบวนการผลิตแบบ 7 นาโนเมตรเป็นรุ่นแรกของโลก ที่ประกอบไปด้วยทรานซิสเตอร์ถึง 6.9 พันล้านตัว นอกจากนี้ หน่วยประมวลผล CPU แบบ 8 แกนประมวลผลซึ่งเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนการทำงานของ Kirin 980 ยังเลือกใช้สถาปัตยกรรม CPU แบบ Cortex-A76 เป็นรุ่นแรกของโลกอีกด้วย ซึ่ง CPU ของ Kirin 980 นั้น จะแบ่งออกเป็น Super-Big Core จำนวน 2 แกน, Big Core จำนวน 2 แกน และ Little Core ที่ใช้สถาปัตยกรรม CPU แบบ Cortex-A55 อีก 4 แกน ซึ่งโครงสร้าง CPU ของ Kirin 980 ถือว่าแตกต่างจากรูปแบบ big.LITTLE ที่นิยมใช้กันบนชิปเซ็ตทั่วไปในปัจจุบัน ที่จะแบ่งหน่วยประมวลผลออกเป็น Core ขนาดใหญ่ที่มีความเร็วสูง กับ Core ขนาดเล็กที่กินพลังงงานต่ำเท่านั้น การเพิ่ม Core ระดับกลางเข้ามาจึงช่วยให้ Kirin 980 จัดสรรพลังงานได้ยืดหยุ่นมากขึ้น

 

ด้วยการที่ปรับเปลี่ยนโครงสร้าง CPU ใหม่ พร้อมกับเพิ่ม Core ระดับกลางเข้ามาช่วยจัดสรรพลังงาน รวมถึงการมี Super-Big Core ช่วยรีดประสิทธิภาพการประมวลผลให้ถึงขีดสุดเมื่อใช้งานหนัก และมี Little Core สำหรับประมวลผลงานที่ไม่หนักมากนัก ทำให้ Kirin 980 มีความแรง และประหยัดพลังงานมากขึ้นกว่าชิป Kirin 970 ที่ใช้บน Huawei Mate 10 Series เป็นอย่างมาก ซี่งเมื่อลองคิดเป็นสัดส่วนแล้ว พบว่า Kirin 980 มีประสิทธิภาพในการประมวลผล CPU สูงขึ้น 75% ในขณะที่ประหยัดพลังงานมากว่าเดิมถึง 58% เลยทีเดียว ทางด้านหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ก็มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Mali-G76 เป็นรุ่นแรกของโลก ที่มีประสิทธิภาพการประมวลผลสูงกว่า Mali-G72 บน Kirin 970 เพิ่มขึ้นถึง 46% และประหยัดพลังงานมากขึ้นถึง 178% 

 

อ่านตัวเลขอย่างเดียวอาจจะยังไม่เห็นภาพ ทีมงานจึงได้ทดลองนำ Huawei Mate 20 Pro ไปทดสอบประสิทธิภาพการทำงานในด้านต่างๆ เปรียบเทียบกับรุ่นพี่อย่าง Huawei Mate 10 Pro ให้ทุกท่านได้รับชมกัน โดยเริ่มแรกด้วยการทดสอบประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมของตัวเครื่องด้วยแอปพลิเคชันยอดนิยมอย่าง AnTuTu ซึ่งก็พบว่า Huawei Mate 20 Pro สามารถทำคะแนนได้สูงถึง 304426 คะแนน ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่มากกว่า Huawei Mate 10 Pro ถึง 1 แสนคะแนนเลยทีเดียว

 

ทดสอบประสิทธิภาพด้านการใช้งานทั่วไป เช่น การตัดต่อภาพ-วิดีโอ, การโหลดไฟล์เอกสาร หรือการประมวลผลข้อมูลต่างๆ ด้วย PC Mark โหมด Work 2.0 Performace พบว่า Huawei Mate 20 Pro ทำคะแนนได้มากกว่า Huawei Mate 10 Pro อย่างชัดเจน

 

ทดสอบประสิทธิภาพของการประมวลผล CPU ด้วยแอปพลิเคชัน GeekBench 4 พบว่า Huawei Mate 20 Pro มีความเร็วแรงในด้านการประมวลผลทั้งแบบแกนเดี่ยว (Single-Core) และหลายแกน (Multi-Core) ที่สูงกว่า Huawei Mate 10 Pro อย่างชัดเจน

 

ลองทดสอบประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ตัวใหม่ของ Huawei Mate 20 Pro ด้วยแอปพลิเคชัน 3D Mark โหมด Sling Shot Extreme ที่มีการเรนเดอร์กราฟิก 3 มิติหนักๆ อยู่ตลอดเวลา จะเห็นได้ว่าคะแนนของ Huawei Mate 20 Pro ต่างจากรุ่น Huawei Mate 20 Pro ค่อนข้างชัดเจน

 

แน่นอนว่าด้วยความแรงของ CPU และ GPU ของ Kirin 980 ที่แรงขึ้น ส่งผลให้ Huawei Mate 20 Series สามารถเล่นเกมในปัจจุบันได้อย่างลื่นไหล ซึ่งทีมงานได้ลองนำไปทดสอบกับเกม MOBA ยอดฮิตอย่าง RoV พร้อมเปิดเอฟเฟ็กต์สูงสุด และเปิดโหมดเฟรมเรทสูง (High Frame Rate Mode) พบว่า Huawei Mate 20 Pro สามารถรันเกมด้วยค่า FPS คงที่ด้วยตัวเลข 59-61 FPS อย่างไรก็ดี เนื่องด้วย Huawei Mate 20 Series ที่ทางทีมงานได้รับมารีวิวยังเป็นเครื่องทดสอบ จึงยังทำให้ไม่สามารถปรับกราฟิกสูงสุดบนเกมบางเกม เช่น PUBG Mobile ได้ แต่คาดว่าในเวอร์ชันวางจำหน่ายจริงจะได้รับการแก้ไขเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ


ครั้งแรกของวงการสมาร์ทโฟนกับหน่วยประมวลผลแบบสองสมองกล

ชิปเซ็ต Kirin 980 มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลด้าน AI โดยเฉพาะแบบ Dual-NPU ที่มีแกนประมวลผลเพิ่มเป็น 2 แกน ซึ่งถือเป็นการยกระดับสมาร์ทโฟนทั้งด้านการจัดการพลังงาน และความชาญฉลาด โดยสามารถทำการจดจำภาพได้มากถึง 4,500 รูปต่อ 1 วินาที เรียกได้ว่าเพิ่มขึ้นจากชิปรุ่นก่อนอย่าง Kirin 970 ถึง 120% และอีกหนึ่งสิ่งที่เป็นการพิสูจน์ว่า Huawei เป็นผู้นำทางด้านระบบ AI บนมือถือก็คือ ชิปเซ็ต Kirin 980 รุ่นล่าสุดนี้รองรับ AI เฟรมเวิร์คอย่าง Caffee, Tensorflow และ Tensorflow Lite รวมถึงรองรับชุดเครื่องมือที่ช่วยให้การพัฒนาระบบ AI บนมือถือนั้นง่ายขึ้นด้วยเช่นกัน


อีกขั้นของการถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟน

Huawei ผู้ถือครองเทคโนโลยี ISP Gen 4th บนชิปเซ็ต SoC ที่รองรับปริมาณของข้อมูลเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนถึง 46% และรองรับระบบ Multi-camera ได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงฟีเจอร์ HDR ที่สามารถปรับค่า contrast และ highlight ของวัตถุภายในภาพได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ตัวชิปเซ็ต Kirin 980 ยังรองรับเทคโนโลยี noise reduction สำหรับช่วยลดการเกิด noise บนภาพที่ถ่ายในสภาวะแสงน้อย โดยไม่ทำให้สูญเสียความคมชัด หรือรายละเอียดใดๆ 

 

นอกจากจะประมวลผลได้เร็วขึ้นแล้ว ยังมีความสามารถใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาด้วย จากเดิมที่วิเคราะห์วัตถุได้เพียงรูปร่าง ในตอนนี้สามารถจับรายละเอียดเชิงลึกได้มากขึ้น โดยสามารถแยกแยะแขน ขา หัว และจุดขยับของร่างกายได้อย่างแม่นยำ ทำให้วิเคราะห์ท่าโพสของตัวแบบได้ นำไปสู่การจับจังหวะการถ่ายภาพ และการวาง Composition ที่ดียิ่งขึ้น โดย ISP (Image Signal Processor) รุ่นใหม่บนชิปเซ็ต Kirin 980 ทำให้สามารถติดตามวัตถุและปรับค่าแสง-สีต่างๆ ให้ผู้ใช้เห็นได้แบบ Real-Time ทั้งภาพนิ่ง และภาพวิดีโอ โดยมีความแม่นยำในการจับการเคลื่อนไหวถึง 97.4%


การเชื่อมต่อความเร็วสูงระดับ World-Class

สำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายต่างๆ ชิปเซ็ต Kirin 980 รองรับคลื่นความถี่ LTE Cat.21 ทำความเร็วในการดาวน์โหลดบนเครือข่าย 4.5G LTE ได้สูงถึง 1.4 GHz สูงกว่าสมาร์ทโฟนทุกรุ่นในปัจจุบันที่ทำได้ 1.2 GHz และที่สำคัญ Kirin 980 ยังเป็นชิปเซ็ตแห่งอนาคตด้วยคอนเซ็ปท์ “5G Ready” เพียงแค่ติดตั้งโมเด็ม 5G ลงไปเท่านั้น ก็พร้อมรองรับเครือข่าย 5G ทันทีที่ระบบสัญญาณเปิดให้บริการ

 

Dual-Frequency GPS 

อีกหนึ่งความสามารถเด็ดของ Kirin 980 บน Huawei Mate 20 Series คือการมาพร้อมกับเทคโนโลยี Dual-Frequency GPS ที่จะช่วยให้สามารถจับตำแหน่งได้แม่นยำกว่าเดิมถึง 10 เท่า ผ่านการจับคลื่น GPS ทั้งหมด 2 ความถี่ ได้แก่ L1 ซึ่งเป็นช่วงความถี่ที่ใช้บนสมาร์ทโฟนทั่วๆ ไป และ L5 ซึ่งเป็นช่วงความถี่ที่ใช้ในอุตสาหกรรมการเดินทาง เช่น เครื่องบิน เป็นต้น ทำให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่า การจับตำแหน่ง GPS บน Huawei Mate 20 Series จะมีความคลาดเคลื่อนน้อยที่สุดนั่นเอง

 

เรียกได้ว่าชิปเซ็ต Kirin 980 มีการอัปเกรดรอบด้านจากชิปเซ็ตรุ่นก่อนอย่าง Kirin 970 ทั้งในเรื่องของความเร็วแรงของ CPU, GPU และ NPU ในขณะที่ใช้พลังงานต่างๆ น้อยลง ซึ่งช่วยให้แบตเตอรี่ใช้งานได้อย่างยาวนานมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงในเรื่องของ ISP ให้ประมวลผลภาพต่างๆ ได้ยอดเยี่ยมมากขึ้น รวมทั้งยังเพิ่มความสามารถใหม่ๆ เช่น ระบบ Dual-Frequency GPS หรือการรองรับเครือข่าย LTE.Cat ที่ช่วยทำความเร็วดาวน์ลิงก์ได้สูงสุด ณ ชั่วโมงนี้ที่ระดับ 1.4Gbps ซึ่ง Kirin 980 นับว่าเป็นหัวใจหลักที่ช่วยให้ Huawei Mate 20 Series ขับเคลื่อนอย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมตอบโจทย์การใช้งานแบบรอบด้าน

ทั้งนี้ ต้องติดตามกันต่อไปว่า Huawei Mate 20 Series จะเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยช่วงเวลาใด และจะมีโปรโมชันที่น่าสนใจอย่างไรบ้าง ซึ่งหากทีมงานมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรีบนำมาอัปเดตให้ทุกท่านได้รับทราบโดยทันทีครับ

 

นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com


วันที่ : 19/10/2561

Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy