เทียบสเปก iPhone 11 Pro Max | Samsung Galaxy Note10+ | Redmi K20 Pro Premium สามเรือธงรุ่นท็อป มีฟีเจอร์ไฮเอนด์จัดเต็มเพียงไหน มาดูกัน
สำหรับท่านที่หมั่นติดตามข่าวสารในวงการสมาร์ทโฟนก็จะทราบดีว่าช่วงครึ่งหลังของปี 2019 นี้ แบรนด์ชั้นนำต่างก็ส่งสมาร์ทโฟนระดับเรือธงรุ่นใหม่ออกมาแข่งขันกันอย่างต่อเนื่อง กับฟีเจอร์การทำงานในระดับไฮเอนด์ครบครัน บนการดีไซน์สุดพรีเมียม และวันนี้ทางทีมงานได้คัดเลือก 3 สมาร์ทโฟนเรือธงจาก 3 ค่ายที่น่าสนใจอย่าง iPhone 11 Pro Max, Samsung Galaxy Note10+ และ Redmi K20 Pro Premium มาทำการเปรียบเทียบสเปก และคุณสมบัติตัวเครื่องให้ได้ชมกัน เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่สนใจ หากพร้อมแล้วไปชมกันเลยค่ะ
เปรียบเทียบดีไซน์ และรูปลักษณ์ภายนอก
iPhone 11 Pro Max มาในดีไซน์จอไร้ขอบ พร้อมรอยบาก (Notch) ขนาดใหญที่ด้านบน เพื่อเป็นพื้นที่สำหรับกล้องหน้า TrueDepth คมชัด 12 ล้านพิกเซล และเซ็นเซอร์สำหรับการปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face ID) โดยมีหน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว แบบ All-Screen OLED Super Retina XDR Display เวอร์ชันใหม่ สำหรับด้านหลังตัวเครื่องมีการอัปเกรดมาใช้งานกล้องหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ในดีไซน์ใหม่ ที่เรียงกันในแถบสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ด้านบนซ้าย
Samsung Galaxy Note10+ ปรับดีไซน์ใหม่ด้วยหน้าจอไร้ขอบ ไร้รอยบาก พร้อมติดตั้งกล้องหน้าไว้บนหน้าจอที่ตรงกลางแบบ Dynamic AMOLED Cinematic Infinity-O Display กับขนาดใหญ่ถึง 6.8 นิ้ว คมชัดสูงถึงระดับ QHD+ และมีขอบด้านข้างหน้าจอบางเฉียบ รวมถึงกล้องหลังอัปเกรดเป็น 4 ตัว (Quad Camera) ดีไซน์ใหม่ที่เรียงกันในแนวตั้งที่ด้านบนซ้ายมือ บนตัวเครื่องกระจกที่มีการไล่เฉดสีใหม่ล่าสุด
Redmi K20 Pro Premium มาในดีไซน์จอไร้ขอบ ไร้รอยบาก และไร้ติ่งใดๆ มากวนใจแบบ AMOLED Full Screen Display ในขนาดกำลังดีที่ 6.39 นิ้ว พร้อมติดตั้งกล้องหน้าเลื่อนได้อัตโนมัติแบบ Pop-Up บนตัวเครื่องไล่เฉดสีใหม่ 3D Gredient ที่มีลวดลาย Hologram เมื่อกระทบกับแสงในมุมต่างๆ และติดตั้งกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัว (Triple Camera) ที่เรียงกันในแนวตั้งอยู่ตรงกลาง
ตารางเปรียบเทียบสเปก iPhone 11 Pro Max, Samsung Galaxy Note10+ และ Redmi K20 Pro Premium
สรุปผลการเปรียบเทียบ
สำหรับเรือธงทั้ง 3 รุ่นในข้างต้นถือเป็นรุ่นไฮไลท์จากแต่ละแบรนด์เลยก็ว่าได้ โดยมากับการดีไซน์ระดับพรีเมียม และมีฟีเจอร์ระดับไฮเอนด์โดดเด่นต่างกันออกไปอย่างเห็นได้ชัด เริ่มกันที่หน้าจอแสดงผลจะเห็นได้ว่าทั้ง 3 รุ่นใช้หน้าจอที่มีพื้นฐานมาจากเทคโนโลยีเดียวกันอย่าง OLED กับขนาดที่ใหญ่กว่า 6 นิ้ว จึงมั่นใจได้ว่าสามารถใช้งานได้อย่างเต็มตา และเต็มอารมณ์อย่างแน่นอน โดยทาง Samsung Galaxy Note10+ และ Redmi K20 Pro Premium รองรับเทคโนโลยีการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอทั้งคู่ ในขณะที่ iPhone 11 Pro Max รองรับเพียงแค่การสแกนใบหน้า (Face ID) เพียงอย่างเดียว
ทางด้านการประมวลผล iPhone 11 Pro Max มากับชิปเซ็ต Apple A13 Bionic ที่ระบุว่าเร็วที่สุดในโลก ณ ขณะนี้ บนเทคโนโลยีการผลิตระดับ 7nm พร้อมหน่วยประมวลผลแยกแบบ Octa-Core Neural Engine 3rd Gen ส่วนทางด้าน Samsung Galaxy Note10+ ก็มากับชิปรุ่นใหม่ของค่ายตนเองอย่าง Exynos 9 Octa 9825 และ Redmi K20 Pro Premium เองก็มากับชิปเซ็ตรุ่นใหม่ล่าสุดจากทาง Qualcomm อย่าง Snapdragon 855+
Samsung Galaxy Note10+ และ Redmi K20 Pro Premium ค่อนข้างโดดเด่นด้วยหน่วยความจำแรม (RAM) ที่ให้มาแบบจุใจถึง 12GB เรียกได้ว่าใช้งานในด้านใดก็ลื่นไหลไม่มีสะดุด ส่วนทาง iPhone 11 Pro Max มีหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB
ด้านความจุในตัวเครื่องทั้ง 3 รุ่นก็ไม่ยอมกันด้วยความจุมากสุดถึง 512GB แต่มีเพียง Galaxy Note10+ เพียงรุ่นเดียวที่รองรับการเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD Card ได้สูงสุดถึง 1TB เรียกได้ว่าเก็บข้อมูลที่ต้องการได้แบบจุใจ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเต็มเร็ว
Samsung Galaxy Note10+ มีแบตเตอรี่ความจุมากถึง 4300 mAh พร้อมกับรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ SuperFast Charge ด้วยกำลังไฟ 45 วัตต์ ส่วน Redmi K20 Pro Premium มีแบตเตอรี่รองลงมาที่ 4000 mAh กับเทคโนโลยีชาร์จเร็วด้วยกำลังไฟ 27W และทาง iPhone 11 Pro Max มีแบตเตอรี่ความจุ 3969 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วด้วยอะแดปเตอร์กำลังไฟ 18 วัตต์
ด้านการถ่ายภาพทั้ง 3 รุ่นก็ถือได้ว่าสูสีกัน แต่ทาง Samsung Galaxy Note10+ จะมีกล้องมากกว่าที่ 4 ตัว (Quad Camera) โดยเพิ่ม TOF Camera สำหรับวัดระยะลึกตื้นเข้ามา สำหรับ 3 เลนส์ที่เหลือได้แก่ เลนส์ Wide + Ultra-Wide + Telephoto ซึ่งเหมือนกับทาง iPhone 11 Pro Max และ Redmi K20 Pro Premium กล่าวได้ว่าทั้ง 3 รุ่นสามารถเก็บภาพได้ในครบทุกระยะ
ทั้ง 3 เรือธงมีตัวเลือกมากกว่า 1 รุ่น จึงสามารถตอบโจทย์ผู้ที่มีความต้องการที่ต่างกันได้เป็นอย่างดี สำหรับราคานั้น Redmi K20 Pro Premium เริ่มต้นย่อมเยาสุดที่ประมาณ 11,600 บาท แต่น่าเสียดายที่ไม่มีการนำเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทย ขณะที่ Samsung Galaxy Note10+ เปิดราคาในบ้านเราเริ่มที่ 37,900 บาท และทาง iPhone 11 Pro Max เปิดราคาเริ่มที่ 39,900 บาทในรุ่นความจุ 64GB สำหรับรุ่นความจุอื่นต้องรอประกาศทางการอีกครั้งหนึ่ง
จากการเปรียบเทียบข้างต้น ทางทีมงานไม่สามารถบอกได้ว่ารุ่นใดที่ดีสุด หรือคุ้มค่าที่สุด ทั้งนี้จึงขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้เอง ว่ามีความชื่นชอบสมาร์ทโฟนรุ่นใดมากที่สุด ทั้งในด้านการดีไซน์ว่าสวยถูกใจขนาดไหน และฟีเจอร์ด้านในสามารถพร้อมตอบโจทย์การใช้งานของตนเองได้ครบถ้วนหรือไม่ ซึ่งหากว่าได้ทดลองใช้งานในเบื้องต้น แล้วเกิดความพึงพอใจ ก็ถือได้ว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนั้นคุ้มค่าแก่การจับจองเป็นเจ้าของแล้วค่ะ สำหรับวันนี้ทางทีมงานต้องขอลาไปก่อน พบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีค่ะ
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 24/9/2562
