รีวิว (Review) ZTE Blade V7 Max
สมาร์ทโฟน 4G สุดคุ้มน้องใหม่ตระกูล V-Series ที่มากับดีไซน์ Metallic สุดเรียบหรูพร้อมสเปกครบเครื่องทุกการใช้งานด้วยหน้าจอ IPS Full HD ขนาด 5.5 นิ้ว, ชิปเซ็ต Helio P10, RAM 3 GB, ROM 32 GB, กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล, กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล, แบตเตอรี่ 3000 mAh, ระบบเสียง DTS Sound และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ บนบอดี้โลหะสุดบางเฉียบ ในราคาเพียง 8,990 บาท
Review
Date (03-พฤศจิกายน-2559)

เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมาทาง ZTE ประเทศไทย ได้ทำการวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนสุดคุ้มน้องใหม่ ZTE Blade V7 Max ที่มาพร้อมกับดีไซน์เรียบหรู พร้อมงานประกอบสุดแน่นหนา และคุณสมบัติตัวเครื่องที่เรียกได้ว่าจัดเต็มเกินราคาเลยทีเดียว โดย ZTE Blade V7 Max นั้นวางจำหน่ายในราคาเพียง 8,990 บาท เท่านั้น!
โดยจุดเด่นของ ZTE Blade V7 Max นั้นมีอยู่หลายส่วนด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ เทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องแบบ Metallic ซึ่งความบางเฉียบเพียง 7.2 มิลลิเมตร, หน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล ขนาด 5.5 นิ้ว, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ พร้อมรองรับการสั่งงานถ่ายภาพ หรือรับสายเรียกเข้าได้, กล้องดิจิทัลด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ที่มีระบบโฟกัสภาพแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus), ระบบกันภาพสั่นไหวแบบ DIS (Digital Image Stabilization) พร้อมไฟแฟลช LED, กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมรองรับการใช้งานร่วมกับฟังก์ชัน Selfie Flash และแบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh
สำหรับคุณสมบัติโดยรวมอื่นๆ ก็ถือว่ามีความโดดเด่นไม่แพ้กัน และสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ครบทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ชิปเซ็ต Octa-Core MediaTek Helio P10 ความเร็วในการประมวลผล 1.8 GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-T860, หน่วยความจำแรมขนาด 3 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 32 GB, รองรับการเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB Type-C, รองรับการใช้งานได้พร้อมกันสองซิมการ์ด พร้อมรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE กับ 3G และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 6.0 Marshmallow
และจากข้อมูลในข้างต้นจะเห็นได้ว่า ZTE Blade V7 Max นั้นมีความน่าสนใจอยู่หลายส่วนด้วยกัน ทั้งในเรื่องของการออกแบบดีไซน์, คุณสมบัติตัวเครื่อง และกล้องถ่ายภาพ ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร ดีไซน์ตัวเครื่องจะสวยงามขนาดไหน ฟีเจอร์ที่มีอยู่บน ZTE Blade V7 Max จะตอบสนองต่อการใช้งานได้ดีเพียงใด และจะคุ้มค่าสมคำร่ำลือหรือไม่ วันนี้เรามีคำตอบให้ทุกท่านครับ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

ZTE Blade V7 Max มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล ขนาด 5.5 นิ้ว โดยมีขนาดของตัวเครื่องอยู่ที่ 154x76.5x7.2 มิลลิเมตร

ด้านหน้าส่วนบนประกอบไปด้วยกล้องดิจิทัลความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, ลำโพงสำหรับฟังขณะทำการสนทนา, ระบบ Accelerometer Sensor สำหรับช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้ และระบบ Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน

ด้านหน้าส่วนล่างมีปุ่มการสั่งงานแบบสัมผัส (Touch Panel) ได้แก่ ปุ่มเมนู, ปุ่มโฮม พร้อมสัญญาณไฟ LED สำหรับการแจ้งเตือน และปุ่มย้อนกลับ

ด้านบนของตัวเครื่องมีไมโครโฟนตัวที่สอง สำหรับตัดเสียงรบกวนขณะบันทึกเสียง หรือบันทึกวิดีโอ และช่องเชื่อมต่อหูฟังแบบมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร

ด้านล่างของตัวเครื่องมีพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ หรือโอนถ่ายข้อมูล, ไมโครโฟน และลำโพงเสียงภายนอก

ด้านหลังของตัวเครื่องมาพร้อมกับกล้องดิจิทัลความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ที่มาพร้อมกับระบบโฟกัสภาพแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus), ระบบกันภาพสั่นไหวแบบ DIS (Digital Image Stabilization) และไฟแฟลช LED อีกทั้งยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh

นอกจากนี้ ZTE Blade V7 Max ได้รับเทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องแบบ Metallic จึงทำให้ตัวเครื่องมีความสวยงามลงตัว และแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ
 
ZTE Blade V7 Max ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 6.0 Marshmallow พร้อมรองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด และรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE กับ 3G ได้
 
ZTE Blade V7 Max มีหน่วยความจำแรมขนาด 3 GB พร้อมด้วยหน่วยความจำภายในขนาด 32 GB
 
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับฟังก์ชันสำหรับการแจ้งเตือนต่างๆ และยังสามารถ เปิด-ปิด ฟังก์ชันลัดได้ เช่น การใช้งานอินเทอร์เน็ต หรือ GPS
 
ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งหน้าจอโฮมสกรีนได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การเพิ่มจำนวนหน้าจอโฮมสกรีน, การนำวิดเจ็ตที่ต้องการใช้งานมาไว้ที่หน้าจอโฮมสกรีน
 
การเปลี่ยนสีสันบนหน้าจอโฮมสกรีน, การเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์
 
การเปลี่ยนรูปแบบไอคอน และการเปลี่ยนเอฟเฟกต์ปลดล็อกหน้าจอ
 
ทางด้านฟังก์ชันโทรศัพท์ก็มีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่าย พร้อมด้วยปุ่มตัวเลขขนาดใหญ่ สามารถกดหมายเลขได้อย่างแม่นยำ และสามารถดูบันทึกการโทร หรือรายชื่อโทรศัพท์ทั้งหมดได้ทันที
 
ในส่วนบริการต่างๆ จากทาง Google ก็มีให้ใช้งานอย่างครบครันบน ZTE Blade V7 Max เช่น Youtube หรือ Gmail
 
สามารถตั้งค่าเปิด-ปิด สัญญาณไฟ LED ที่ปุ่มโฮมได้ ไม่ว่าจะเป็น การกระพริบเพื่อแจ้งเตือนเมื่อมีสายที่ไม่ได้รับ, ปริมาณแบตเตอรี่ต่ำ และขณะทำการชาร์จแบตเตอรี่ อีกทั้งยังสามารถสลับตำแหน่งระหว่างปุ่มเมนู กับปุ่มย้อนกลับได้อีกด้วย

ZTE Blade V7 Max ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี MiraVision ที่ช่วยให้หน้าจอแสดงผลได้เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด
 
สำหรับเว็บเบราว์เซอร์อินเทอร์เน็ตนั้นก็ตอบสนองต่อการใช้งานได้ดี สามารถแสดงรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน
 
นอกจากนี้ ZTE Blade V7 Max ยังสามารถเปิดอ่าน หรือสร้างไฟล์เอกสารได้ ทั้ง Word, Excel และ PowerPoint ผ่านแอปพลิเคชัน WPS Office
 
อีกหนึ่งความน่าสนใจบน ZTE Blade V7 Max คือ สามารถตั้งค่าการใช้งานเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วได้ ซึ่งสามารถเพิ่มได้มากกว่าสุดที่ 5 นิ้วมือ อีกทั้งยังใช้การสแกนลายนิ้วมือเพิ่มสั่งงานถ่ายภาพ หรือรับสายเรียกเข้าได้อีกด้วย
 
ZTE Blade V7 Max ยังรองรับการสั่งงานด้วยท่าทางได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การวาดตัวอักษร C เพื่อเรียกใช้งานฟังก์ชันโทรศัพท์, การดับเบิ้ลคลิกบนหน้าจอเพื่อเรียกการทำงานของตัวเครื่อง หรือการคว่ำเครื่องเพื่อปิดเสียง
 
ในส่วนของแอปพลิเคชันสำหรับฟังเพลงก็มีให้ใช้งานใน ZTE Blade V7 Max ด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังสามารถเปิดใช้งานระบบเสียง DTS Sound ได้อีกด้วย
 
สำหรับแอปพลิเคชันสำหรับฟังวิทยุ FM ก็มีให้ใช้งาน และยังสามารถบันทึกเสียงเอาไว้ฟังในภาพหลังได้

นอกจากนี้ ZTE Blade V7 Max ยังสามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดระดับ Full HD (1080p) ได้อย่างไหลลื่น และไม่มีอาการหน่วง หรือกระตุกให้พบเจอ อีกทั้งยังสามารถแสดงผลได้เต็มความละเอียดของไฟล์วิดีโอได้อย่างคมชัดอีกด้วย ส่วนทางด้านฟังก์ชัน Popup Play ก็มีให้ใช้งานบน ZTE Blade V7 Max ด้วยเช่นกัน
 
ZTE Blade V7 Max มาพร้อมกับชิปเซ็ต Octa-Core MediaTek Helio P10 ความเร็วในการประมวลผล 1.8 GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-T860, หน่วยความจำแรมขนาด 3 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 32 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 6.0 Marshmallow

ถึงแม้ว่าจะมีคุณสมบัติตัวเครื่องจัดอยู่ในระดับการใช้งานทั่วไป แต่ก็สามารถตอบโจทย์ด้านการเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสามมิติได้อย่างไหลลื่น โดยไม่มีอาการหน่วง และอาการสะสมความร้อนที่ตัวเครื่องให้พบเจอ

และเมื่อนำ ZTE Blade V7 Max มาทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน GeekBench 4 พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 721 คะแนน สำหรับการประมวลผลแบบ Single-Core และ 2724 คะแนน สำหรับการประมวลผลแบบ Multi-Core

ต่อด้วยการทดสอบผ่านแอปพลิเคชัน 3DMark พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 327 คะแนน

ZTE Blade V7 Max สามารถรองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 5 จุด
 
และสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอื่นๆ มาใช้งานได้เพิ่มเติมผ่านแอปพลิเคชัน Google Play Store
กล้องดิจิทัล การถ่ายภาพนิ่ง และภาพวิดีโอ
 
สำหรับ Interface ของกล้องถ่ายภาพนั้นมีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่าย พร้อมทั้งแสดงไอคอนฟังก์ชันต่างๆ ไว้ให้เลือกใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย และยังมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลากหลาย เช่น โหมดถ่ายภาพ HDR, โหมดถ่ายภาพพาโนราม่า และโหมดถ่ายภาพหน้าสวย
 
นอกจากนี้ ZTE Blade V7 Max ยังมีโหมดถ่ายภาพโปรให้ใช้งานด้วยเช่นกัน ซึ่งผู้ใช้งานสามารถปรับค่าเพื่อถ่ายภาพได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การวัดแสง, ISO หรือจุดโฟกัส
 
อีกทั้งเปิดใช้งานไฟแฟลช LED ได้ และยังมีเอฟเฟกต์สำหรับถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลายแบบ เช่น ซีเปีย หรือสีตรงข้าม
 
และยังสามารถตั้งค่าการใช้งานเพิ่มเติมได้อีกหลายส่วนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การเลือกความละเอียดของกล้องถ่ายภาพ ซึ่งสามารถเลือกความละเอียดได้สูงสุดที่ 16 ล้านพิกเซล, สามารถตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพได้นานสูงสุด 10 วินาที
 
สามารถเปิดใช้งานการสั่งถ่ายภาพด้วยเสียง, ระบบตรวจจับใบหน้า และการสัมผัสเพื่อถ่ายภาพได้
 
สามารถ่ายวิดีโอได้สูงสุดที่ความละเอียดระดับ Full HD (1080p), สามารถเปิดใช้งานฟังก์ชัน Time-Lapse ได้ 3 ระดับ คือ เร็ว, ปกติ และช้า อีกทั้งยังสามารถเปิด-ปิด ไมโครโฟน ได้
 
สามารถเปิด-ปิด เสียงชัตเตอร์ หรือการแท็กสถานที่บนภาพถ่ายได้, สามารถเพิ่มความสามารถให้กับปุ่มลดระดับเสียงได้ 2 แบบ ได้แก่ ซูม และชัตเตอร์
 
สามารถเลือกตำแหน่งของการบันทึกภาพถ่ายได้ 2 แบบ คือ หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง หรือหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD และสามารถคืนการตั้งค่าทั้งหมดได้
 
ส่วนกล้องดิจิทัลด้านหน้าก็มีหน้าตาที่สามารถใช้งานได้ง่ายเช่นเดียวกับกล้องดิจิทัลด้านหลัง อีกทั้งยังมีการแสดงไอคอนฟังก์ชันต่างๆ ไว้ให้เลือกใช้งานได้ทันที และมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลากหลาย เช่น โหมดถ่ายภาพหน้าสวย, โหมดถ่ายภาพพาโนราม่า และโหมดตรวจจับรอยยิ้มเพื่อถ่ายภาพ
 
โดยโหมดถ่ายภาพหน้าสวยนั้นสามารถปรับค่าผิวเนียนได้มากสุด 5 ระดับ และสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชัน Selfie Flash ได้อีกด้วย
 
และยังสามารถตั้งค่าการใช้งานเพิ่มเติมได้อีกหลายส่วนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การเลือกความละเอียดของกล้องถ่ายภาพ ซึ่งสามารถเลือกความละเอียดได้สูงสุดที่ 8 ล้านพิกเซล, สามารถตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพได้นานสูงสุด 10 วินาที
 
สามารถเปิดใช้งานการสั่งถ่ายภาพด้วยเสียง, ระบบตรวจจับใบหน้า, ฟังก์ชันกระจกสะท้อน, ฟังก์ชัน Selfie Guide Frame และการสัมผัสเพื่อถ่ายภาพได้
 
สามารถ่ายวิดีโอได้สูงสุดที่ความละเอียดระดับ HD (720p) และสามารถปิด ไมโครโฟน ได้
 
สามารถเปิด-ปิด เสียงชัตเตอร์ หรือการแท็กสถานที่บนภาพถ่ายได้, สามารถเพิ่มความสามารถให้กับปุ่มลดระดับเสียงได้ 2 แบบ ได้แก่ ซูม และชัตเตอร์
 
สามารถเลือกตำแหน่งของการบันทึกภาพถ่ายได้ 2 แบบ คือ หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง หรือหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD และสามารถคืนการตั้งค่าทั้งหมดได้
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ของ ZTE Blade V7 Max

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพ HDR

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ผ่านโหมดถ่ายภาพหน้าสวย ของ ZTE Blade V7 Max
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยถ่ายภาพหน้าสวย พร้อมปรับค่าระดับ 3
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย พร้อมปรับค่าระดับ 5
 
ภาพซ้ายถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ ส่วนภาพขวาถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ พร้อมเปิดใช้งานฟังก์ชัน Selfie Flash จะเห็นได้ว่าภาพถ่ายทางขวามีความสว่าง และสีสันที่เป็นธรรมชาติมากกว่า
 
ภาพซ้ายถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ ส่วนภาพขวาถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ พร้อมเปิดใช้งานฟังก์ชัน Selfie Flash จะเห็นได้ว่าภาพถ่ายทางขวามีความสว่าง และสีสันที่เป็นธรรมชาติมากกว่า
สรุปผลการทดสอบของ ZTE Blade V7 Max

จบลงไปแล้วนะครับ สำหรับการรีวิวสมาร์ทโฟนสุดคุ้มดีไซน์เรียบหรูรุ่นใหม่ล่าสุดจากตระกูล V-Series อย่าง ZTE Blade V7 Max ซึ่งต้องขอยอมรับในเรื่องของการออกแบบดีไซน์ที่ทาง ZTE ได้เลือกใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Metallic ที่ทำให้ตัวเครื่องของ ZTE Blade V7 Max นั้นมีความสวยงามลงตัวเป็นอย่างมาก อีกทั้งตัวเครื่องยังมีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ และสามารถพกพาไปใช้งานตามสถานที่ต่างๆ ได้อย่างคล่องตัว เนื่องด้วยตัวเครื่องมีความบางเฉียบเพียง 7.2 มิลลิเมตร เท่านั้น! นอกจากนี้ ตรงมุมทั้งสี่ด้านยังมีความโค้งมน พร้อมด้วยพื้นผิวแบบด้านที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจับ หรือถือใช้งานได้อย่างมั่นใจ อีกทั้งยังไม่เกิดคราบเปื้อน หรือรอยนิ้วมืออีกด้วย
ซึ่งนอกจากจะมีความโดดเด่นในเรื่องของการออกแบบดีไซน์แล้วนั้น ทางด้านจุดขายของ ZTE Blade V7 Max ก็สามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้ดีไม่แพ้กัน เริ่มตั้งแต่ หน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล ขนาด 5.5 นิ้ว, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และระบบเสียง DTS Sound และแบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh
ทางด้านกล้องถ่ายภาพก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดขายสำคัญของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้เลยก็ว่าได้ โดยกล้องดิจิทัลด้านหลังมีความละเอียดมากถึง 16 ล้านพิกเซล ที่มาพร้อมกับระบบโฟกัสภาพแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus), ระบบกันภาพสั่นไหวแบบ DIS (Digital Image Stabilization) และไฟแฟลช LED ซึ่งจากการทดสอบด้วยการถ่ายภาพวัตถุระยะใกล้ เช่น ดอกไม้ ซึ่งก็ตอบสนองต่อการถ่ายภาพได้เป็นอย่างดี ภาพถ่ายที่ได้ก็มีรายละเอียดคมชัด และสีสันสดใส ส่วนกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ก็ตอบสนองต่อการถ่ายภาพได้ดีไม่แพ้กัน อีกทั้งยังรองรับการใช้งานร่วมกับโหมดถ่ายภาพหน้าสวย ซึ่งสามารถปรับค่าผิวเนียนได้ถึง 5 ระดับ เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน Selfie Flash สำหรับถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยได้อีกด้วย
ในส่วนของคุณสมบัติเด่นอื่นๆ ก็ถือว่าครบเครื่อง และพร้อมตอบโจทย์การใช้งานในทุกรูปแบบได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น ชิปเซ็ต Octa-Core MediaTek Helio P10 ความเร็วในการประมวลผล 1.8 GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-T860, หน่วยความจำแรมขนาด 3 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 32 GB, รองรับการเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB Type-C, รองรับการใช้งานได้พร้อมกันสองซิมการ์ด พร้อมรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE กับ 3G และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 6.0 Marshmallow ซึ่งจากการทดสอบด้วยการการถ่ายวิดีโอความละเอียดระดับ Full HD (1080p) หรือเล่นเกมที่มีกราฟิกสามมิติแบบต่อเนื่อง ZTE Blade V7 Max ก็ตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างไหลลื่น โดยไม่มีอาการหน่วง หรืออาการสะสมความร้อนที่ตัวเครื่องให้พบเจอ
หลังจากการทดสอบทั้งหมดที่ผ่านมาก็พอที่จะสรุปได้ว่า ZTE Blade V7 Max น่าจะเหมาะกับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่มีดีไซน์แบบ Metallic เรียบหรูน่าใช้งาน, วัสดุแข็งแรงทนทาน, จอ Full HD ไซส์ใหญ่เต็มตา, กล้องถ่ายภาพสวยคมชัด, ฟังเพลงไพเราะ, สเปกครบเครื่องทุกการใช้งาน, มีฟีเจอร์ให้ใช้งานหลากหลาย และต้องมีราคาไม่เกิน 10,000 บาท ซึ่ง ZTE Blade V7 Max ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม ถ้าหากท่านใดที่สนใจ ZTE Blade V7 Max ก็สามารถเป็นเจ้าของได้ที่ ZTE Shop, TG Fone และ Jaymart ในราคาสุดคุ้มเพียง 8,990 บาท เท่านั้น! (แถมฟรี เคสใส, ลำโพงบลูทูธ และ Power Bank ขนาด 5600 mAh จนกว่าของจะหมด) สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทาง ZTE ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง ZTE Blade V7 Max มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ
จุดเด่นของ ZTE Blade V7 Max
- ตัวเครื่องมีความบางเฉียบเพียง 7.2 มิลลิเมตร
- ตัวเครื่องใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Metallic จึงทำให้ตัวเครื่องมีความสวยงามดูเรียบหรู และมีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Sensor) สำหรับตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าใช้งานเครื่อง และการเข้าถึงข้อมูลภายใน พร้อมรองรับการรับสายเรียกเข้า และสั่งงานถ่ายภาพได้
- จอแสดงผลแบบ IPS LCD Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1920x1080 Pixels ขนาด 5.5 นิ้ว พร้อมหน่วยประมวลผลภาพกราฟิกโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Mali-T860
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต Octa-Core MediaTek Helio P10 ความเร็วในการประมวลผล 1.8 GHz
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 6.0 (Marshmallow)
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 3 GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 32 GB และรองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash)
- กล้องดิจิทัลตัวหลักที่ด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ที่มีระบบโฟกัสภาพแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus), ระบบกันภาพสั่นไหวแบบ DIS (Digital Image Stabilization) พร้อมไฟแฟลช LED และรองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD 1080p
- กล้องดิจิทัลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 8 ล้านพิกเซล พร้อมรองรับการใช้งานฟังก์ชัน Selfie Flash, โหมดถ่ายภาพหน้าสวย และรองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ HD 720p
- รองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด (Dual SIM)
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G, EDGE และ GPRS
- ระบบ GPS+A-GPS ในตัว (Global Positioning System : ระบบดาวเทียมนำร่อง)
- แบตเตอรี่แบบ Li-Ion Polymer 3000 mAh
- รองรับระเสียง DTS Sound
- รองรับการเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB Type-C
- มีวิทยุ FM ในตัว
- ราคา 8,990 บาท
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ ZTE Blade V7 Max
- แบตเตอรี่เป็นแบบ Built-in Battery จึงไม่สามารถถอด หรือเปลี่ยนด้วยตนเองได้
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *

:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter
| ไปหน้าแรก
Mobile Focus ::
|