รีวิว (Review) Wiko U FEEL
สมาร์ทโฟน 4G ดีไซน์ Neo-Retro สุดคุ้มใหม่ล่าสุด ด้วยจอ IPS HD 2.5D Glass ขนาด 5 นิ้ว, ชิปเซ็ต Quad-Core MediaTek MT6735, RAM 3GB, ROM 32 GB, Android 6.0, กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล, ไฟแฟลชกล้องหน้า และเซ็นเซอร์สแกนนิ้ว บนบอดี้โลหะสุดแกร่ง ครบเครื่องคุ้มค่าในราคาเพียง 5,990 บาท
Review
Date (16-กันยายน-2559)
อย่างที่ทราบกันดีว่าในปัจจุบันสมาร์ทโฟนที่วางจำหน่ายอยู่ในประเทศไทยนั้นมาจากผู้ผลิตหลายประเทศด้วยกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Wiko แบรนด์สมาร์ทโฟนชั้นนำจากประเทศฝรั่งเศสที่ได้วางจำหน่ายสมาร์ทโฟนในบ้านเราหลากหลายรุ่น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรุ่นที่มีราคาย่อมเยา พร้อมกับฟีเจอร์ที่ครบเครื่องคุ้มค่า และเมื่อช่วงเดือนเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทาง Wiko ก็ได้ทำการวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนดีไซน์เรียบหรูรุ่นใหม่ล่าสุด อย่าง Wiko U FEEL ในราคาสุดคุ้มเพียง 5,990 บาท เท่านั้น! นอกจากนี้ สมาร์ทโฟน Wiko ในตระกูล U-Series ยังมีวางจำหน่ายเพิ่มเติมอีกหนึ่งรุ่นด้วยกัน ได้แก่ Wiko U FEEL LITE (ราคา 4,590 บาท)
โดย Wiko U FEEL นั้นมีจุดเด่นที่น่าสนใจอยู่หลายส่วนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Neo-Retro ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และไม่เหมือนใคร พร้อมด้วยกรอบตัวเครื่องที่ทำมาจากโลหะ, หน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ความละเอียด 1280x720 พิกเซล ขนาด 5 นิ้ว ซึ่งเป็นกระจกขอบนูนแบบ 2.5D Glass, เทคโนโลยี On-cell ที่ช่วยลดช่องว่างของกระจก กับชั้นจอแสดงผล จึงส่งผลให้สามารถตอบสนองต่อการสัมผัสได้ดียิ่งขึ้น, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ พร้อมเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือแบบ 360 องศา ที่สามารถปลดล็อกได้ภายในเวลาเพียง 0.48 วินาที, รองรับการใช้งานพร้อมกัน 2 ซิมการ์ด, รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE กับ 3G ได้, กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ซึ่งเป็นเลนส์มุมกว้าง 100 องศา พร้อมไฟแฟลช LED, กล้องดิจิทัลความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์รับภาพแบบ SONY IMX285 พร้อมไฟแฟลช LED
ทางด้านคุณสมบัติเด่นอื่นๆ ทาง Wiko ก็จัดมาให้แบบไม่มีกั๊กเลยก็ว่าได้ เริ่มตั้งแต่ ชิปเซ็ต Quad-Core 64-bit MediaTek MT6735 ความเร็วในการประมวลผล 1.3 GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Mali-T720 MP2, หน่วยความจำแรมขนาด 3 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 32 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชันใหม่ล่าสุดอย่าง Android 6.0 (Marshmallow)
จากข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวไว้ในข้างต้นจะเห็นได้ว่า Wiko U FEEL ถือเป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนที่มีความครบเครื่อง และสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกรูปแบบ ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร, ดีไซน์ตัวเครื่องจะสวยงามขนาดไหน และฟีเจอร์ต่างๆ จะตอบสนองต่อการใช้งานได้ดีเพียงใด ขอเชิญทุกท่านไปชมรีวิว Wiko U FEEL พร้อมกันได้เลยครับ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์
Wiko U FEEL มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1280x720 พิกเซล ขนาด 5 นิ้ว ซึ่งเป็นกระจกขอบนูนแบบ 2.5D Glass พร้อมเทคโนโลยี On-Cell ที่ช่วยลดช่องว่างของกระจก กับชั้นจอแสดงผล จึงส่งผลให้สามารถตอบสนองต่อการสัมผัสดียิ่งขึ้น โดยมีขนาดของตัวเครื่องอยู่ที 143x70.7x8.55 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 145 กรัม
ด้านหน้าส่วนบนของตัวเครื่องมีกล้องดิจิทัลความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ซึ่งเป็นเลนส์มุมกว้าง 100 องศา พร้อมไฟแฟลช LED, ลำโพงสำหรับฟังขณะทำการสนทนา, สัญญาณไฟ LED สำหรับการแจ้งเตือนต่างๆ, ระบบ Accelerometer Sensor สำหรับช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้ และระบบ Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน
ด้านหน้าส่วนล่างประกอบไปด้วยปุ่มการสั่งงานแบบ On Screen ได้แก่ ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม และปุ่ม Recent Apps ถัดลงมาจะเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ 360 องศา (ทำหน้าที่เป็นปุ่มโฮมได้เช่นเดียวกัน) สำหรับตรวจสอบสิทธิ์การเข้าใช้งานตัวเครื่อง ซึ่งสามารถปลดล็อกได้ภายในเวลาเพียง 0.48 วินาที
ด้านบนของตัวเครื่องมีช่องสำหรับเชื่อมต่อกับหูฟังแบบมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร
ด้านล่างของตัวเครื่องมีไมโครโฟน และช่องเชื่อมต่อแบบ microUSB สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ และโอนถ่ายข้อมูล
ด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่ม เปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอ และปุ่ม เพิ่ม-ลด ระดับเสียง
ด้านซ้ายของตัวเครื่องไม่มีปุ่มการสั่งงาน หรือปุ่มฟังก์ชันใดๆ ให้ใช้งาน
ด้านหลังของตัวเครื่องประกอบไปด้วยกล้องดิจิทัลความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพแบบ SONY IMX285 พร้อมไฟแฟลช LED และลำโพงเสียงภายนอก
เมื่อเปิดฝาหลังออกมาจะพบกับช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดที่ 1 (microSIM), ช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดที่ 2 (microSIM), ช่องสำหรับเพิ่มการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD และแบตเตอรี่แบบยึดติดกับตัวเครื่องขนาด 2500 mAh
สำหรับดีไซน์ของ Wiko U FEEL จะเป็นแบบ Neo-Retro ที่ดูสวยงาม และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยกรอบตัวเครื่องที่ผลิตจากโลหะ จึงทำให้ตัวเครื่องมีความสวยงาม และแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ พร้อมกระจกขอบนูนแบบ 2.5D
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ
Wiko U FEEL ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 6.0 Marshmallow พร้อมหน่วยความจำภายในขนาด 32 GB
โดยมีหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 3 GB, รองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE และ 3G ได้
ทางด้านบริการต่างๆ จากทาง Google ก็มีให้ใช้งานอย่างครบครัน
ในส่วนของฟังก์ชันโทรศัพท์ก็มีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่าย ซึ่งมาพร้อมกับปุ่มตัวเลขขนาดใหญ่ สามารถกดหมายเลขได้อย่างแม่นยำ และสามารถเข้าดูรายชื่อโทรศัพท์ทั้งหมดได้ทันทีอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังสามารถปรับแต่งหน้าจอโฮมสกรีนได้หลากหลาย เริ่มตั้งแต่ การเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์, การนำวิดเจ็ตที่ต้องการใช้งานมาไว้ที่หน้าจอโฮมสกรีน และการเปลี่ยนเอฟเฟกต์ปลดล็อกหน้าจอ
อีกทั้งยังมีฟังก์ชันสำหรับปิดแอปพลิเคชันที่ไม่ต้องการใช้งานอย่าง Recent Apps มาให้ใช้งาน นอกจากนี้ หน้าจอแสดงผลของ Wiko U FEEL ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี MiraVision ที่ช่วยให้หน้าจอแสดงผลได้เหมาะกับการใช้งานมากที่สุด
Wiko U FEEL ยังสามารถตั้งค่าเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือได้ และสามารถเพิ่มลายนิ้วมือได้สูงสุดถึง 5 ลายนิ้วมือ อีกทั้งในแต่ละลายนิ้วมือยังสามารถตั้งค่าเพื่อเรียกใช้งานแอปพลิเคชัน หรือรายชื่อโทรศัพท์ ที่ตั้งค่าเอาไว้ได้ รวมไปถึงการล็อกแอปพลิเคชัน หรือไฟล์สำคัญๆ ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน
สำหรับเบราว์เซอร์อินเทอร์เน็ตก็ตอบสนองการใช้งานได้อย่างไหลลื่น และสามารถแสดงรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน
นอกจากนี้ Wiko U FEEL สามารถรองรับการสั่งงานด้วยท่าทางได้ เช่น ดับเบิ้ลคลิกที่หน้าจอสองครั้งเพื่อปลุกการทำงานของตัวเครื่อง, ดับเบิ้ลคลิ๊กที่ปุ่มโฮมเพื่อล็อกหน้าจอ, พลิกคว่ำตัวเครื่องเพื่อปิดเสียง, นำโทรศัพท์แนบหูเพื่อรับสายทันทีขณะที่มีสายเรียกเข้า และกดปุ่มเปิด-ปิด เครื่องหนึ่งครั้งเพื่อปลดล็อกหน้าจอ
ไม่เพียงเท่านั้น Wiko U FEEL ยังรองรับการสั่งงานด้วยการวาดตัวอักษรได้อีกด้วย เช่น วาดตัวอักษร C เพื่อเข้าสู่ฟังก์ชันโทรศัพท์ หรือวาดตัวอักษร M เพื่อเปิดแอปพลิเคชันสำหรับฟังเพลง
ทางด้านแอปพลิเคชันอัลบั้มภาพถ่ายนั้นสามารถแสดงภาพถ่ายได้หลักๆ 3 แบบ คือ แสดงแยกอัลบั้ม, แสดงรวมภาพถ่ายทั้งหมด และแสดงภาพถ่ายที่มีการแท็กสถานที่
ในส่วนของแอปพลิเคชันสำหรับฟังเพลงก็มีให้ใช้งานบน Wiko U FEEL ด้วยเช่นกัน และสามารถปรับค่าอีควอไลเซอร์ได้
และยังสามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดระดับ Full HD (1080p) ได้อย่างไหลลื่น เนื่องด้วยหน้าจอแสดงผลบน Wiko U FEEL มีความละเอียด 1280x720 พิกเซล จึงไม่สามารถแสดงผลได้เต็มความละเอียดของไฟล์วิดีโอ
และมีฟังก์ชัน Popup Play ให้ใช้งานด้วยเช่นกัน
Wiko U FEEL มาพร้อมกับชิปเซ็ต Quad-Core 64-bit MediaTek MT6735 ความเร็วในการประมวลผล 1.3 GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Mali-T720 MP2, หน่วยความจำแรมขนาด 3 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 32 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 6.0 (Marshmallow)
ถึงแม้ว่าคุณสมบัติตัวเครื่องของ Wiko U FEEL จะจัดอยู่ในระดับของการใช้งานทั่วไป แต่ก็สามารถตอบสนองต่อการเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสามมิติได้ได้ดี แม้จะมีอาการหน่วงบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีผลต่อการเล่นเกมแต่อย่างใด
และเมื่อนำ Wiko U FEEL มาทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน Geekbench 4 พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 537 คะแนน สำหรับการประมวลผลแบบ Single-Core และ 1457 คะแนน สำหรับการประมวลผลแบบ Multi-Core
ต่อด้วยการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน 3DMark พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 127 คะแนน
สำหรับ Wiko U FEEL สามารถรองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 5 จุด
และสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอื่นๆ มาใช้งานเพิ่มเติมได้ผ่านแอปพลิเคชัน Google Play Store
กล้องดิจิทัล การถ่ายภาพนิ่ง และภาพวิดีโอ
สำหรับฟังก์ชันกล้องถ่ายภาพนั้นมีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่าย พร้อมแสดงฟังก์ชันต่างๆ ไว้อย่างขัดเจน สามารถเลือกใช้งานได้ทันที และมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลากหลาย เช่น โหมดถ่ายภาพพาโนราม่า หรือโหมดถ่ายภาพ HDR
โดยโหมดถ่ายภาพโปรนั้นสามารถตั้งค่าการใช้งานได้หลากหลาย เช่น ไวท์บาลานซ์ หรือ ISO ส่วนโหมดถ่ายภาพหน้าสวยก็มีให้ใช้งานที่กล้องดิจิทัลด้านหลัง ซึ่งสามารถปรับค่าผิวเนียน, ตาโต และใบหน้าเรียว ได้ตั้งแต่ 0-100%
และยังสามารถปรับค่าการใช้งานไฟแฟลช LED ได้หลายแบบ เช่น เปิด หรือเปิดใช้งานเป็นไฟฉาย
นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าการใช้งานแบบอื่นๆ ได้อีกหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การเปิดใช้งาน การสัมผัสเพื่อถ่ายภาพ, การตรวจจับรอยยิ้มเพื่อถ่ายภาพ, เสียงชัตเตอร์, การระบุสถานที่บนภาพถ่าย และตารางเก้าช่อง
สามารถเลือกความละเอียดของกล้องถ่ายภาพได้สูงสุดที่ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, สามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุดที่ความละเอียดระดับ Full HD (1080p)
ส่วนกล้องดิจิทัลด้านหน้าก็มีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่ายเช่นเดียวกัน และมีการแสดงไอคอนฟังก์ชันต่างๆ ไว้ให้เลือกใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย อีกทั้งยังมีโหมดการถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลายแบบ เช่น โหมดถ่ายภาพหน้าสวย หรือโหมดถ่ายภาพเซลฟี่มุมกว้าง
สำหรับโหมดถ่ายภาพหน้าสวยนั้นสามารถปรับค่าผิวเนียนได้ 3 ระดับ และสามารถปรับค่าต่างๆ ด้วยตนเองได้ ทั้ง ผิวเนียน, ตาโต และใบหน้าเรียว โดยค่าต่างๆ สามารถปรับได้ตั้งแต่ 0-100
อีกทั้งยังสามารถตั้งค่าการใช้งานไฟแฟลช LED ได้แบบเดียวกับกล้องดิจิทัลด้านหลัง
นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าการใช้งานแบบอื่นๆ ได้อีกหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การเปิดใช้งานการสัมผัสเพื่อถ่ายภาพ, การตรวจจับรอยยิ้มเพื่อถ่ายภาพ, เสียงชัตเตอร์, การระบุสถานที่บนภาพถ่าย, การตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพได้นานสูงสุด 10 วินาที, กระจกเงาสะท้อน และตารางเก้าช่อง
สามารถเลือกความละเอียดของกล้องถ่ายภาพได้สูงสุดที่ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และสามารถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD (1080p)
และสามารถคืนการตั้งค่าทั้งหมดได้
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 13 ล้านพิกเซล ของ Wiko U FEEL
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ผ่านโหมดถ่ายภาพหน้าสวย ของ Wiko U FEEL
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Beautify ปรับค่าระดับ 1
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดหน้าสวยพร้อมปรับค่าระดับ 2
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดหน้าสวยพร้อมปรับค่าระดับ 3
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดหน้าสวยพร้อมปรับค่าผิวเนียน, ตาโต และใบหน้าเรียวระดับ 50%
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดหน้าสวยพร้อมปรับค่าผิวเนียน, ตาโต และใบหน้าเรียวระดับ 100%
สรุปผลการทดสอบของ Wiko U FEEL
จบลงไปแล้วนะครับ สำหรับการรีวิวสมาร์ทโฟนดีไซน์เรียบหรูราคาสุดคุ้มอย่าง Wiko U FEEL อันดับแรกต้องขอยอมรับในเรื่องของดีไซน์ตัวเครื่องที่เป็นแบบ Neo-Retro ซึ่งทำให้ตัวเครื่องของ Wiko U FEEL นั้นดูมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และไม่เหมือนใคร อีกทั้งกรอบตัวเครื่องทำมาจากโลหะ จึงช่วยเพิ่มความความสวยงาม และมีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ นอกจากนี้ ตรงมุมตัวเครื่องทั้งสี่ด้านยังมีความโค้งมน พร้อมฝาหลังที่เป็นพื้นผิวแบบด้าน ซึ่งช่วยให้สามารถจับ หรือถือใช้งานได้อย่างคล่องตัว
สำหรับจุดเด่นที่น่าสนใจของ Wiko U FEEL คงจะหนีไม่พ้นเรื่องเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือแบบ 360 องศา สามารถปลดล็อกได้ภายในเวลาเพียง 0.48 วินาที นั้นสามารถปลดล็อกหน้าจอได้รวดเร็ว ฉับไวมากๆ นอกจากนี้ ยังสามารถเพิ่มลายนิ้วมือได้สูงสุดถึง 5 ลายนิ้วมือ อีกทั้งในแต่ละลายนิ้วมือยังสามารถตั้งค่าเพื่อเรียกใช้งานแอปพลิเคชัน หรือรายชื่อโทรศัพท์ได้ ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย และความคล่องตัวในการใช้งานเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ Wiko U FEEL ยังมีจุดขายที่น่าสนใจอีกหลายส่วนด้วยกัน ซึ่งต้องขอบอกเลยว่า คุ้มค่าเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังตอบสนองต่อการใช้งานได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ความละเอียด 1280x720 พิกเซล ขนาด 5 นิ้ว ซึ่งเป็นกระจกขอบนูนแบบ 2.5D Glass พร้อมเทคโนโลยี On-cell ที่ช่วยลดช่องว่างของกระจก กับชั้นจอแสดงผล จึงส่งผลให้สามารถตอบสนองต่อการสัมผัสดียิ่งขึ้น, รองรับการสั่งงานด้วยท่าทาง (Motion Control), รองรับการใช้งานพร้อมกัน 2 ซิมการ์ด และรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE กับ 3G ได้
อีกหนึ่งความน่าสนใจของ Wiko U FEEL คือ เรื่องของกล้องถ่ายภาพ โดยกล้องดิจิทัลด้านหลังมีความละเอียดมากถึง 13 ล้านพิกเซล โดยใช้เซ็นเซอร์รับภาพแบบ SONY IMX285 พร้อมไฟแฟลช LED ซึ่งจากการทดสอบพบกว่า ภาพถ่ายที่ได้นั้นมีความคมชัด สีสันสมจริง และสามารถเก็บรายเอียดต่างๆ ได้ครบ ทั้งในสภาวะแสงปกติ และสภาวะแสงน้อย ส่วนกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ที่เป็นเลนส์มุมกว้าง 100 องศา แถมยังมาพร้อมไฟแฟลช LED ก็สามารถถ่ายภาพออกมาได้ดีไม่แพ้กัน อีกทั้งยังสามารถถ่ายภาพพร้อมกับกลุ่มเพื่อนได้แบบไม่มีหลุดเฟรม และที่พิเศษไปกว่านั้นคือ มีโหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Beauty) ที่สามารถปรับค่าผิวเนียนได้หลายระดับอีกด้วย ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพเซลฟี่เป็นที่สุด
ในส่วนของคุณสมบัติเด่นอื่นๆ ก็ถือว่าครบเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น ชิปเซ็ต Quad-Core 64-bit MediaTek MT6735 ความเร็วในการประมวลผล 1.3 GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Mali-T720 MP2, หน่วยความจำแรมขนาด 3 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 32 GB และระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 6.0 (Marshmallow) ซึ่งจากการทดสอบด้วยการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงระดับ Full HD (1080p) แบบต่อเนื่อง หรือเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสามมิติพบว่า Wiko U FEEL ก็สามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างไหลลื่น แม้จะมีอาการหน่วงบ้างเพียงเล็กน้อยขณะใช้งานที่มีการประมวลผลหนักๆ แบบต่อเนื่อง แต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
หลังจากการทดสอบทั้งหมดที่ผ่านมา ก็พอที่จะสรุปได้ว่า Wiko U FEEL น่าจะเหมาะกับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่มีดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว, วัสดุแข็งแรงทนทาน, สเปกครบเครื่อง, กล้องถ่ายภาพสวยคมชัด, มีฟีเจอร์ให้ใช้งานหลากหลาย, รองรับ 4G และต้องมีราคาไม่เกิน 6,000 บาท ซึ่ง Wiko U FEEL ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่สมเหตุสมผลเป็นอย่างมาก ถ้าหากท่านใดสนใจ Wiko U FEEL ก็สามารถหาซื้อได้ตาม Wiko Shop และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ในราคาสุดคุ้มเพียง 5,990 บาท เท่านั้น! สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง Wiko ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง Wiko U FEEL มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่โอกาสหน้า สวัสดีครับ
จุดเด่นของ Wiko U FEEL
- กรอบตัวเครื่องผลิตจากโลหะ พร้อมกระจกขอบนูนแบบ 2.5D ที่ด้านหน้า ซึ่งโดยรวมแล้วดูมีความสวยงามเรียบหรู
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Sensor) สำหรับตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าใช้งานเครื่อง และการเข้าถึงข้อมูลภายใน พร้อมเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือแบบ 360 องศา สามารถปลดล็อกได้ภายในเวลาเพียง 0.48 วินาที และรองรับการใช้งานร่วมกับฟังก์ชัน Fast Unlock, Apps and Files Lock, Quick Applications Launch
- จอแสดงผลแบบ IPS LCD Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1280x720 Pixels ขนาด 5 นิ้ว พร้อมหน่วยประมวลผลภาพกราฟิกโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Mali-T720 MP2
- เทคโนโลยี On-cell ที่ช่วยลดช่องว่างของกระจก กับชั้นจอแสดงผล จึงส่งผลให้สามารถตอบสนองต่อการสัมผัสดียิ่งขึ้น
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต Quad-Core 64-bit MediaTek MT6735 ความเร็วในการประมวลผล 1.3 GHz
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 6.0 (Marshmallow)
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 3 GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 32 GB และรองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 64 GB
- กล้องดิจิทัลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 13 ล้านพิกเซล โดยใช้เซ็นเซอร์รับภาพแบบ SONY IMX285 พร้อมไฟแฟลช LED และรองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD 1080p
- กล้องดิจิทัลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 5 ล้านพิกเซล ที่เป็นเลนส์มุมกว้าง 100 องศา พร้อมไฟแฟลช LED และรองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD 1080p
- รองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด (Dual SIM)
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G, EDGE และ GPRS
- ระบบ GPS+A-GPS ในตัว (Global Positioning System : ระบบดาวเทียมนำร่อง)
- แบตเตอรี่แบบ Li-Ion Polymer 2500 mAh
- มีวิทยุ FM ในตัว
- ราคาเพียง 5,990 บาท ซึ่งหากเทียบกับคุณสมบัติโดยรวมแล้วนับว่ามีความคุ้มค่า
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Wiko U FEEL
- หน้าจอมีความละเอียดค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนคู่แข่งในระดับราคาเดียวกัน
- แบตเตอรี่เป็นแบบ Built-in Battery จึงไม่สามารถถอด หรือเปลี่ยนด้วยตนเองได้
- แบตเตอรี่มีความจุเพียง 2500 mAh ซึ่งถือว่ายังไม่มากนัก
- มีอาการหน่วงบ้างเล็กน้อยขณะเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสามมิติ หรือใช้งานที่มีการประมวลผลหนักๆ
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
สรุปคุณสมบัติเครื่อง
ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติแบบสรุป (Specification) ของ Wiko U FEEL ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้
สรุปคุณสมบัติโดยละเอียดของ Wiko U FEEL
title="Sony Xperia ZL Specification">
:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter
| ไปหน้าแรก
Mobile Focus ::
|