รีวิว (Review) Vivo X21
สมาร์ทโฟน AI ตัวท็อปพร้อมระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอรุ่นแรกของโลก! ผสานจอ FullView Super AMOLED ดีไซน์ไร้ขอบ, กล้องหลังคู่ AI Bokeh, กล้องหน้า AI Face Beauty, ชิปเสียง Hi-Fi, ชิปเซ็ต Snapdragon 660 AIE, RAM 6GB, ROM 128GB, Android 8.1 Oreo และระบบสแกนใบหน้า AI Face Access บนบอดี้กระจก 3D Glass สุดพรีเมียมเงางาม ในราคา 19,990 บาท
Review
Date (24-พฤษภาคม-2561)

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทางแบรนด์สมาร์ทโฟนชื่อดังอย่าง Vivo ได้ทำการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ในตระกูล X-Series ภายใต้ชื่อรุ่น Vivo X21 และ Vivo X21 UD ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับนวัตกรรมสุดล้ำอย่าง In-Display Fingerprint Scanning หรือเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ถูกฝังเอาไว้ใต้หน้าจอแสดงผล ทำให้ผู้ใช้สามารถปลดล็อกเข้าสู่ตัวเครื่องได้เพียงแค่วางนิ้วลงบนหน้าจอเท่านั้น ซึ่งล่าสุดนี้ก็มีข่าวดีออกมาว่า ทาง Vivo เตรียมนำ Vivo X-Series รุ่นใหม่เข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยด้วย
และยังเป็นรุ่นที่มีนวัตกรรมสแกนลายนิ้วมือฝังใต้หน้าจอ โดยใช้ชื่อวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยว่า Vivo X21
Vivo X21 ไม่ได้มีจุดเด่นเพียงแต่ระบบสแกนลายนิ้วมือที่ถูกฝังเอาไว้ใต้หน้าจอแสดงเท่านั้น แต่สำหรับคุณสมบัติตัวเครื่องก็ถือมีความน่าสนใจไม่แพ้กัน ไล่ตั้งแต่ หน้าจอแสดงผลไร้ขอบแบบ FullView Display ขนาด 6.28 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (2280x1080 พิกเซล) ในอัตราส่วนการแสดงผลแบบ 19:9 พร้อมฟังก์ชัน Always On Display สำหรับแสดงการแจ้งเตือนต่างๆ ในขณะที่ล็อกหน้าจอ, ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core
Qualcomm SDM660 Snapdragon 660 AIE ความเร็วในการประมวลผล 2.2 GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 512, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 6 GB, หน่วยความจำภาย (ROM) ความจุ 128 GB ที่ผู้ใช้สามารถเพิ่มความจุผ่านหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card ได้อีกถึง 256 GB, รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (Dual-SIM), รองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงบนเครือข่าย 4G
LTE, ฟังก์ชันปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Access), ฟังก์ชัน AI Game Mode, แบตเตอรี่ความจุ 3200 mAh พร้อมเทคโนโลยี Dual-Charging Engine, ชิปเสียงระดับ Hi-Fi แบบ AK4376A และการทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ซึ่งถูกครอบทับด้วย Funtouch OS 4.0 เวอร์ชันใหม่ล่าสุด

ด้านการถ่ายภาพก็เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์เด่นเช่นเดียวกัน เพราะ Vivo X21 มาพร้อมกับกล้องหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุด f/2.0 พร้อมไฟแฟลชแบบ Screen Flash และกล้องหลังแบบคู่ (Dual Camera) โดยแบ่งออกเป็น กล้องตัวหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และกล้องตัวรองความละเอียด 5 ล้านพิกเซล มากกว่าไปนั้น ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลังของ Vivo X21 ยังเลือกใช้เซ็นเซอร์รับ
าพแบบ Dual Pixel ทำให้ช่วยถ่ายภาพได้ที่ความละเอียดสูงสุดถึง 24 ล้านพิกเซลเลยทีเดียว ซึ่งหากเทียบกับราคาวางจำหน่ายที่ 19,990 บาทแล้ว ก็ถือว่า Vivo X21 เป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่มีความน่าสนใจไม่ใช่น้อย ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร ตัวเครื่องมีความสวยงามพรีเมียมขนาดไหน รวมทั้งฟีเจอร์ต่างๆ ที่มีอยู่บน Vivo X21 จะสามารถตอบสนองการใช้งานด้านต่างๆ อย่างไรบ้าง ขอเชิญทุกท่านไปรับชมรีวิว Vivo X21 ได้พร้อมกันเลยครับ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

Vivo X21 มาพร้อมกับแพ็กเพจสีน้ำเงินเข้มสะท้อนแสง โดยที่ด้านหน้ากล่องมีการประทับภาพดีไซน์ตัวเครื่อง พร้อมกับโลโก้ FIFA World Cup Russia 2018 ซึ่งสื่อถึงการที่ Vivo เป็นหนึ่งในสปอนเซอร์หลักสำหรับเทศกาลฟุตบอลโลก ประจำปี 2018 ที่จัดขึ้นในประเทศรัสเซียนั่นเอง

ด้านหลังของกล่อง มีการระบุถึงฟีเจอร์เด่นของ Vivo X21 ไม่ว่าจะเป็น นวัตกรรมสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint Scanning), เซ็นเซอร์รับภาพแบบ Dual Pixel, หน่วยความจำแรม (RAM) 6GB พร้อมหน่วยความจำภายใน (ROM) 128GB และระบบสแกนใบหน้า AI Face Access

เมื่อเปิดกล่องออกมาจะพบกับ Vivo X21 พร้อมอุปกรณ์เสริมถูกจัดวางเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ

สำหรับอุปกรณณ์ภายในกล่อง ก็มีมาให้ใช้งานอย่างครบครัน เริ่มตั้งแต่ เคสใส, ใบรับประกัน, คู่มือการใช้งาน, เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด, สายเชื่อมต่อแบบ microUSB สำหรับโอนถ่ายข้อมูล หรือชาร์จแบตเตอรี่ และหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร

ภาพตัวอย่างการสวมใส่เคสใสที่แถมมาให้ภายในแพ็กเกจ

ข้ามมาที่ตัวเครื่องกันบ้าง โดย Vivo X21 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลไร้ขอบแบบ FullView Display ขนาด 6.28 นิ้ว ความละเอียด 2280x1080 พิกเซล (Full HD+) โดยหน้าจอของ Vivo X21 เป็นแบบ Super AMOLED ซึ่งมีจุดเด่นในด้านการแสดงสีสันที่คมชัด สดใส

พร้อมทั้งยังมีขอบจอที่บางเฉียบเพียง 1.66 มม. และมีพื้นที่การแสดงผลเมื่อเทียบกับตัวเครื่องสูงถึง 90.3% ทำให้ผู้ใช้สามารถรับชมคอนเทนต์ หรือเล่นเกมได้อย่างกว้างเต็มตาเต็มอารมณ์

นอกจากนี้ Vivo X21 ยังรองรับฟีเจอร์ Always On Display ทำให้สามารถแสดงการแจ้งเตือนต่างๆ ได้ แม้ว่าจะดับหน้าจอไปแล้ว

ด้านหน้าส่วนบนประกอบไปด้วย ลำโพงสำหรับฟังขณะสนทนา, กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมเซ็นเซอร์รับภาพ Dual Pixel ที่สามารถถ่ายภาพได้ที่ความละเอียดสูงสุด 24 ล้านพิกเซล, ระบบ Accelerometer Sensor สำหรับหมุน หรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอแบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้, ระบบ Ambient Light Sensor สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอและแผงปุ่มกดให้เหมาะสม และระบบ Proximity Sensor สำหรับการเปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติ
เพื่อประหยัดพลังงาน

ด้านหน้าส่วงล่างไม่มีปุ่มควบคุมแบบ Physical แต่มีปุ่มสั่งงานบนหน้าจอแบบ On Screen Navigation ซึ่งประกอบไปด้วย ปุ่ม Recents Apps, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ

อย่างที่กล่าวไปด้านต้นว่า Vivo X21 มาพร้อมกับนวัตกรรมสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ ซึ่งตัวเซ็นเซอร์นั้นจะถูกฝังไว้บริเวณด้านหน้าส่วนล่าง โดยผู้ใช้สามารถแตะนิ้วเพื่อปลดยืนยันเข้าใช้งานจากหน้า Lock Screen ได้ทันที โดยไม่ต้องเปิดหน้าจอก่อน ซึ่งจากที่ทดสอบก็พบว่า ระบบสามารถอ่านลายนิ้วมือได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ปรากฏอาการหน่วงให้เห็นแต่อย่างใด

ด้านบนของตัวเครื่องมีไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน และช่องเสียบหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร ติดตั้งเอาไว้

ด้านล่างของตัวเครื่อง ประกอบไปด้วย ถาดใส่ซิมการ์ด, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ microUSB สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ หรือโอนถ่ายข้อมูล และลำโพงเสียงภายนอก

สำหรับถาดใส่ซิมการ์ดของ Vivo X21 เป็นแบบ Hybrid Slot ซึ่งสามารถใส่ซิมการ์ดที่ 1, ซิมการ์ดที่ 2 และการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ได้ที่ช่องใส่ซิมการ์ดที่ 2

ด้านซ้ายของตัวเครื่องไม่มีปุ่มควบคุมใดๆ ให้ใช้งาน

ด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิด หรือล็อกหน้าจอ และปุ่มเพิ่ม-ลด ระดับเสียง


ด้านหลังของตัวเครื่อง มาพร้อมกับระบบกล้องคู่ (Dual Camera) ความละเอียด 12 + 5 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ LED ซึ่งตัวบอดี้ของ Vivo X21 ถูกขึ้นรูปด้วยเทคโนโลยีแบบ Unibody ด้วยฝาหลัง และเฟรมด้านข้างผสานรวมเป็นชิ้นเดียวกันแบบไร้รอยต่อ นอกจากนี้ ตัวเครื่องยังผลิตมาจากกระจกแบบ 3D Glass พร้อมทั้งมีการใช้เทคนิคเคลือบผิวสัมผัสแบบใหม่ ทำให้ตัวเครื่องมีความมันวาวสะท้อนเล่นกับแสงได้อย่างลงตัว
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ
 
Vivo X21 ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชันใหม่ล่าสุด 8.1 Oreo ครอบทับด้วย UI ที่ทาง Vivo ได้พัฒนาขึ้นมาในชื่อ Funtouch OS 4.0 ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุดด้วยเช่นเดียวกัน
 
รองรับการใช้งานพร้อมกันได้ 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE กับ 3G ได้ นอกจากนี้ ยังรองรับเทคโนโลยีการสื่อสารทางเสียงผ่านโครงข่าย 4G (Voice over LTE : VoLTE) ได้ทั้ง 2 ซิมการ์ดด้วย

เมื่อลากนิ้วจากบนลงล่าง จะพบกับ Notification Center ซึ่งเป็นหน้ารวมสำหรับการแสดงแจ้งเตือนต่างๆ
 
เมื่อลากนิ้วจากบนลงล่าง จะพบกับ Toggle Swtich ซึ่งเป็นส่วนที่รวบรวมคีย์ลัดสำหรับเปิด-ปิด ฟังก์ชันการทำงานต่างๆ ภายในตัวเครื่อง ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับแต่งตำแหน่งของคีย์ลัดเองได้

มาพร้อมกับหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 6 GB และหน่วยความจำภายใน (ROM) ความจุ 128 GB
 
สามารถเปลี่ยนธีมของตัวเครื่องได้ผ่านแอปพลิเคชัน i Theme
 
ด้านฟังก์ชันโทรศัพท์ก็ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย ด้วยปุ่มกดตัวเลขที่มีขนาดใหญ่ พร้อมทั้งรายชื่อผู้ติดต่อที่จัดเรียงไว้อย่างเป็นหมวดหมู่ ทำให้สามารถค้นหาได้อย่างสะดวก

เมื่อกดปุ่ม Recent Apps จะพบกับหน้าแอปพลิเคชันทั้งหมดที่เปิดใช้งานเอาไว้ ซึ่งผู้ใช้สามารถปิดแอปพลิเคชันที่เปิดค้างเอาไว้ได้ เพียงแค่เลื่อนหน้าต่างแอปนั้นๆ ไปยังด้านบน หรือเลือกปิดแอปพลิเคชันทั้งหมดภายในครั้งเดียวได้อย่างง่ายดาย ด้วยการกดปุ่มไอคอนที่ด้านล่าง
 
ด้านแอปพลิเคชันที่ติดตั้งมาให้ ก็ถือว่าครบครันทุกการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น แอปพลิเคชันจากฝั่ง Google เช่น Google Chrome, Gmail, Maps, Youtube, Google Drive หรือ Google Duo รวมไปถึงแอปพลิเคชันพื้นฐาน อย่างเช่น เครื่องคิดเลข, โน๊ต หรือเข็มทิศ
 
ด้วยการที่ Vivo X21 มาพร้อมกับหน้าจอไซส์ใหญ่ถึง 6.28 นิ้ว พร้อมสัดส่วนในการแสดงผลจอกว้างแบบ 19:9 ทำให้สามารถแสดงผลคอนเทนต์บนเว็บไซต์ได้อย่างครบถ้วน

รวมทั้งยังรองรับฟังก์ชัน Smart Split สำหรับเปิดใช้งาน 2 แอปพลิเคชันพร้อมกัน โดยวิธีการใช้งานก็ค่อนข้างสะดวกเพียงแค่ใช้สามนิ้วเลื่อนจากบนลงล่างของหน้าจอ
 
และยังรองรับฟังก์ชัน Picture-in-Picture (PiP) ซึ่งเป็นการแสดงหน้าต่างของแอปพลิเคชันประเภทวิดีโอ หรือแผนที่ในรูปแบบ Popup ทำให้ผู้ใช้สามารถรับชมคลิปวิดีโอ หรือใช้แผนที่นำทางในขณะที่ใช้แอปพลิเคชันอื่นอยู่ได้ด้วย
 
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับ i Manager ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันสำหรับจัดการประสิทธิภาพภายในตัวเครื่อง เช่น การล้างพื้นที่ (การเคลียร์แรม), ตั้งค่าการใช้งานอินเทอร์เน็ตของแต่ละแอปพลิเคชัน หรือการจำกัดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
 
ด้านบริการ vivoCloud ก็มีให้ใช้งานเช่นเดียวกัน โดยผู้ใช้สามารถสำรองข้อมูลต่างๆ ภายในตัวเครื่อง เช่น ข้อความ SMS, รายชื่อผู้ติดต่อ และบุ๊คมาร์คของเว็บเบราวเซอร์ ไปยังระบบคลาวอินเทอร์เน็ตของ Vivo ได้
 
หนึ่งในไฮไลท์เด่นของ Vivo X21 คือฟังก์ชัน App Clone ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้งานแอปพลิเคชันประเภทโซเชียลมีเดียได้พร้อมกัน 2 แอคเคานท์ โดยแอปพลิเคชันที่ถูกโคลนออกมา จะปรากฏสัญลักษณ์ 2nd ที่บริเวณด้านขวาล่างของไอคอน
 
Vivo X21 มารองรับการเล่นไฟล์เสียง และเพลงผ่านแอปพลิเคชัน i Music รวมทั้งยังมีชิปเสียงระดับ Hi-Fi แบบ AKA4376A ส่งผลให้เสียงที่ได้มีความสดใสคมชัด พร้อมทั้งยังมีเทคโนโลยี DeepField สำหรับช่วยขับเสียงร้องให้มีความชัดเจน พร้อมปรับเสียงเบสให้มีอิมแพคมากยิ่งขึ้น
 
นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอื่นๆ มาใช้งานเพิ่มเติมได้ผ่ด้านแอปพลิเคชันอัลบั้มภาพถ่าย สามารถแสดงภาพถ่ายภายในตัวเครื่องได้ทั้งหมด 3 รูปแบบ ประกอบไปด้วย การแสดงภาพถ่ายโดยรวมทั้งหมด, การแสดงภาพถ่ายแบบแยกอัลบั้ม และฟีเจอร์พิเศษอย่างการระบุภาพด้วย AI ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยแยกแยะภาพออกเป็นหมวดหมู่ เช่น ภาพถ่ายบุคคล หรือภาพถ่ายเซลฟี่ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาภาพถ่ายได้ง่ายขึ้น

สามารถเปิดไฟล์เล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดสูงที่ระดับ Full HD ได้อย่างลื่นไหล ซึ่งเมื่อประกอบกับเทคโนโลยีหน้าจอแบบ Super AMOLED ของ Vivo X21 แล้ว ยิ่งช่วยให้การรับชมคอนเทนต์เป็นไปอย่างคมชัด และถ่ายทอดสีสันได้อย่างสมจริง
 
และสามารถเปิดอ่านไฟล์เอกสารประเภท Word, Excel และ Powerpoint ผ่านแอปพลิเคชัน WPS Office ที่ติดตั้งมาให้ภายในเครื่องได้
 
อย่างที่กล่าวไปด้านต้นว่า Vivo X21 รองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอแสดงผล (In-Display FingerprintScanning Techhnology) ซึ่งผู้ใช้จะต้องทำการบันทึกลายนิ้วมือเสียก่อน โดยรองรับบันทึกลายนิ้วมือได้สูงสุดที่ 5 นิ้วมือ พร้อมทั้งยังสามารถปรับอนิเมชันของปุ่มสแกนลายนิ้วมือได้ทั้งหมด 3 รูปแบบ

นอกเหนือจากระบบยืนยันตัวตนด้วยการสแกนลายนิ้วมือแล้ว Vivo X21 ยังรองรับการปลดล็อกเข้าสู่ตัวเครื่องด้วยใบหน้าผู้ใช้งานแบบ AI Face Access ซึ่งสามารถปลดล็อกได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียง 0.1 วินาที รวมทั้งยังสามารถปลดล็อกในสภาวะแสงน้อยได้อีกด้วย
 
นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชันการใช้งานอัจฉริยะ มาให้เลือกใช้ด้วย ซึ่งประกอบไปด้วย โหมด Smart Wake ซึ่งเป็นการวาดตามรูปแบบต่างๆ เพื่อเปิดใช้งานคีย์ลัด เช่น การวาดตัวอักษร C เพื่อเข้าสู่ฟังก์ชันการโทรศัพท์ หรือการวาดตัวอักษร m เพื่อเข้าสู่แอปพลิเคชัน i Music สำหรับฟังเพลง, การเปิด-ปิด หน้าจอแบบอัจฉริยะ, การโทรอัจฉริยะ, เขย่าเพื่อเปิดไฟฉาย, ซูมโดยการเอียงโทรศัพท์, การเตือนอัจฉริยะ, การปลดล็อกโดยไม่สัมผัส และการละรดับเสียงอัจฉริยะ
 
รวมทั้งยังมีโหมดการใช้งานมือเดียว ซึ่งเป็นการปรับขนาดของแผงตัวเล็กโทรศัพท์, แป้นพิมพ์รหัสผ่านให้เล็กลง ซึ่งช่วยให้ใช้งานมือถือได้ด้วยมือเดียวอย่างสะดวกขึ้น

สามารถบันทึกภาพสกรีนช็อตได้อย่างรวดเร็ว ผ่านการลาก 3 นิ้ว จากบริเวณด้านล่างหน้าจอไปยังด้านบน

และยังสามารถบันทึกภาพสกรีนช็อตแบบยาวได้ด้วย
 
สำหรับด้านประสิทธิภาพการทำงาน Vivo X21 มาพร้อมกับชิปเซ็ตระดับกลางรุ่นเด่นอย่าง Octa-Core Qualcomm SDM660 Snapdargon 660 AIE โดยมีความเร็วในกาประมวลผลสูงสุดที่ 2.2 GHz พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Adreno 512, หน่วยความจำภายในความจุ 128 GB, หน่วยความจำแรมขนาด 6 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 8.1 Oreo ครอบทับด้วย Funtouch OS 4.0

แม้ว่าคุณสมบัติของ Vivo X21 จะจัดอยู่ในระดับกลาง แต่ด้วยการเลือกใช้ชิปเซ็ต Octa-Core Qualcomm Snapdragon 660 AIE ที่มีจุดเด่นในด้านความเร็วแรงของการประมวลผล รวมไปถึงการจัดวางหน่วยความจำแรมมาให้มากถึง 6 GB ทำให้การเล่นเกมยอดนิยมที่มีกราฟิกแบบสามมิติ อย่างเช่น RoV หรือ PUBG Mobile เป็นไปอย่างลื่นไหล ไม่มีอาการสะสมความร้อนให้พบเจอ
 
ซึ่งเมื่อลองนำ Vivo X21 ไปทดสอบประสิทธิภาพตัวเครื่องโดยรวมด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu ก็พบว่า สามารถทำคะแนนทดสอบได้ถึง 141886 คะแนน

ทดสอบประสิทธิภาพด้านการประมวลผลของ CPU ด้วยแอปพลิเคชัน GeekBench พบว่า สามารถทำคะแนนทดสอบการประมวลผลแบบ Single-Core ได้ทั้งหมด 1592 คะแนน และทำคะแนนทดสอบแบบ Multi-Core ได้ทั้งหมด 5757 คะแนน


นอกจากนี้ Vivo X21 ยังมาพร้อมกับฟังก์ชัน AI Game Mode ซึ่งเป็นโหมดพิเศษที่ถูกออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ ยกตัวอย่างเช่น การโชว์เบอร์โทรสายเรียกเข้าในรูปแบบป็อบอัปเท่านั้น ทำให้เกมไม่ถูกสลับไปยังหน้ารับสายสนทนา

รวมทั้งคีย์บอร์ดภายในฟังก์ชัน AI Game Mode ก็จะถูกย่อให้มีขนาดเล็กลง เพื่อป้องกันปัญหาแป่นคีย์บอร์ดไปบดบังการแสดงผลภายในเกม

ส่วนระบบการสัมผัสแบบ Multi-touch รองรับการสัมผัสพร้อมกันสูงสุด 10 จุด
 
นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน หรือเกมได้เพิ่มเติม ผ่าน V-Appstore หรือ Play Store
กล้องดิจิทัล การถ่ายภาพนิ่ง และภาพวิดีโอ

อีกหนึ่งไฮไลท์เด่นของ Vivo X21 คือกล้องดิจิทัล เนื่องจากมาพร้อมกับกล้องหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหลังมาพร้อมกับระบบกล้องคู่ (Dual Camera) โดยแบ่งออกเป็น กล้องตัวหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้างสูงสุดที่ f/1.8 และกล้องตัวรองความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้างสูงสุดที่ f/2.4 และที่สำคัญ กล้องหน้าและหลังของ Vivo X21 ยังได้ใช้งานเซ็นเซอร์รับภาพแบบ Dual Pixel ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องของเทคโนโลยีโฟกัสที่ฉับไว รวมทั้งยังช่วยให้ถ่ายภาพที่มีความละเอียดสูงสุดถึง
24 ล้านพิกเซลได้อีกด้วย นอกจากนี้ ทาง Vivo ยังได้มีการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยยกระดับการถ่ายภาพผ่านโหมดปรับหน้าสวยอย่าง AI Face Beauty และโหมด AI Bokeh สำหรับถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ รวมไปถึงโหมด AI HDR สำหรับช่วยถ่ายภาพในสภาวะย้อนแสง
 
สำหรับอินเทอร์เฟสกล้องถ่ายภาพด้านหลังของ Vivo X21 ถูกดีไซน์ออกมาให้ใช้งานได้ง่าย ด้วยปุ่มไอคอนฟังก์ชันต่างๆ ที่มองเห็นได้ง่าย และเลือกแตะเพื่อใช้งานได้ทันที ประกอบด้วย ฟังก์ชันไฟแฟลช, ฟังก์ชัน HDR, ฟังก์ชันการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอแบบ AI Bokeh, ฟังก์ชัน Live Photo นอกจากนี้ ยังมีโหมดการถ่ายภาพอย่างหลากหลายให้เลือกใช้งาน อย่างเช่น โหมด Doc สำหรับถ่ายภาพเอกสาร หรือโหมดพาโนรามาสำหรับเก็บภาพในมุมกว้าง

นอกจากนี้ Vivo X21 ยังมาพร้อมกับโหมดมืออาชีพ หรือโหมดโปร ให้เลือกใช้งานด้วย ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับแต่งค่าต่างๆ ของกล้องได้เอง ไม่ว่าจะเป็น การปรับค่าชดเชยแสง (EV), การปรับค่าความไวแสง (ISO), การปรับค่าความเร็วชัตเตอร์ (Shutter Speed), การปรับค่าสมดุลแสงสีขาว (White Balance) และการปรับระยะโฟกัส

รวมทั้งยังสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชันเส้นวัดระดับความเอียงในกล้องได้อีกด้วย
 
สำหรับโหมดถ่ายภาพหน้าสวย สามาถรปรับระดับความเนียนได้ทั้งหมด 6 ระดับ และยังสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชัน AI Bokeh สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอได้พร้อมกันอีกด้วย โดยผู้ใช้สามารถปรับค่ารูรับแสงสำหรับละลายฉากหลังในโหมด AI Bokeh ได้ตั้งแต่ f/0.95 ไปจนถึง f/16

นอกจากนี้ Vivo X21 ยังมาพร้อมกับฟังก์ชัน AR Stickers เพื่อช่วยเพิ่มสีสัน และลูกเล่นให้แก่ภาพถ่าย ผ่านสติ๊กเกอร์ในรูปแบบต่างๆ

โดยผู้ใช้สามารถตั้งค่าการใช้งานเพิ่มเติมของกล้องหลังได้อีกหลายส่วน ประกอบไปด้วย การตั้งสัดส่วนของภาพถ่าย, การตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพได้สูงสุดที่ 10 วินาที, เปิดวิธีการสั่งงานถ่ายภาพด้วยการแตะ เสียง หรือฝ่ามือ, การเปิด-ปิด รูปแบบลายน้ำ, การเปิด-ปิด เสียงลั่นชัตเตอร์, การแท็กสถานที่บนภาพถ่าย, การเปิดใช้งานเส้นตัด 9 ช่อง รวมไปถึงการเปิดใช้งานโหมดถ่ายภาพความละเอียดสูงที่ 24 ล้านพิกเซล

โดยกล้องดิจิทัลด้านหลังของ Vivo X21 รองรับการถ่ายภาพวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K Ultra HD
 
ส่วนอินเทอร์เฟสของกล้องด้านหน้า ก็ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างสะดวกเช่นเดียวกัน พร้อมฟังก์ชันที่ผู้ใช้เลือกเปิด-ปิด เองได้ ไม่ว่าจะเป็น ฟังก์ชันไฟแฟลช, ฟังก์ชัน HDR, ฟังก์ชันการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอแบบ Bokeh และมีโหมดการถ่ายภาพให้เลือกใช้แบบครบครัน อย่างเช่น โหมดถ่ายภาพเซลฟี่แบบกลุ่ม หรือโหมดถ่ายภาพหน้าสวยแบบ AI Face Beauty
 
สำหรับโหมด AI Face Beauty ของ Vivo X21 เป็นการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยวิเคราะห์ลักษณะโครงหน้าของผู้ใช้งานแต่ละบุคคล เพื่อนำไปปรับแต่งให้มีความสวยงามเหมาะสมมากที่สุด โดยผู้ใช้สามารถเลือกปรับค่าได้ตั้งแต่แบบอัตโนมัติ ไปจนถึงระดับ 6 พร้อมเปิดใช้งานฟังก์ชันถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอแบบ Bokeh พร้อมกันได้

มาพร้อมกับฟังก์ชัน AR Stickers สำหรับช่วยเพิ่มลูกเล่นให้แก่ภาพถ่าย พร้อมกับตัวเลือกสติ๊กเกอร์ให้เลือกใช้งานอย่างหลากหลาย

รวมทั้งสามารถตั้งค่าการใช้งานเพิ่มเติมของกล้องหน้าได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การตั้งสัดส่วนของภาพถ่าย, การเปิด-ปิด เสียงลั่นชัตเตอร์, การแท็กสถานที่บนภาพถ่าย, เปิดวิธีการสั่งงานถ่ายภาพด้วยการแตะ เสียง หรือฝ่ามือ, การเปิด-ปิด เอฟเฟ็กต์ภาพสะท้อน, การแท็กสถานที่บนภาพถ่าย และเปิด-ปิด การวิเคราะห์ลักษณะเพศชาย-หญิง

ส่วนการถ่ายภาพวิดีโอผ่านกล้องดิจัลด้านหน้า รองรับความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 4K Ultra HD
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลตัวหลักที่ด้านหลังแบบคู่ (Dual Camera) ความละเอียดระดับ 12 + 5 ล้านพิกเซล ของ Vivo X21
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพความละเอียดสูง 24 ล้านพิกเซล
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพความละเอียดสูง 24 ล้านพิกเซล
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพความละเอียดสูง 24 ล้านพิกเซล
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอแบบ AI Bokeh
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอแบบ AI Bokeh
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอแบบ AI Bokeh
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพแบบ AR Stickers
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพแบบ AR Stickers
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ผ่านโหมดถ่ายภาพหน้าสวย (AI Face Beauty) ของ Vivo X21

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวยแบบ AI Face Beauty
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวยแบบ AI Face Beauty
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย พร้อมปรับค่าความเนียนที่ระดับกลาง
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย พร้อมปรับค่าความเนียนที่ระดับสูงสุด
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย พร้อมเปิดโหมดถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ และโหมดถ่ายภาพความละเอียดสูง 24 ล้านพิกเซล
สรุปผลการทดสอบของ Vivo X21

จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ สำหรับการรีวิวสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปใหม่ล่าสุดอย่าง Vivo X21 ซึ่งจากที่ทดสอบมาทั้งหมด ก็พอจะสรุปได้ว่า Vivo X21 เป็นสมาร์ทโฟนที่มีความน่าสนใจทั้งเรื่องของสเปกแบบครบเครื่อง และดีไซน์การออกแบบสวยงาม ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่เต็มตา ที่ช่วยให้ผู้ใช้รับชมคอนเทนต์ได้อย่างเต็มอารมณ์, บอดี้กระจกแบบ 3D Glass ที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่ง ผสานความพรีเมียมไปในตัว หรือคุณสมบัติต่างๆ ที่พร้อมตอบโจทย์การใช้งานแบบรอบด้าน
สำหรับไฮไลท์สำคัญของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้คงหนีไม่พ้นระบบเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ถูกฝังเอาไว้ใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint Scanning) ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในนวัตกรรมสุดล้ำแห่งสมาร์ทโฟนในอนาคต ที่ช่วยทำให้การยืนยันตัวตนเข้าใช้งานสะดวกมากยิ่งกว่าเดิม เพียงแค่ทาบนิ้วลงบนหน้าจอเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องมีปุ่มโฮม หรือปุ่มเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ Physical ติดตั้งอยู่บนบอดี้ของตัวเครื่องเหมือนสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ อีกทั้ง Vivo X21 ยังเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของประเทศไทยที่ได้ใช้นวัตกรรมสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอเป็นรุ่นแรกของประเทศไทยด้วย
ด้านกล้องดิจิทัลสำหรับถ่ายภาพ โดยเฉพาะกล้องหลังก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าว เนื่องจากมาพร้อมกับระบบกล้องหลังแบบคู่ (Dual Camera) ความละเอียด 12 + 5 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้างสูงสุดที่ f/1.8 และ f/2.4 ตามลำดับ, ไฟแฟลชแบบ LED พร้อมเซ็นเซอร์รับภาพแบบ Dual Pixel ทำให้ช่วยภ่ายภาพได้ที่ความละเอียดสูงสุด 24 ล้านพิกเซล นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับฟังก์ชัน
AI Bokeh สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ ซึ่งจากที่ทดสอบก็พบว่า กล้องหลังของ Vivo X21 สามารถจับโฟกัสได้อย่างรวดเร็ว และสามารถถ่ายทอดสีสันออกมาได้อย่างสมจริง ส่วนโหมด AI Bokeh ก็สามารถตัดขอบระหว่างตัวแบบ และฉากหลังได้อย่างเนียนตา พร้อมกับเบลอฉากหลังให้ละลายได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ตัวแบบดูมีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
ทางด้านกล้องหน้าของ Vivo X21 ก็สามารถถ่ายภาพเซลฟี่ได้อย่างสวยงาม ด้วยการมาพร้อมกับกล้องความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้างสูงสุดที่ f/2.0 พร้อมเซ็นเซอร์รับภาพแบบ Dual Pixel ที่ช่วยให้เก็บภาพความละเอียดสูงสุดที่ 24 ล้านพิกเซล พร้อมทั้งรองรับเทคโนโลยี AI Face Beauty ที่เป็นการนำเอาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์ลักษณะโครงหน้าของผู้ใช้งาน ซึ่งจากที่ทดสอบก็พบว่า สามารถเก็บ
าพเซลฟี่ได้อย่างคมชัดสมจริง รวมทั้งยังสามารถปรับความเรียบเนียนของผิวหน้าผู้ใช้งานได้อย่างเป็นธรรมชาติ และยังสามารถถ่ายภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอได้อีกด้วย
ด้านการแสดงผล และดีไซน์ตัวเครื่อง ก็ถือว่ามีความน่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะ Vivo X21 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลไร้ขอบแบบ FullView Display ขนาดใหญ่ถึง 6.28 นิ้ว พร้อมสัดส่วนในการแสดงผลจอกว้างแบบ 19:9 และมีพื้นที่ในการแสดงผลสูงถึง 90.3% ทำให้รับชมคอนเทนต์, ท่องเว็บไซต์ หรือเล่นเกมได้อย่างเต็มตา เต็มอารมณ์ ส่วนดีไซน์ตัวเครื่องก็มีความโดดเด่นด้วยบอดี้กระจกแบบ 3D Glass ที่มีความโค้งมน รับเข้ากับอุ้งมือผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี
ทำให้จับถือได้อย่างถนัดมือ
สำหรับด้านประสิทธภาพการทำงาน สามารถตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างรอบด้าน ด้วยชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Qualcomm SDM660 Snapdragon 660 AIE ความเร็วในการประมวลผล 2.2 GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Adreno 512, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 6 GB, หน่วยความจำภายใน (ROM) ความจุ 128 GB, และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android
8.1 Oreo ครอบทับด้วย Funtouch OS 4.0 เวอร์ชันใหม่ล่าสุด ที่มีลูกเล่นในการใช้งานอย่างหลากหลาย ซึ่งจากที่ทดสอบเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสามมิติ รวมไปถึงเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดสูงที่ระดับ Full HD 1080p ก็พบว่า Vivo X21 ตอบสนองการใช้งานได้อย่างลื่นไหล ไม่ปรากฏอาการหน่วง กระตุก หรืออาการสะสมความร้อนที่ตัวเครื่องให้เห็น
สำหรับคุณสมบัติด้านอื่นๆ ก็ถือจัดวางมาให้แบบครบครันสมกับราคาวางจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็น ฟังก์ชัน Smart Split สำหรับใช้งานสองแอปพลิเคชันพร้อมกัน, ฟังก์ชัน App Clone ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเล่นแอปพลิเคชันประเภทโซเชียลมีเดียได้พร้อมกัน 2 แอคเคานท์, ระบบปลดล็อกด้วยใบหน้าแบบ AI Face Access ที่สามารถปลดล็อกได้ภายในระยะเวลาเพียง 0.1 วินาที, แบตเตอรี่ขนาด 3200 mAh, ชิปเสียงแบบ Hi-Fi AK4376A ที่ให้เสียงแบบคมชัด
เติมเต็มประสบการณ์การฟังเพลง และการดูหนัง, แบตเตอรี่ขนาด 3200mAh, ฟังก์ชัน AI Game Mode สำหรับรีดประสิทธิภาพภายในตัวเครื่องเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ที่อำนวยความสะดวกในการเล่นเกม เช่น แสดงสายเรียกเข้าแบบป็อบอัป หรือคีย์บอร์ดขนาดเล็ก ทำให้ไม่บดบังสายตาขณะเล่นเกม
และจากการทั้งสองทั้งหมดก็พอจะสรุปได้ว่า Vivo X21 มีความเหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่มีจุดเด่นด้านความก้าวล้ำด้านนวัตกรรม และกล้องถ่ายภาพที่มีความสวยงามคมชัด รวมไปถึงคุณสมบัติแบบครบเครื่องที่พร้อมตอบโจทย์ทุกการใช้งานได้อย่างลื่นไหล และมีฟีเจอร์ต่างๆ ให้ใช้งานได้อย่างหลากหลาย ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาวางจำหน่ายที่ 19,990 บาทแล้ว Vivo X21 ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่มีความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
สำหรับ Vivo X21 จะเริ่มเปิดให้สั่งจองล่วงหน้า (Pre-Order) ภายในงาน Thailand Mobile Expo 2018 ที่จัดขึ้นในวันที่ 24 พฤษภาคม ปี 2018 และจะเริ่มส่งมอบตัวเครื่องตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคมเป็นต้นไป ส่วนกำหนดการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ จะเริ่มขึ้นในวันที่ 1 พฤษภาคมที่กำลังจะถึงนี้ ซึ่งหากใครที่สนใจก็สามารถแวะเวียนไปทดลองใช้งานเบื้องต้นได้ที่งาน Thailand Mobile Expo รวมถึง Vivo Shop และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศครับ
สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง Vivo ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง Vivo X21 มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน แล้วพบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ
จุดเด่นของ Vivo X21
- ดีไซน์ตัวเครื่องแบบ 3D Glass Unibody ด้วยบอดี้กระจกแบบโค้ง พร้อมเทคโนโลยีการเคลือบสีผิวแบบสะท้อนแสง - เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (In-Display Fingerprint Scanning) สำหรับตรวจสอบสิทธิ์ของการใช้งานเครื่อง และการเข้าถึงข้อมูลภายใน
- รองรับระบบจดจำใบหน้าสำหรับปลดล็อกตัวเครื่อง (AI Face Access)
- จอแสดงผลแบบไร้ขอบ FullView Display ความละเอียด 2280x1080 พิกเซล ขนาด 6.3 นิ้ว ในอัตราส่วน 19:9 พร้อมฟังก์ชัน Always On Display สำหรับแสดงการแจ้งเตือนขณะที่ดับหน้าจอ
- หน่วยประมวลผลภาพกราฟิกโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Adreno 512
- รองรับการใช้งานสองแอปพลิเคชันพร้อมกันผ่านฟังก์ชัน Smart Split
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต Octa-Core Qualcomm SDM660 Snapdragon 660 AIE ความเร็วในการประมวลผล 2.2 GHz
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ครอบทับด้วย Funtouch OS 4.0 เวอร์ชันล่าสุด
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 128 GB พร้อมรองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 256 GB
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 6 GB
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมเซ็นเซอร์รับภาพแบ Dual Pixel, รูรับแสงกว้างสูงสุดที่ f/2.0, ไฟแฟลชแบบ Screen Flash, พร้อมรองรับเทคโนโลยี AI Face Beauty, ฟังก์ชัน Bokeh, ฟังก์ชัน AR Stickers, รองรับการถ่ายภาพที่ความละเอียดสูง 24 ล้านพิกเซล และรองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K Ultra HD
- กล้องดิจิทัลด้านหลังแบบ Dual Camera ความละเอียด 12 + 5 ล้านพิกเซล พร้อมเซ็นเซอร์รับภาพแบบ Dual Pixel, รูรับแสงกว้างสูงสุด f/1.8 และ f/2.4, ไฟแฟลช LED, รองรับเทคโนโลยี AI Bokeh และรองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K Ultra HD
- รองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด (Dual SIM)
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G, WiFi, EDGE และ GPRS
- รองรับเทคโนโลยีการสื่อสารทางเสียงผ่านโครงข่าย 4G (Voice over LTE : VoLTE) ได้ทั้ง 2 ซิมการ์ดด้วย
- รองรับเทคโนโลยี USB OTG (USB On-the-Go) ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้โดยตรง โดยไม่ต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นทางผ่าน
- ระบบ GPS+A-GPS ในตัว (Global Positioning System : ระบบดาวเทียมนำร่อง)
- แอปพลิเคชัน i Manager สำหรับจัดการส่วนต่างๆ ภายในเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น การล้างข้อมูล (การเคลียร์แรม), การตั้งค่าเพื่อควบคุมการใช้งานอินเทอร์เน็ต, การจัดการแอปพลิเคชัน และการจำกัดความเป็นส่วนตัว
- ฟังก์ชัน App Clone สำหรับใช้งานแอปพลิเคชันประเภทโซเชียลมีเดียได้พร้อมกัน 2 แอคเคานท์
- ชิปเสียง Hi-Fi แบบ AK4376A
- ชนิดแบตเตอรี่แบบ Li-Ion ขนาด 3200 mAh พร้อมเทคโนโลยี Dual-Charging Engine
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Vivo X21
- การแสดงผลแบบเต็มหน้าจอ FullView ในอัตราส่วนแบบ 19:9 ยังทำงานได้ไม่สมบูรณ์ 100% เช่นการเปิดดู YouTube, การเปิดดูคลิปวิดีโอ, การเล่นเกม หรืออื่นๆ
- วัสดุที่ใช้ผลิตตัวเครื่องเป็นกระจก พร้อมผิวสัมผัสแบบมันวาว จึงอาจทำให้เกิดคราบเปื้อน หรือรอยนิ้วมือได้ง่าย
- พอร์ตเชื่อมต่อเป็นแบบ microUSB ยังไม่ใช่ USB Type-C
- ใช้ถาดแบบ Hybrid Slot ซึ่งช่องใส่ซิมการ์ดที่สอง ต้องเลือกใส่อย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างซิมการ์ด หรือการ์ด microSD
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
สรุปคุณสมบัติเครื่อง
ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติ (สเปก) และราคา ของ Vivo X21 ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้
สรุปคุณสมบัติ (สเปก) และราคา ของ Vivo X21
:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter | ไปหน้าแรก
Mobile Focus ::
|