พรีวิว (Preview) OPPO N1
สมาร์ทโฟน สุดล้ำ พร้อมกล้อง 13 ล้านพิกเซล ที่หมุนได้ 206 องศา กับระบบควบคุมการทำงานแบบ O-Touch Panel และ O-Click Control
Review
Date (7-พฤศจิกายน-2556)
เพิ่งเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา (6 พฤศจิกายน 2556) สำหรับ สมาร์ทโฟน รุ่นเรือธงตัวล่าสุดจากออปโป้ (OPPO) อย่าง OPPO N1 ซึ่งถือเป็นสุดยอดผลิตภัณฑ์ที่ออปโป้ภูมิใจเสนอมากที่สุดในปลายปีนี้ โดยจุดขายสำคัญอย่างแรกของ OPPO N1 ก็คือกล้องดิจิตอลประสิทธิภาพสูง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ที่สามารถหมุนได้ 206 องศา นั่นคือด้วยกล้องเพียงอันเดียวนี้ สามารถเป็นได้ทั้งกล้องด้านหลัง และกล้องด้านหน้า หรือแม้แต่จะหมุนให้เป็นกล้องด้านข้างตัวเครื่องก็ยังได้ เรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมล่าสุดของวงการ สมาร์ทโฟน เลยทีเดียว จุดขายต่อมาก็คือ ระบบควบคุมการทำงานแบบ O-Touch Panel ซึ่งเป็นแผงควบคุมแบบสัมผัส ที่อยู่บริเวณด้านหลังของตัวเครื่อง สามารถใช้งานได้กับหลายๆ ฟังก์ชัน เช่น การเลื่อนรูปภาพในแกลเลอรี่, การเลื่อนหน้าเว็บไซต์ หรือการเลื่อนหน้าโฮมสกรีน และจุดขายอีกอย่างก็เห็นจะเป็นอุปกรณ์เสริมที่เรียกว่า O-Click Control ซึ่งมีรูปร่างเหมือนเหรียญเล็กๆ บางๆ ที่สามารถพกพาได้อย่างสะดวกสบาย โดยมีประโยชน์ในการควบคุมเครื่องผ่านทางสัญญาณบลูทูธ เช่น การใช้เป็นชัตเตอร์กล้องแบบไร้สาย หรือการเรียกหาตัวเครื่อง ในกรณีที่หาเครื่องไม่เจอ และนอกจากนี้ OPPO N1 ก็ยังมีจุดขายที่น่าสนใจอีกมากมาย ดังนั้น ในวันนี้เราจะมาดูกันว่า OPPO N1 รุ่นนี้ จะมีของดีอะไรซ่อนอยู่ข้างในอีกบ้าง จะคุ้มค่าน่าซื้อขนาดไหน ในราคาเปิดตัวที่ 19,990 บาท ไปติดตามการพรีวิวสัมผัสแรกกับ OPPO N1 จากทีมงานของเราได้เลยครับ

รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

ตัวเครื่องของ OPPO N1 โดยรวมจะมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ ด้วยหน้าจอที่กว้างถึง 5.9 นิ้ว แต่ก็ยังคงสามารถจับถือได้อย่างถนัดมือ ส่วนวัสดุ, ความแข็งแรงทนทาน หรือความประณีตของชิ้นงาน ถือว่าทำได้ดีเช่นเคย เหมือน สมาร์ทโฟน ออปโป้ หลายๆ รุ่นที่ผ่านมา โดยหน้าจอแสดงผลของ OPPO N1 จะเป็นแบบ IPS LCD Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1920x1080 Pixels (Full HD 1080p : กว้าง 5.9 นิ้ว : 377 ppi) พร้อมกระจกหน้าจอที่มีความทนทานเป็นพิเศษแบบ Corning Gorilla Glass 3

ที่ด้านบนจะเป็นส่วนของกล้องดิจิตอล ซึ่งสามารถหมุนมาที่ด้านหน้าได้ (หมุนได้รวมทั้งหมด 206 องศา) รวมไปถึงลำโพงหูฟังสำหรับการสนทนา, Proximity Sensor และ Ambient Light Sensor

เมื่อหมุนกล้องมาที่ด้านหน้า ก็จะพบกับเลนส์กล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมกับไฟแฟลชแบบ Dual-Mode LED ซึ่งเป็นไฟแฟลชแบบ 2 สี ได้แก่สีขาว และสีส้ม โดยไฟแฟลชนี้จะถูกเปิดใช้ตามรูปแบบของการถ่ายภาพ เช่นหากถ่ายภาพหน้าคน ก็จะให้แสงที่ดูนุ่มนวล ไม่สว่างจ้าเหมือนที่เคย

วิธีการหมุนกล้อง ก็ง่ายๆ เพียงแค่ใช้นิ้วชี้ กับนิ้วโป้งหนีบเอาไว้ แล้วปรับมุม ปรับองศา ได้ตามต้องการ รวม 206 องศา

หากหมุนกล้องมาที่ด้านหน้า แอพพลิเคชั่นกล้อง ก็จะถูกเปิดขึ้นมาโดยอัตโนมัติ พร้อมถ่ายภายในระยะเวลาเพียงแค่ 0.6 วินาทีเท่านั้น

หากเราหมุนกล้องไปที่ด้านหน้า เมื่อพลิกดูที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ก็จะมีลักษณะดังภาพ เรียกว่าเห็นด้านหลังก็รู้ได้ทันทีว่าเป็น OPPO N1

ที่ด้านล่างของหน้าจอจะมีปุ่มสัมผัสในรูปแบบที่คุ้นเคยกันดี พร้อมไฟ LED โดยจะประกอบไปด้วยปุ่มเมนู, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ

ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่อง ดูราบเรียบ ไม่มีอะไรนอกจากช่องใส่ซิมการ์ดแบบ microSIM

ที่ด้านขวาของตัวเครื่องจะมีปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อคหน้าจอ และปุ่มเพิ่มลดระดับเสียง

ที่ด้านบนของตัวเครื่อง หากไม่ได้มีการหมุนกล้อง ก็จะดูราบเรียบ ไม่มีพอร์ตเชื่อมต่อใดๆ

แต่เมื่อหมุนกล้องขึ้นมา ก็จะมีลักษณะดังที่เห็น และด้วยเหตุนี้เอง การถ่ายภาพก็จะไม่ได้จำกัดเฉพาะแค่การถ่ายด้วยกล้องหน้า และถ่ายด้วยกล้องหลังอีกต่อไป เพราะด้วย OPPO N1 นี้ เราสามารถถ่ายด้วยกล้องด้านข้างได้ด้วย

ที่ด้านล่างของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วยไมโครโฟนสำหรับการสนทนา หรือบันทึกเสียง, ช่องเสียบสายหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ช่องเชื่อมต่อแบบ microUSB และลำโพงเสียงภายนอก

ที่ด้านหลังของตัวเครื่องจะดูเรียบๆ สะอาดตา โดยจะมีส่วนของกล้องดิจิตอล 13 ล้านพิกเซล และไมโครโฟนตัวที่สอง สำหรับการตัดเสียงรบกวน

แต่ด้านหลังที่ดูเรียบๆ นั้น มีของดีซ่อนอยู่ นั่นก็คือ O-Touch Control ซึ่งสามารถควบคุมการทำงานได้ 5 ทิศทางด้วยกัน คือขึ้น, ลง, ซ้าย, ขวา และตรงกลาง โดยการสัมผัสบริเวณตรงกลางก็อาจจะใช้แทนชัตเตอร์ถ่ายภาพ ส่วนการเลื่อนซ้าย-ขวาก็อาจจะใช้เวลาเลื่อนดูรูป และการเลื่อนขึ้น-ล่งก็อาจจะใช้เวลาเลื่อนดูเว็บไซต์ที่มีหน้ายาวๆ

สามารถเข้าไปตั้งค่าเพิ่มเติมสำหรับการใช้งาน O-Touch Control ได้ตามใจชอบ

ไม่ต้องสัมผัสกับหน้าจอ ก็สามารถเลื่อนดูรูปได้ง่ายๆ ยกตัวอย่างเช่น หากจะโชว์รูปให้เพื่อนดู ก็สามารถหันหน้าจอไปที่เพื่อนได้แบบเต็มๆ แล้วเลื่อนรูปด้วย O-Touch Panel ที่ด้านหลังได้ทันที
ฟีเจอร์เด่นที่น่าสนใจอื่นๆ ของ OPPO N1

เมื่อหน้าจอดับอยู่ เราสามารถเคาะที่หน้าจอ 2 ครั้งติดๆ กัน เพื่อปลุกการทำงานขึ้นมาได้

เมื่อเคาะหน้าจอติดๆ กัน 2 ครั้ง หน้าจอ Lockscreen ก็จะแสดงขึ้นมาโดยอัตโนมัติ

ออปโป้ได้นำพื้นฐานของระบบปฏิบัติการ Android 4.2 Jelly Bean มาปรับแต่งใหม่ จนกลายเป็นระบบปฏิบัติการของออปโป้เอง โดยมีชื่อเรียกสั้นๆ ง่ายๆ ว่า ColorOS ส่วนหน่วยประมวลผลจะเป็น Quad-Core Krait 300 Processor (ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 600) ความเร็วในการประมวลผล 1.7 GHz พร้อมหน่วยความจำ RAM ขนาด 2 GB และพื้นที่เก็บบันทึกข้อมูลภายในขนาด 16 GB (ไม่สามารถใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD Card เพิ่มได้)

ที่หน้าโฮมสกรีน มีวิดเจ็ตตัวหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ คือวิดเจ็ตกล้อง ที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเสียเวลากดเข้าไปที่แอพพลิเคชั่นกล้อง ก็สามารถกดถ่ายภาพเหตุการณ์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วทันใจ

OPPO N1 มีลูกเล่นเกี่ยวกับภาพพื้นหลังใส่มาให้ใช้งานมากมาย เช่นที่เห็นอยู่นี้ก็คือภาพพื้นหลังแบบไอน้ำบนกระจก ซึ่งเราสามารถเขียนตัวหนังสือลงไปบนภาพพื้นหลังได้ เหมือนกับเวลาที่เราเคยเล่นบนกระจกที่มีไอน้ำเกาะอยู่นั่นเอง

Live Wallpaper ที่จำลองจากสภาพอากาศแบบต่างๆ เช่น ในรูปนี้ก็จะเป็นแบบหิมะตก

และนอกจากหิมะตกแล้ว ก็ยังมีแบบเมฆมาก, แบบฝนฟ้าคะนอง และแบบอื่นๆ อีกมากมาย

วิดเจ็ตเครื่องเล่นเพลงแบบนี้ อาจจะเคยเห็นกันมาแล้วใน สมาร์ทโฟน ออปโป้ หลายๆ รุ่นที่ผ่านมา โดยสามารถเลื่อนเข็มมาที่แผ่นเสียงเพื่อเริ่มเล่นเพลง และสไลด์แผ่นเสียงลงมาเพื่อเปลี่ยนเพลง

ไอคอนของแอพพลิเคชั่นต่างๆ บนระบบปฏิบัติการ ColorOS ถูกดีไซน์ใหม่ ให้เป็นแบบไร้กรอบ

ไอคอนแอพพลิเคชั่นแบบไร้กรอบบนระบบปฏิบัติการ ColorOS

แอพพลิเคชั่นพื้นฐานของ สมาร์ทโฟน แอนดรอยด์ ถูกใส่มาอย่างครบครันตามมาตรฐาน

พื้นที่เก็บบันทึกข้อมูลภายในตัวเครื่องจะมีอยู่ทั้งหมด 16 GB แต่จะเหลือให้ใช้งานจริงอยู่ประมาณ 12-13 GB และน่าเสียดายที่ไม่สามารถใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD เพิ่มได้ ดังนั้นผู้ใช้ก็คงจะต้องบริหารพื้นที่กันให้ดี

ในชุดจำหน่ายมาตรฐานของ OPPO N1 จะมาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมชิ้นเล็กๆ ที่เรียกว่า O-Click Control ที่ใช้ควบคุมการทำงานของตัวเครื่องแบบไร้สาย ซึ่งเดี่ยวเราจะไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมกันต่อว่า O-Click Control นั้นจะนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไร

O-Click Control จะมีขนาดที่ใกล้เคียงกับเหรียญ 10 บาท โดยตัวอย่างของการใช้งาน ก็เช่นเวลาที่เราต้องการตั้งกล้องเพื่อถ่ายภาพหมู่ ก็ไม่ต้องวุ่นวายกับการใช้ฟังก์ชันตั้งเวลาถ่ายภาพล่วงหน้า และรีบวิ่งมาเข้ากลุ่มอีกต่อไป เพราะเราสามารถใช้ O-Click Control กดถ่ายภาพเมื่อไหร่ก็ได้ หรืออีกกรณีหนึ่ง หากเราเกิดลืมเครื่องเอาไว้ในห้องเก็บของ แต่นึกไม่ออกว่าเอาไปวางไว้ที่ไหน ก็ให้ใช้ O-Click Control กดเรียกได้ทันที

ด้วยดีไซน์ที่สวยทันสมัย จึงเหมาะกับการนำไปใช้เป็นพวงกุญแจเป็นอย่างยิ่ง

สำหรับ O-Click Control สามารถเปิดใช้งานได้ 4 โหมดหลัก ได้แก่ การใช้งานเป็นรีโมทกล้องไร้สาย, การค้นหาตัวเครื่อง, การป้องกันการสูญหาย และการแจ้งเตือนเมื่อตัวเครื่องออกไปนอกเขตสัญญาณ

อินเทอร์เฟสหลักของกล้องดิจิตอล จะมีรูปร่างหน้าตาที่ผู้ใช้ สมาร์ทโฟน ออปโป้ คงจะคุ้นเคยกันดี โดยจะดูเรียบง่าย เข้าใจได้ไม่ยาก

ฟีเจอร์ที่น่าสนใจที่สุดอย่างหนึ่งของกล้องดิจิตอลก็คือ Slow Speed Shutter ซึ่งสามารถเปิดชัตเตอร์ได้นานถึง 8 วินาที เหมาะสำหรับการถ่ายเส้นไฟสวยๆ ในเวลากลางคืน หรือจะถ่ายดวงดาวบนท้องฟ้าก็ยังไหว

สามารถเปิด-ปิดการใช้งาน O-Touch Shutter ได้

การถ่ายวีดีโอ สามารถถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD 1080p (1920x1080 พิกเซล) พร้อมรองรับการถ่ายวีดีโอแบบ Slow Motion และ HDR

ด้วยฟีเจอร์ของ Multi Finger Gesture จะช่วยให้เราสามารถใช้นิ้วมือสั่งงานในท่าทางต่างๆ ได้หลากหลาย

การใช้ 2 นิ้วสไลด์ขึ้น คือการเพิ่มระดับเสียง และการสไลด์ลง คือการลดระดับเสียง

เมื่อใช้ 3 นิ้วสไลด์ลงมา จะเป็นการจับภาพหน้าจอ

ง่ายมากๆ สำหรับการจับภาพหน้าจอบน OPPO N1

เมื่อรวบนิ้วเข้าหากัน จะเป็นการเข้าสู่แอพพลิเคชั่นกล้องดิจิตอล

ไม่ต้องคอยหาไอคอนของแอพพลิเคชั่นกล้องให้วุ่นวายอีกต่อไป เปิดใช้กล้องได้ง่ายๆ แค่รวบนิ้วเข้าหากันเท่านั้น

แม้ในขณะที่หน้าจอดับอยู่ เราก็ยังสามารถสั่งการให้เครื่องเข้าสู่แอพพลิเคชั่นต่างๆ ได้ทันทีโดยไม่ต้องปลดล็อคหน้าจอให้เสียเวลา

เช่นการลากนิ้วเป็นตัว V ก็คือการเข้าสู่แอพพลิเคชั่นไฟฉาย

ตอนมืดๆ หากหาไฟฉายไม่เจอไม่เป็นไร แค่ลากตัว V บนหน้าจอ OPPO N1 ก็มีไฟฉายให้ใช้งานกันแล้ว

หากลากนิ้วเป็นตัว O จะเป็นการเข้าสู่แอพพลิเคชั่นกล้องดิจิตอล

เจอเหตุการณ์สำคัญที่ไม่คาดคิด ก็ยังมีโอกาสเก็บภาพนั้นเอาไว้ได้ ด้วยการเปิดกล้องที่รวดเร็ว

รองรับการใช้งานระบบเสียงแบบรอบทิศทาง หรือระบบเสียงแบบ DOLBY พร้อมความยืดหยุ่นในการปรับตั้งค่า

แบตเตอรี่ของ OPPO N1 นั้นมีความจุมากถึง 3,610 mAh ดังนั้นก็น่าจะไม่ต้องกังวลว่าจะสามารถนำออกไปใช้งานได้ต่อเนื่องตลอดทั้งวันหรือไม่ แต่อย่างไรก็ดี ทางทีมงานก็คงจะต้องหาโอกาสทดสอบอย่างเป็นทางการกันอีกครั้งหนึ่ง
สรุปผลการทดสอบในเบื้องต้นของ OPPO N1

แม้ว่าจะเป็นการได้สัมผัส และทดลองใช้งาน OPPO N1 เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น แต่ทีมงานก็ได้รับประสบการณ์ต่างๆ ในการใช้งาน OPPO N1 กลับมาไม่น้อย ถ้าพูดถึงความประทับใจแรกต่อ OPPO N1 รุ่นนี้ หลักๆ ก็คงจะเป็นเรื่องความตั้งใจของทีมงานออปโป้ ที่พยายามพัฒนาจุดขายในเชิงนวัตกรรมที่แตกต่างให้กับ OPPO N1 ที่ไม่สามารถหาได้จาก สมาร์ทโฟน ในระดับเดียวกัน เริ่มตั้งแต่กล้องดิจิตอลประสิทธิภาพสูง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ที่หมุนได้ 206 องศา ดังนั้นต่อไป ไม่ว่าจะใช้ถ่ายภาพตนเอง หรือจะถ่ายภาพตามปกติ คุณภาพที่ได้ก็จะไม่แตกต่างกันอีกต่อไป รวมไปถึงการถ่ายภาพในมุมมองต่างๆ ก็จะง่ายดายยิ่งขึ้น ต่อมาก็คืออุปกรณ์ควบคุมการทำงานแบบ O-Touch Panel ซึ่งหลายคนอาจจะนึกภาพประโยชน์ที่ชัดเจนของ O-Touch Panel ไม่ออก แต่หากให้ลองนึกว่าด้วยหน้าจอแสดงผลที่มีขนาดใหญ่ถึง 5.9 นิ้ว การที่จะเอื้อมนิ้วไปสัมผัสกับหน้าจอในบางจุด ก็คงจะทำได้ลำบาก แต่ด้วย O-Touch Panel เพียงแค่เราใช้นิ้วเอื้อมไปเล็กน้อยที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ก็สามารถควบคุมการทำงานต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้นแล้ว และสำหรับอุปกรณ์เสริมที่มาพร้อมชุดขาย ที่มีชื่อว่า O-Click Control นอกจากจะสามารถนำพกติดตัวไปใช้งานได้จริงแล้ว ทั้งการใช้เป็นชัตเตอร์กล้องแบบไร้สาย หรือใช้เป็นตัวช่วยในการค้นหาตัวเครื่อง ก็ยังนำมาใช้เป็นเครื่องประดับเก๋ๆ ได้ด้วย เช่นจะนำมาทำเป็นพวงกุญแจก็นับว่าเป็นไอเดียที่น่าสนใจไม่น้อย
นอกจากนวัตกรรมที่แตกต่างของ OPPO N1 ข้างต้น คุณสมบัติ หรือฟีเจอร์อื่นๆ ก็มีความครบเครื่องตามมาตรฐานของ สมาร์ทโฟน ระดับไฮเอนด์ ตั้งแต่หน้าจอ Full HD ที่มีขนาดใหญ่ถึง 5.9 นิ้ว, หน่วยประมวลผล Quad-Core Qualcomm Snapdragon 600 ความเร็ว 1.7 GHz พร้อมกระจกหน้าจอสุดแกร่งแบบ Gorilla Glass 3, จีพียู Adreno 320, หน่วยความจำ RAM ขนาด 2 GB และพื้นที่เก็บบันทึกข้อมูลขนาด 16 GB โดยทั้งหมดนี้ ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 4.2 Jelly Bean ซึ่งมีความสดใหม่พอตัว และในอนาคตก็จะมีการอัพเดทตามมาอีก กับราคาเปิดตัวที่ 19,990 บาท อาจจะดูเป็นราคาที่สูง แต่หากเปรียบเทียบกับคุณสมบัติโดยรวม ก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อ และเหมาะกับใครก็ตาม ที่ต้องการสัมผัสกับนวัตกรรมที่แตกต่างบนสมาร์ทโฟนรุ่นนี้นั่นเอง และแน่นอนว่า หากเครื่อง OPPO N1 มาถึงมือทีมงานเมื่อไหร่ ก็จะนำมารีวิวแบบเต็มๆ ให้ทุกท่านได้ติดตามกันอีกครั้งอย่างแน่นอนครับ
จุดเด่นของ OPPO N1
- การออกแบบดีไซน์ตัวเครื่องมีความเรียบหรู มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมถึงใช้วัสดุคุณภาพดี, การประกอบที่ดูแน่นหนาแข็งแรง และพื้นผิวที่ป้องกันรอยนิ้วมือได้
- จอแสดงผลแบบ IPS LCD Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1920x1080 Pixels (Full HD 1080p : กว้าง 5.9 นิ้ว : 377 ppi) พร้อมกระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 3
- หน่วยประมวลผลภาพกราฟฟิคโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Adreno 320
- ประมวลผลการทำงานด้วย Quad-Core Krait 300 Processor (ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 600) ความเร็วในการประมวลผล 1.7 GHz
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ ColorOS (มีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 4.2 Jelly Bean)
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 16 GB
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 2 GB
- อุปกรณ์ควบคุมการทำงานแบบสัมผัสที่ด้านหลังของตัวเครื่อง (O-Touch Panel)
- รองรับการใช้งานร่วมกับ O-Click Control
- กล้องดิจิตอลในตัว ความละเอียดระดับ 13 ล้านพิกเซล และสามารถหมุนได้รอบทิศทาง รวม 206 องศา พร้อมเปิดการใช้งานกล้องได้ภายในเวลา 0.6 วินาที
- มีความทนทานต่อการหมุนได้สูงสุด 100,000 ครั้ง (หากหมุน 40 ครั้งต่อวัน จะมีความทนทานนาน 7 ปี)
- โมดูลกล้องประกอบไปด้วยชิ้นเลนส์ 6 ชิ้น
- ไฟแฟลชแบบคู่ (Dual-Mode LED)
- เซ็นเซอร์กล้องมีขนาด 1/3.06 นิ้ว
- หน่วยประมวลผลสำหรับการถ่ายภาพโดยเฉพาะแบบ PURE IMAGE Processor พร้อมระบบประมวลผลภาพแบบ PI Engine
- รองรับการปรับค่าความเร็วชัตเตอร์ (Shutter Speed) ได้ช้าสูงสุด 8 วินาที
- ขนาดของรูรับแสง (Aperture) กว้างสูงสุดที่ F/2.0
- รองรับการถ่ายภาพวีดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD 1080p (1920x1080 Pixels : 30 fps) พร้อมโหมดการถ่ายวีดีโอแบบ Slow Motion และ HDR
- ระบบ Dark Screen Gesture, Multi Finger Gesture และ Hand Gesture Board
- โหมดการทำงานแบบ Guest Viewing Mode, Holiday Mode, Clean Platform และ Cloud Service
- รองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ WiFi, 3G, EDGE และ GPRS
- รองรับการใช้งานกับระบบ 3G ทุกคลื่นความถี่ภายในเครื่องเดียวกัน
- ระบบ GPS ในตัว (Global Positioning System : ระบบดาวเทียมนำร่อง) พร้อมฟังก์ชัน A-GPS
- แบตเตอรี่ Li-Ion ความจุ 3610 mAh
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ OPPO N1
- ตัวเครื่องมีขนาดค่อนข้างใหญ่ และค่อนข้างหนัก
- ไม่สามารถใส่การ์ดหน่วยความจำเพิ่มเติมได้
- ไม่มีปุ่มกล้องดิจิตอลในตัว
- ไม่รองรับการใช้งานกับระบบเครือข่ายความเร็วสูงแบบ 4G LTE
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
สรุปคุณสมบัติเครื่อง
ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติแบบสรุป (Specification) ของ OPPO N1 ได้โดยการคลิ๊กที่ Link ด้านล่างนี้
OPPO N1 Specification title="Sony Xperia ZL Specification">

:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter
| ไปหน้าแรก
Mobile Focus ::
|