พรีวิว (Preview) OPPO F1 Plus
สัมผัสแรกกับสมาร์ทโฟนเซลฟี่ขั้นโปรตัวจริง ด้วยกล้องหน้า 16 ล้านพิกเซลที่คมชัดเกินใคร บนบอดี้โลหะสุดบางเฉียบเพียง 6.6 มิลลิเมตร พร้อมจอ Full HD ใหญ่เต็มตา 5.5 นิ้ว, ชิปเซ็ต Octa-Core Helio P10, แรม 4 GB, หน่วยความจำภายในขนาดใหญ่ 64 GB, กล้องหลัง 13 ล้าน และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ในราคา 15,990 บาท
Preview
Date (29-เมษายน-2559)

หลังจากที่ทาง OPPO ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจด้วยการเปิดตัว OPPO F1 ที่มาพร้อมกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ซึ่งมีเซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1/4 นิ้ว เรียกได้ว่า เป็นสมาร์ทโฟนที่มีเซ็นเซอร์กล้องหน้าที่ใหญ่ และละเอียด จนได้รับฉายาว่า Selfie Expert เลยทีเดียว และล่าสุดทาง OPPO เตรียมที่จะเปิดตัวสมาร์ทโฟนซีรีส์ F1 รุ่นต่อยอด ที่มีการพัฒนาเซ็นเซอร์กล้องดิจิทัลด้านหน้าให้มีขนาดใหญ่ถึง 1/3.1 นิ้ว พร้อมกับความละเอียดที่มากถึง 16 ล้านพิกเซล นั่นคือ OPPO F1 Plus (OPPO R9)
ก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหาบทความพรีวิว OPPO F1 Plus ทางทีมงานไทยโมบายเซ็นเตอร์ขอกล่าวถึงสาเหตุว่า เพราะเหตุใดตอนเปิดตัวที่ประเทศจีนจึงใช้ชื่อว่า OPPO R9 แต่พอเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยจึงเปลี่ยนชื่อเป็น OPPO F1 Plus นั่นก็เนื่องจากเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาทาง OPPO ได้ทำการวางจำหน่าย OPPO F1 สมาร์ทโฟนที่มีจุดเด่นที่กล้องดิจิทัลด้านหน้า และ OPPO R9 ก็มีจุดเด่นที่กล้องดิจิทัลด้านหน้าเช่นเดียวกัน ทาง OPPO จึงทำการเปลี่ยนชื่อจาก OPPO R9 เป็น OPPO F1 Plus เพื่อให้เป็นสมาร์ทโฟนซีรี่ส์เดียวกัน (เฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา กับประเทศจีน ที่วางจำหน่ายโดยใช้ชื่อ OPPO R9)
สำหรับ OPPO F1 Plus มีสิ่งที่พัฒนาเข้ามาใหม่หลายส่วนด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ ดีไซน์ตัวเครื่องที่มีความโค้งมน และบางเฉียบเพียง 6.6 มิลลิเมตร พร้อมเสริมความแข็งแกร่งด้วยเทคโนโลยีการผลิตแบบ Metal-Unibody, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ สำหรับตรวจสอบสิทธิการเข้าใช้งานตัวเครื่อง พร้อมเทคโนโลยี Touch Access ที่ใช้เวลาในการปลดล็อกเพียง 0.2 วินาที, จอแสดงผลแบบ AMOLED Full HD (1080p) ขนาด 5.5 นิ้ว พร้อมเสริมความแข็งแกร่งด้วยกระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 4, แบตเตอรี่มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 2850 mAh, รองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง (VOOC Flash Charge), ชิปเซ็ต Octa-Core Mediatek MT6755 Helio P10, หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Mali-T860 MP2, หน่วยความจำแรม 4 GB, หน่วยความจำภายในขนาดใหญ่ถึง 64 GB และกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ที่มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ถึง 1/3.1 นิ้ว กับรูรับแสง F/2.0 ซึ่งถ้าหากพิจารณากันให้ดี ก็จะเห็นได้ว่า OPPO F1 Plus มีการปรับปรุงให้ดีขึ้นเกือบทุกด้านเลยก็ว่าได้
ล่าสุดเครื่อง OPPO F1 Plus ก็ได้ถูกส่งตรงมาถึงมือทีมงานไทยโมบายเซ็นเตอร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาขอเชิญท่านผู้อ่านทุกท่าน ไปชมพรีวิวสัมผัสแรกกับ OPPO F1 Plus กันได้เลยครับ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

OPPO F1 Plus มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล ขนาด 5.5 นิ้ว พร้อมเสริมความแข็งแกร่งด้วยกระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 4 โดยมีขนาดของตัวเครื่องอยู่ที่ 151.8x74.3x6.6 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 145 กรัม

ด้านหน้าส่วนบนประกอบไปด้วยกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1/3.1 นิ้ว พร้อมขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.0, ลำโพงสำหรับฟังขณะทำการสนทนา, ระบบ Accelerometer Sensor สำหรับช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้ และระบบ Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน

ด้านหน้าส่วนล่างมีปุ่มการสั่งงานแบบสัมผัส (Touch Panel) ได้แก่ ปุ่ม Recent Apps, ปุ่มโฮม หรือเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Sensor) ซึ่งมีพื้นฐานอยู่บนเทคโนโลยี Touch Access โดยใช้เวลาในการปลดล็อกภายใน 0.2 วินาที สำหรับตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าใช้งานเครื่อง และการเข้าถึงข้อมูลภายใน และปุ่มย้อนกลับ

ด้านบนของตัวเครื่องมีไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวนขณะทำการบันทึกเสียง หรือถ่ายวิดีโอ

ด้านล่างของตัวเครื่องประกอบไปด้วยลำโพงเสียงภายนอก, ช่องเชื่อมต่อกับสาย microUSB สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ หรือส่งผ่านข้อมูล, ไมโครโฟน และช่องเชื่อมต่อกับหูฟังแบบมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร

ด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่ม เปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอ และช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดที่ 1 กับช่องใส่ซิมการ์ดที่ 2 หรือเพิ่มหน่วยความจำภายนอก ซึ่งในช่องที่สองจะต้องเลือกใช้งานอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่าง ซิมการ์ดที่ 2 หรือการ์ดหน่วยความจำภายนอก

ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีปุ่ม เพิ่ม-ลด ระดับเสียง

ด้านหลังของตัวเครื่องประกอบไปด้วยกล้องดิจิทัลความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) และไฟแฟลช LED นอกจากนี้ขอบตัวเครื่องของ OPPO F1 Plus ใช้เทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องแบบ Metal-Unibody จึงทำให้ตัวเครื่องมีความแข็งแรงทนทาน และดูสวยงามลงตัวเป็นอย่างมาก
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ
 
OPPO F1 Plus มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ ColorOS 3.0 (มีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 5.1 Lollipop)

ซึ่งมาพร้อมกับหน่วยความจำภายในขนาดใหญ่ถึง 64 GB และรองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 128 GB (ใช้งานร่วมกับช่องใส่ซิมการ์ดที่สอง)
 
OPPO F1 Plus สามารถปรับแต่งหน้าจอโฮมสกรีนได้ ไม่ว่าจะเป็น การนำวิดเจ็ตที่ต้องการใช้งานมาไว้ที่หน้าจอโฮมสกรีน หรือการเปลี่ยนเอฟเฟกต์การปลดล็อกหน้า
 
อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนธีม หรือดาวน์โหลดธีมอื่นๆ มาใช้งานเพิ่มเติมได้ผ่าน แอปพลิเคชัน Theme Store
 
ทางด้านบริการต่างๆ จากทาง Google ก็มีให้ใช้งานครบเหมือนเช่นเคย อาทิเช่น Google Maps หรือ Youtube
 
OPPO F1 Plus มาพร้อมกับแอปพลิเคชัน "ศูนย์รักษาความปลอดภัย" ที่สามารถตั้งค่าความเป็นส่วนตัวต่างๆ ได้ โดยคุณสามารถป้องกันการเข้าถึงแอปพลิเคชันที่คุณไม่ต้องการให้บุคคลอื่นเห็น, สามารถบล็อคสายเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่ต้องการให้ติดต่อ หรือตั้งค่าการใช้งานของปริมาณอินเทอร์เน็ต รวมไปถึงการ ซ่อนรูปภาพ, ซ่อนวิดีโอ และซ่อนแอปพลิเคชัน ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน

OPPO F1 Plus มีบริการสำรองข้อมูลให้ใช้งาน โดยคุณสามารถสำรองข้อมูลผู้ติดต่อ กับข้อความ SMS ได้ผ่านระบบคลาวดผ่านแอปพลิเคชัน O-Clound
 
OPPO F1 Plus ยังมาพร้อมกับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ สำหรับตรวจสอบสิทธิ์การเข้าใช้งานตัวเครื่อง ซึ่งสามารถเพิ่มจำนวนลายนิ้วมือได้มากกว่า 1 ลายนิ้วมืออีกด้วย
 
สามารถตั้งค่า เปิด-ปิด การสั่งงานด้วยท่าทาง (Motion Control) ได้ เช่น เคาะที่หน้าจอแสดงผล 2 ครั้ง เพื่อปลุกการทำงานของ OPPO F1, วาดตัวโอเพื่อเปิดใช้งานกล้อง และสามารถเพิ่มท่าทางด้วยตนเองได้
 
อีกทั้งยังสามารถ เปิด-ปิด การสั่งงานด้วยนิ้วมือได้อีกหลายแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การจีบนิ้วมือเพื่อเปิดกล้องถ่ายภาพ, ดับเบิลคลิกปุ่มโฮมเพื่อล็อกหน้าจอ, การใช้ 3 นิ้วเลื่อนขึ้น หรือลง เพื่อจับภาพหน้าจอ, การใช้ 2 นิ้ว เลื่อนขึ้น หรือลง ในการ เพิ่ม-ลด ระดับของเสียง และการเปิดโหมดการใช้งานมือเดียวด้วยการใช้นิ้วเลื่อนจากมุมขวาล่าง หรือซ้ายล่าง ของหน้าจอ อีกทั้งยังมีฟังก์ชันพิเศษๆ ที่น่าสนใจอีกหลายอย่างด้วยกัน คือ ในขณะที่เปิดดูข้อมูล หรือหมายเลขโทรศัพท์ของบุคคลที่ต้องการติดต่อ เพียงแค่ยกเครื่องไปแนบที่หู OPPO F1 Plus จะทำการโทรออกให้ทันที, รับสายโทรเข้าได้ง่ายๆ เพียงแค่นำโทรศัพท์แนบกับใบหู, ปิดการใช้งานลำโพงเสียงภายนอก เพียงแค่นำโทรศัพท์แนบกับใบหู และคว่ำโทรศัพท์เพื่อปิดเสียง
 
ทางด้านแอปพลิเคชันสำหรับฟังเพลงก็มีให้ใช้งานบน OPPO F1 Plus อีกทั้งยังสามารถเปิดใช้งานระบบเสียง Dirac HD Sound ได้อีกด้วย (การกำหนดค่าต่างๆ จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับหูฟังเสียก่อน)

OPPO F1 Plus สามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดสูงระดับ Full HD (1080p) ได้อย่างไหลลื่น และสามารถแสดงผลภาพ และรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างคมชัด สมจริง

ทางด้านฟังก์ชัน Popup Play ก็มีให้ใช้งานบน OPPO F1 Plus ด้วยเช่นกัน
 
OPPO F1 Plus มาพร้อมกับชิปเซ็ต Octa-Core Mediatek MT6755 Helio P10 ความเร็วในการประมวลผล 2.0 GHz, หน่วยประมวลผลภาพกราฟิกแบบ Mali-T860 MP2, หน่วยความจำภายในขนาด 64 GB, หน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ ColorOS 3.0 (มีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 5.1 Lollipop)

ด้วยคุณสมบัติภายในที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ จึงทำให้ OPPO F1 Plus สามารถตอบโจทย์การเล่นเกมแบบสามมิติที่มีกราฟิกระดับสูงได้อย่างไหลลื่น และไม่มีอาการหน่วงให้พบเจอ
 
และเมื่อนำ OPPO F1 Plus มาทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 51497 คะแนน

และสามารถรองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 10 จุด
 
อีกทั้งยังสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอื่นๆ มาใช้งานเพิ่มเติมได้ผ่านแอปพลิเคชัน Google Play Store
กล้องดิจิทัล การถ่ายภาพนิ่ง และภาพวิดีโอ
 
สำหรับ Interface กล้องถ่ายภาพบน OPPO F1 Plus มีการปรับ Interface ต่างไปจากเดิมเล็กน้อย แต่ยังมีการแสดงฟังก์ชันต่างๆ ไว้ชัดเจนเหมือนเช่นเคย และมีโหมดการถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลากหลาย เช่น ปกติ, โหมด Ultra HD, โหมด Panorama Selfie และโหมดผู้เชี่ยวชาญ
 
โดยโหมดผู้เชี่ยวชาญสามารถปรับค่าต่างๆ ได้เหมือนกล้องโปร ไม่ว่าจะเป็น การปรับไวท์บาลานซ์, การชดเชยแสง หรือการปรับความเร็วชัตเตอร์

ในส่วนของเอฟเฟกต์สำหรับถ่ายภาพก็มีให้เลือกใช้งานหลากหลายรูปแบบ
 
ในส่วนของโหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Beautify 4.0) ก็ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิมด้วยเช่นกัน โดยนอกจากจะสามารถปรับค่าผิวเนียนได้ 7 ระดับแล้ว ก็ยังสามารถปรับสีผิวให้ดูอมชมพูมีเลือดฝาดเป็นธรรมชาติได้อีกด้วย นอกจากนี้ ยังสามารถ เปิด-ปิด ฟังก์ชันกล้องถ่ายภาพได้อีกหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การสัมผัสหน้าจอเพื่อถ่ายภาพ, การสั่งงานถ่ายภาพด้วยเสียง, การตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพ, การสั่งงานถ่ายภาพด้วยการชูฝ่ามือ และการเลือกสัดส่วนของภาพถ่าย
 
ทางด้านโหมดถ่ายภาพ HDR กับโหมดถ่ายภาพพาโนราม่า ก็มีให้ใช้งานบน OPPO F1 Plus ด้วยเช่นกัน
 
ส่วนกล้องดิจิทัลด้านหน้าก็มีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่าย และมีการแสดงไอคอนฟังก์ชันต่างๆ ไว้เช่นเดียวกับกล้องดิจิทัลด้านหลัง และยังสามารถ เปิด-ปิด ฟังก์ชันต่างๆ ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็น การสัมผัสหน้าจอเพื่อถ่ายภาพ, การสั่งงานถ่ายภาพด้วยเสียง, การตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพ, การสั่งงานถ่ายภาพด้วยการชูฝ่ามือ, การเลือกสัดส่วนของภาพถ่าย และกระจกสะท้อน
 
ในส่วนของโหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Beautify 4.0) ก็ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิมเช่นเดียวกับกล้องดิจิทัลด้านหลัง โดยนอกจากจะปรับค่าผิวเนียนได้ 7 ระดับแล้ว ก็ยังสามารถปรับให้สีผิวอมชมพูดูมีเลือดฝาดเป็นธรรมชาติได้อีกด้วย
 
อีกทั้งยังมีเอฟเฟก์สำหรับถ่ายภาพแบบใหม่ๆ ให้เลือกใช้งานหลายรูปแบบ ไม่เพียงเท่านั้น OPPO F1 Plus ยังสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชัน Screen Flash ที่ใช้แสงสว่างของหน้าจอแทนไฟแฟลชได้อีกด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 13 ล้านพิกเซล ของ OPPO F1 Plus

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ผ่านโหมด Beautify เวอร์ชัน 4.0 ของ OPPO F1 Plus
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Beautify ปรับค่าระดับ 3
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Beautify ปรับค่าระดับ 5
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Beautify ปรับค่าระดับ 7
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Beauty พร้อมปรับสีผิวอมชมพู
สรุปผลการทดสอบของ OPPO F1 Plus

จบลงไปแล้วนะครับ สำหรับการพรีวิว OPPO F1 Plus สมาร์ทโฟน Selfie Expert เพื่อคนรักการถ่ายภาพเซลฟี่พันธุ์แท้ ซึ่งจากการทดสอบเบื้องต้นที่ผ่านมาต้องขอบอกเลยว่า OPPO F1 Plus มีดีไซน์ตัวเครื่องที่ดูเรียบหรูมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็น ขอบตัวเครื่องที่มีความโค้งมน ที่ช่วยให้จับถือได้ถนัดมือ พร้อมเพิ่มความพรีเมียมด้วยการตัดขอบสีเงิน อีกทั้งยังใช้เทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องแบบ Metal-Unibody และบางเฉียบเพียง 6.6 มิลลิเมตร เท่านั้น เรียกได้ว่า มีทั้งความแข็งแรง ทนทาน และพกพาได้คล่องตัวอีกด้วย
นอกจากนี้ OPPO F1 Plus ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามาเติมเต็มให้มีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น เริ่มตั้งแต่ เทคโนโลยี Touch Access ที่เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ซึ่งช่วยตรวจจับลายนิ้วมือได้อย่างแม่นยำ และรวดเร็วมากๆ, รองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง (VOOC Flash Charge) และพัฒนาเซ็นเซอร์กล้องดิจิทัลด้านหน้าให้มีขนาดใหญ่ถึง 1/3.1 นิ้ว บนความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เรียกได้ว่า สามารถถ่ายภาพเซลฟี่ได้สวย คมชัดทุกสถานการณ์เลยทีเดียว
ในส่วนของคุณสมบัติภายในก็ถือว่าครบเครื่องพอตัว โดยจะมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ความละเอียดระดับ Full HD (1080p) ขนาด 5.5 นิ้ว, ชิปเซ็ต Mediatek MT6755 Helio P10, หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Mali-T860 MP2, หน่วยความจำแรมขนาด 4 GB, หน่วยความจำภายในขนาดใหญ่ถึง 64 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ ColorOS 3.0 (มีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 5.1 Lollipop)
สำหรับ OPPO F1 Plus จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยภายในงาน Thailand Mobile Expo 2016 Hi-End ที่กำลังจะจัดขึ้นในวันที่ 19-22 พฤษภาคม 2559 โดยขณะนี้ OPPO F1 Plus เริ่มวางจำหน่ายแล้วตาม OPPO Shop (บางสาขา) และร้านตัวแทนหน่าย (บางสาขา) ในราคา 15,990 บาท แต่อย่างไรก็ดี เนื้อหาทั้งหมดในข้างต้นเป็นเพียงการแนะนำฟีเจอร์ที่น่าสนใจบางส่วนเท่านั้น โดย OPPO F1 Plus ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมายมาก ซึ่งทางทีมงานไทยโมบายเซ็นเตอร์จะมากล่าวถึงโดยละเอียดอีกครั้งในรีวิวฉบับเต็ม สำหรับวันนี้ต้องลาไปก่อน พบกันใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ
จุดเด่นของ OPPO F1 Plus
- ตัวเครื่องบางเฉียบเพียง 6.6 มิลลิเมตร
- เทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องแบบ Metal-Unibody (กรอบตัวเครื่องโลหะถูกขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกัน)
- จอแสดงผลแบบ AMOLED Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1920x1080 Pixels (Full HD 1080p : กว้าง 5.5 นิ้ว : 401 ppi) พร้อมหน่วยประมวลผลภาพกราฟิกโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Mali-T860 MP2
- กระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 4 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันแรงกระแทก หรือรอยขีดข่วน
- คุณสมบัติแบบ Super Sensitive Touch ช่วยให้สามารถสั่งงานด้วยระบบสัมผัสได้ในขณะสวมถุงมือ หรือขณะที่มือเปียกน้ำ
- รองรับการเปลี่ยนธีม (Themes) พร้อมทั้งสามารถดาวน์โหลดธีมมาใช้งานเพิ่มเติมได้มากมาย
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต Octa-Core Mediatek MT6755 Helio P10 ความเร็วในการประมวลผล 2.0 GHz
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ ColorOS 3.0 (มีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 5.1 Lollipop)
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 64 GB
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 128 GB
- กล้องดิจิทัลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 13 ล้าน Pixels พร้อมรูรับแสงขนาด F/2.2, ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) และพร้อมไฟแฟลช LED
- รองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD 1080p
- กล้องดิจิทัลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 16 ล้าน Pixels โดยตัวเซ็นเซอร์มีขนาดใหญ่ถึง 1/3.1 นิ้ว และรูรับแสงขนาด F/2.0
- เทคโนโลยี Beautify เวอร์ชัน 4.0
- ฟังก์ชัน Screen Flash สำหรับการให้ความสว่างขณะถ่ายเซลฟี่ ด้วยไฟของหน้าจอแสดงผล พร้อมระบบปรับความสว่างอัตโนมัติ
- รองรับการใช้งานฟังก์ชัน Video Calling (สนทนาพร้อมภาพวิดีโอ)
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดพร้อมกันภายในเครื่องเดียว (Dual SIM : Dual Standby)
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G, EDGE และ GPRS
- ระบบ GPS+A-GPS ในตัว (Global Positioning System : ระบบดาวเทียมนำร่อง)
- แอปพลิเคชัน Security Centre สำหรับการจัดการกับแบตเตอรี่, หน่วยความจำภายใน, หน่วยความจำแรม และระบบความปลอดภัย
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Sensor) ที่ปุ่มโฮม สำหรับตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าใช้งานเครื่อง และการเข้าถึงข้อมูลภายใน ซึ่งทำงานอยู่บนพื้นฐานของเทคโนโลยี Touch Access โดยใช้เวลาในการปลดล็อกเพียง 0.2 วินาที
- รองรับเทคโนโลยี USB OTG (USB On-the-Go) ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้โดยตรง โดยไม่ต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นทางผ่าน
- ราคา 15,990 บาท
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ OPPO F1 Plus
- ไม่มีวิทยุ FM ในตัว
- แบตเตอรี่เป็นแบบ Built-in Battery จึงไม่สามารถถอด หรือเปลี่ยนด้วยตนเองได้
- ไม่มีโหมดประหยัดพลังงานขั้นสูงให้ใช้งาน
- แบตเตอรี่มีความจุ 2850 mAh ซึ่งหากเทียบกับขนาดของหน้าจอแสดงผล และคุณสมบัติโดยรวม ถือว่าไม่ใช่ความจุที่มากพอที่จะรองรับการใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานานได้
- ในช่องซิมการ์ดที่สองต้องเลือกใช้งานระหว่างซิมการ์ดที่ 2 หรือการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
สรุปคุณสมบัติเครื่อง
ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติแบบสรุป (Specification) ของ OPPO F1 Plus ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้
สรุปคุณสมบัติโดยละเอียดของ OPPO F1 Plus
title="Sony Xperia ZL Specification">

:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter
| ไปหน้าแรก
Mobile Focus ::
|