รีวิว (Review) OPPO A39
สมาร์ทโฟนเซลฟี่รุ่นเล็กสเปกดีใหม่ล่าสุด ด้วยกล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล ผสานฟังก์ชัน Beautify 4.0 พร้อมจอ 2.5D Gorilla Glass 4, ชิปเซ็ต Octa-Core 64-bit MT6750, RAM 3GB, ROM 32GB, กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล และแบตเตอรี่ 2900 mAh บนบอดี้โลหะบางเฉียบเรียบหรู ในราคาเบาๆ ที่ 7,990 บาท
Review
Date (9-ธันวาคม-2559)

สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ กลับมาพบกับทีมงานไทยโมบายเซ็นเตอร์อีกครั้งกับการรีวิวสมาร์ทโฟนรุ่นเด็ด สำหรับสมาร์ทโฟนที่เราจะนำมารีวิวให้ทุกท่านได้รับชมกันในวันนี้คือ OPPO A39 สมาร์ทโฟนเพื่อคนรักการถ่ายภาพเซลฟี่รุ่นเล็กสเปกดีใหม่ล่าสุด ที่เพิ่งจะเปิดตัว และวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการไปเมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ในราคาเบาๆ เพียง 7,990 บาท
สำหรับ OPPO A39 นั้นมีจุดขายหลักอยู่ที่กล้องถ่ายภาพ โดยกล้องดิจิทัลด้านหน้ามีความละเอียดอยู่ที่ 5 ล้านพิกเซล พร้อมเม็ดพิกเซลขนาด 1.4 ไมครอน, เซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1/4 นิ้ว, มีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.4 และรองรับการใช้งานร่วมกับฟังก์ชัน Screen Flash ส่วนกล้องดิจิทัลด้านหลังนั้นมีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด F/2.2 และไฟแฟลช LED
ส่วนจุดเด่นอื่นๆ ของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ก็มีอยู่หลายอย่างด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ ตัวเครื่องใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Metal-Unibody (โลหะแมกนีเซียมอะลูมิเนียม) พร้อมดีไซน์ที่เรียบหรู และบางเฉียบเพียง 7.65 มิลลิเมตร, หน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ความละเอียด 1280x720 พิกเซล ขนาด 5.2 นิ้ว พร้อมครอบทับด้วยกระจกขอบนูนแบบ 2.5D Gorilla Glass 4, ฟังก์ชันลดแสงสีฟ้าเพื่อถนอมสายตา, ถาดสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ Triple-Slot ซึ่งเป็น 3 ช่องอิสระ ที่สามารถใส่ซิมการ์ดที่ 1, ซิมการ์ดที่ 2 และการ์ดหน่วยความจำภายนอกได้พร้อมๆ กัน, รองรับการสั่งงานด้วยท่าทาง และรองรับระบบเสียง Dirac Power Sound กับ Dirac HD Sound
ในส่วนของประสิทธิภาพการประมวลผลนั้นก็ถือว่าครบเครื่อง และสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ครบทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นชิปเซ็ต Octa-Core 64-bit MediaTek MT6750 ความเร็วในการประมวลผล 1.5 GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Mali-T860, หน่วยความจำแรมขนาด 3 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 32 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ ColorOS 3.0 (มีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 5.1 Lollipop)
จากเนื้อหาที่กล่าวมาในข้างต้นจะเห็นได้ว่า OPPO A39 นั้นมีความน่าสนใจอยู่หลายส่วนด้วยกัน ทั้งในเรื่องของการออกแบบดีไซน์, คุณสมบัติตัวเครื่องที่พร้อมตอบโจทย์ทุกการใช้งาน และกล้องถ่ายภาพเซลฟี่สุดคมชัด ในราคาที่จับต้องได้ง่าย ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร ดีไซน์ตัวเครื่องจะสวยงามขนาดไหน และฟีเจอร์ที่มีอยู่บน OPPO A39 จะตอบสนองต่อการใช้งานได้ดีเพียงใด ขอเชิญทุกท่านรับชมรีวิว OPPO A39 กันต่อได้เลยครับ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

OPPO A39 มาในกล่องแพ็กเกจสีขาวสะอาดตา

โดยด้านหลังมีการระบุคุณสมบัติเด่นของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้เอาไว้ เช่น รองรับโหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Beautify 4.0), ชิปเซ็ต Octa-Core, จอ 2.5D ขนาด 5.2 นิ้ว, RAM ขนาด 3GB, ROM ขนาด 32GB และอื่นๆ

และภายในกล่องนั้นมีอุปกรณ์มาให้ใช้งานอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นอะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่, สายเชื่อมต่อแบบ microUSB สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ หรือโอนถ่ายข้อมูล, หูฟังแบบมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร, คู่มือการใช้งาน, เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด (SIM Door Key) และเคสใส

OPPO A39 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ความละเอียด 1280x720 พิกเซล ขนาด 5.2 นิ้ว พร้อมครอบทับด้วยกระจกขอบนูนแบบ 2.5D Gorilla Glass 4 โดยมีขนาดของตัวเครื่องอยู่ที่ 149.1x72.9x7.65 มิลลิเมตร กับน้ำหนัก 147 กรัม

ด้านหน้าส่วนบนประกอบไปด้วย กล้องดิจิทัลความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมเม็ดพิกเซลขนาด 1.4 ไมครอน, เซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1/4 นิ้ว, มีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.4 และรองรับการใช้งานร่วมกับฟังก์ชัน Screen Flash, ลำโพงสำหรับฟังขณะทำการสนทนา, เซ็นเซอร์ Accelerometer ที่ช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้, เซ็นเซอร์ Proximity สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน และเซ็นเซอร์ Ambient Light สำหรับปรับความสว่างของหน้าจอโดยอัตโนมัติตามสภาพแสงภายนอก

ด้านหน้าส่วนล่างมีปุ่มการสั่งงานแบบสัมผัส ซึ่งประกอบไปด้วยปุ่ม Recent Apps, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ

ด้านบนของตัวเครื่องไม่มีปุ่มการสั่งงาน หรือปุ่มฟังก์ชันใดๆ ให้ใช้งาน

ด้านล่างของตัวเครื่องมีช่องเชื่อมต่อกับหูฟังแบบมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟน, ช่องเชื่อมต่อแบบ microUSB สำหรับโอนถ่ายข้อมูล หรือชาร์จแบตเตอรี่ และลำโพงเสียงภายนอก


ด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่มเปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอ และถาดสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ Triple-Slot ซึ่งสามารถใส่ซิมการ์ดที่ 1, ซิมการ์ดที่ 2 และการ์ดหน่วยความจำภายนอกได้พร้อมๆ กัน

ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีปุ่มเพิ่ม-ลด ระดับเสียง


ด้านหลังของตัวเครื่องมีกล้องดิจิทัลความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ที่มีรูรับแสงขนาด F/2.2 พร้อมไฟแฟลช LED

โดยตัวเครื่องใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Unibody จึงทำให้ตัวเครื่องมีความสวยงามเรียบหรูเป็นพิเศษ
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ
 
OPPO A39 ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Color OS เวอร์ชัน 3.0 (มีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 5.1 Lollipop) พร้อมรองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด และรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE กับ 3G
 
OPPO A39 มาพร้อมหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 3 GB และหน่วยความจำภายในขนาด 32 GB
 
อีกทั้งยังมีฟังก์ชันการแจ้งเตือนให้ใช้งาน และยังสามารถเปิด-ปิด ฟังก์ชันลัดได้ เช่น การใช้งานอินเทอร์เน็ต หรือ GPS
 
ไม่เพียงเท่านั้น ยังสามารถปรับแต่งหน้าจอโฮมสกรีนได้ ไม่ว่าจะเป็น การนำวิดเจ็ตที่ต้องการใช้งานมาไว้ที่หน้าจอโฮมสกรีน หรือเปลี่ยนเอฟเฟกต์การปลดล็อกหน้าจอ
 
และยังสามารถเปลี่ยนธีม หรือดาวน์โหลดธีมอื่นๆ มาใช้งานเพิ่มเติมได้ผ่านแอปพลิเคชัน ร้านค้าธีม
 
ทางด้านบริการต่างๆ จากทาง Google ก็มีให้ใช้งานอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น Google Maps หรือ YouTube

นอกจากนี้ ยังสามารถสำรองข้อมูลทั้งรายชื่อโทรศัพท์ หรือข้อความได้ ผ่านแอปพลิเคชัน O-Cloud
 
ในส่วนของเว็บเบราว์เซอร์ก็ตอบสนองต่อการใช้งานได้ดี พร้อมทั้งสามารถแสดงรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน
 
และยังมาพร้อมกับแอปพลิเคชัน "ศูนย์รักษาความปลอดภัย" ที่สามารถตั้งค่าความเป็นส่วนตัวต่างๆ ได้ โดยคุณสามารถป้องกันการเข้าถึงแอปพลิเคชันที่คุณไม่ต้องการให้บุคคลอื่นเห็น หรือซ่อนแอปพลิเคชัน ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน และสามารถเคลียร์หน่วยความจำแรมได้
 
นอกจากนี้ OPPO A39 ยังมาสามารถเปิดใช้งานระบบป้องกันสายตาด้วยการลดแสงสีฟ้าได้ (Bluelight Filter) ซึ่งตัวระบบจะทำการลดแสงสีฟ้าได้ 3 ระดับตามความต้องการ เนื่องด้วยแสงสีฟ้ามีส่วนทำให้เมื่อยล้าดวงตาขณะที่ใช้งานต่อเนื่อง
 
อีกทั้งยังสามารถเปิดใช้งานโหมดประหยัดพลังงานได้อีกด้วย
 
อีกหนึ่งความน่าสนใจบน OPPO A39 คือ รองรับการสั่งงานด้วยท่าทาง (Motion Control) ได้ เช่น เคาะที่หน้าจอแสดงผล 2 ครั้ง เพื่อปลุกการทำงานเครื่อง, วาดตัวโอเพื่อเปิดใช้งานกล้อง และสามารถเพิ่มท่าทางอื่นๆ ด้วยตนเองได้
 
สามารถ เปิด-ปิด การสั่งงานด้วยนิ้วมือได้อีกหลายแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การใช้ 3 นิ้วเลื่อนขึ้น หรือลง เพื่อจับภาพหน้าจอ, การใช้ 2 นิ้ว เลื่อนขึ้น หรือลง ในการ เพิ่ม-ลด ระดับของเสียง และการเปิดโหมดการใช้งานมือเดียวด้วยการใช้นิ้วเลื่อนจากมุมขวาล่าง หรือซ้ายล่าง ของหน้าจอ
 
นอกจากนี้ ยังสามารถเปิดอ่าน หรือสร้างไฟล์เอกสาร ทั้ง Word, Excel และ PowerPoint ได้ผ่านแอปพลิเคชัน WPS Office
 
OPPO A39 ยังมาพร้อมกับแอปพลิเคชันสำหรับฟังเพลง อีกทั้งยังสามารถเปิดใช้งานระบบเสียง Dirac Power Sound กับ Dirac HD Sound ได้อีกด้วย โดยผู้ใช้งานต้องทำการเชื่อมต่อกับหูฟังเสียก่อน จึงจะเปิดใช้งานระบบเสียง Dirac HD Sound ได้
 
ทางด้านแอปพลิเคชันสำหรับฟังวิทยุ FM ก็มีให้ใช้งานบน OPPO A39 ด้วยเช่นกัน

อีกทั้งยังสามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดระดับ Full HD (1080p) ได้อย่างไหลลื่น โดยไม่มีอาการสะดุด หรือหน่วงให้พบเจอ

และมีฟังก์ชัน Popup Play ให้ใช้งานด้วยเช่นกัน
 
OPPO A39 มาพร้อมกับชิปเซ็ต Octa-Core 64-bit MediaTek MT6750 ความเร็วในการประมวลผล 1.5 GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Mali-T860, หน่วยความจำแรมขนาด 3 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 32 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ ColorOS 3.0 (มีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 5.1 Lollipop)
 
และเมื่อนำ OPPO A39 มาทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 42740 คะแนน

ต่อด้วยการทดสอบผ่านแอปพลิเคชัน AnTuTu 3DRating Benchmark พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 5498 คะแนน
 
OPPO A39 สามารถรองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 10 จุด และสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอื่นๆ มาใช้งานเพิ่มเติมได้ผ่านแอปพลิเคชัน Google Play Store
กล้องดิจิทัล ถ่ายภาพนิ่ง และถ่ายภาพวิดีโอ
 
สำหรับ Interface กล้องดิจิทัลหลังของ OPPO A39 นั้นมีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่าย พร้อมทั้งแสดงไอคอนฟังก์ชันต่างๆ ไว้ให้เลือกใช้งานได้ทันที อีกทั้งยังมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลากหลาย เช่น โหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Beautify 4.0), โหมดถ่ายภาพ Ultra HD (ความละเอียดสูงสุด 50 ล้านพิกเซล) และโหมดถ่ายภาพโปร
 
และยังสามารถเลือกใช้งานโหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Beautify 4.0) ได้ ซึ่งโหมดถ่ายภาพนี้สามารถปรับค่าผิวเนียนได้ถึง 7 ระดับ อีกทั้งยังสามารถปรับสีผิวอมชมพูดูมีเลือดฝาดได้อีกด้วย
 
ส่วนโหมดถ่ายภาพโปรก็สามารถปรับค่าเพื่อถ่ายภาพได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ไวท์บาลานซ์, การชดเชยแสง, ความเร็วชัตเตอร์ และการเลือกจุดโฟกัส
 
ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ใช้งานยังสามารถตั้งค่าเพื่อถ่ายภาพได้อีกหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การใช้งานไฟแฟลช LED, การเปิดใช้งานโหมดถ่ายภาพ HDR, การสัมผัสเพื่อถ่ายภาพ, การตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพ และการเลือกสัดส่วนของภาพถ่าย
 
นอกจากนี้ OPPO A39 ยังมีเอฟเฟกต์สำหรับถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลากหลายด้วยกัน อีกทั้งยังรองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD (1080p) และยังมีโหมด Time-Lapse ให้ใช้งานอีกด้วย
 
ในส่วนของกล้องดิจิทัลด้านหน้าก็มีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่ายเช่นเดียวกับกล้องดิจิทัลด้านหลัง พร้อมทั้งยังแสดงไอคอนฟังก์ชันต่างๆ ให้เลือกใช้งานได้ทันที และมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลากหลาย เช่น โหมดถ่ายภาพปกติ หรือโหมดถ่ายภาพ GIF
 
โดยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Beautify 4.0) นั้นสามารถปรับค่าผิวเนียนได้มากถึง 7 ระดับ และยังสามารถปรับสีผิวอมชมพูดูมีเลือดฝาดได้เช่นเดียวกัน

และที่พิเศษไปกว่านั้นคือ OPPO A39 มีโหมดถ่ายภาพพาโนราม่าเซลฟี่ให้ใช้งานอีกด้วย ซึ่งผู้ใช้สามารถถ่ายภาพแบบกลุ่มโดยไม่ต้องกลัวหลุดเฟรมเลยก็ว่าได้
 
นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าการใช้งานอื่นๆ เพิ่มเติมได้อีกหลายส่วนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การเปิดใช้งานฟังก์ชัน Screen Flash, การสัมเพื่อถ่ายภาพ, การยกฝ่ามือเพื่อถ่ายภาพ, การตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพ, การเลือกสัดส่วนของภาพถ่าย และการเปิดใช้งานฟังก์ชันกระจกเงาสะท้อน
 
กล้องดิจิทัลด้านหน้าสามารถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ HD (720p) และยังมีโหมด Time-Lapse ให้ใช้งานอีกด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 13 ล้านพิกเซล ของ OPPO A39

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ผ่านโหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Beautify 4.0) ของ OPPO A39
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Beautify 4.0) พร้อมปรับค่าระดับ 4
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Beautify 4.0) พร้อมปรับค่าระดับ 7
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Beautify 4.0) พร้อมปรับค่าระดับ 4 และปรับค่าผิวอมชมพูระดับปานกลาง
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Beautify 4.0) พร้อมปรับค่าระดับ 4 และปรับค่าผิวอมชมพูระดับสูงสุด
 
ภาพซ้ายถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ ส่วนภาพขวาถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ พร้อมเปิดใช้งานฟังก์ชัน Screen Flash จะเห็นได้ว่าภาพถ่ายทางขวามีความสว่าง และสีสันที่เป็นธรรมชาติมากกว่า
 
ภาพซ้ายถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ ส่วนภาพขวาถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ พร้อมเปิดใช้งานฟังก์ชัน Screen Flash จะเห็นได้ว่าภาพถ่ายทางขวามีความสว่าง และสีสันที่เป็นธรรมชาติมากกว่า
สรุปผลการทดสอบของ OPPO A39

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับสมาร์ทโฟนเพื่อคนรักการถ่ายภาพเซลฟี่รุ่นเล็กใหม่ล่าสุดอย่าง OPPO A39 ซึ่งอันดับแรกต้องขอยอมรับในเรื่องของการออกแบบดีไซน์ที่ทาง OPPO ได้เลือกใช้เทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องแบบ Metal-Unibody ที่มีความบางเฉียบเพียง 7.65 มิลลิเมตร ซึ่งทำให้ตัวเครื่องของ OPPO A39 นั้นมีความสวยงามดูเรียบหรูลงตัว นอกจากนี้ ตรงมุมตัวเครื่องทั้งสี่ด้านยังมีความโค้งมน บวกกับพื้นผิวแบบด้านที่ด้านหลัง จึงช่วยให้สามารถจับ หรือถือใช้งานได้อย่างคล่องตัว และไม่เกิดคราบเปื้อน หรือรอยนิ้วมือได้ง่ายอีกด้วย
ทางด้านกล้องถ่ายภาพที่เป็นจุดขายหลักของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ ก็สามารถตอบโจทย์ด้านการถ่ายภาพได้ดีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกล้องจิทัลด้านหน้าที่มีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมเม็ดพิกเซลขนาด 1.4 ไมครอน, เซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1/4 นิ้ว และมีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.4 นั้นสามารถถ่ายภาพได้คมชัด แถมภาพถ่ายที่ได้ยังมีสีสันสดใสอีกด้วย และที่พิเศษไปกว่านั้น คือ ยังรองรับโหมดถ่ายภาพหน้าสวยแบบ Beautify 4.0 ที่สามารถปรับค่าผิวเนียนมากถึง 7 ระดับ และสามารถปรับสีผิวอมชมพูได้ เรียกได้เลยว่า ต้องถูกอกถูกใจสาวกที่ชื่นชอบการถ่ายภาพเซลฟี่อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้น กล้องดิจิทัลด้านหน้ายังมีฟังก์ชัน Screen Flash ที่ใช้แสงสว่างจากหน้าจอแทนไฟแฟลช ซึ่งสามารถช่วยในเรื่องของการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยได้อีกด้วย ในส่วนของกล้องดิจิทัลด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ที่มีรูรับแสงขนาด F/2.2 พร้อมไฟแฟลช LED นั้นก็ตอบสนองด้านการถ่ายภาพได้ดีไม่แพ้กัน ซึ่งภาพถ่ายที่ได้ก็มีความคมชัด และสีสันสดใส สมจริง
ซึ่งนอกจากจะมีความโดดเด่นในเรื่องของเทคโนโลยีการออกแบบดีไซน์ และกล้องถ่ายภาพแล้ว ทางด้านจุดเด่นอื่นๆ บนสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ ก็ตอบสนองต่อการใช้งานได้ดีไม่แพ้กัน เริ่มตั้งแต่ หน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ความละเอียด 1280x720 พิกเซล ขนาด 5.2 นิ้ว พร้อมครอบทับด้วยกระจกขอบนูนแบบ 2.5D Gorilla Glass 4, ฟังก์ชันลดแสงสีฟ้าเพื่อถนอมสายตา, ถาดสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ Triple-Slot ซึ่งสามารถใส่ซิมการ์ดที่ 1, ซิมการ์ดที่ 2 พร้อมช่องเพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้พร้อมๆ กัน, รองรับการสั่งงานด้วยท่าทาง และรองรับระบบเสียง Dirac Power Sound กับ Dirac HD Sound
ในส่วนของประสิทธิภาพการประมวลผลนั้นก็ถือว่าสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ครบทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นชิปเซ็ต Octa-Core 64-bit MediaTek MT6750 ความเร็วในการประมวลผล 1.5 GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Mali-T860 , หน่วยความจำแรมขนาด 3 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 32 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ ColorOS 3.0 (มีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 5.1 Lollipop) ซึ่งจากการทดสอบด้วยการถ่ายวิดึโอความละเอียดระดับ Full HD (1080p) หรือเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสามมิติอย่างต่อเนื่อง ก็พบว่า OPPO A39 นั้นสามารถตอบสนองโจทย์การใช้งานต่างๆ ได้อย่างไหลลื่น โดยไม่มีอาการหน่วง หรือกระตุกให้พบเจอ อีกทั้งยังไม่มีการสะสมความร้อนที่ตัวเครื่องอีกด้วย
และหลังจากการทดสอบทั้งหมดที่ผ่านมาก็พอที่จะสรุปได้ว่า OPPO A39 น่าจะเหมาะกับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกล้องถ่ายภาพสวยคมชัด พร้อมชื่นชอบการถ่ายภาพเซลฟี่เป็นพิเศษ, ตัวเครื่องดูบางเฉียบเรียบหรูน่าใช้งาน, ฟังเพลงไพเราะ, มีฟีเจอร์ให้ใช้งานหลากหลาย และมีราคาที่เอื้อมถึงได้ไม่ยาก ซึ่ง OPPO A39 ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่สมเหตุสมผล สำหรับท่านใดที่สนใจ OPPO A39 ก็สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ที่ OPPO Shop และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ในราคาสบายกระเป๋าเพียง 7,990 บาท เท่านั้น! โดยมีให้เลือกทั้งหมด 2 สี คือ สีทอง (Gold) และสีทองกุหลาบ (Rose Gold) สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง OPPO ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง OPPO A39 มาให้ทางทีมงานได้รีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ
จุดเด่นของ OPPO A39
- ตัวเครื่องใช้เทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องแบบ Metal-Unibody (Magnesium-Aluminum Alloy) พร้อมความบางเฉียบเพียง 7.65 มิลลิเมตร
- จอแสดงผลแบบ IPS LCD Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1280x720 พิกเซล ขนาด 5.2 นิ้ว พร้อมหน่วยประมวลผลภาพกราฟิกโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Mali-T860
- ครอบทับด้วยกระจกหน้าจอแบบ 2.5D Gorilla Glass 4
- รองรับฟังก์ชันกรองแสงสีฟ้าเพื่อถนอมสายตา (Bluelight Filter)
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต Octa-Core 64-bit MediaTek MT6750 ความเร็วในการประมวลผล 1.5 GHz
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ ColorOS 3.0 (มีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 5.1 Lollipop)
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 32 GB พร้อมรองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบได้
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 3 GB
- กล้องดิจิทัลด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ที่มีรูรับแสงขนาด F/2.2 พร้อมไฟแฟลช LED และรองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD (1080p)
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียดระดับ 5 ล้านพิกเซล พร้อมจุดพิกเซลขนาด 1.4 ไมครอน, เซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1/4 นิ้ว, รูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.4 และรองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ HD (720p)
- รองรับโหมดถ่ายภาพหน้าสวย Beautify 4.0 ที่สามารถปรับค่าผิวเนียนมากถึง 7 ระดับ และสามารถปรับสีผิวอมชมพูให้ดูมีเลือดฝาดได้
- รองรับการสั่งงานด้วยท่าทาง (Motion Control)
- ถาดสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ Triple-Slot ซึ่งสามารถใส่ซิมการ์ดที่ 1, ซิมการ์ดที่ 2 และการ์ดหน่วยความจำภายนอกได้พร้อมๆ กัน
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G, WiFi, EDGE และ GPRS
- ระบบ GPS+A-GPS ในตัว (Global Positioning System : ระบบดาวเทียมนำร่อง)
- แบตเตอรี่แบบ Li-Ion ขนาด 2900 mAh พร้อมรองรับโหมดประหยัดพลังงาน
- ระบบเสียง Dirac Power Sound สำหรับลำโพงเสียงภายนอก และ Dirac HD Sound สำหรับหูฟัง
- ราคา 7,990 บาท ถือว่าเป็นราคาที่จับต้องได้ง่าย
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ OPPO A39
- เนื่องจากตัวเครื่องเป็นดีไซน์แบบไม่มีฝาหลัง จึงไม่สามารถถอด หรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ด้วยตนเองได้
- หน้าจอมีความละเอียดไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นๆ ที่ราคาใกล้เคียงกัน หรือราคาย่อมเยากว่า
- ระบบปฏิบัติการพื้นฐานยังคงเป็น Android 5.1 Lollipop ซึ่งยังไม่ใช่ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชันใหม่ล่าสุด
- ไม่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
สรุปคุณสมบัติเครื่อง
ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติแบบสรุป (Specification) ของ OPPO A39 ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้
สรุปคุณสมบัติโดยละเอียดของ OPPO A39
title="Sony Xperia ZL Specification">

:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter
| ไปหน้าแรก
Mobile Focus ::
|