รีวิว (Review) nubia Z11
สมาร์ทโฟนเรือธงตัวท็อปในราคาไม่ถึง 15,000 บาท! กับชิปเซ็ต Snapdragon 820 ตัวแรง พร้อมจอไร้ขอบ Full HD 2.5D Gorilla Glass 3 ใหญ่เต็มตา 5.5 นิ้ว, ชิปเสียง HiFi AK4376, กล้อง OIS 16 ล้านพิกเซล, กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล, RAM 4 GB, ROM 64 GB, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ, เล่น Line ได้ 2 ไอดี และแบตเตอรี่ 3000 mAh บนบอดี้โลหะดีไซน์สวยเฉียบ ในราคาเพียง 14,990 บาท
Review
Date (20-มกราคม-2560)
สวัสดีครับ เมื่อช่วงปลายเดือนธันวาคม 2559 ที่ผ่านมาทางทีมงานไทยโมบายเซ็นเตอร์ได้นำเสนอบทความ รีวิว (Review) nubia N1 สมาร์ทโฟนพันธุ์อึดสุดคุ้มใหม่ล่าสุดกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในวันนี้ก็ถึงคิวของสมาร์ทโฟนเรือธงตัวท็อปอย่าง nubia Z11 กันบ้าง ซึ่ง nubia Z11 ก็ได้เปิดตัวมาพร้อมๆ กับ nubia Z11 Max, nubia Z11 Mini และ nubia N1 โดยทั้ง 4 รุ่น ต่างมาพร้อมกับคุณสมบัติตัวเครื่องแบบจัดเต็ม ในราคาที่คุ้มค่า และพร้อมตอบโจทย์ผู้ใช้งานในทุกระดับ
โดย nubia Z11 นั้นมีจุดขายอยู่หลายส่วนด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ เทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องแบบ One-Time CNC Molding ซึ่งกรอบตัวเครื่องเป็นโลหะ ผสานกับความโค้งมนของตัวเครื่องทั้งสองด้าน จึงช่วยให้ตัวเครื่องมีความสวยงามหรูหรา พร้อมเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีความบางเฉียบเพียง 7.5 มิลลิเมตร, หน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล ขนาด 5.5 นิ้ว ซึ่งเป็นหน้าจอแบบไร้ขอบ (Bezel-Less) ที่มีพื้นที่ใช้งานมากถึง 81% พร้อมครอบทับด้วยกระจกขอบนูนแบบ 2.5D Gorilla Glass 3 และรองรับเทคโนโลยี Pixel Eyes ที่มีความสามารถในการลดแสงสะท้อน พร้อมช่วยให้หน้าจอมีสีสันสดใสคมชัด และมีความสว่างเพิ่มมากขึ้น, แบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh พร้อมรองรับการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง (Quick Charge 3.0), เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ที่สามารถปลดล็อกได้ภายในเวลาเพียง 0.1 วินาที, ลำโพงเสียงภายนอก ที่รองรับการทำงานร่วมกับชิปเซ็ตประมวลผลเสียงแบบ HiFi AK4376 และระบบเสียง Dolby Atmos, รองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE กับ 3G, รองรับการใช้งานได้พร้อมกันสองแอปพลิเคชัน, รองรับการใช้งานแอปพลิเคชัน Facebook หรือ Line ได้พร้อมกันสองแอคเคานท์ผ่านฟังก์ชัน Dual instance, รองรับการสั่งงานที่ขอบหน้าจอ (Edge Gesture) และรองรับการสั่งงานด้วยท่าทางได้
ทางด้านกล้องถ่ายภาพก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดขายสำคัญของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ด้วยเช่นกัน โดยกล้องดิจิทัลด้านหลังนั้นเป็นแบบ NeoVision 6.0 ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ที่มีโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์ ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX298, ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.0, ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS, ระบบการโฟกัสภาพแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) พร้อมไฟแฟลช LED แบบ Dual-Tone ส่วนกล้องดิจิทัลด้านหน้านั้นมีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่มีโครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์ โดยเป็นเลนส์มุมกว้าง 80 องศา พร้อมขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.4
ในส่วนของประสิทธิภาพการประมวลผลนั้นก็ถือว่าครบเครื่องไม่น้อย ซึ่งเรียกได้ว่าจัดเต็มไม่แพ้สมาร์ทโฟนเรือธงแบรนด์อื่นๆ เลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็น ชิปเซ็ตตัวแรงอย่าง Quad-Core Qualcomm Snapdragon 820 ความเร็วในการประมวลผล 2.15 GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Adreno 530, หน่วยความจำแรมขนาด 4 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 64 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 6.0.1 Marshmallow ซึ่งถูกครอบทับด้วย nubia UI 4.0
สำหรับ nubia Z11 นั้นวางจำหน่ายในราคาเพียง 14,990 บาท เท่านั้น! ซึ่งนับว่าเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงตัวท็อปที่มีราคาย่อมเยากว่าที่คิด และจากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่า nubia Z11 นั้นมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก ทั้งในเรื่องของการออกแบบดีไซน์ กับเทคโนโลยีการผลิต, คุณสมบัติตัวเครื่องที่พร้อมตอบโจทย์การใช้งานระดับสูง และกล้องถ่ายภาพระดับไฮเอนด์ ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร, ดีไซน์ตัวเครื่องจะสวยงามขนาดไหน, กล้องถ่ายภาพสามารถถ่ายภาพได้คมชัดเพียงใด และมีฟีเจอร์อะไรให้ใช้งานกันบ้าง ขอเชิญทุกท่านไปชมรีวิว nubia Z11 พร้อมกันได้เลยครับ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์
nubia Z11 มาในกล่องแพ็กเกจสีดำ
ด้านหลังกล่องมีการระบุคุณสมบัติตัวเครื่องแบบคร่าวๆ เอาไว้ เช่น หน้าจอแสดงผลความละเอียด 1920x1080 พิกเซล ขนาด 5.5 นิ้ว หรือกล้องดิจิทัลความละเอียด 16 ล้านพิกเซล
โดยมีอุปกรณ์มาให้ใช้งานอย่างครบครัน ได้แก่ คู่มือการใช้งาน, ใบรับประกัน, สาย USB Type-C, อะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่ และอะแดปเตอร์ USB Type-C to microUSB
nubia Z11 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล ขนาด 5.5 นิ้ว ซึ่งเป็นหน้าจอแบบไร้ขอบ (Bezel-Less) ที่มีพื้นที่ใช้งานมากถึง 81% พร้อมครอบทับด้วยกระจกขอบนูนแบบ 2.5D Gorilla Glass 3 และรองรับเทคโนโลยี Pixel Eyes ที่มีความสามารถในการลดแสงสะท้อน พร้อมช่วยให้หน้าจอมีสีสันสดใสคมชัด และมีความสว่างเพิ่มมากขึ้น โดยมีขนาดของตัวเครื่องอยู่ที่ 151.8x72.3x7.50 มิลลิเมตร กับน้ำหนัก 162 กรัม
ด้านหน้าส่วนบนประกอบไปด้วยกล้องดิจิทัลความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่มีโครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์ ซึ่งเป็นเลนส์มุมกว้าง 80 องศา พร้อมขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.4, ลำโพงสำหรับฟังขณะทำการสนทนา, ระบบ Accelerometer Sensor สำหรับช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้ และระบบ Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน
ด้านหน้าส่วนล่างประกอบไปด้วยปุ่มการสั่งงานแบบสัมผัส (Touch Panel) ได้แก่ ปุ่มเมนู, ปุ่มโฮม พร้อมวงแหวนสัญญาณไฟ LED สำหรับการแจ้งเตือนต่างๆ และปุ่มย้อนกลับ
ด้านบนของตัวเครื่องมีช่องเชื่อมต่อกับหูฟังแบบมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟนตัวที่สอง สำหรับตัดเสียงรบกวนขณะสนทนา, บันทึกเสียง หรือบันทึกวิดีโอ และอินฟราเรด
ด้านล่างของตัวเครื่องมีลำโพงเสียงภายนอก ที่สามารถทำงานร่วมกับชิปเซ็ตประมวลผลเสียงแบบ HiFi AK4376 กับระบบเสียง Dolby Atmos, ช่องเชื่อมต่อยุคใหม่แบบ USB Type-C สำหรับโอนถ่ายข้อมูล หรือชาร์จแบตเตอรี่
ด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่ม เปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอ และปุ่มเพิ่ม-ลด ระดับเสียง
ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีถาดใส่ซิมการ์ด ซึ่งรองรับการใช้งานได้พร้อมกันได้สองซิมการ์ด โดยในช่องที่สองนั้นจะต้องเลือกใช้งานระหว่างซิมการ์ดที่สอง หรือเพิ่มการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD
ด้านหลังของตัวเครื่องมีกล้องดิจิทัล NeoVision 6.0 ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ที่มีโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์ ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX298, ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.0, ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS, ระบบการโฟกัสภาพแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) พร้อมไฟแฟลช LED แบบ Dual-Tone และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ที่สามารถปลดล็อกได้ภายในเวลาเพียง 0.1 วินาที โดยตัวเครื่องของ nubia Z11 นั้นใช้เทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องแบบ One-Time CNC Molding ซึ่งกรอบตัวเครื่องเป็นโลหะ ผสานกับความโค้งมน จึงช่วยให้ตัวเครื่องมีความสวยงามหรูหรา และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นอกจากนี้ ยังมากับแบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh พร้อมรองรับการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง (Quick Charge 3.0)
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ
nubia Z11 ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 6.0.1 Marshmallow ซึ่งถูกครอบทับด้วย Nubia UI 4.0 พร้อมรองรับการใช้งานได้พร้อมกันสองซิมการ์ด และรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE กับ 3G ไม่เพียงเท่านั้น ยังรองรับบริการโทรออก หรือรับสายด้วยเสียงผ่านเครือข่าย 4G อย่าง VoLTE (Voice over LTE) ได้
มีหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4 GB และหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64 GB
อีกทั้งยังมาพร้อมกับฟังก์ชันการแจ้งเตือนต่างๆ และสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชันลัดได้ เช่น การใช้งานอินเทอร์เน็ต หรือการหมุนหน้าจอ
นอกจากนี้ ยังสามารถปรับแต่งหน้าจอได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์ หรือการนำวิดเจ็ตที่ต้องการใช้งานมาไว้ที่หน้าจอโฮมสรีน
อีกหนึ่งความพิเศษบน nubia Z11 คือ สามารถถ่ายภาพหน้าจอได้ 3 แบบ ได้แก่ ถ่ายภาพหน้าจอแบบยาว, ถ่ายภาพหน้าจอแบบอิสระ และสามารถบันทึกวิดีโอบนหน้าจอได้อีกด้วย
ในส่วนของฟังก์ชันโทรศัพท์นั้นก็มีหน้าตาที่สามารถใช้งานได้ง่าย อีกทั้งยังมาพร้อมกับปุ่มตัวเลขขนาดใหญ่ ซึ่งช่วยให้กดหมายเลขได้อย่างแม่นยำ และสามารถเข้าดูบันทึกการโทร หรือรายชื่อโทรศัพท์ทั้งหมดได้ทันที
นอกจากนี้ nubia Z11 ยังสามารถแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งานสองแอปพลิเคชันพร้อมกันได้อีกด้วย ซึ่งสามารถใช้งานได้ทั้งแบบแนวตั้ง และแนวนอน โดยผู้ใช้สามารถเปิดใช้งานฟังก์ชันนี้ด้วยการ Swip จากขอบด้านล่างของหน้าจอขึ้นด้านบน
nubia Z11 ยังมาพร้อมกับฟังก์ชัน Dual Instance สำหรับโคลนนิ่งแอปพลิเคชัน เช่น โคลนนิ่งแอปพลิเคชัน Facebook ซึ่งผู้ใช้งานสามารถล็อกอินเข้าใช้งาน Facebook ได้พร้อมๆ กันถึง 2 แอคเคานท์ (สามารถโคลนนิ่งได้เฉพาะบางแอปพลิเคชันเท่านั้น)
สามารถตั้งค่าการใช้งานเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือได้ โดยผู้ใช้งานสามารถเพิ่มลายนิ้วมือได้มากกว่า 1 ลายนิ้วมือ อีกทั้งยังสามารถใช้เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือในการสั่งถ่ายภาพ หรือปลดล็อกหน้าจอได้
สำหรับเว็บเบราว์เซอร์ก็ตอบสนองต่อการใช้งานได้ดี พร้อมทั้งสามารถแสดงรายละเอียดต่างๆ ได้ครบ แถมยังไม่มีอาการหน่วงให้พบเจอ
nubia Z11 ยังมาพร้อมกับแอปพลิเคชันรีโมทคอนโทรล สำหรับทำงานร่วมกับอินฟราเรดบนเครื่อง เพื่อทำหน้าที่ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ หรือเครื่องปรับอากาศ
อีกหนึ่งความน่าสนใจ nubia Z11 คือ รองรับการสั่งงานที่ขอบหน้าจอ (Edge Gesture) ไม่ว่าจะเป็น การแตะที่ขอบจอเพื่อเปลี่ยนหน้าเดสก์ทอป, สไลด์ขอบหน้าจอจากบนลงล่างเพื่อเปลี่ยนแอปพลิเคชัน, สไลด์เร็วๆ แบบบนล่างที่ขอบหน้าเพื่อเคลียร์แอปพลิเคชัน, สไลด์ขึ้น หรือลงที่ขอบจอทั้งสองข้างพร้อมๆ กันเพื่อปรับความสว่างของหน้าจอ และดับเบิ้ลคลิกที่ขอบหน้าจอ เพื่อย้อนกลับ
ไม่เพียงเท่านั้น nubia Z11 ยังรองรับการสั่งงานด้วยท่าทางได้ ไม่ว่าเป็น การพลิกคว่ำตัวเครื่องเพื่อปิดเสียง หรือเขย่าตัวเครื่องเพื่อเคลียร์หน่วยความจำแรม (RAM), ดับเบิ้ลคลิกเพื่อปลุกการทำงานเครื่อง และการถ่ายภาพหน้าจอด้วยการลากสามนิ้วขึ้น หรือลง
+
nubia Z11 ยังมีแอปพลิเคชันสำหรับฟังเพลงให้ใช้งาน พร้อมทั้งสามารถเปิดใช้งานระบบเสียง Dolby Atmos ควบคู่ไปด้วยได้
และสามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดระดับ Full HD (1080p) ได้อย่างไหลลื่น โดยไม่มีอาการหน่วง หรือกระตุกให้พบเจอ
และมีฟังก์ชัน Popup Play ให้ใช้งานด้วยเช่นกัน
nubia Z11 มาพร้อมกับชิปเซ็ต Quad-Core Qualcomm Snapdragon 820 ความเร็วในการประมวลผล 2.15 GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Adreno 530, หน่วยความจำแรมขนาด 4 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 64 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 6.0.1 Marshmallow ซึ่งถูกครอบทับด้วย nubia UI 4.0
ด้วยคุณสมบัติตัวเครื่องซึ่งจัดอยู่ในระดับท็อป จึงทำให้ nubia Z11 นั้นสามารถตอบโจทย์ด้านการเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสามมิติระดับสูงได้อย่างไหลลื่น โดยไม่มีอาการหน่วง หรือกระตุกให้พบเจอ และในขณะที่เล่นเกมต่อเนื่องเป็นเวลานาน ตัวเครื่องก็ไม่มีอาการสะสมความร้อนอีกด้วย
และเมื่อนำ nubia มาทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 128804 คะแนน
ต่อด้วยการทดสอบผ่านแอปพลิเคชัน 3DMark พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 1909 คะแนน
พร้อมทั้งสามารถรองรับการสัมผัสได้พร้อมกัน 2 จุด
และสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอื่นๆ มาใช้งานเพิ่มเติมได้ผ่านแอปพลิเคชัน Google Play Store
กล้องดิจิทัล ถ่ายภาพนิ่ง และถ่ายภาพวิดีโอ
ทางด้าน Interface กล้องถ่ายภาพนั้นมีหน้าตาที่สามารถใช้งานได้ง่าย พร้อมทั้งแสดงไอคอนฟังก์ชันต่างๆ ไว้ให้เลือกใช้งานได้ทันที และมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลากหลาย เช่น โหมดถ่ายภาพการวาดแสง, โหมดถ่ายภาพโปร, โหมดถ่ายวิดีโอ Time-Lapse, โหมดถ่ายภาพพาโนราม่า หรือโหมดถ่ายภาพดวงดาว
สำหรับโหมดถ่ายภาพโปรนั้นสามารถปรับค่าเพื่อถ่ายภาพได้ ไม่ว่าจะเป็น การเลือกจุดโฟกัส, การปรับค่า ISO, การปรับค่าไวท์บาลานซ์ และความเร็วชัตเตอร์
ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ใช้ยังสามารถเปิดใช้งานไฟแฟลช LED หรือสามารถตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพได้นานสูงสุด 10 วินาที
และมีเอฟเฟกต์สำหรับถ่ายภาพให้ใช้งานหลากหลายรูปแบบ
สามารถตั้งค่าเพื่อถ่ายภาพได้อีกหลายอย่างด้วยกัน เช่น โหมดถ่ายภาพ HDR, ตาราง 9 ช่อง, ระบบตรวจจับใบหน้า, เสียงชัตเตอร์, เส้นวัดระดับน้ำ, สัดส่วนกล้องถ่ายภาพ และการสัมผัสเพื่อถ่ายภาพ
ในส่วนของกล้องดิจิทัลด้านหน้านั้นก็มีหน้าตาที่สามารถใช้งานได้ง่าย พร้อมทั้งแสดงไอคอนฟังก์ชันต่างๆ ไว้ให้เลือกใช้งานได้ทันที และมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้งาน 2 แบบ คือ โหมดถ่ายภาพปกติ และโหมดถ่ายภาพหน้าสวย
ซึ่งในโหมดถ่ายภาพหน้าสวยนั้นสามารถปรับค่าผิวเนียนได้มากถึง 10 ระดับ
และสามารถเปิดใช้งานแสงสว่างจากหน้าจอแทนไฟแฟลช LED และมีเอฟเฟกต์สำหรับถ่ายภาพให้ใช้งานหลากหลาย
นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่ากล้องถ่ายภาพได้ ไม่ว่าจะเป็น ระบบตรวจจับใบหน้า, การเปิด-ปิด เสียงชัตเตอร์, การปรับสัดส่วนของภาพถ่าย หรือการสัมผัสเพื่อถ่ายภาพ, ระบบตรวจจับรอยยิ้ม และสามารถคืนการตั้งค่าทั้งหมดได้
นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าเพิ่มเติมได้อีกหลายส่วนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น กระจกสะท้อน, กล้องดิจิทัลด้านหน้าสามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD (1080p), กล้องดิจิทัลด้านหลังสามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K Ultra HD และสามารถเพิ่มความสามารถให้กับปุ่มลดระดับเสียงให้เป็นชัตเตอร์ถ่ายภาพได้
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 16 ล้านพิกเซล ของ nubia Z11
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพมาโคร
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพ Slow Shutter พร้อมปรับความเร็วชัตเตอร์ที่ 20 วินาที
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพ Light Painting
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพ Star Track
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ผ่านโหมดถ่ายภาพหน้าสวยของ nubia Z11
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย พร้อมปรับค่าระดับ 3
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย พร้อมปรับค่าระดับ 6
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย พร้อมปรับค่าระดับ 10
ภาพซ้ายถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ ส่วนภาพขวาถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ พร้อมเปิดใช้งานแสงสว่างจากหน้าจอแทนไฟแฟลช จะเห็นได้ว่าภาพถ่ายทางขวามีความสว่าง และสีสันที่เป็นธรรมชาติมากกว่า
ภาพซ้ายถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ ส่วนภาพขวาถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ พร้อมเปิดใช้งานแสงสว่างจากหน้าจอแทนไฟแฟลช จะเห็นได้ว่าภาพถ่ายทางขวามีความสว่าง และสีสันที่เป็นธรรมชาติมากกว่า
สรุปผลการทดสอบของ nubia Z11
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับการรีวิวสมาร์ทโฟนเรือธงตัวท็อปอย่าง nubia Z11 โดยรูปลักษณ์ภายนอกของ nubia Z11 นั้นถือว่ามีความสวยงามเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ One-Time CNC Molding ซึ่งเป็นผสมผสานระหว่างกรอบโลหะ กับความโค้งมนบนตัวเครื่อง จึงทำให้ตัวเครื่องมีความหรูหราพรีเมียม พร้อมทั้งดูมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นอกจากนี้ ยังมีความบางเพียง 7.5 มิลลิเมตร เท่านั้น! เรียกได้ว่า สามารถใส่ในกระเป๋ากางเกง และพกพาไปใช้งานตามสถานที่ต่างๆ ได้อย่างคล่องตัว แถมยังไม่เกิดคราบเปื้อน หรือรอยนิ้วมือได้ง่ายอีกด้วย
สำหรับจุดขายสำคัญของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้คงจะหนีไม่พ้นในเรื่องของกล้องถ่ายภาพ โดยเฉพาะกล้องดิจิทัลด้านหลังแบบ NeoVision 6.0 ที่มีความละเอียดมากถึง 16 ล้านพิกเซล ซึ่งเป็นโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์, เซ็นเซอร์รับภาพของ Sony IMX298, ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.0, ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS, ระบบการโฟกัสภาพแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) พร้อมไฟแฟลช LED แบบ Dual-Tone ซึ่งจากการทดสอบด้วยการถ่ายภาพแบบต่างๆ พบว่ากล้องดิจิทัลด้านหลังนั้นสามารถถ่ายภาพออกมาได้สวยคมชัด สีสันสดใส และสามารถเก็บรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างน่าประทับใจ ไม่ว่าจะเป็น การถ่ายภาพในสภาวะแสงปกติ หรือการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย อีกทั้งยังมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลากหลาย ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพแบบใหม่ๆ ได้ไม่รู้เบื่อ ส่วนกล้องดิจิทัลด้านหน้านั้นมีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่มีโครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์ ซึ่งเป็นเลนส์มุมกว้าง 80 องศา พร้อมขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.4 ก็ตอบโจทย์ด้านการถ่ายภาพได้ดีไม่แพ้กัน แถมยังสามารถทำงานร่วมกับโหมดถ่ายภาพหน้าสวยได้ดีเป็นอย่างมาก ซึ่งเหมาะกับผู้ที่รักการถ่ายภาพเซลฟี่เป็นพิเศษ
ทางด้านคุณสมบัติเด่นของ nubia Z11 ก็นับว่าอยู่ในระดับท็อป ซึ่งเรียกได้ว่า จัดเต็มไม่แพ้สมาร์ทโฟนเรือธงบางรุ่นจากแบรนด์คู่แข่งเลยก็ว่าได้ อีกทั้งยังสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ครบทุกรูปแบบได้ดีเป็นอย่างมาก เริ่มตั้งแต่ หน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล ขนาด 5.5 นิ้ว ซึ่งเป็นหน้าจอแบบไร้ขอบ (Bezel-Less) ที่มีพื้นที่ใช้งานมากถึง 81% พร้อมครอบทับด้วยกระจกขอบนูนแบบ 2.5D Gorilla Glass 3 และรองรับเทคโนโลยี Pixel Eyes ที่มีความสามารถในการลดแสงสะท้อน พร้อมช่วยให้หน้าจอมีสีสันสดใสคมชัด และมีความสว่างเพิ่มมากขึ้น, แบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh พร้อมรองรับการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง (Quick Charge 3.0), เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ที่สามารถปลดล็อกได้ภายในเวลาเพียง 0.1 วินาที, ลำโพงเสียงภายนอก ที่รองรับการทำงานร่วมกับระบบชิปเซ็ตประมวลผลเสียงแบบ HiFi AK4376 และระบบเสียง Dolby Atmos, รองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE กับ 3G, รองรับการใช้งานได้พร้อมกันสองแอปพลิเคชัน, รองรับการใช้งานแอปพลิเคชัน Facebook หรือ Line ได้พร้อมกันสองแอคเคานท์ผ่านฟังก์ชัน Dual Instance, รองรับการสั่งงานที่ขอบหน้าจอ (Edge Gesture) และรองรับการสั่งงานด้วยท่าทางได้
ในส่วนของประสิทธิภาพการประมวลผล ก็นับว่าเร็วแรงไม่แพ้เรือธงรุ่นใด ด้วยชิปเซ็ต Quad-Core Qualcomm Snapdragon 820 ความเร็วในการประมวลผล 2.15 GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Adreno 530, หน่วยความจำแรมขนาด 4 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 64 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 6.0.1 Marshmallow ซึ่งถูกครอบทับด้วย nubia UI 4.0 ซึ่งจากการทดสอบด้วยการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงระดับ 4K Ultra HD แบบต่อเนื่อง หรือจะเป็นการเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสามมิติระดับสูง nubia Z11 ก็สามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างไหลลื่น โดยไม่มีอาการหน่วงให้พบเจอ แต่อย่างไรก็ดี ในขณะที่ถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงระดับ 4K Ultra HD สักระยะเวลาหนึ่ง ตัวเครื่องจะมีอาการสะสมความร้อนบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีผลต่อการใช้งานแต่อย่างใด
จากการทดสอบทั้งหมดที่ผ่านมาก็พอที่จะสรุปได้ว่า nubia Z11 น่าจะเหมาะกับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนเรือธงที่มีคุณสมบัติระดับสูงสุดในราคาที่คุ้มค่า, มาพร้อมดีไซน์พรีเมียมสวยหรู, จอใหญ่คมชัด, ประสิทธิภาพการประมวลผลระดับท็อป, กล้องถ่ายภาพระดับโปร, มีฟีเจอร์ให้ใช้งานหลากหลาย, มีระบบเสียงที่ดีเป็นพิเศษ และต้องมีราคาไม่เกิน 15,000 บาท ซึ่ง nubia Z11 ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม
สำหรับท่านใดที่สนใจ nubia Z11 ก็สามารถสั่งซื้อได้ในราคา 14,990 บาท เท่านั้น! ผ่านช่องทางออนไลน์ที่ nubia Store (Thailand) สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง nubia ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง nubia Z11 มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสถัดไป สวัสดีครับ
จุดเด่นของ nubia Z11
- เทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องแบบ One-Time CNC Molding ซึ่งกรอบตัวเครื่องเป็นโลหะ ผสานกับความโค้งมนทั้งสองด้าน จึงช่วยให้ตัวเครื่องมีความสวยงามหรูหรา พร้อมเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีความบางเฉียบเพียง 7.5 มิลลิเมตร
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Sensor) ที่ด้านข้างของตัวเครื่อง สำหรับตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าใช้งานเครื่อง และการเข้าถึงข้อมูลภายใน ซึ่งสามารถปลดล็อกได้ภายในเวลาเพียง 0.1 วินาที
- จอแสดงผลแบบ IPS LCD Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล ขนาด 5.5 นิ้ว พร้อมหน่วยประมวลผลภาพกราฟิกโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Adreno 530
- หน้าจอแบบไร้ขอบ (Bezel-Less) พร้อมครอบทับด้วยกระจกหน้าจอขอบนูนแบบ 2.5D Gorilla Glass 3
- รองรับเทคโนโลยี Pixel Eyes ที่มีความสามารถในการลดแสงสะท้อน พร้อมช่วยให้หน้าจอมีสีสันสดใสคมชัด และมีความสว่างเพิ่มมากขึ้น
- รองรับการใช้งานได้พร้อมกันสองแอปพลิเคชัน พร้อมรองรับการใช้งานแอปพลิเคชัน Facebook หรือ Line ได้พร้อมกัน 2 แอคเคานท์ผ่านฟังก์ชัน Dual Instance
- รองรับการสั่งงานที่ขอบหน้าจอ (Edge Gesture) พร้อมรองรับการสั่งงานด้วยท่าทางได้
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต Quad-Core Qualcomm Snapdragon 820 ความเร็วในการประมวลผล 2.15 GHz
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 6.0.1 Marshmallow ซึ่งถูกครอบทับด้วย nubia UI 4.0
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 64 GB พร้อมรองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB (รุ่น Limited Edition ราคา 15,990 บาท มี RAM ขนาด 6 GB)
- กล้องดิจิทัลด้านหลังนั้นเป็นแบบ NeoVision 6.0 ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ที่มีโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์ ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพของ Sony IMX298, ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.0, ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS, ระบบการโฟกัสภาพแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) พร้อมไฟแฟลช LED แบบ Dual-Tone และรองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K Ultra HD
- ส่วนกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่มีโครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์ ซึ่งเป็นเลนส์มุมกว้าง 80 องศา, ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.4, รองรับฟังก์ชันใช้แสงสว่างจากหน้าจอทำหน้าที่เป็นไฟแฟลช พร้อมรองรับโหมหถ่ายภาพหน้าสวย และรองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD (1080p)
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดพร้อมกันภายในเครื่องเดียว (Dual SIM : Dual Standby)
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G, WiFi, EDGE และ GPRS
- รองรับการใช้งานฟังก์ชัน VoLTE พร้อมรองรับการเชื่อมต่อไร้สายแบบ NFC
- ระบบ GPS+A-GPS ในตัว (Global Positioning System : ระบบดาวเทียมนำร่อง)
- ชนิดแบตเตอรี่แบบ Li-Ion ขนาด 5000 mAh พร้อมเทคโนโลยีประหยัดพลังงานที่มีชื่อว่า NeoPower
- รองรับชิปเซ็ตประมวลผลเสียงแบบ AKM4376 และระบบเสียง Dolby Atmos
- ราคา 14,990 บาท ซึ่งนับเป็นราคาที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณสมบัติระดับเรือธงตัวท็อป (ส่วนรุ่น Limited Edition สีดำ-ทอง ซึ่งมาพร้อม RAM ขนาด 6 GB มีราคา 15,990 บาท)
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ nubia Z11
- เทคโนโลยีหน้าจอแสดงผลยังคงเป็นแบบ IPS
- เนื่องจากตัวเครื่องเป็นดีไซน์แบบไม่มีฝาหลัง จึงไม่สามารถถอด หรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ด้วยตนเองได้
- ตัวเครื่องมีอาการสะสมความร้อนบ้างเล็กน้อย ขณะที่มีการใช้งานประมวลผลระดับสูง
- ในช่องซิมการ์ดที่ 2 จะต้องเลือกใช้งานระหว่างซิมการ์ดที่ 2 หรือเพิ่มการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ไม่สามารถใช้งานพร้อมกันได้
- ไม่มีวิทยุ FM ในตัว
- สามารถสั่งซื้อทางออนไลน์ได้เพียงช่องทางเดียว คือ nubia Store (Thailand)
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
สรุปคุณสมบัติเครื่อง
ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติแบบสรุป (Specification) ของ nubia Z11 ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้
สรุปคุณสมบัติโดยละเอียดของ nubia Z11
พรีวิว (Preview) nubia Z11, Z11 Max, Z11 mini และ N1
title="Sony Xperia ZL Specification">
:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter
| ไปหน้าแรก
Mobile Focus ::
|