รีวิว (Review) Infinix NOTE 2 LTE X600
สมาร์ทโฟน 4G จอยักษ์สุดคุ้มใหม่ล่าสุด ด้วยจอ HD ไซส์บิ๊ก 5.98 นิ้ว, ชิปเซ็ต Octa-Core MediaTek MT6753, ROM 16GB, RAM 2GB, กล้อง PDAF 13 ล้านพิกเซล และแบตเตอรี่จุใจ 4000 mAh บนตัวเครื่องดีไซน์เรียบหรู ในราคาเพียง 4,888 บาท
Review
Date (14-มิถุนายน-2559)

ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2016 ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าทางผู้ผลิตแบรนด์ต่างๆ ได้ทำการวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนสุดคุ้ม ที่มาพร้อมคุณสมบัติตัวเครื่อง และฟีเจอร์ต่างๆ ที่สามารถตอบสนองการใช้งานในระดับพื้นได้เป็นอย่างดี และมีราคาไม่เกิน 5,000 บาท เพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อผู้ใช้งานที่ตั้งงบไว้ในระดับนี้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว โดยในวันนี้ทางทีมงานไทยโมบายเซ็นเตอร์มีสมาร์ทโฟนอยู่หนึ่งรุ่นที่วางจำหน่ายในราคาสุดคุ้มเพียง 4,888 บาท เท่านั้น! จึงอยากนำมารีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน นั่นคือ Infinix NOTE 2 LTE X600
ทางด้านจุดขายหลักของ Infinix NOTE 2 LTE X600 บอกได้เลยว่า เทียบชั้นสมาร์ทโฟนระดับกลางได้อย่างสบายๆ เลยก็ว่าได้ เริ่มตั้งแต่ หน้าจอแสดงผลแบบ IPS ที่มีขนาดใหญ่ถึง 5.98 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD (720p), รองรับการใช้งานพร้อมกัน 2 ซิมการ์ด, รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4GLTE และ 3G ได้, แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 4000 mAh ซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง (Flash Charge) และโหมดประหยัดพลังงาน Ultra Lower Power Mode, กล้องดิจิทัลด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมระบบโฟกัสแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) ซึ่งสามารถโฟกัสได้ภาพภายในเวลาเพียง 0.25 วินาที พร้อมไฟแฟลช LED และกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมโหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Beauty)
ในส่วนของคุณสมบัติเด่นอื่นๆ ทาง Infinix ก็ได้จัดมาให้แบบไม่มีกั๊กเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็น ชิปเซ็ต 64-bit Octa-Core MediaTek MT6753 ความเร็วในการประมวลผล 1.3 GHz, พร้อมด้วยหน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Mali-T720, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 2 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 16 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 5.1 Lollipop
จากข้อมูลที่กล่าวมาในข้างต้นนั้น Infinix NOTE 2 LTE X600 ก็ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร, ดีไซน์การออกแบบตัวเครื่องจะสวยงามขนาดไหน และฟีเจอร์การใช้งานจะตอบสนองต่อการใช้งานได้ดีหรือไม่ และ ขอเชิญทุกท่านไปชมรีวิว Infinix NOTE 2 LTE X600 พร้อมกันได้เลย
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

Infinix NOTE 2 LTE X600 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ความละเอียด 1280x720 พิกเซล ขนาด 5.98 นิ้ว ซึ่งมีขนาดของตัวเครื่องอยู่ที่ 159.5x82.5x9.3 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 194 กรัม

ด้านหน้าส่วนบนประกอบไปด้วย ลำโพงเสียงสำหรับฟังขณะทำการสนทนา, กล้องดิจิทัลความละเอียด 2 ล้านพิกเซล, ระบบ Accelerometer Sensor สำหรับช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้ และระบบ Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน

ด้านหน้าส่วนล่างมาพร้อมกับปุ่มการสั่งงาน ได้แก่ ปุ่ม Recent Apps, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ

ด้านบนของตัวเครื่องมีช่องเชื่อมต่อกับหูฟังแบบมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร

ด้านล่างของตัวเครื่องมีไมโครโฟน และช่องเชื่อมต่อกับสาย microUSB สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ หรือโอนถ่ายข้อมูล

ด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่ม เปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอ และปุ่ม เพิ่ม-ลด ระดับเสียง

ด้านซ้ายของตัวเครื่องไม่มีปุ่มการสั่งงานใดๆ ให้ใช้งาน

ด้านหลังของตัวเครื่องประกอบไปด้วยกล้องดิจิทัลความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ซึ่งเลือกใช้เซ็นเซอร์รับภาพแบบ ISOCELL พร้อมระบบโฟกัสแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) ที่สามารถโฟกัสได้ภาพภายในเวลาเพียง 0.25 วินาที, ไฟแฟลช LED และลำโพงเสียงภายนอก

สำหรับฝาหลังของตัวเครื่องได้ทำลวดลายคล้ายโลหะขัดเงา (Brush Metal) ซึ่งช่วยเพิ่มความสวยงามเป็นพิเศษ

เมื่อเปิดฝาหลังออกมาก็จะพบกับช่องสำหรับใส่แบตเตอรี่, ช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดที่ 1, ช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดที่ 2 และช่องสำหรับเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD

ส่วนแบตเตอรี่จะมีความจุ 4040 mAh แต่อย่างไรก็ดีแบตเตอรี่ของ Infinix NOTE 2 LTE X600 เป็นแบบยึดติดกับเครื่อง จึงไม่สามารถถอด หรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ด้วยตนเองได้
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ
 
Infinix NOTE 2 LTE X600 ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 5.1 Lollipop พร้อมรองรับการใช้งานได้พร้อมกันถึง 2 ซิมการ์ด
 
โดยมีหน่วยความจำภายในขนาด 16 GB และรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE และ 3G ได้
 
อีกทั้งยังมีฟังก์ชันการแจ้งเตือน และสามารถ เปิด-ปิด ฟังก์ชันลัดต่างๆ ได้
 
สามารถตั้งค่าหน้าจอโฮมสกรีนได้ ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์, นำวิดเจ็ตที่ต้องการใช้งานมาไว้ที่หน้าจอโฮมสกรีน
 
นอกจากนี้ ยังสามารถดาวน์โหลดวอลเปเปอร์ กับธีมอื่นๆ มาใช้งานเพิ่มเติมได้ผ่านแอปพลิเคชัน XWallpaper กับ Theme Store
 
สำหรับฟังก์ชันโทรศัพท์มีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่าย พร้อมด้วยปุ่มตัวเลขขนาดใหญ่ และสามารถสู่รายชื่อทั้งหมดได้ทันที

นอกจากนี้ ยังสามารถ เปิด-ปิด การแจ้งเตือนของไฟ LED ได้ อีกทั้งยังมีการระบุด้วยว่าไฟ LED แต่ละสีเป็นการแจ้งเตือนเรื่องอะไรบ้าง
 
ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ใช้งานยังสามารถเปิดอ่านไฟล์เอกสารทั้ง Word, Excel และ Power Point ได้ผ่านแอปพลิเคชัน WPS Office
 
Infinix NOTE 2 LTE X600 มาพร้อมฟีเจอร์การสั่งงานด้วยท่าทาง (Motion Control), โหมดการใช้งานมือเดียว ไม่เพียงเท่านั้น Infinix NOTE 2 LTE X600 ยังสามารถวาดตัวอักษรเพื่อสั่งงานได้ เช่น วาดตัวอักษร C เพื่อเปิดใช้งานกล้องถ่ายภาพ หรือวาดตัวอักษร M เพื่อเปิดใช้งานแอปพลิเคชันสำหรับฟังเพลง
 
นอกจากนี้ บน Infinix NOTE 2 LTE X600 ยังมีโหมดประหยัดพลังงานขั้นสูง (Ultra Lower Power Mode) ให้ใช้งาน พร้อมทั้งรองรับการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง (Flash Charge) โดยการชาร์จแบตเตอรี่ 15 นาที สามารถใช้โทรศัพท์ได้นาน 8 ชั่วโมง
 
สำหรับแอปพลิเคชันอัลบั้มภาพถ่ายจะสามารถแสดงภาพถ่ายได้ 3 แบบ คือ แบบแยกอัลบั้ม, ภาพถ่ายพร้อมแท็กสถานที่ และรวมภาพถ่ายทั้งหมด
 
ในส่วนของเว็บเบราว์เซอร์อินเทอร์เน็ตนั้น ก็ตอบสนองต่อการใช้งานได้ดี และด้วยหน้าจอแสดงผลขนาด 5.98 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD (720p) จึงช่วยให้ Infinix NOTE 2 LTE X600 สามารถแสดงรายละเอียดต่างๆ บนหน้าเว็บไซต์ได้อย่างครบถ้วน และชัดเจน โดยไม่จำเป็นต้องซูมเพื่ออ่านอีกด้วย
 
อีกทั้งยังมีฟังก์ชันสำหรับปิดแอปพลิเคชันอย่าง Recent Apps ให้ใช้งาน นอกจากนี้ หน้าจอแสดงผลของ Infinix NOTE 2 LTE X600 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี MiraVision ที่ช่วยให้หน้าจอทำการแสดงผลให้เหมาะกับสายตามากที่สุด
 
HotKnot อีกหนึ่งฟังก์ชันที่น่าสนใจบน Infinix NOTE 2 LTE X600 ซึ่งผู้ใช้งานสามารถส่งไฟล์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไฟล์รูปภาพ, เพลง หรือ วีดีโอ ได้แบบง่ายๆ เพียงนำจอแสดงผลมาสัมผัสกันกับ สมาร์ทโฟนอีกเครื่อง ก็สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
 
นอกจากนี้ ยังสามารถอัปโหลดรายชื่อโทรศัพท์ทั้งหมดขึ้นระบบคลาวด์ผ่านแอปพลิเคชัน XContacts เพื่อป้องกันการสูญหายได้อีกด้วย
 
ทางด้านของแอปพลิเคชันฟังเพลงก็มีให้ใช้งานบน Infinix NOTE 2 LTE X600 ซึ่งผู้ใช้งานสามารถปรับค่าอีควอไลเซอร์ได้หลากหลาย เช่น Pop หรือ Rock
 
ในส่วนของแอปพลิเคชันฟังวิทยุ FM ก็มีให้ใช้งานบน Infinix NOTE 2 LTE X600 ด้วยเช่นกัน

Infinix NOTE 2 LTE X600 สามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดสูงระดับ Full HD (1080p) ได้อย่างไหลลื่น และด้วยหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ถึง 5.8 นิ้ว จึงช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถชมภาพยนตร์ได้อย่างเพลิดเพลิน โดยไม่ต้องเพ่งดวงตาอีกด้วย
 
Infinix NOTE 2 LTE X600 ยังมาพร้อมกับชิปเซ็ต 64-bit Octa-Core MediaTek MT6753 ความเร็วในการประมวลผล 1.3 GHz, พร้อมด้วยหน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Mali-T720, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 2 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 16 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 5.1 Lollipop

ถึงแม่ว่า Infinix NOTE 2 LTE X600 จะมีคุณสมบัติตัวเครื่องอยู่ในระดับการใช้งานทั่วไป แต่ก็ตอบสนองต่อการเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสามมิติได้ดีกว่าที่คาดเอาไว้ แถมยังไม่มีอาการกระตุก หรืออาการหน่วงให้พบเจออีกด้วย
 
และเมื่อนำ Infinix NOTE 2 LTE X600 มาทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 37484 คะแนน

มาต่อกันที่การทดสอบด้วยแอปพลิชัน AnTuTu 3DRating Benchmark พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 3089 คะแนน

โดย Infinix NOTE 2 LTE X600 สามารถรองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 3 จุด
 
และสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอื่นๆ มาใช้งานเพิ่มเติมได้ผ่านแอปพลิเคชัน Google Play Store
กล้องดิจิทัล การถ่ายภาพนิ่ง และภาพวิดีโอ
 
สำหรับ Interface ของกล้องดิจิทัลด้านหลังจะมีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่าย พร้อมทั้งยังมีการแสดงไอคอนฟังก์ชันต่างๆ ไว้อย่างชัดเจน สามารถเลือกใช้งานได้ทันที และมีโหมดการถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลากหลาย

ในส่วนของเอฟเฟกต์สำหรับถ่ายภาพก็มีให้ใช้งานหลากหลายรูปแบบ
 
นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าการงานกล้องถ่ายภาพได้อีกหลายอย่างด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ สามารถเลือกความละเอียดของกล้องถ่ายภาพได้สูงสุดที่ 13 ล้านพิกเซล, สามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงระดับ Full HD (1080p)
 
และยังสามารถ เปิด-ปิด ฟังก์ชันการใช้งานอื่นๆ ได้ เช่น การแท็กสถานที่บนภาพถ่าย, เสียงชัตเตอร์ถ่ายภาพ, ตารางเก้าช่อง, ชูสองนิ้วเพื่อสั่งงานถ่ายภาพ, กระจกสะท้อน, ไมโครโฟน, การสัมผัสเพื่อถ่ายภาพ, ตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพ และการตรวจสอบรอยยิ้ม

อีกทั้งยังสามารถคืนการตั้งค่าทั้งหมดได้
 
สำหรับกล้องดิจิทัลด้านหน้าก็ได้มีการแสดงไอคอนฟังก์ชันต่างๆ ไว้ให้ใช้งานเช่นเดียวกับกล้องดิจิทัลด้านหลัง อีกทั้งยังมีโหมดการถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลากหลาย เช่น โหมดถ่ายภาพปกติ, โหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Beauty) และโหมดถ่ายภาพกลางคืน
 
สำหรับโหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Beauty) สามารถปรับค่าผิวเนียนได้ถึง 9 ระดับ เลยทีเดียว
 
นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าการงานกล้องถ่ายภาพได้อีกหลายส่วนด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ สามารถเลือกความละเอียดของกล้องถ่ายภาพได้สูงสุดที่ 13 ล้านพิกเซล, สามารถเพิ่มฟังก์ชันให้กับปุ่มลดระดับเสียงได้ 3 แบบ คือ ถ่ายภาพ, ถ่ายวิดีโอ และซูม
 
และยังสามารถ เปิด-ปิด ฟังก์ชันการใช้งานอื่นๆ ได้ เช่น การแท็กสถานที่บนภาพถ่าย, เสียงชัตเตอร์ถ่ายภาพ, ตารางเก้าช่อง, ชูสองนิ้วเพื่อสั่งงานถ่ายภาพ, กระจกสะท้อน, ไมโครโฟน, การสัมผัสเพื่อถ่ายภาพ, ตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพ และเซ็นเซอร์ตรวจจับรอยยิ้ม

อีกทั้งยังสามารถคืนการตั้งค่าทั้งหมดได้
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 13 ล้านพิกเซล ของ Infinix NOTE 2 LTE X600

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพกลางคืน

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพกลางคืน

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพกลางคืน

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพกลางคืน

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพกลางคืน
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ผ่านโหมด Beauty ของ Infinix NOTE 2 LTE X600
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Beauty ปรับค่าระดับ 0
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Beauty ปรับค่าระดับ 3
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Beauty ปรับค่าระดับ 6
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Beauty ปรับค่าระดับ 9
สรุปผลการทดสอบของ Infinix NOTE 2 LTE X600

ผ่านไปแล้วนะครับ สำหรับการรีวิวสมาร์ทโฟนสุดคุ้มสเปคครบเครื่องอย่าง Infinix NOTE 2 LTE X600 สำหรับดีไซน์การออกแบบนั้นถือว่าสอบผ่าน เนื่องด้วย Infinix NOTE 2 LTE X600 มีดีไซน์ตัวเครื่องที่สวยงาม งานประกอบก็แน่นหนา และมุมทั้งสี่ด้านยังมีความโค้งมน อีกทั้งฝาหลังยังทำลวดลายคล้ายโลหะขัดเงา (Brush Metal) จึงช่วยให้ตัวเครื่อง Infinix NOTE 2 LTE X600 ดูมีความพรีเมียม และสามารถจับ หรือถือใช้งานได้ถนัดมือ
อีกหนึ่งความน่าสนใจของ Infinix NOTE 2 LTE X600 คือ สามารถตอบสนองการใช้งานด้านมัลติมีเดียได้ดีเป็นพิเศษ เนื่องด้วยมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่เต็มตาถึง 5.98 นิ้ว แบบ IPS ความละเอียด 1280x720 พิกเซล พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 4000 mAh ซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง (Flash Charge) และโหมดประหยัดพลังงาน Ultra Lower Power Mode เรียกได้ว่า สามารถเล่นเกม, ชมภาพยนตร์ หรือชมซีรี่ย์ ได้แบบเพลิดเพลินไม่ต้องกลัวเมื่อยล้าดวงตา หรือแบตเตอรี่จะหมดกันเลยทีเดียว แต่ด้วยขนาดหน้าจอที่ค่อนข้างใหญ่ จึงอาจต้องแลกมาด้วยการพกพาที่ไม่ค่อยคล่องตัวเท่าใดนัก โดยเฉพาะการพกพาใส่กระเป๋ากางเกง ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ใช้งานก้าวเดินไม่ค่อยสะดวก ประกอบกับน้ำหนักของตัวเครื่องประมาณ 194 กรัม ซึ่งถือว่าค่อนข้างหนักเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนโดยทั่วไป จึงอาจต้องเปลี่ยนมาพกพาใส่กระเป๋าถือแทน
ทางด้านของกล้องถ่ายภาพก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดของ Infinix NOTE 2 LTE X600 เลยก็ว่าได้ โดยกล้องดิจิทัลด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ที่เป็นเซ็นเซอร์รับภาพแบบ ISOCELL พร้อมระบบโฟกัสแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) ที่สามารถโฟกัสได้ภาพภายในเวลาเพียง 0.25 วินาที และไฟแฟลช LED นั้นสามารถตอบโจทย์ด้านการถ่ายภาพได้เป็นอย่างดี ทั้งการถ่ายภาพในสภาวะแสงปกติ หรือการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย ซึ่งภาพถ่ายที่ได้มีความคมชัด สีสันสดใสอีกด้วย ส่วนกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ก็สามารถถ่ายภาพได้ดีไม่แพ้กัน อีกทั้งยังมีโหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Beauty) ให้ใช้งาน ซึ่งสามารถปรับค่าผิวเนียนได้ถึง 9 ระดับเลยทีเดียว บอกได้เลยว่า ต้องถูกอกถูกใจคนรักการถ่ายภาพเซลฟี่อย่างแน่นอน
ในส่วนของคุณสมบัติเด่นอื่นๆ ก็ถือว่าครบเครื่อง และสามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้เป็นอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ชิปเซ็ต 64-bit Octa-Core MediaTek MT6753 ความเร็วในการประมวลผล 1.3 GHz, พร้อมด้วยหน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Mali-T720, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 2 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 16 GB, รองรับการใช้งานพร้อมกัน 2 ซิมการ์ด, รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE กับ 3G ได้ และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 5.1 Lollipop
หลังจากการทดสอบทั้งหมดที่ผ่านมาก็พอที่จะสรุปได้ว่า Infinix NOTE 2 LTE X600 น่าจะเหมาะกับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนราคาไม่เกิน 5,000 บาท ที่มีจอใหญ่เต็มตา พร้อมสเปคครบเครื่อง, กล้องถ่ายภาพสวย, แบตเตอรี่อึด และมีฟีเจอร์ให้ใช้งานหลากหลาย ซึ่ง Infinix NOTE 2 LTE X600 ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย หากท่านใดที่สนใจ Infinix NOTE 2 LTE X600 ก็สามารถสั่งซื้อได้ที่ Lazada.co.th เจ้าเก่าเหมือนเช่นเคย สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง Infinix ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง Infinix NOTE 2 LTE X600 มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ
จุดเด่นของ Infinix NOTE 2 LTE X600
- ดีไซน์โค้งมน พร้อมฝาหลังก็ยังทำลายโลหะขัดเงา (Brush Metal) ช่วยให้จับ หรือถือตัวเครื่องได้กระชับมือ
- จอแสดงผลแบบ IPS LCD Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1280x720 Pixels กว้าง 5.98 นิ้ว พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิกโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Mali-T720
- รองรับเทคโนโลยี MiraVision ที่ช่วยให้หน้าจอทำการแสดงผลให้เหมาะกับสายตามากที่สุด
- รองรับฟีเจอร์การสั่งงานด้วยท่าทาง (Motion Control), โหมดการใช้งานมือเดียว และสามารถวาดตัวอักษรเพื่อสั่งงานได้
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต 64-bit Octa-Core MediaTek MT6753 ความเร็วในการประมวลผล 1.3 GHz
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 5.1 Lollipop
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 16 GB
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 2 GB
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้
- กล้องดิจิทัลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่องความละเอียดระดับ 13 ล้านพิกเซล ที่เป็นเซ็นเซอร์รับภาพแบบ ISOCELL พร้อมระบบโฟกัสแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) ที่สามารถโฟกัสได้ภาพภายในเวลาเพียง 0.25 วินาที และไฟแฟลช LED ซึ่งรองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD 1080p (1920x1080 Pixels : 30 fps)
- กล้องดิจิทัลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 2 ล้านพิกเซล ซึ่งรองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ VGA
- รองรับโหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Beauty)
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดพร้อมกันภายในเครื่องเดียว (Dual SIM : Dual Standby)
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G, WiFi, EDGE และ GPRS
- ระบบ GPS+A-GPS ในตัว (Global Positioning System : ระบบดาวเทียมนำร่อง)
- แบตเตอรี่แบบ Li-Ion ความจุ 4040 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง (Flash Charge) และโหมดประหยัดพลังงาน Ultra Lower Power Mode
- รองรับฟังก์ชัน HotKnot สำหรับส่งไฟล์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไฟล์รูปภาพ, เพลง หรือ วีดีโอ ได้แบบง่ายๆ กับสมาร์ทโฟนเครื่องอื่น
- วิทยุ FM Stereo ในตัว พร้อมฟังก์ชันบันทึกเสียงจากรายการวิทยุ
- ราคา 4,888 บาท
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Infinix NOTE 2 LTE X600
- แบตเตอรี่เป็นแบบยึดติดกับตัวเครื่อง จึงไม่สามารถถอด หรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ด้วยตนเองได้
- สามารถสั่งซื้อได้ผ่านช่องทางของเว็บไซต์ Lazada เท่านั้น
- ตัวเครื่องมีขนาดค่อนข้างใหญ่ จึงพกพาไม่คล่องตัวเท่าใดนัก
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
สรุปคุณสมบัติเครื่อง
ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติแบบสรุป (Specification) ของ Infinix NOTE 2 LTE X600 ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้
สรุปคุณสมบัติโดยละเอียดของ Infinix NOTE 2 LTE X600

:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter
| ไปหน้าแรก
Mobile Focus ::
|