รีวิว (Review) HTC U11+
ยอดสมาร์ทโฟนเรือธงตัวท็อปรุ่นอัปเกรดใหม่ล่าสุด สวยขึ้น และฟีเจอร์จัดเต็มกว่าเดิม ด้วยจอไร้ขอบ 2K Super LCD 6 แบบ 18:9 ไซส์บิ๊ก 6 นิ้ว, กล้อง OIS+EIS UltraPixel 3 12 ล้านพิกเซล, กล้องหน้ามุมกว้าง, ชิปเซ็ต Snapdragon 835, RAM 6GB, ROM 128GB, บีบเครื่องพร้อม Edge Launcher, ลำโพงคู่ BoomSound Hi-Fi, ไมโครโฟน 4 ตัว, Android 8.0 Oreo และแบตเตอรี่ชาร์จเร็วที่ใหญ่ขึ้นเป็น 3930 mAh บนบอดี้กระจกกันน้ำระดับ IP68
Review
Date (19-กุมภาพันธ์-2561)

แม้ HTC U11+ รุ่นนี้จะไม่มีใครนำเข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในบ้านเรา แต่ในเมื่อเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงที่ดีที่สุดของค่าย HTC ณ ชั่วโมงนี้ และมีสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากมายไม่แพ้เรือธงตัวท็อปคู่แข่ง ทีมงานเว็บไซต์ไทยโมบายเซ็นเตอร์ก็ไม่พลาดที่จะนำมาให้ทุกท่านได้ร่วมสัมผัสไปพร้อมๆ กัน
สำหรับ HTC U11+ นั้นได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา โดย HTC U11+ ก็ได้รับการอัปเกรดคุณสมบัติตัวเครื่อง และฟีเจอร์ต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในหลายๆ ด้านจากรุ่นเดิมอย่าง HTC U11 ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอแบบ FullView Display ไร้ขอบ ขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 6.0 นิ้ว พร้อมความละเอียดสูงระดับ 2K Quad HD+ รวมทั้งมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้น และระบบเสียงที่ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
โดยตัวเครื่องของ HTC U11+ นั้นใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Metal-Glass ซึ่งมีพื้นผิวแบบ Liquid Surface ที่สามารถสะท้อนเล่นกับแสงได้ราวกับผิวน้ำ นอกจากนี้ ตัวเครื่องยังมีคุณสมบัติป้องกันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 ซึ่งสามารถกันน้ำได้ลึกสุด 1.5 เมตร เป็นระยะเวลานานสุดถึง 30 นาที (เดิม HTC U11 กันน้ำได้ที่มาตรฐาน IP67 เท่านั้น)
นอกจากนี้ ทางด้านคุณสมบัติเด่นอื่นๆ ก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอแสดงผลไร้ขอบแบบ Super LCD 6 2K Quad HD+ (2880x1440 พิกเซล) ขนาด 6 นิ้ว ในอัตราส่วน 18:9 พร้อมครอบทับด้วยกระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 5, รองรับการแสดงผลช่วงสีแบบ DCI-P3 ที่สามารถแสดงเฉดสีได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น, รองรับ sRGB Standard เพื่อการแสดงสีสันแบบสมจริง และฟีเจอร์ HDR10 ที่ช่วยแสดงสีสันของภาพ หรือวิดีโอได้จัดจ้าน สดใส และชัดเจนมากยิ่งขึ้น, รองรับฟังก์ชัน Edge Sense สำหรับการสั่งงานด้วยการบีบตัวเครื่อง, มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ, รองรับระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวแบบ Gyro Sensor, รองรับการเชื่อมต่อไร้สายแบบ NFC, มีระบบบันทึกเสียงรอบทิศทางแบบ 3D Audio ซึ่งสามารถบันทึกเสียงได้คมชัดทุกรายละเอียดกับระบบ Acoustic Focus ผ่านไมโครโฟนถึง 4 ตัว, ลำโพงเสียงภายนอกแบบ HTC BoomSound Hi-Fi ซึ่งรองรับระบบเสียง Hi-Res Audio พร้อมรองรับการเล่นไฟล์เสียง Hi-Fi แบบไร้สายด้วยเทคโนโลยี aptX HD และ LDAC 24-bit, รองรับระบบตัดเสียงรบกวนแบบ HTC USonic และแบตเตอรี่ขนาด Li-Ion 3930 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ Quick Charge 3.0

ทางด้านกล้องถ่ายภาพก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดขายของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ด้วยเช่นกัน โดยกล้องดิจิทัลด้านหลังแบบ UltraPixel 3 ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพแบบ Backside-illuminated Sensor (BSI) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการถ่ายภาพในที่แสงน้อย, มีเม็ดพิกเซลขนาด 1.4 ไมครอน, ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ f/1.7, ระบบโฟกัสภาพแบบ UltraSpeed Autofocus และระบบป้องกันภาพสั่นไหว (OIS) พร้อมไฟแฟลชแบบ Dual-LED ส่วนกล้องดิจิทัลด้านหน้ามีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพแบบ Backside-illuminated Sensor (BSI) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการถ่ายภาพในที่แสงน้อย, มีมุมกว้าง 85 องศา พร้อมรูรับแสงกว้างสูงสุด f/2.0
ในส่วนของคุณสมบัติการประมวลผล กับคุณสมบัติพื้นฐาน ก็เรียกได้ว่าจัดอยู่ในระดับไฮเอนด์ เริ่มตั้งแต่ ชิปเซ็ต Octa-Core Qualcomm MSM8998 Snapdragon 835 ความเร็วในการประมวลผล 2.35 GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Adreno 540, หน่วยความจำภายในขนาด 128 GB, หน่วยความจำแรมขนาด 6 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 8.0 Oreo
ซึ่งจากข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวจะเห็นได้ว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก ทั้งในเรื่องของการออกแบบดีไซน์, กล้องถ่ายภาพทั้งด้านหน้า-ด้านหลัง, ฟีเจอร์ระดับไฮเอนด์ และคุณสมบัติด้านการประมวลผลที่เรียกได้ว่าจัดเต็มเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในทุกๆ ด้าน ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร ดีไซน์ตัวเครื่องจะสวยงามขนาดไหน และฟีเจอร์ที่มีอยู่จะตอบสนองต่อการใช้งานได้ดีเพียงใด ขอเชิญทุกท่านรับชมรีวิว HTC U11+ พร้อมกันต่อได้เลยครับ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

สำหรับเครื่อง HTC U11+ ที่นำมารีวิวให้ทุกท่านได้รับชมกันนั้นเป็นเครื่องหิ้ว (เครื่องนอก) และเป็นเครื่องสีเงิน (Silver) ที่มีหน่วยความจำภายในขนาด 128 GB


ภายในกล่องก็มีอุปกรณ์ไว้ให้ใช้งานอย่างครบครัน ได้แก่ เคสใส, คู่มือการใช้งาน, หูฟังแบบมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร, สาย USB Type-C, ตัวแปลงสัญญาณ 3.5mm to USB Type-C, เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด และอะแดปเตอร์

HTC U11+ มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลไร้ขอบแบบ SuperLCD 2K Quad HD+ (2880x1440 พิกเซล) ขนาด 6 นิ้ว ในอัตราส่วน 18:9 พร้อมครอบทับด้วยกระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 5 โดยตัวเครื่องมีขนาดอยู่ที่ 158.5x74.9x8.5 มิลลิเมตร กับน้ำหนัก 188 กรัม

โดยหน้าจอแสดงผลของ HTC U11+ ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ DCI-P3 ที่ช่วยแสดงเฉดสีได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น, ฟีเจอร์ sRGB Standard เพื่อการแสดงสีสันแบบสมจริง และฟีเจอร์ HDR10 ที่ช่วยแสดงสีสันของภาพ หรือวิดีโอได้จัดจ้าน สดใส และชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ด้านหน้าส่วนบนประกอบไปด้วยกล้องดิจิทัลความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพแบบ Backside-illuminated Sensor (BSI) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการถ่ายภาพในที่แสงน้อย, มีมุมกว้าง 85 องศา พร้อมรูรับแสงกว้างสูงสุด f/2.0, สัญญาณไฟ LED สำหรับการแจ้งเตือนต่างๆ, ลำโพงสำหรับฟังขณะทำการสนทนา พร้อมทำหน้าที่เป็นลำโพงเสียงภายนอก, ระบบ Accelerometer Sensor สำหรับช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้ และระบบ Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน

ด้านหน้าส่วนล่างมีปุ่มการสั่งงานแบบ On Screen ได้แก่ ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม และปุ่ม Recent Apps

ด้านบนของตัวเครื่องมีไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวนขณะบันทึกเสียง หรือบันทึกวิดีโอ และถาดสำหรับใส่ซิมการ์ด

ซึ่งเป็นถาดแบบ Hybrid-Slot ซึ่งรองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด โดยในช่องที่สองจะต้องเลือกใช้งานระหว่างซิมการ์ดที่ 2 หรือเพิ่มการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD

ด้านล่างของตัวเครื่องมีไมโครโฟน, ช่องเชื่อมต่อแบบ USB Type-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ หรือโอนถ่ายข้อมูล และลำโพงเสียงภายนอก

โดยลำโพงเสียงภายนอกตรงด้านหน้าส่วนบน กับด้านล่างของตัวเครื่องนั้นเป็นลำโพงแบบ HTC BoomSound Hi-Fi ซึ่งรองรับระบบเสียง Hi-Res Audio พร้อมรองรับการเล่นไฟล์เสียง Hi-Fi แบบไร้สายด้วยเทคโนโลยี aptX HD และ LDAC 24-bit นอกจากนี้ ยังรองรับระบบตัดเสียงรบกวน HTC USonic อีกด้วย (ต้องใช้ร่วมกับหูฟังเท่านั้น ถึงจะใช้งานกับระบบนี้ได้)

ด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่มเปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอ และปุ่มเพิ่ม-ลด ระดับเสียง

ด้านซ้ายของตัวเครื่องจะมีเพียงเสาสัญญาณโทรศัพท์เพียงอย่างเดียว



ด้านหลังของตัวเครื่องมีกล้องดิจิทัลแบบ UltraPixel 3 ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพแบบ Backside-illuminated Sensor (BSI) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการถ่ายภาพในที่แสงน้อย, มีเม็ดพิกเซลขนาด 1.4 ไมครอน, ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ f/1.7, ระบบโฟกัสภาพแบบ UltraSpeed Autofocus และระบบป้องกันภาพสั่นไหว (OIS) พร้อมไฟแฟลชแบบ Dual-LED, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และไมโครโฟนตัวที่ 3 กับไมโครโฟนตัวที่ 4

นอกจากนี้ ตัวเครื่องของ HTC U11+ ใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Metal-Glass ซึ่งมีพื้นผิวแบบ Liquid Surface ที่สามารถสะท้อนเล่นกับแสงได้ราวกับผิวน้ำ นอกจากนี้ ตัวเครื่องยังมีคุณสมบัติป้องกันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 ซึ่งสามารถกันน้ำได้ลึกสุด 1.5 เมตร เป็นระยะเวลานานสุดถึง 30 นาทีอีกด้วย นอกจากนี้ HTC U11+ ยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 3930 mAh พร้อมรองรับการชาร์จความเร็วสูงแบบ Quick Charge 3.0
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ
 
HTC U11+ ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 8.0 Oreo ซึ่งถูกครอบทับด้วย HTC Sense อีกทั้งยังรองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด และสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE กับ 3G ได้
 
สามารถรองรับการเชื่อมต่อไร้สายแบบ NFC ได้ อีกทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi แบบ Dual Band ซึ่งช่วยให้ HTC U11+ รองรับสัญญาณคลื่นความถี่ระดับ 5 GHz เพิ่มมาอีกหนึ่งคลื่น โดยคลื่นความถี่แบบ 5 GHz จะช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการใช้งานอินเทอร์เน็ตให้มากขึ้นกว่าเดิม เพราะมีการปล่อยสัญญาณที่แรง และกว้างกว่าคลื่น 2.4 GHz
 
สำหรับเครื่องที่ทางทีมงานของเรานำมารีวิวให้ท่านผู้อ่านรับชมกันนั้นจะมีหน่วยความจำภายในขนาด 128 GB พร้อมด้วยหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 6 GB
 
มีฟังก์ชันการแจ้งเตือน และสามารถเปิด-ปิด ฟังก์ชันลัดได้หลากหลาย เช่น ระบบประหยัดพลังงาน, โหมดการใช้งานบนเครื่องบิน หรือบลูทูธ
 
ทางด้านบริการต่างๆ จากทาง Google ก็มีให้ใช้งานอย่างครบครัน
 

สามารถปรับแต่งหน้าจอโฮมสกรีนได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์, การเปลี่ยนธีม หรือการนำวิดเจ็ตที่ต้องการใช้งานมาไว้ที่หน้าจอโฮมสกรีน
 
ผู้ใช้สามารถเลือกใช้งานฟีเจอร์ระหว่าง DCI-P3 หรือ sRGB เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานในสถานการณ์ต่างๆ ได้

นอกจากนี้ ยังสามารถเปิดใช้งานโหมดกลางคืน หรือโหมดถนอมสายตาด้วยการลดแสงสีฟ้า สำหรับใช้งานในสภาวะแสงน้อยได้เช่นกัน
 
ทางด้านฟังก์ชันโทรศัพท์ก็มีหน้าตาที่สามารถใช้งานได้ง่าย ซึ่งมาพร้อมกับปุ่มตัวเลขขนาดใหญ่ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถกดหมายเลขที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ และสามารถเข้าดูรายชื่อโทรศัพท์ทั้งหมดได้ทันทีอีกด้วย
 
 
อีกหนึ่งความน่าสนใจบน HTC U11+ คือ มาพร้อมกับฟังก์ชัน Edge Sense โดยผู้ใช้สามารถเรียกใช้งานฟังก์ชันนี้ด้วยการบีบที่ด้านข้างของตัวเครื่อง เพื่อสั่งงานต่างๆ เช่น เปิดแอปพลิเคชันที่ต้องการ, ลั่นชัตเตอร์ถ่ายภาพ, เปิดคีย์ลัด Edge Launcher รวมถึงการเรียกใช้งานผู้ช่วยอัจฉริยะ Google Assistant ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับแต่งค่าคีย์ลัดของ Edge Sense ได้อย่างอิสระอีกด้วย
 
นอกจากนี้ ยังมีแอปพลิเคชัน HTC Boost+ สำหรับจัดการส่วนต่างภายในเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น การจัดการแอปพลิเคชัน, การเคลียร์หน่วยความจำแรม หรือการล็อกแอปพลิเคชัน
 
อีกหนึ่งความน่าสนใจคือ สามารถเลือกระบบเสียงผ่านฟังก์ชัน HTC Boomsound ให้เหมาะกับการใช้งานได้ 2 แบบ คือ แบบสำหรับฟังเพลง กับแบบสำหรับชมภาพยนตร์

ในส่วนของระบบตัดเสียงรบกวน HTC USonic นั้นจะทำงานได้ก็ต่อเมื่อเชื่อมต่อกับหูฟังแล้วเท่านั้น
 
ทางด้านฟังก์ชัน Motion Launch นั้นสามารถแสดงวันที่ เวลา, ปริมาณแบตเตอรี่ และข้อมูลการแจ้งเตือนต่างๆ ได้ตลอดเวลาถึงแม้ตัวเครื่องจะอยู่ในโหมดสลีป นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกรูปแบบในการแสดงข้อมูลได้หลากหลายอีกด้วย
 
นอกจากนี้ หน้าจอแสดงผลของ HTC U11+ ยังรองรับการสั่งงานด้วยท่าทางได้ เช่น ดับเบิ้ลคลิกเพื่อปลุกการทำงานของเครื่อง, การเลื่อนนิ้วขึ้นเพื่อปลดล็อกหน้าจอ หรือเลื่อนลง 2 ครั้งเพื่อเรียกใช้งานกล้องถ่ายภาพ

HTC Sense Companion เป็นฟีเจอร์ที่รวบรวมข้อมูล หรือข่าวสาร ที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้ไว้ในหน้าเดียว นอกจากนี้ ยังทำหน้าที่ในการปิดแอปพลิเคชันที่ไม่ได้ใช้งานให้แบบอัตโนมัติ, แจ้งเตือนให้ชาร์จแบตเตอรี่ เมื่อแบตเตอรี่มีปริมาณน้อย และสามารถแจ้งเตือนให้ผู้ใช้ออกกำลังกายได้อีกด้วย เรียกได้ว่า เปรียบเหมือนคู่หูของผู้ใช้เลยก็ว่าได้
 
HTC U11+ ยังสามารถตั้งค่าการใช้งานเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือได้ โดยผู้ใช้สามารถสั่งงานปลุกการทำงานของเครื่อง หรือปลดล็อกหน้าจอ หรือถ่ายภาพได้ทันทีผ่านเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ อีกทั้งยังสามารถบันทึกลายนิ้วมือได้มากกว่า 1 ลายนิ้วมืออีกด้วย
 
มีเซ็นเซอร์พื้นฐานติดตั้งมาให้อย่างครบครัน รวมทั้ง Gyroscope Sensor
 
สามารถจับสัญญาณดาวเทียม GPS ในที่กลางแจ้งได้ดี พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS ของรัสเซีย โดยจากภาพตัวอย่างการทดสอบข้างต้นจะเห็นว่าสามารถจับสัญญาณดาวเทียมได้ทั้งหมด 16 ดวง พร้อมรองรับระบบดาวเทียม Beidou ของจีน และคุณภาพของการจับสัญญาณอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแต่ละสถานที่
 
มาพร้อมกับแอปพลิเคชันสำหรับฟังเพลง หรือจะดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเสริมสำหรับฟังเพลงมาใช้งานเพิ่มเติม ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถเลือกระบบเสียงให้เหมาะกับการฟังเพลงได้อีกด้วย


และสามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดระดับ 2K (2160x1440 พิกเซล) ได้อย่างไหลลื่น นอกจากนี้ ด้วยหน้าจอแสดงผลแบบ SuperLCD 2K Quad HD+ (2880x1440 พิกเซล) ขนาด 6 นิ้ว ในอัตราส่วน 18:9 จึงช่วยให้ผู้ใช้นั้นรับชมคอนเทนท์ต่างๆ ผ่าน HTC U11+ อย่างเต็มตา เต็มอรรถรสมากยิ่งขึ้น
 
โดย HTC U11+ จะมาพร้อมกับชิปเซ็ต Octa-Core Qualcomm MSM8998 Snapdragon 835 ความเร็วในการประมวลผล 2.35 GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Adreno 540, หน่วยความจำภายในขนาด 128 GB, หน่วยความจำแรมขนาด 6 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 8.0 Oreo



และด้วยคุณสมบัติด้านการประมวลผลที่เรียกได้ว่าจัดเต็มในระดับไฮเอนด์ จึงทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นนี้สามารถตอบโจทย์การเล่นเกมที่มีกราฟิกระดับสูงได้อย่างไหลลื่น อีกทั้งยังสามารถแสดงรายละเอียดต่างๆ ภายในเกมได้อย่างคมชัด
 
และเมื่อนำ HTC U11+ มาทดสอบผ่านแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 193834 คะแนน ส่วนการทดสอบผ่านแอปพลิเคชัน Geekbench 4 พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 1932 คะแนน สำหรับการประมวลผลแบบ Single-Core และ 6496 คะแนน สำหรับการประมวลผลแบบ Multi-Core

ส่วนการทดสอบผ่านแอปพลิเคชัน 3DMark พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 2622 คะแนน สำหรับการทดสอบแบบ OpenGL และ 2238 คะแนน สำหรับการทดสอบแบบ Vulkan

HTC U11+ สามารถรองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 10 จุด
 
และสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอื่นๆ มาใช้งานเพิ่มเติมได้ผ่านแอปพลิเคชัน Google Play Store
กล้องดิจิทัล ถ่ายภาพนิ่ง และถ่ายภาพวิดีโอ
 
 
สำหรับ Interface กล้องถ่ายภาพบน HTC U11+ นั้นก็มีหน้าตาที่สามารถใช้งานได้ง่าย อีกทั้งยังแสดงไอคอนฟังก์ชันต่างๆ เอาไว้ให้เราเลือกใช้งานได้ทันที เช่น ฟังก์ชัน HDR หรือการเปิดใช้งานไฟแฟลช LED นอกจากนี้ ยังมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น โหมดถ่ายภาพโปร, โหมดถ่ายภาพพาโนราม่า หรือโหมดถ่ายภาพปกติ
 
สำหรับโหมดถ่ายภาพโปร ผู้ใช้สามารถปรับค่าเพื่อถ่ายภาพได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ความเร็วชัตเตอร์ หรือค่า ISO
 
นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกความละเอียดของกล้องถ่ายภาพได้สูงสุดที่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และสามารถตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพได้อีกด้วย
 
 
ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ใช้ยังสามารถตั้งค่าเพื่อใช้งานเพิ่มเติมได้อีกหลายส่วนด้วยกัน เช่น การเปิดใช้งานตารางเก้าช่อง, การระบุพิกัดบนภาพถ่าย หรือเปิดใช้งานเสียงชัตเตอร์, ระบบตรวจจับรอยยิ้ม, การสั่งงานถ่ายภาพด้วยเสียง, การเพิ่มฟังก์ชันให้กับปุ่มลดระดับเสียง เช่น ชัตเตอร์ถ่ายภาพ และคืนการตั้งค่าทั้งหมด
 
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีโหมดถ่ายวิดีโอให้ใช้งาน ซึ่งสามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุดที่ความละเอียดระดับ 4K Ultra HD พร้อมทั้งมีระบบบันทึกเสียงรอบทิศทางแบบ 3D Audio โดยสามารถบันทึกเสียงได้คมชัดทุกรายละเอียดกับระบบ Acoustic Focus ผ่านไมโครโฟนถึง 4 ตัว
 
 
ในส่วนของกล้องดิจิทัลด้านหน้าก็มีหน้าตาที่สามารถใช้งานได้ง่ายเช่นเดียวกับกล้องดิจิทัลด้านหลัง พร้อมทั้งแสดงไอคอนฟังก์ชันต่างๆ ไว้ให้เลือกใช้งานได้ทันที ฟังก์ชัน HDR หรือการเปิดใช้งานไฟแฟลช LED (แสงไฟจากหน้าจอ) และยังมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลากหลายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น โหมดถ่ายภาพปกติ, โหมดถ่ายภาพเซลฟี่แบบพาโนราม่า หรือโหมดถ่ายภาพหน้าสวย
 
ซึ่งในโหมดถ่ายภาพหน้าสวยผู้ใช้ก็สามารถปรับระดับความเนียนได้หลายระดับตามความต้องการ
 
นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกความละเอียดขอกล้องดิจิทัลด้านหน้าได้สูงสุดที่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และสามารถตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพได้นานสูงสุด 10 วินาที
 
 
ผู้ใช้ยังสามารถตั้งค่าเพื่อใช้งานเพิ่มเติมได้อีกหลายส่วนด้วยกัน เช่น การเปิดใช้งานตารางเก้าช่อง, การระบุพิกัดบนภาพถ่าย หรือเปิดใช้งานเสียงชัตเตอร์, ระบบตรวจจับรอยยิ้ม, การสั่งงานถ่ายภาพด้วยเสียง, การเพิ่มฟังก์ชันให้กับปุ่มลดระดับเสียง เช่น ชัตเตอร์ถ่ายภาพ และคืนการตั้งค่าทั้งหมด
 
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีโหมดถ่ายวิดีโอให้ใช้งาน ซึ่งสามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุดที่ความละเอียดระดับ Full HD (1080p) พร้อมทั้งมีระบบบันทึกเสียงรอบทิศทางแบบ 3D Audio โดยสามารถบันทึกเสียงได้คมชัดทุกรายละเอียดกับระบบ Acoustic Focus ผ่านไมโครโฟนถึง 4 ตัว
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่องความละเอียดระดับ 12 ล้านพิกเซล ของ HTC U11+

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ผ่านโหมดถ่ายภาพหน้าสวย ของ HTC U11+
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย พร้อมปรับค่าระดับกลาง
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย พร้อมปรับค่าระดับสูงสุด
สรุปผลการทดสอบของ HTC U11+

จบลงไปแล้วนะครับ สำหรับการรีวิวสมาร์ทโฟนเรือธงดีไซน์สวยหรูใหม่ล่าสุดอย่าง HTC U11+ โดยอันดับแรกต้องขอยอมรับในเรื่องของการออกแบบดีไซน์ที่มีความสวยงามลงตัวเป็นอย่างมาก และด้วยเทคโนโลยีการผลิตแบบ Metal-Glass บวกกับความโค้งมนที่ด้านหลัง จึงทำให้ตัวเครื่องของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ยังมีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ และสามารถจับ หรือถือใช้งานได้อย่างคล่องตัว ส่วนทางด้านพื้นผิวตัวเครื่องนั้นจะเป็นแบบ Liquid Surface ที่สามารถสะท้อนเล่นกับแสงได้ราวกับผิวน้ำ ยิ่งช่วยเพิ่มความสวยงามเป็นอย่างมาก ซึ่งนอกจากความสวยงามแล้วนั้น ทางด้านความปลอดภัยทาง HTC ก็ได้ใส่มาไว้บนสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ด้วยเช่นกัน โดยตัวเครื่องมีคุณสมบัติป้องกันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 ซึ่งสามารถกันน้ำได้ลึกสุด 1.5 เมตร เป็นระยะเวลานานสุดถึง 30 นาทีอีกด้วย เรียกได้ว่า หมดห่วงเรื่องตัวเครื่องโดนน้ำสาดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง หรือตัวเครื่องตกลงน้ำเลยก็ว่าได้ แต่อย่างไรก็ดี ด้วยความที่ตัวเครื่องเป็นดีไซน์แบบ Metal-Glass จึงทำให้เกิดคราบเปื้อน หรือรอยนิ้วมือได้ง่ายนั่นเอง
อีกหนึ่งความพิเศษบน HTC U11+ คือ สามารถตอบโจทย์การใช้งานด้านมัลติมีเดียได้อย่างเต็มประสิทธิภาพผ่านหน้าจอแสดงผลแบบ SuperLCD 2K Quad HD+ (2880x1440 พิกเซล) ขนาด 6 นิ้ว ในอัตราส่วน 18:9 พร้อมครอบทับด้วยกระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 5 พร้อมรองรับฟีเจอร์ DCI-P3, sRGB Standard และฟีเจอร์ HDR10 โดยไม่ว่าจะเป็น การเล่นเกม หรือชมภาพยนตร์ หน้าจอของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้สามารถแสดงสีสันได้สมจริงเป็นอย่างมาก ไม่เพียงเท่านั้น HTC U11+ ยังมีลำโพงเสียงภายนอกแบบ HTC BoomSound Hi-Fi พร้อมระบบเสียง Hi-Res Audio ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเล่นเกม หรือชมภาพยนตร์สนุกได้อย่างเต็มอรรถรสมากขึ้นกว่าเดิมผ่านคุณภาพเสียงราวกับว่ามีเครื่องเสียงชุดใหญ่อยู่ตรงหน้าเลยก็ว่าได้
นอกจากนี้ ทางด้านกล้องถ่ายภาพก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดขายของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะกล้องดิจิทัลด้านหลังความละเอียดแบบ UltraPixel 3 ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพแบบ Backside-illuminated Sensor (BSI) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการถ่ายภาพในที่แสงน้อย, มีเม็ดพิกเซลขนาด 1.4 ไมครอน, ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ f/1.7, ระบบโฟกัสภาพแบบ UltraSpeed Autofocus และระบบป้องกันภาพสั่นไหว (OIS) พร้อมไฟแฟลชแบบ Dual-LED ที่ตอบโจทย์ด้านการถ่ายภาพได้ดีเป็นอย่างมาก อีกทั้งภาพถ่ายที่ได้ยังมีความคมชัด สีสันสมจริง พร้อมทั้งเก็บรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างครบถ้วนแม้จะเป็นการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย
ส่วนทางด้านกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพแบบ Backside-illuminated Sensor (BSI) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการถ่ายภาพในที่แสงน้อย, มีมุมกว้าง 85 องศา พร้อมรูรับแสงกว้างสูงสุด f/2.0 ก็ตอบโจทย์ด้านการถ่ายภาพได้ดีไม่แพ้กัน พร้อมทั้งทำงานร่วมกับโหมดถ่ายภาพหน้าสวยได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งสามารถเลือกระดับความเนียนของผิวได้ตามใจชอบอีกด้วย เรียกได้ว่า เหมาะกับผู้ที่รักการถ่ายภาพเซลฟี่เป็นพิเศษ

ทางด้านคุณสมบัติเด่นอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าจัดเต็มมาให้แบบไม่มีกั๊ก ซึ่งสามารถตอบโจทย์การใช้งานต่างๆ ได้อย่างครบครัน เริ่มตั้งแต่ การรองรับฟังก์ชัน Edge Sense สำหรับการสั่งงานด้วยการบีบตัวเครื่อง, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ, รองรับระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวแบบ Gyro Sensor, รองรับการเชื่อมต่อไร้สายแบบ NFC, มีระบบบันทึกเสียงรอบทิศทางแบบ 3D Audio ซึ่งสามารถบันทึกเสียงได้คมชัดทุกรายละเอียดกับระบบ Acoustic Focus ผ่านไมโครโฟนถึง 4 ตัว, รองรับระบบตัดเสียงรบกวนแบบ HTC USonic และแบตเตอรี่ขนาด Li-Ion 3930 mAh พร้อมรองรับการชาร์จความเร็วสูงแบบ Quick Charge 3.0
สำหรับคุณสมบัติด้านการประมวลผล ก็จัดมาให้ในระดับไฮเอนด์อีกเช่นเดียว ไม่ว่าจะเป็น ชิปเซ็ต Octa-Core Qualcomm MSM8998 Snapdragon 835 ความเร็วในการประมวลผล 2.35 GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Adreno 540, หน่วยความจำภายในขนาด 128 GB, หน่วยความจำแรมขนาด 6 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 8.0 Oreo ซึ่งจากการทดสอบด้วยการเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสามมิติระดับสูง พร้อมปรับค่าการแสดงผลระดับสูงสุด ก็สามารถเล่นเกมแบบต่อเนื่องได้อย่างไหลลื่น อีกทั้งยังสามารถแสดงผลภาพได้อย่างคมชัดเป็นอย่างมาก ส่วนสีสันสดใสสมจริง และไม่พบอาการหน่วง แต่อย่างไรก็ดี ในขณะที่เล่นเกมต่อเนื่อง หรือการใช้งานที่มีการประมวลผลค่อนข้างเยอะ ตัวเครื่องจะมีการสะสมความร้อนอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ส่งผลต่อการใช้งานแต่อย่างใด
และจากการทดสอบทั้งหมดที่ผ่านมาก็พอที่จะสรุปได้ว่า HTC U11+ น่าจะเหมาะกับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนเรือธงที่ดีไซน์สวยหรูพรีเมียม พร้อมจอใหญ่เต็มตาสุดคมชัด, ลำโพงเสียงดังฟังชัด กับระบบเสียงที่ให้คุณภาพเสียงสุดเร้าใจ, กล้องถ่ายภาพสุดคมชัดทั้งด้านหน้า-ด้านหลัง และสเปกเครื่องในระดับไฮเอนด์สำหรับตอบโจทย์การใช้งานได้ครบทุกรูปแบบ ซึ่ง HTC U11+ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
แต่อย่างไรก็ดี HTC U11+ ยังไม่มีการนำเข้ามาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย หากท่านใดที่สนใจก็สามารถหาซื้อได้เฉพาะเครื่องหิ้ว หรือเครื่องนอกเท่านั้น โดยล่าสุดมีราคาอยู่ที่ประมาณ 23,500 บาท สำหรับรุ่นความจุ 128 GB กับหน่วยความจำแรมขนาด 6 GB และวันนี้ต้องลาไปก่อน พบกันใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ
จุดเด่นของ HTC U11+
- ตัวเครื่องใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Metal-Glass ซึ่งมีพื้นผิวแบบ Liquid Surface ที่สามารถสะท้อนเล่นกับแสงได้ราวกับผิวน้ำ พร้อมรองรับสมบัติป้องกันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 (สามารถกันน้ำได้ลึก 1.5 เมตร เป็นเวลาต่อเนื่องสูงสุด 30 นาที
- รองรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และระบบสแกนใบหน้า สำหรับตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าใช้งานเครื่อง และการเข้าถึงข้อมูลภายใน
- จอแสดงผลไร้ขอบแบบSuperLCD 2K Quad HD+ (2880x1440 พิกเซล) ขนาด 6 นิ้ว ในอัตราส่วน 18:9 พร้อมหน่วยประมวลผลภาพกราฟิกโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Adreno 540
- รอบทับด้วยกระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 5
- รองรับฟีเจอร์ DCI-P3 ที่ช่วยแสดงเฉดสีได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น, ฟีเจอร์ sRGB Standard เพื่อการแสดงสีสันแบบสมจริง และฟีเจอร์ HDR10 ที่ช่วยแสดงสีสันของภาพ หรือวิดีโอได้จัดจ้าน สดใส และชัดเจนมากยิ่งขึ้น
- รองรับฟังก์ชันถนอมสายตาด้วยการลดแสงสีฟ้า
- รองรับการสั่งงานด้วยท่าทาง
- รองรับฟังก์ชัน Edge Sense สำหรับการสั่งงานด้วยการบีบตัวเครื่อง
- รองรับระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวแบบ Gyro Sensor
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต Octa-Core Qualcomm MSM8998 Snapdragon 835 ความเร็วในการประมวลผล 2.35 GHz
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Pure Android OS เวอร์ชัน 8.0 Oreo
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 128 GB
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 6 GB
- กล้องดิจิทัลด้านหลังแบบ Dual Pixel ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพแบบ Backside-illuminated Sensor (BSI) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการถ่ายภาพในที่แสงน้อย, มีเม็ดพิกเซลขนาด 1.4 ไมครอน, ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ f/1.7, ระบบโฟกัสภาพแบบ UltraSpeed Autofocus และระบบป้องกันภาพสั่นไหว (OIS) พร้อมไฟแฟลชแบบ Dual-LED และรองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K Ultra HD
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพแบบ Backside-illuminated Sensor (BSI) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการถ่ายภาพในที่แสงน้อย, มีมุมกว้าง 85 องศา พร้อมรูรับแสงกว้างสูงสุด f/2.0, รองรับโหมดถ่ายภาพหน้าสวย และรองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD (1080p)
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G, WiFi, EDGE และ GPRS
- ระบบ GPS+A-GPS ในตัว (Global Positioning System : ระบบดาวเทียมนำร่อง)
- รองรับการเชื่อมต่อไร้สายแบบ NFC
- ลำโพงเสียงภายนอกแบบ HTC BoomSound Hi-Fi ซึ่งรองรับระบบเสียง Hi-Res Audio พร้อมรองรับการเล่นไฟล์เสียง Hi-Fi แบบไร้สายด้วยเทคโนโลยี aptX HD และ LDAC 24-bit
-
รองรับระบบตัดเสียงรบกวนแบบ HTC USonic
- มีระบบบันทึกเสียงรอบทิศทางแบบ 3D Audio ซึ่งสามารถบันทึกเสียงได้คมชัดทุกรายละเอียดกับระบบ Acoustic Focus ผ่านไมโครโฟนถึง 4 ตัว
- ชนิดแบตเตอรี่แบบ Li-Ion 3930 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ Quick Charge 3.0
- ราคาประมาณ 23,500 บาท (เครื่องนอก)
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ HTC U11+
- เนื่องจากเป็นดีไซน์แบบ Metal-Glass จึงเกิดคราบเปื้อน หรือรอยนิ้วมือได้ง่าย
- ขณะใช้งานที่มีการประมวลผลต่อเนื่อง หรือการประมวลผลระดับสูง ตัวเครื่องมีการสะสมความร้อนบ้างพอสมควร
- ไม่มีช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
- กล้องถ่ายภาพเป็นกล้องเดี่ยว และไม่มีโหมดถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ (Depth of Field)
- กล้องด้านหน้ามีความละเอียดลดลงเหลือ 8 ล้านพิกเซล (เดิมใน U11 มีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล)
- ยังไม่มีการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย จึงหาซื้อได้เฉพาะเครื่องนอกเท่านั้น และไม่มีการรับประกัน
ข้อมูลเพิ่มเติมของ HTC U11+
- เจาะ 5 จุดเด่น HTC U11+ มือถือเรือธงรุ่นอัปเกรดใหม่ล่าสุด กับจอ 18:9 พร้อมบอดี้กระจกกันน้ำสุดเงางาม
- เทียบภาพถ่ายช็อตต่อช็อต ระหว่าง HTC U11+ และ iPhone X สองสมาร์ทโฟนเรือธงกล้องเทพ
- เปรียบเทียบ HTC U11, U11+ และ U11 Life รุ่นใดคุ้มค่าน่าใช้มากที่สุด

:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter
| ไปหน้าแรก
Mobile Focus ::
|