รีวิว (Review) HTC One M9+ (M9 Plus)
สมาร์ทโฟนเรือธง เอชทีซี ใหม่ล่าสุด บนดีไซน์ All-Metal Unibody สุดหรู พร้อมจอ 2K QHD, ซีพียู 64-bit Octa-Core สุดแรง, กล้อง Duo Camera 20 ล้านพิกเซลสุดล้ำ และฟีเจอร์ไฮเอนด์จัดเต็ม
Review
Date (17-กรกฎาคม-2558)

สวัสดีครับ พบกันอีกครั้งกับการรีวิวสมาร์ทโฟนรุ่นเด่น โดยทีมงานไทยโมบายเซ็นเตอร์ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะย่างเข้าสู่ช่วงไตรมาสที่สามของปี 2015 แล้วก็ตาม แต่สมาร์ทโฟนจากแบรนด์ชั้นนำยังคงแข่งขันกันอย่างดุเดือด และหนึ่งในนั้นก็คือ สมาร์ทโฟนจาก เอชทีซี (HTC) โดยล่าสุด เอชทีซี ได้ส่งรุ่นเรือธงอย่าง HTC One M9+ (M9 Plus) ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นต่อยอดของ HTC One M9 ออกมาประชันกับรุ่นเรือธงจากแบรนด์คู่แข่งโดยเฉพาะ ซึ่งสำหรับในประเทศไทยจะใช้รุ่น M9+ นี้ ทำตลาดแทน M9 รุ่นปกติ
สำหรับ HTC One M9+ เป็นอีกรุ่นที่ถูกถามถึงกันมากในช่วงนี้ ด้วยความโดดเด่นประการแรกก็คือ ดีไซน์ตัวเครื่องที่ดูสวยหรูอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ถูกสืบทอดมาจากรุ่นเดิม กับเทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องแบบ All-Metal Unibody คือ บอดี้ตัวเครื่องของ HTC One M9+ ถูกขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกันด้วยวัสดุโลหะอะลูมิเนียม ทำให้ตัวเครื่องมีความแข็งแรงทนทาน และดูพรีเมียมหรูหรา
นอกจากในเรื่องของดีไซน์ที่สวยหรูดูมีราคาแล้ว คุณสมบัติของตัวเครื่องก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอแสดงผลขนาด 5.2 นิ้ว แบบ Super LCD3 ที่มีความละเอียดสูงถึงระดับ 2K QHD (2560x1440 พิกเซล), หน่วยประมวลผลแบบ 64-bit Octa-Core Mediatek MT6795 (Helio X10) ความเร็วในการประมวลผล 2.2 GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ PowerVR G6200, หน่วยความจำภายในขนาด 32 GB (รองรับการเพิ่มหน่วความจำภายนอกแบบ microSD Card ได้สูงสุดถึง 2 TB), หน่วยความแรม (RAM) ขนาด 3 GB, ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 5.0 (Lollipop), รองรับ 4G LTE และรองรับ NFC
ในส่วนของกล้องดิจิทัลก็ได้รับการอัพเกรดใหม่ โดยกล้องดิจิทัลด้านหลังจะเป็นแบบ Duo Camera คือ มีกล้องดิจิทัล 2 ตัวอยู่คู่กัน กับความละเอียดระดับ 20 ล้านพิกเซล และ 2.1 ล้านพิกเซล ซึ่งจะมีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.2, ไฟแฟลชแบบคู่ในตัว และการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงระดับ 4K UHD
สำหรับกล้องดิจิทัลด้านหน้าจะเป็นแบบ UltraPixel ซึ่งมีความละเอียด 4 ล้านพิกเซล และอีกอย่างที่สำคัญก็คือมาพร้อมกับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner) ซึ่งฟีเจอร์นี้จะมีอยู่ในเฉพาะสมาร์ทโฟนตัวเรือธงบางรุ่นในตลาดปัจจุบันเท่านั้น
สรุปแล้วเรียกได้ว่า จัดมาเต็มสูบกันเลยที่เดียวสำหรับคุณสมบัติตัวเครื่องของ HTC One M9+ ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร จะมีฟีเจอร์อะไรที่น่าสนใจกันบ้าง ขอเชิญทุกท่านไปชมรีวิว HTC One M9+ พร้อมกันได้เลยครับ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

HTC One M9+ จะมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ Super LCD3 Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 2560x1440 พิกเซล (2K QHD : 534 ppi) ขนาด 5.2 นิ้ว โดยจะมีขนาดของตัวเครื่องอยู่ที่ 150.99x71.99x9.61 มิลลิเมตร กับน้ำหนัก 168 กรัม

ด้านหน้าส่วนบน : จะประกอบไปด้วย ลำโพงสำหรับฟังขณะทำการสนทนา หรือลำโพงเสียงภายนอกแบบ HTC BoomSound (ระบบเสียง Dolby Audio), สัญญาณไฟ LED สำหรับการแจ้งเตือนต่างๆ เช่น กำลังชาร์จแบตเตอรี่ หรือมีข้อความใหม่, เซ็นเซอร์ Accelerometer Sensor ช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้, เซ็นเซอร์ Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน และกล้องดิจิทัลความละเอียด 4 ล้านพิกเซล (ขนาดของเซ็นเซอร์รับภาพ 1/3 นิ้ว) พร้อมเทคโนโลยี UltraPixel ที่ทาง HTC กล่าวไว้ว่าจะทำให้สามารถเก็บแสงได้มากกว่าพิกเซลแบบทั่วไปถึง 300% ซึ่งจะช่วยให้ภาพถ่ายมีความคมชัดมากยิ่งขึ้น แม้จะอยู่ในสถานที่ ที่มีแสงน้อยก็ตาม

ด้านหน้าส่วนล่าง : จะประกอบไปด้วย ลำโพงสำหรับฟังขณะทำการสนทนา หรือลำโพงเสียงภายนอกแบบ HTC BoomSound (ระบบเสียง Dolby Audio), ไมโครโฟน, ปุ่มสแกนลายนิ้วมือ และ ปุ่มการสั่งงานแบบสัมผัส ได้แก่ ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม และปุ่ม Recent Apps

ด้านบนของตัวเครื่อง : จะมีอินฟราเรดสำหรับใช้ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ

ด้านล่างของตัวเครื่อง : จะมีช่องแบบ microUSB สำหรับเชื่อมต่อกับสายชาร์จแบตเตอรี่ หรือโอนถ่ายข้อมูล และช่องสำหรับเชื่อมต่อกับหูฟังแบบมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร

ด้านขวาของตัวเครื่อง : จะประกอบไปด้วยถาดสำหรับเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD, ปุ่ม เพิ่ม-ลด ระดับของเสียง และปุ่ม เปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอ

ด้านซ้ายของตัวเครื่อง : จะมีถาดใส่ซิมการ์ด ซึ่งซิมการ์ดที่ใช้จะเป็นแบบ nanoSIM

ด้านหลังของตัวเครื่อง : จะประกอบไปด้วย กล้องดิจิทัล 2 ตัว (Duo Camera) ความละเอียดระดับ 20 ล้านพิกเซล กับ 2.1 ล้านพิกเซล ซึ่งจะมีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.2, ไฟแฟลชในตัวแบบ Dual-LED และไมโครโฟนตัวที่สอง สำหรับตัดเสียงรบกวนขณะทำการบันทึกวิดีโอ หรือบันทึกเสียง อย่างไรก็ดี ฝาหลังของ HTC One M9+ จะไม่สามารถเปิดออกได้ ซึ่งภายในจะมรแบตเตอรี่ขนาด 2840 mAh บรรจุอยู่ภายใน

สำหรับตัวเครื่องของ HTC One M9+ จะใช้เทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องแบบ All-Metal Unibody คือ บอดี้ตัวเครื่องของ HTC One M9+ ถูกขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกันด้วยวัสดุโลหะอะลูมิเนียม พร้อมกรอบตัวเครื่องแบบ Dual-Tone ซึ่งด้วยเทคโนโลยีการผลิตแบบนี้จะช่วยให้ตัวเครื่องมีความแข็งแรงทนทาน และช่วยให้ดูเป็นผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ
 
HTC One M9+ จะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 5.0.2 (Lollipop) ส่วนอินเตอร์เฟส จะเป็น HTC Sense UI เวอร์ชัน 7.0 ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และใช้งานได้ง่าย ตามแบบฉบับของทาง HTC
 
สำหรับ Notification การแจ้งเตือนต่างๆ และการ เปิด-ปิด หังก์ชันลัด ก็มีให้ใช้งานบน HTC One M9+ ด้วยเช่นกัน
 
สามารถตั้งค่าต่างๆ บนหน้าจอวอลเปเปอร์ได้ ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์, การเปลี่ยนธีม, การเพิ่มแอปพลิเคชัน หรือวิดเจ็ตที่ต้องการมาไว้ที่หน้าจอโฮมสกรีน และสามารถเพิ่มหน้าจอโฮมสกรีนได้
 
ส่วนบริการดีๆ จากทาง Google ก็มีให้ใช้งานครบเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น Gmail หรือ Google+ เป็นต้น
 
นอกจากนี้ ยังสามารถดาวน์โหลดธีมอื่นๆ มาใช้งานได้แบบฟรีๆ ผ่านแอปพลิเคชัน HTC Theme
 
มาต่อกันที่ฟังก์ชันโทรศัพท์กันบ้าง ซึ่งฟังก์ชันโทรศัพท์บน HTC One M9+ ก็มีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่าย สามารถเข้าสู่ฟังก์ชันอื่นๆ ได้ทันที เพียงแค่ปัดไปทางซ้าย หรือทางขวา เช่น ประวัติการโทร หรือรายชื่อโทรศัพท์
 
HTC One M9+ ยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอีกหนึ่งอย่างที่มีชื่อว่า HTC BlinkFeed ที่เป็นแหล่งรวบรวมข่าวสารต่างๆ ทั้งของประเทศไทย กับต่างประเทศ ซึ่งคุณสามารถเปิดอ่านได้ง่ายๆ รับรองได้เลยว่า คุณจะไม่พลาดข่าวสารสำคัญๆ อีกต่อไป
 
ส่วนแอปพลิเคชันพื้นฐานก็มีให้ใช้งานครบ ซึ่งจะอยู่ในหน้า App Drawer
 
นอกจากนี้ HTC One M9+ ยังมาพร้อมกับโหมดประหยัดพลังงานแบบดีเยี่ยม คือ ตัวโหมดประหยัดพลังงานจะทำการปิดการทำงานของฟังก์ชันที่ไม่จำเป็น และปรับสีของหน้าจอแสดงผลเป็น ขาว-ดำ เพื่อการประหยัดพลังงานที่ดีที่สุดนั่นเอง นอกจากนี้ ยังสามารถตรวจสอบได้ว่า ฟังก์ชัน หรือแอปพลิเคชันไหน ใช้พลังงานกี่เปอร์เซ็นต์
 
และที่พิเศษไปกว่านั้น คือ HTC One M9+ มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือให้ใช้งาน (Fingerprint Sensor) ซึ่งคุณสามารถบันทึกลายนิ้วมือได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือ และการบันทึกลายนิ้วมือจะต้องทำการสัมผัส และยกออก จนว่าเซ็นเซอร์จะบันทึกลายนิ้วมือได้ 100% เพื่อให้ HTC One M9+ จดจำลายนิ้วได้อย่างถูกต้องนั่นเอง
 
ไม่เพียงเท่านั้น ยังสามารถ เปิด-ปิด การใช้งานฟังก์ชันเพิ่มเติมได้อีก 2 แบบ คือ เปิด-ปิด การปลดล็อกหน้าจอด้วยการสแกนลายนิ้วมือ กับ เปิด-ปิด การเข้าสู่หน้าโฮมด้วยการสแกนลายนิ้วมือ รวมถึงคุณสามารถรีเซ็ตเครื่องสแกนลายนิ้วมือทั้งหมดได้อีกด้วย
 
ในส่วนของอัลบั้มภาพถ่ายจะสามารถแสดงภาพถ่ายได้ 2 แบบ คือ แสดงภาพเป็นแบบแยกอัลบั้ม และแสดงภาพถ่ายทั้งหมด


และอีกหนึ่งความพิเศษบน HTC One M9+ คือ มาพร้อมกับฟีเจอร์ตกแต่งภาพที่มีชื่อว่า UFocus ซึ่งข้อดีของฟังก์ชัน UFocus คือ เมื่อถ่ายภาพที่ต้องการเสร็จเรียบร้อย ผู้ใช้งานสามารถมาเลือกจุดโฟกัสที่หลังได้ แถมยังสามารถปรับค่าความเบลอได้อีกด้วย เรียกได้ว่า เหมาะกับการถ่ายภาพ หน้าชัดหลังเบลอ หรือหน้าเบลอหลังชัด เป็นอย่างยิ่ง


ไม่เพียงเท่านั้น คุณยังสามารถตกแต่งภาพถ่ายแบบอื่นๆ ได้อีกหลายอย่างด้วยกัน เช่น การตกแต่งภาพด้วยเอฟเฟกต์ต่างๆ


การปรับภาพแบบ 3D หรือ Dimension Plus คือ การเอียงตัวเครื่อง ขึ้น-ลง หรือซ้าย-ขวา เพื่อให้สามารถดูภาพแบบสามมิติได้นั่นเอง


สามารถตกแต่งภาพด้วยรูปทรงเลขาคณิตต่างๆ ได้ ซึ่งตัวรูปทรงเรขาคณิตสามารถปรับเปลี่ยนสีได้อีกด้วย


และยังมีเอฟเฟกต์แบบเคลื่อนไหวให้เลือกใช้งาน ซึ่งเมื่อตกแต่งภาพที่ต้องการได้เรียบร้อยแล้ว สามารถเลือกบันทึกเป็นภาพนิ่ง หรือบันทึกเป็นแบบวิดีโอได้ตามต้องการ (การตกแต่งภาพด้วยฟังก์ชัน UFocus หรือฟังก์ชันอื่นๆ จะต้องถ่ายภาพผ่านกล้องคู่จากด้านหลัง หรือ Duo Camera เท่านั้น จึงจะใช้งานการตกแต่งภาพฟังก์ชันดังที่กล่าวมาได้)
 
นอกจากนี้ คุณยังสามารถสร้างเรื่องราวต่างๆ ด้วยภาพถ่าย หรือวิดีโอได้แบบมืออาชีพผ่านแอปพลิเคชัน Zoe และเมื่อสร้างวิดีโอเสร็จเรียบร้อยแล้ว ยังสามารถแชร์วิดีโอผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กให้เพื่อนๆ รับชมกันได้อีกด้วย
 
HTC One M9+ ยังสามารถเปิดอ่าน หรือสร้างไฟล์เอกสารได้ ไม่ว่าจะเป็น Word, Excel, PowerPoint และ PDF บอกได้เลยว่า ช่วยให้ชีวิตการทำงานสะดวกสบายมากขึ้นกว่าเดิมไม่น้อย
 
ส่วนแอปพลิเคชันฟังเพลงก็มีให้ใช้งานบน HTC One M9+ ด้วยเช่นกัน บวกกับลำโพงเสียงภายนอกแบบ HTC BoomSound กับระบบเสียง Dolby Audio ยิ่งช่วยเพิ่มอรรถรสในการฟังเพลงมากขึ้นกว่าเดิม


HTC One M9+ สามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดสูงระดับ 4K UHD ได้อย่างสบายๆ และด้วยหน้าจอแสดงผลที่มีความละเอียดมากถึงระดับ 2K QHD จึงทำให้ผู้ใช้งานได้รับอรรถรสด้านภาพมาแบบเต็มๆ
 
สำหรับ HTC One M9+ จะมาพร้อมกับหน่วยประมวลผลแบบ 64-bit Octa-Core Mediatek MT6795 Processor ความเร็วในการประมวลผล 2.2 GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ PowerVR G6200, หน่วยความจำภายในขนาด 32 GB, หน่วยความแรม (RAM) ขนาด 3 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 5.0.2 (Lollipop)
 
ด้วยคุณสมบัติของตัวเครื่องที่อยู่ในระดับสูง จึงทำให้ HTC One M9+ สามารถตอบโจทย์ในเรื่องของการเล่นเกมได้ดีเป็นอย่างยิ่ง ตั้งแต่เกมกราฟิกระดับกลาง ไปจนถึงเกมกราฟิกระดับสูง โดยสามารถแสดงรายละเอียดต่างๆ ภายในตัวเกมได้อย่างครบถ้วน และการเคลื่อนไหวมีความลื่นไหลไร้อาการสะดุด

และเมื่อนำ HTC One M9+ มาทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Banchmark จะได้คะแนนอยู่ที่ 53392 คะแนน

ต่อด้วยการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน GPUbench จะได้คะแนนอยู่ที่ 17107 คะแนน

โดย HTC One M9+ จะรองรับการสัมผัสพร้อมกันได้สูงสุด 10 จุด
 
นอกจากนี้ ยังสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอื่นๆ เพิ่มเติมได้ผ่านแอปพลิเคชัน Google Play Store
กล้องดิจิทัล การถ่ายภาพนิ่ง และภาพวิดีโอ
 
สำหรับ Interface กล้องถ่ายภาพของ HTC One M9+ ก็มีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่าย โดยจะแสดงไอคอนฟังก์ชันต่างๆ ไว้อย่างชัดเจน
 
โดยโหมดการถ่ายด้วยกล้องเดี่ยวจะโหมดการถ่ายภาพให้เลือก 3 โหมดด้วยกันได้แก่ โหมดการถ่ายภาพปกติ, โหมดการถ่ายภาพพาโนราม่า และสามารถเปลี่ยนไปใช้งานกล้องดิจิทัลคู่ได้ โดยการกดเลือกที่ไอคอนคำว่า Switch to Duo
 
และยังสามารถตั้งค่าฟังก์ชันการใช้งานกล้องดิจิทัลเพิ่มเติมได้ ไม่ว่าจะเป็น การเลือกฟังก์ชันการถ่ายภาพได้หลายแบบ ได้แก่ ปกติ, การถ่ายภาพกลางคืน, การถ่ายภาพย้อนแสง หรือ HDR, การถ่ายภาพแบบแมนนวล, การถ่ายภาพบุคคล, การถ่ายภาพวิว, การถ่ายภาพตัวอักษร และการถ่ายภาพมาโคร, สามารถตั้งค่าการถ่ายวิดีโอได้ 3 แบบ คือ แบบปกติ, แบบสโลว์โมชัน และวิดีโอแบบเร็ว
 
สามารถปรับค่า ISO ได้ ไม่ว่าจะเป็น อัตโนมัติ, 200, 400, 800 และ 1600, สามารถปรับค่าชดเชยแสงได้ตั้งแต่ -2 ไปจนถึง +2

สามารถปรับค่าไวท์บาลานซ์ได้หลายแบบ ได้แก่ อัตโนมัติ, แสงหลอดไส้, แสงฟลูออเรสเซนต์, แสงจ้า และเมฆมาก
 
นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าการใช้งานอื่นๆ ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น การบันทึกการตั้งค่าการใช้งาน โดยไม่ต้องปรับค่าใหม่อีกครั้งเมื่อทำการเปิดใช้งานอีก, สามารถเลือกอัตราส่วนของภาพถ่ายได้ 2 แบบ คือ แบบ 16:9 กับแบบ 10:7
 
สามารถ เปิด-ปิด การถ่ายอัตโนมัติเมื่อตรวจจับรอยยิ้ม, สัมผัสเพื่อถ่ายภาพ และล็อกโฟกัสระหว่างบันทึกวีดีโอได้, สามารถปรับค่าฟังก์ชันการถ่ายภาพต่อเนื่องได้ 3 แบบ ได้แก่ เปิดการใช้งานฟังก์ชันถ่ายภาพต่อเนื่อง, จำกัดการถ่ายภาพสูงสุดไว้ที่ 20 เฟรม ต่อการถ่ายต่อเนื่อง 1 ครั้ง และการเปิดดูภาพแบบอัตโนมัติเมื่อทำการถ่ายภาพเสร็จเรียบร้อย
 
สามารถเปิดใช้งานดูภาพถ่ายได้หลายแบบด้วยกัน ได้แก่ ไม่เปิดใช้งาน, 5 วินาที, 10 วินาที และดูแบบไม่จำกัดเวลา, สามารถตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพได้ ตั้งแต่ 2 วินาที ไปจนถึง 10 วินาที
 
สามารถเลือกความละเอียดของกล้องถ่ายภาพได้ 3 แบบ คือ 5376x3024 พิกเซล, 4672x2624 พิกเซล และ 3808x2144 พิกเซล, สามารถปรับค่าต่างๆ ของภาพถ่ายได้ตั้งแต่ -2 ไปจนถึง +2 ไม่ว่าจะเป็น ความเข้มของภาพถ่าย, ความเข้มของสี และความคมชัดของภาพถ่าย,
 
สามารถเลือกความละเอียดของการถ่ายวิดีโอได้ ไม่ว่าจะเป็น 3840x2176 พิกเซล, 1920x1080 พิกเซล, 1280x720 พิกเซล, 320x240 พิกเซล และ 176x144 พิกเซล สามารถตั้งค่าการใช้งานอื่นๆ ได้อีกหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การ เปิด-การใช้งานการแท็กสถานที่ของภาพถ่าย และเสียงชัตเตอร์,
 
สามารถเพิ่มฟังก์ชันให้กับปุ่มปรับระดับเสียงได้ ไม่ว่าจะเป็น การปรับระดับของเสียง, ถ่ายภาพ และซูม รวมถึงสามารถคืนการตั้งค่าทั้งหมดได้
 
ส่วนโหมดการถ่ายภาพด้วยกล้องคู่ก็สามารถตั้งค่าการใช้งานได้หลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การปรับค่า ISO ได้ ไม่ว่าจะเป็น อัตโนมัติ, 200, 400, 800 และ 1600, สามารถปรับค่าชดเชยแสงได้ตั้งแต่ -2 ไปจนถึง +2
 
สามารถปรับค่าไวท์บาลานซ์ได้หลายแบบ ได้แก่ อัตโนมัติ, แสงหลอดไส้, แสงฟลูออเรสเซนต์, แสงจ้า และเมฆมาก, สามารถ เปิด-ปิด ฟังก์ชันสัมผัสเพื่อถ่ายภาพ
 
สามารถเปิดใช้งานดูภาพถ่ายได้หลายแบบด้วยกัน ได้แก่ ไม่เปิดใช้งาน, 5 วินาที, 10 วินาที และดูแบบไม่จำกัดเวลา, สามารถตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพได้ ตั้งแต่ 2 วินาที ไปจนถึง 10 วินาที
 
สามารถปรับค่าต่างๆ ของภาพถ่ายได้ตั้งแต่ -2 ไปจนถึง +2 ไม่ว่าจะเป็น ความเข้มของภาพถ่าย, ความเข้มของสี และความคมชัดของภาพถ่าย, นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าการใช้งานอื่นๆ ได้อีกหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การ เปิด-การใช้งานการแท็กสถานที่ของภาพถ่าย และเสียงชัตเตอร์
 
สามารถเพิ่มฟังก์ชันให้กับปุ่มปรับระดับเสียงได้ ไม่ว่าจะเป็น การปรับระดับของเสียง, ถ่ายภาพ และซูม, สามารถคืนการตั้งค่าทั้งหมดได้
 
ส่วนกล้องดิจิทัลด้านหน้าก็สามารถปรับค่าการใช้งานต่างๆ ได้เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น การปรับค่าผิวเนียนได้ตามใจชอบ ซึ่งสามารถปรับได้ตั้งแต่น้อยไปหามาก
 
นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าการใช้กล้องดิจิทัลได้อีกหลายอย่างด้วยกัน ได้แก่ การเลือกฟังก์ชันเพื่อถ่ายภาพ ไม่ว่าจะเป็น ปกติ, HDR และบุคคล การตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพตั้งแต่ 2 วินาที ไปจนถึง 10 วินาที, สามารถปรับค่าชดเชยแสงได้ตั้งแต่ -2 ไปจนถึง +2
 
สามารถปรับค่าไวท์บาลานซ์ได้หลายแบบ ได้แก่ อัตโนมัติ, แสงหลอดไส้, แสงฟลูออเรสเซนต์, แสงจ้า และเมฆ นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าการใช้งานอื่นๆ ได้อีกหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การเลือกอัตราส่วนของภาพถ่ายได้ 2 แบบ คือ แบบ 16:9 กับแบบ 4:3
 
สามารถ เปิด-ปิด การใช้งานการปรับค่าผิวเนียนได้, สามารถ เปิด-ปิด การใช้งาน ฟังก์ชันเซลฟี่อัตโนมัติ, สัมผัสเพื่อถ่ายภาพ และจัดเก็บข้อมูลภาพถ่าย
 
สามารถเปิดใช้งานดูภาพถ่ายได้หลายแบบด้วยกัน ได้แก่ ไม่เปิดใช้งาน, 5 วินาที, 10 วินาที และดูแบบไม่จำกัดเวลา, สามารถเลือกความละเอียดของกล้องดิจิทัลด้านหน้าสำหรับถ่ายภาพได้ 3 แบบ ได้แก่ 2688x1520 พิกเซล, 2560x1440 พิกเซล, 1920x1088 พิกเซล
 
สามารถปรับค่าต่างๆ ของภาพถ่ายได้ตั้งแต่ -2 ไปจนถึง +2 ไม่ว่าจะเป็น ความเข้มของภาพถ่าย, ความเข้มของสี และความคมชัดของภาพถ่าย, สามารถเลือกความละเอียดของการถ่ายวิดีโอได้ 4 แบบ ได้แก่ 1920x1080 พิกเซล, 1280x720 พิกเซล, 320x240 พิกเซล และ 176x144 พิกเซล
 
สามารถ เปิด-ปิด การใช้งานตาราง 9 ช่อง, การแท็กสถานที่บนภาพถ่าย และเสียงชัตเตอร์ได้, สามารถเพิ่มฟังก์ชันให้กับปุ่มปรับระดับเสียงได้ ไม่ว่าจะเป็น การปรับระดับของเสียง, ถ่ายภาพ และซูม

และสามารถคืนการตั้งค่าทั้งหมดได้
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่องแบบ Duo Camera ความละเอียดระดับ 20 ล้านพิกเซล กับ 2.1 ล้านพิกเซล ของ HTC One M9+ (M9 Plus)

ตัวอย่างภาพ : ที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพ : ที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพ : ที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพ : ที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพ : ที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพ : ที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพ : ที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพ : ที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพ : ที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพ : ที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพ : ที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพกลางคืน

ตัวอย่างภาพ : ที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพกลางคืน
 
ตัวอย่างภาพ : ที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพกลางคืน

ตัวอย่างภาพ : ที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพกลางคืน

ตัวอย่างภาพ : ที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพกล้องคู่ (Duo Camera) ปรับภาพด้วยฟังก์ชัน UFocus แบบหน้าชัดหลังเบลอ

ตัวอย่างภาพ : ที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพกล้องคู่ (Duo Camera) ปรับภาพด้วยฟังก์ชัน UFocus แบบหน้าเบลอหลังชัด

ตัวอย่างภาพ : ที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพกล้องคู่ (Duo Camera) ปรับภาพด้วยฟังก์ชัน UFocus แบบหน้าชัดหลังเบลอ

ตัวอย่างภาพ : ที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพกล้องคู่ (Duo Camera) ปรับภาพด้วยฟังก์ชัน UFocus แบบหน้าเบลอหลังชัด
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Beauty ของ HTC One M9+ (M9 Plus)
 
ภาพถ่ายด้วยโหมด Smart Beauty (หน้าสวย) ซึ่งปรับค่าระดับกลาง
 
ภาพถ่ายด้วยโหมด Smart Beauty (หน้าสวย) ซึ่งปรับค่าระดับสูงสุด
สรุปผลการทดสอบของ HTC One M9+ (M9 Plus)

จากการทดสอบใช้งาน HTC One M9+ (M9 Plus) เป็นระยะเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์ อันดับแรกเลย คือ ประใจในเรื่องของการออกแบบดีไซน์ ที่มีความสวยงาม หรูหรา บวกกับความโค้งมนที่ช่วยจับถือได้ง่าย แถมยังมีเทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องแบบ All-Metal Unibody ที่บอดี้ตัวเครื่องของ HTC One M9+ ถูกขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกันด้วยวัสดุโลหะอะลูมิเนียม จึงทำให้ HTC One M9+ ดูมีความพรีเมียมมากยิ่งขึ้น
ส่วนคุณสมบัติตัวเครื่องก็เรียกได้ว่าไฮเอนด์จัดเต็มไม่แพ้สมาร์ทโฟนเรือธงจากแบรนด์คู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอแสดงผลแบบ Super LCD3 Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียดระดับ 2K QHD (2560x1440 พิกเซล) ขนาด 5.2 นิ้ว, หน่วยประมวลผลแบบ 64-bit Octa-Core MediaTek MT6795 Processor ความเร็วในการประมวลผล 2.2 GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ PowerVR G6200, หน่วยความจำภายในขนาด 32 GB (รองรับการเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD Card ได้สูงสุดถึง 2 TB), หน่วยความแรม (RAM) ขนาด 3 GB, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner), แบตเตอรี่ขนาด 2840 mAh และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 5.0.2 (Lollipop)
ด้วยคุณสมบัติดังที่กล่าวมา บอกได้เลยว่า HTC One M9+ จะสามารถตอบโจทย์ทุกการใช้งานได้อย่างเต็มที่แน่นอน ทั้งในเรื่องของการเล่นเกม หรือชมภาพยนตร์ความละเอียดสูง ก็สามารถตอบสนองการใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ HTC One M9+ ยังรองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านระบบ 4G LTE และ 3G ได้ครบทุกคลื่นความถี่อีกด้วย รวมถึงยังรองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายระยะใกล้แบบ NFC อีกต่างหาก
ส่วนจุดขายสำคัญอีกอย่างของ HTC One M9+ ก็คงจะหนีไม่พ้นในเรื่องของกล้องถ่ายภาพตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง โดยเป็นกล้องดิจิทัลแบบ Duo Camera ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์ความละเอียดระดับ 20 ล้านพิกเซล กับเซ็นเซอร์ความละเอียด 2.1 ล้านพิกเซล ซึ่งจะมีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.2, ไฟแฟลชแบบ Dual-LED ในตัว และการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงระดับ 4K UHD ซึ่งจากการทดสอบก็ถือว่าตอบสนองการใช้งานได้ดีมากๆ ทั้งการถ่ายภาพด้วยกล้องตัวเดียวกับความละเอียด 20 ล้านพิกเซล หรือกล้องคู่แบบ Duo Camera
ซึ่งการถ่ายภาพด้วยฟังก์ชัน Duo Camera จะเหมาะกับการถ่ายภาพมุมกว้าง, ถ่ายภาพเน้นวัตถุ, ถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ หรือถ่ายภาพหน้าเบลอหลังชัด เป็นพิเศษ เพราะการถ่ายภาพด้วยกล้อง 2 ตัว จะเก็บรายละเอียดได้ค่อนข้างดี แถมยังสามารถใช้งานร่วมกับฟังก์ชัน UFocus ได้ โดยสามารถเลือกจุดโฟกัสได้ตามต้องการ จึงทำให้คุณสามารถถ่ายภาพสวยๆ ได้ ไม่แพ้มือโปร
และที่ต้องถูกอกถูกใจสาวกเซลฟี่ คือ กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 4 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยี UltraPixel ที่สามารถเก็บแสงได้ดี ไม่ว่าจะคุณจะถ่ายภาพเซลฟี่ในสภาพแสงใดๆ ก็ตาม ภาพของคุณก็จะออกมาสวย ดูมีน้ำมีนวลอย่างแน่นอน
สำหรับ HTC One M9+ ที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย จะมีราคาอยู่ที่ 24,990 บาท ซึ่งดูโดยรวมแล้วสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นนี้ก็น่าจะเหมาะกับผู้ที่ต้องการสมาร์ทโฟนที่มีสเปคในระดับที่ดีที่สุด บนดีไซน์ที่สวยหรูเตะตา และต้องมีงบประมาณสูงพอประมาณ หากเป็นเช่นนั้นก็บอกได้เลยว่า HTC One M9+ คือ สมาร์ทโฟนที่คุณกำลังมองหาอยู่แน่นอน สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง HTC ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง HTC One M9+ มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน พบกันได้ใหม่ ในโอกาสถัดไป สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน สวัสดีครับ
จุดเด่นของ HTC One M9+ (M9 Plus)
- ดีไซน์ตัวเครื่องแบบ All-Metal Unibody ด้วยวัสดุโลหะอะลูมิเนียม พร้อมขอบตัวเครื่องแบบ Dual-Tone ซึ่งช่วยให้รูปลักษณ์โดยรวมของตัวเครื่องมีความหรูหราพรีเมียมมากเป็นพิเศษ
- จอแสดงผลแบบ Super LCD3 Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 2560x1440 Pixels (2K QHD : กว้าง 5.2 นิ้ว : 534 ppi) พร้อมหน่วยประมวลผลภาพกราฟิกโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ PowerVR G6200
- รองรับการใช้งาน HTC Themes และ HTC BlinkFeed
- ประมวลผลการทำงานด้วย Octa-Core ARM Cortex-A53 Processor (ชิปเซ็ต 64-bit Mediatek MT6795 : Helio X10) ความเร็วในการประมวลผล 2.2 GHz
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 5.0.2 (Lollipop)
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 32 GB
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 2 TB
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 3 GB
- กล้องดิจิทัลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่องแบบ Duo Camera ความละเอียดระดับ 20 ล้านพิกเซล และ 2.1 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชในตัวแบบ Dual-LED
- ขนาดของรูรับแสง (Aperture) กว้างสูงสุดที่ F/2.2
- รองรับการถ่ายภาพวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD (2160p : 3840x2160 Pixels : 30 fps)
- กล้องดิจิทัลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 4 ล้าน Pixels (UltraPixel) พร้อมรองรับการถ่ายภาพวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD 1080p (1920x1080 Pixels : 30 fps)
- รองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G HSPA+, EDGE และ GPRS
- รองรับการใช้งาน 4G LTE, 3G ทุกคลื่นความถี่ในประเทศไทย
- ระบบ GPS ในตัว (Global Positioning System : ระบบดาวเทียมนำร่อง) พร้อมฟังก์ชัน A-GPS และรองรับระบบดาวเทียม GLONASS ของรัสเซีย กับ Beidou ของจีน
- รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายระยะใกล้แบบ NFC
- ลำโพงเสียงภายนอกแบบ HTC BoomSound (ระบบเสียง Dolby Audio)
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ HTC One M9+ (M9 Plus)
- ด้วยดีไซน์ตัวเครื่องแบบ All-Metal Unibody ทำให้เปิดฝาหลังไม่ได้ และไม่สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้
- แบตเตอรี่ขนาด 2840 mAh ยังไม่ใช่ความจุที่สูงเท่าที่ควร ถ้าใช้งานติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน แบตเตอรี่อาจอยู่ได้ไม่ครบวัน และอาจต้องทำการการชาร์จแบตเตอรี่อยู่เป็นระยะ
- กล้องดิจิทัลไม่มีระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS (Optical Image Stabilization) ในขณะที่สมาร์ทโฟนเรือธงหลายๆ รุ่นจะมีติดตั้งมาให้
- ตัวเครื่องค่อนข้างหนา และหนักเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนเรือธงคู่แข่งรุ่นอื่นๆ
- ราคาจำหน่าย 24,990 บาท ถือเป็นราคาที่ค่อนข้างสูง
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
สรุปคุณสมบัติเครื่อง
ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติแบบสรุป (Specification) ของ HTC One M9+ (M9 Plus) ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้
HTC One M9+ (M9 Plus) Specification

:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter
| ไปหน้าแรก
Mobile Focus ::
|