รีวิว (Review) Asus ZenFone 3 Ultra
ที่สุดของสมาร์ทโฟนเพื่อความบันเทิงไร้ขีดจำกัด ด้วยจอ IPS Full HD ไซส์ยักษ์ 6.8 นิ้ว ผสานลำโพง Dual 5 Magnet สุดกระหึ่ม พร้อมกล้อง 4-Axis OIS 23 ล้านพิกเซล, กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล, ชิปเซ็ต Snapdragon 652, RAM 4 GB, ROM 64 GB, USB Type-C, แบตเตอรี่ 4600 mAh สุดอึด และเซ็นเซอร์สแกนนิ้วแบบ 360 องศา บนบอดี้โลหะสุดบางเฉียบเพียง 6.8 มิลลิเมตร ในราคา 21,990 บาท
Review
Date (12-ตุลาคม-2559)

สำหรับสมาร์ทโฟนตระกูลเซนโฟนใหม่ล่าสุดอย่าง Asus ZenFone 3 นั้นเพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา โดยเปิดตัวพร้อมกันถึง 5 รุ่น และทำการประกาศราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเวลาเดียวกัน เรียกได้ว่าพร้อมตอบโจทย์การใช้งานของผู้ใช้งานได้อย่างครบครันในทุกระดับ ซึ่งประกอบไปด้วย Asus Zenfone 3 Deluxe, Asus Zenfone 3 Ultra, Asus Zenfone 3, Asus Zenfone 3 Laser และ Asus Zenfone 3 Max
และหลังจากที่ทีมงานไทยโมบายเซ็นเตอร์ได้นำเสนอบทความ รีวิว Asus ZenFone 3 (Limited Edition) กันไปแล้วก่อนหน้านี้ คราวนี้ก็ถึงคิวของ Asus Zenfone 3 Ultra สมาร์ทโฟนจอไซส์ยักษ์ ดีไซน์สวยหรู สำหรับคนชอบดูหนัง ฟังเพลงเป็นหลัก พร้อมกล้องถ่ายภาพระดับไฮเอนด์ โดย Asus Zenfone 3 Ultra ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่แตกไลน์ออกมาใหม่ ซึ่งได้ถูกออกแบบ และพัฒนามาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานด้านมัลติมีเดียโดยเฉพาะ เริ่มตั้งแต่ หน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษถึง 6.8 นิ้ว ที่มีความละเอียด 1920x1080 พิกเซล พร้อมครอบทับด้วยกระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 4, มีเทคโนโลยี Bluelight Filter สำหรับกรองแสงสีฟ้าเพื่อถนอมสายตา, ลำโพงเสียงภายนอกแบบ Dual 5 Magnet, รองรับการเปิดเล่นไฟล์เสียงความละเอียดสูง (Hi-Res Audio) แบบ 24-bit/192kHz และมีเทคโนโลยีเสียง DTS Headphone:X พร้อมรองรับการจำลองระบบเสียงรอบทิศทางแบบ 7.1 สำหรับใช้งานร่วมกันหูฟัง ZenEar ของ Asus Zenfone 3 Ultra
ทางด้านคุณสมบัติเด่นอื่นๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น ชิปเซ็ต Octa-Core 64-bit Qualcomm MSM8976 Snapdragon 652 ความเร็วในการประมวลผล 1.8 GHz, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 64 GB, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ 360 องศา, กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ซึ่งเป็นเลนส์มุมกว้าง 88 องศา พร้อมรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.0, กล้องดิจิทัลด้านหลังความละเอียด 23 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพแบบ Sony IMX318 ขนาด 1/2.6 นิ้ว พร้อมโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์, กระจก Sapphire ที่ด้านนอก สำหรับปกป้องเลนส์ชั้นใน, ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบ TriTech ด้วยลำแสงเลเซอร์ (Laser Autofocus) และ PDAF (Phase Detection Autofocus) ซึ่งสามารถโฟกัสวัตถุได้ภายในเวลา 0.03 วินาที, ระบบป้องกันการสั่นแบบ 4-Axis OIS (4-Axis Optical Image Stabilization) และ 3-Axis EIS (3-Axis Electronic Image Stabilization), ไฟแฟลชแบบ Dual-LED : Real-Tone, ช่องเชื่อมต่อแบบ USB Type-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ หรือโอนถ่ายข้อมูล, แบตเตอรี่ขนาด 4600 mAh ซึ่งรองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง (Quick Charge 3.0 : Fast Battery Charging) โดยสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ 60% ภายในเวลา 45 นาที, รองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด, รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE กับ 3G ได้ และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 6.0.1 Marshmallow
นอกจากนี้ ทางด้านการออกแบบดีไซน์ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดขายสำคัญของ Asus Zenfone 3 Ultra เลยก็ว่าได้ โดยตัวเครื่องของ Asus Zenfone 3 Ultra นั้นมีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ เนื่องจากใช้เทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องแบบ All-Metal Unibody อีกทั้งยังมีความบางเฉียบเพียง 6.8 มิลลิเมตร เท่านั้น!
จากข้อมูลทั้งหมดที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า Asus Zenfone 3 Ultra มาพร้อมคุณสมบัติตัวเครื่องที่จัดอยู่ในระดับไฮเอนด์ และสามารถตอบโจทย์การใช้งานทุกรูปแบบได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งหากเทียบกับราคา 21,990 บาท ก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร, ดีไซน์ตัวเครื่องจะสวยหรูขนาดไหน, กล้องถ่ายภาพได้สวยคมชัดเพียงใด และสามารถตอบสนองต่อการใช้งานด้านมัลติมีเดียได้ดีขนาดไหน วันนี้เรามีคำตอบให้ทุกท่านครับ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

Asus ZenFone 3 Ultra มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล พร้อมครอบทับกระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 4 พร้อมด้วยเทคโนโลยี Bluelight Filter สำหรับกรองแสงสีฟ้าเพื่อถนอมสายตา โดยตัวเครื่องมีขนาดอยู่ที่ 186.4x93.9x6.8 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 233 กรัม

ด้านหน้าส่วนบนประกอบไปด้วยกล้องดิจิทัลความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ซึ่งเป็นเลนส์มุมกว้าง 88 องศา พร้อมรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.0, ลำโพงสำหรับฟังขณะทำการสนทนา, ระบบ Accelerometer Sensor สำหรับช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้ และระบบ Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน

ด้านหน้าส่วนล่างมาพร้อมกับปุ่มการสั่งงานแบบสัมผัส (Touch Panel) ได้แก่ ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม พร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ 360 องศา และปุ่ม Recent Apps

ด้านบนของตัวเครื่องมีไมโครโฟนตัวที่สอง สำหรับตัดเสียงรบกวนขณะทำการบันทึกเสียง หรือบันทึกวิดีโอ และช่องเชื่อมต่อกับหูฟังแบบมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร

ด้านล่างของตัวเครื่องประกอบไปด้วย ลำโพงเสียงภายนอกแบบ Dual 5 Magnet, รองรับการเปิดเล่นไฟล์เสียงความละเอียดสูง (Hi-Res Audio) แบบ 24-bit/192kHz และมีเทคโนโลยีเสียง DTS Headphone:X พร้อมรองรับการจำลองระบบเสียงรอบทิศทางแบบ 7.1 สำหรับใช้งานร่วมกันหูฟัง ZenEar, ไมโครโฟน และช่องเชื่อมต่อแบบ USB Type-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ หรือโอนถ่ายข้อมูล


ด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่ม เปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอ, ช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดที่ 1, ช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดที่ 2 หรือเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microUSB ซึ่งสามารถเพิ่มได้สูงสุดที่ 128 GB

ด้านหลังของตัวเครื่องประกอบไปด้วยกล้องดิจิทัลความละเอียด 23 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX318 ขนาด 1/2.6 นิ้ว พร้อมโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์, กระจก Sapphire ที่ด้านนอก สำหรับปกป้องเลนส์ชั้นใน, ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบ TriTech ด้วยลำแสงเลเซอร์ (Laser Autofocus) และ PDAF (Phase Detection Autofocus) ซึ่งสามารถโฟกัสวัตถุได้ภายในเวลา 0.03 วินาที, ระบบป้องกันการสั่นแบบ 4-Axis OIS (4-Axis Optical Image Stabilization) และ 3-Axis EIS (3-Axis Electronic Image Stabilization), ไฟแฟลชแบบ Dual-LED : Real-Tone และปุ่ม เพิ่ม-ลด ระดับของเสียง นอกจากนี้ Asus ZenFone 3 Ultra ยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 4600 mAh ซึ่งรองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง (Quick Charge 3.0 : Fast Battery Charging) โดยสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ 60% ภายในเวลา 45 นาที

สำหรับตัวเครื่องของ Asus ZenFone 3 Ultra ได้ใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ All-Metal Unibody คือ กรอบตัวเครื่องอะลูมิเนียมถูกขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกัน จึงทำให้ตัวเครื่องมีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ

นอกจากนี้ Asus ZenFone 3 Ultra ยังมาพร้อมกับหูฟัง ZenEar ซึ่งแถมมาให้ภายในกล่องโดยไม่จำเป็นต้องซื้อแยกเพิ่มเติม


สำหรับ Earbud นั้นมีมาให้เลือกหลายขนาด ตั้งแต่ไซส์ XS, S, M (สวมอยู่ที่ ZenEar) และ L ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกไซส์ของ Earbud ได้ตามต้องการ เนื่องจากขนาดหูของแต่ละคนไม่เท่ากัน

ตัวอย่างภาพขณะสวมใส่หูฟัง ZenEar
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ
 
Asus ZenFone 3 Ultra ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 6.0.1 Marshmallow พร้อมรองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด และรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE กับ 3G ได้
 
โดยมีหน่วยความจำแรมขนาด 4 GB และหน่วยความจำภายในขนาด 64 GB
 
สามารถดูการแจ้งเตือนผ่าน Notification ได้ และสามารถ เปิด-ปิด ฟังก์ชันลัดต่างๆ ได้อีกด้วย

เมื่อกดค้างบนพื้นที่ว่างของหน้าจอจะเข้าสู่เมนู Manage Home ที่สามารถปรับเปลี่ยน หรือจัดรูปแบบหน้าจอได้ตามความต้องการ
 
และสามารถตั้งค่าการใช้งานหน้าจอโฮมสกรีนได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การเพิ่มจำนวนหน้าจอโฮมสกรีน, การขยายไซส์แอปพลิเคชัน, การเคลื่อนย้ายแอปพลิเคชันไปไว้ด้านบน หรือด้านล่างของหน้าจอโฮมสกรีน, การเปลี่ยนเอฟเฟกต์ปลดล็อกหน้าจอ, การเปลี่ยนขนาดตัวอักษร, การเปลี่ยนสีตัวตัวอักษร และสามารถเลือกรูปแบบตัวอักษรได้
 
นอกจากนี้ ยังสามารถเปลี่ยนธีม หรือดาวน์โหลดธีมอื่นๆ มาใช้งานเพิ่มเติมได้อีกด้วย
 
ทางด้านบริการต่างๆ จากทาง Google ก็มีให้ใช้งานอย่างครบครัน
 
สำหรับฟังก์ชันโทรศัพท์ก็มีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่าย พร้อมด้วยปุ่มตัวเลขขนาดใหญ่ จึงสามารถกดหมายเลขโทรศัพท์ได้อย่างแม่นยำ แต่อย่างไรก็ดี มีขนาดหน้าจอใหญ่ถึง 6.8 นิ้ว จึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการถือใช้งาน
 
ผู้ใช้งานสามารถจัดการส่วนต่างๆ ภายในเครื่องได้ผ่านแอปพลิเคชัน Mobile Manager ได้ ไม่ว่าจะเป็น การเคลียร์หน่วยความจำแรม (RAM) หรือตรวจสอบการใช้งานปริมาณอินเทอร์เน็ต
 
Asus ZenFone 3 Ultra รองรับการสั่งงานด้วยท่าทางได้ (Zen Motion) เช่น การแตะสองครั้งเพื่อปลุกการทำงานของตัวเครื่อง, พลิกโทรศัพท์เพื่อปิดเสียง หรือแม้แต่การวาดอักษรเพื่อเรียกใช้งานแอปพลิเคชัน ก็มีให้ใช้งานบน Asus ZenFone 3 Ultra ด้วยเช่นกัน

ไม่เพียงเท่านั้นยังสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชันการใช้งานมือเดียวได้อีกด้วย
 
อีกหนึ่งความน่าสนใจบน Asus ZenFone 3 Ultra คือ มาพร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ 360 องศา ซึ่งสามารถตั้งค่าการสแกนได้มากกว่า 1 ลายนิ้วมือ อีกทั้งยังสามารถเปิดใช้งานการสแกนลายนิ้วมือเพื่อรับสายเรียกเข้าได้อีกด้วย
 
ทางด้านอัลบั้มภาพถ่ายสามารถแสดงภาพถ่ายได้หลายแบบ เช่น เรียงภาพจากใหม่ล่าสุด, เรียงภาพจากเก่าที่สุด และแสดงภาพที่แท็กสถานที่
 
ส่วนโหมดประหยัดพลังงานก็มีให้ใช้งานบน Asus ZenFone 3 Ultra ด้วยเช่นกัน
 
แอปพลิเคชันวัดระยะห่างด้วยลำแสงเลเซอร์ (Laser Ruler) ก็เป็นอีกหนึ่งแอปพลิเคชันที่มีประโยชน์ เพราะผู้ใช้สามารถวัดระยะห่างของวัตถุกับจุดที่เรายืนอยู่ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งฟังก์ชันนี้เหมาะสำหรับสถาปนิก, มัณฑนากร หรือผู้ที่มองหาของตกแต่งบ้าน และต้องการวัดขนาด หรือความห่างของพื้นที่ เพื่อที่จะได้เลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ หรือจัดวางสิ่งของต่างๆ ได้ตรงตามความต้องการ
 
แอปพลิเคชัน My Asus ที่เปรียบเสมือนผู้ช่วยคนสำคัญ โดยผู้ใช้สามารถแจ้งเหตุขัดข้อง หรือสอบถามปัญหาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของ Asus ได้ตลอดเวลา รวมไปถึงการซื้อสินค้าของ Asus ผ่านทางแอปพลิเคชันนี้ได้ด้วย
 
หากผู้ใช้มีปัญหาบางอย่างเกี่ยวกับการใช้งาน หรือไม่รู้ขั้นตอนการใช้งาน สามารถหาคำตอบได้ที่แอปพลิเคชัน ZenFone Care ซึ่งจะมี FAQs รวบรวมไว้หลายหัวข้อ
 
เรียกได้ว่าผู้ใช้ Asus ZenFone มีอยู่ทั่วทุกมุมโลก ดังนั้น Asus จึงมีกลุ่มสังคมออนไลน์สำหรับผู้ใช้ Asus ZenFone โดยเฉพาะในชื่อ ZenTalk ซึ่งคล้ายๆ กับเว็บบอร์ดสำหรับการ ถาม-ตอบ หรือพูดคุยกันระหว่างผู้ใช้ รวมไปถึงการอัปเดตข่าวสารใหม่ๆ ของแบรนด์ก็จะอยู่ ZenTalk เช่นเดียวกัน
 
Asus ZenFone 3 Ultra ยังมาพร้อมกับแอปพลิเคชันสำหรับฟังเพลง อีกทั้งยังมีแอปพลิชันสำหรับตั้งค่าระบบเสียงให้ใช้ร่วมกันอีกด้วย โดยสำหรับตั้งค่าระบบเสียงนั้นสามารถเลือกระบบเสียงให้เหมาะกับใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ เช่น ระบบเสียงสำหรับชมภาพยนตร์ หรือระบบเสียงสำหรับฟังเพลง
 
นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าเพิ่มเติมได้ ไม่ว่าจะเป็น การเปิดใช้งานอีควอไลเซอร์ หรือการปรับค่าเบสสูง-ต่ำ ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน

ส่วนทางด้านแอปพลิเคชันสำหรับฟังวิทยุก็มีให้ใช้งานบน Asus ZenFone 3 Ultra
 
และในขณะที่เชื่อมต่อกับหูฟังก็สามารถเลือกใช้งานรูปแบบเสียงให้เหมาะกับการใช้งานได้

โดย Asus ZenFone 3 Ultra นั้นสามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดสูงระดับ Full HD (1080p) ได้อย่างไหลลื่น และด้วยหน้าจอแสดงผลขนาด 6.8 นิ้ว จึงช่วยให้รับชมภาพยนตร์ได้อย่างสบายดวงตา อีกทั้งยังสามารถแสดงผลได้เต็มความละเอียดของไฟล์วิดีโอ เนื่องด้วยหน้าจอแสดงผลของ Asus ZenFone 3 Ultra มีความละเอียด 1920x1080 พิกเซล นั่นเอง
 
Asus ZenFone 3 Ultra มาพร้อมกับชิปเซ็ต Octa-Core 64-bit Qualcomm MSM8976 Snapdragon 652 ความเร็วในการประมวลผล 1.8 GHz, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 64 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 6.0.1 Marshmallow

ด้วยคุณสมบัติตัวเครื่องที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ จึงทำให้ Asus ZenFone 3 Ultra นั้นสามารถตอบโจทย์ด้านการเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสามมิติ พร้อมเอฟเฟกต์สวยๆ ได้อย่างไหลลื่น โดยไม่มีอาการหน่วง หรืออาการสะสมความร้อนให้พบเจอ

และเมื่อนำ Asus ZenFone 3 Ultra มาทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน Geekbench 4 พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 1450 คะแนน สำหรับการประมวลผลแบบ Single-Core และ 3002 คะแนน สำหรับการประมวลผลแบบ Multi-Core

ต่อด้วยการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน 3DRating Benchmark พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 880 คะแนน

Asus ZenFone 3 Ultra สามารถรองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 10 จุด
 
และสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอื่นๆ มาใช้งานเพิ่มเติมได้ผ่านแอปพลิเคชัน Google Play Store
กล้องดิจิทัล การถ่ายภาพนิ่ง และภาพวิดีโอ
 
สำหรับกล้องถ่ายภาพบน Asus ZenFone 3 Ultra นั้นมีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่าย พร้อมทั้งแสดงฟังก์ชันต่างๆ ไว้อย่างชัดเจน ซึ่งสามารถเลือกใช้งานได้ทันที อีกทั้งยังมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลากหลาย เช่น โหมดถ่ายภาพอัตโนมัติ, โหมดถ่ายภาพโปร, โหมดถ่ายภาพเด็ก และโหมดถ่ายภาพในที่แสงน้อย
 
สำหรับโหมดถ่ายภาพโปรนั้นสามารถปรับค่าได้หลากหลายรูปแบบ เช่น จุดโฟกัส, ค่า ISO หรือความเร็วชัตเตอร์
 
โดยสามารถเปิดใช้งานโหมดถ่ายภาพ HDR และสามารถตั้งค่าการใช้งานไฟลแฟลช LED ได้
 
นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าการใช้งานเพิ่มเติมได้อีกหลายส่วนด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ การปรับค่าไวท์บาลานซ์, การปรับค่า ISO
 
การปรับค่าชดเชยแสง, การปรับคุณภาพของภาพถ่าย
 3
การเลือกความละเอียดของกล้องถ่ายภาพ ซึ่งสามารถเลือกได้สูงสุดที่ความละเอียด 23 ล้านพิกเซล, การเลือกคุณภาพของภาพถ่าย
 
สามารถเปิดใช้งานฟังก์ชัน Timestamp กับฟังก์ชันสัมผัสเพื่อถ่ายภาพได้, สามารถตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพได้นานสูงสุด 10 วินาที
 
การเลือกระบบโฟกัสภาพ, การเลือกโหมดการวัดแสง

และสามารถเปิดใช้งานการวัดแสงอัตโนมัติ กับระบบตรวจจับใบหน้าได้
 
สามารถตั้งค่าโหมดถ่ายวิดีโอได้ ไม่ว่าจะเป็น การปรับค่าไวท์บาลานซ์, การปรับค่าชดเชยแสง

การเลือกคุณภาพของไฟล์วิดีโอ ซึ่งสามารถเลือกได้สูงสุดที่ความละเอียดระดับ 4K UHD (3840x2160 พิกเซล)
 
การเปิดใช้งานฟังก์ชันป้องกันภาพวิดีโอสั่นไหว, การเลือกคุณภาพของไฟล์วิดีโอ

และการเปิดใช้งานฟังก์ชันกำหนดค่าแสงอัตโนมัติ
 
นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าเพิ่มเติมได้อีกหลายส่วนด้วยกัน เช่น การเปิดใช้งานฟังก์ชันเพิ่มความสว่างบนหน้าจอสำหรับใช้งานในที่โล่งแจ้ง, การเปิดใช้งานตารางเก้าช่อง
 
การเปิดใช้งานฟังก์ชันตรวจสอบภาพถ่าย, การ เปิด-ปิด เสียงชัตเตอร์
 
การแท็กสถานที่บนภาพถ่าย, เปิดใช้งานการป้องกันการกระพริบบนหน้าจอได้ 2 แบบ คือ 60 Hz และแบบ 50 Hz
 
การตั้งเวลาเพื่อพักหน้าจอ, สามารถเพิ่มฟังก์ชันให้กับปุ่มลดระดับเสียงได้ 2 แบบ คือ ซูม และชัตเตอร์

และสามารถคืนการตั้งค่าทั้งหมดได้
 
ส่วนกล้องดิจิทัลด้านหน้าก็มีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่ายเช่นเดียวกัน พร้อมทั้งแสดงไอคอนฟังก์ชันต่างๆ ไว้อย่างชัดเจน สามารถเลือกใช้งานได้ทันที และมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลากหลาย เช่น โหมดถ่ายภาพอัตโนมัติ, โหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Beautification) และโหมดถ่ายภาพกลางคืน

โดยสามารถเปิดใช้งานโหมดถ่ายภาพ HDR ได้
 
สำหรับโหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Beautification) นั้นสามารถปรับค่าต่างๆ ได้ถึง 10 ระดับ ไม่ว่าจะเป็น ผิวเนียน, สีผิวขาว, ตาโต และใบหน้าเรียว และยังสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชันปรับสีแก้ม (Blush On) และสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชันปรับสีผิว (Skin Tone) ได้อีกด้วย
 
นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าการใช้งานเพิ่มเติมได้อีกหลายส่วนด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ การปรับค่าไวท์บาลานซ์, การปรับค่า ISO
 
การปรับค่าชดเชยแสง, การปรับคุณภาพของภาพถ่าย
 
การเลือกความละเอียดของกล้องถ่ายภาพ ซึ่งสามารถเลือกได้สูงสุดที่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, การเลือกคุณภาพของภาพถ่าย
 
การเปิดใช้งานฟังก์ชันนกระจกสะท้อน, สามารถเปิดใช้งานฟังก์ชัน Timestamp
 
การเปิดใช้งานสัมผัสเพื่อถ่ายภาพ, สามารถตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพได้นานสูงสุด 10 วินาที
 
การเลือกระบบโฟกัสภาพ, การเลือกโหมดการวัดแสง และสามารถเปิดใช้งานการวัดแสงอัตโนมัติ กับระบบตรวจจับใบหน้าได้
 
สามารถตั้งค่าโหมดถ่ายวิดีโอได้ ไม่ว่าจะเป็น การปรับค่าไวท์บาลานซ์, การปรับค่าชดเชยแสง

การเลือกคุณภาพของไฟล์วิดีโอ ซึ่งสามารถเลือกได้สูงสุดที่ความละเอียดระดับ Full HD 1080p (1920x1080 พิกเซล)
 
การเปิดใช้งานฟังก์ชันป้องกันวิดีโอสั่นไหว, การเลือกคุณภาพของไฟล์วิดีโอ และการเปิดใช้งานฟังก์ชันกำหนดค่าแสงอัตโนมัติ
 
นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าเพิ่มเติมได้อีกหลายส่วนด้วยกัน เช่น การเปิดใช้งานฟังก์ชันเพิ่มความสว่างบนหน้าจอสำหรับใช้งานในที่โล่งแจ้ง, การเปิดใช้งานตารางเก้าช่อง
 
การเปิดใช้งานฟังก์ชันตรวจสอบภาพถ่าย, การ เปิด-ปิด เสียงชัตเตอร์
 
การแท็กสถานที่บนภาพถ่าย, เปิดใช้งานการป้องกันการกระพริบบนหน้าจอได้ 2 แบบ คือ 60 Hz และแบบ 50 Hz
 
การตั้งเวลาเพื่อพักหน้าจอ, สามารถเพิ่มฟังก์ชันให้กับปุ่มลดระดับเสียงได้ 2 แบบ คือ ซูม และชัตเตอร์

และสามารถคืนการตั้งค่าทั้งหมดได้
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 23 ล้านพิกเซล ของ Asus ZenFone 3 Ultra

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ผ่านโหมด Beautification ของ Asus ZenFone 3 Ultra
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Beautification ปรับค่าผิวเนียนระดับ 3
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Beautification ปรับค่าผิวเนียนระดับ 5
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Beautification ปรับค่าผิวเนียนระดับ 7
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Beautification ปรับค่าผิวเนียนระดับ 10
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Beautification พร้อมปรับค่าระดับ 5 ทั้งผิวเนียน, สีผิวขาว, ตาโต และหน้าเรียว
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Beautification พร้อมปรับค่าระดับ 10 ทั้งผิวเนียน, สีผิวขาว, ตาโต และหน้าเรียว
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Beautification พร้อมเปิดใช้งานฟังก์ชันปรับสีแก้ม (Blush On) ภาพซ้าย คือ เปิดใช้งานฟังก์ชัน Blush On สีบานเย็น ส่วนภาพขวา คือ เปิดใช้งานฟังก์ชัน Blush On สีโอลด์โรส
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Beautification พร้อมเปิดใช้งานฟังก์ชันปรับสีผิว (Skin Tone) : ภาพซ้าย คือ เปิดใช้งานฟังก์ชัน Skin Tone สีเนื้อ ส่วนภาพขวา คือ เปิดใช้งานฟังก์ชัน Skin Tone สีชมพู
สรุปผลการทดสอบของ Asus ZenFone 3 Ultra

จบลงไปแล้วนะครับ สำหรับการรีวิว Asus Zenfone 3 Ultra สมาร์ทโฟนจอยักษ์ ดีไซน์สวยหรู สำหรับคนชอบดูหนัง ฟังเพลง โดยตัวเครื่องของ Asus Zenfone 3 Ultra นั้นมีความสวยงามลงตัวเป็นอย่างมาก และได้เลือกใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ All-Metal Unibody จึงทำให้ตัวเครื่องมีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ ส่วนด้านหลังของตัวเครื่องยังเป็นพื้นผิวแบบด้าน ซึ่งช่วยให้ไม่เกิดคราบเปื้อน หรือรอยนิ้วมือได้ง่ายอีกด้วย นอกจากนี้ ตรงมุมทั้งสี่ด้านยังมีความโค้งมน พร้อมความบางเฉียบเพียง 6.8 มิลลิเมตร จึงสามารถถือใช้งาน หรือพกพาไปใช้งานตามสถานที่ต่างๆ ได้อย่างคล่องตัวกว่าที่คิด หากเทียบกับการเป็นสมาร์ทโฟนที่มีจอใหญ่มากขนาดนี้ แต่อย่างไรก็ดี สำหรับมือเล็กๆ ของคุณสุภาพสตรีอาจจะต้องระมัดระวังในการถือใช้งานเป็นพิเศษ
ไม่เพียงเท่านั้น Asus Zenfone 3 Ultra ยังนับว่าเป็นสมาร์ทโฟนอีกหนึ่งรุ่นที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานด้านมัลติมีเดียได้ดีเป็นพิเศษ นั่นก็เนื่องด้วย Asus Zenfone 3 Ultra ได้ถูกออกแบบ และพัฒนามาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานด้านความบันเทิงโดยเฉพาะ เริ่มตั้งแต่ หน้าจอแสดงผลไซส์ยักษ์ขนาด 6.8 นิ้ว ที่มีความละเอียด 1920x1080 พิกเซล พร้อมครอบทับด้วยกระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 4 พร้อมด้วยเทคโนโลยี Bluelight Filter สำหรับกรองแสงสีฟ้าเพื่อถนอมสายตา, ลำโพงเสียงภายนอกแบบ Dual 5 Magnet, รองรับการเปิดเล่นไฟล์เสียงความละเอียดสูง (Hi-Res Audio) แบบ 24-bit/192kHz และมีเทคโนโลยีเสียง DTS Headphone:X พร้อมรองรับการจำลองระบบเสียงรอบทิศทางแบบ 7.1 สำหรับใช้งานร่วมกันหูฟัง ZenEar ซึ่งจากการทดสอบด้วยการฟังเพลงไฟล์ FLAC พบว่าลำโพงเสียงภายนอกของ Asus Zenfone 3 Ultra ให้รายละเอียดเสียงต่างๆ ได้ครบ แต่สำหรับเสียงเบสนั้นไม่ค่อยชัดเจนนัก ต้องอาศัยหูฟัง ZenEar ช่วยในจุดนี้ แต่โดยรวมถือว่าทำออกมาได้ดี ทางด้านการชมภาพยนตร์ Asus Zenfone 3 Ultra ก็ถือว่าตอบโจทย์การใช้งานได้ดีเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยมีหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ อีกทั้งยังสามารถแสดงผลความละเอียดของไฟล์วิดีโอความละเอียดระดับ Full HD (1080p) ได้อย่างไหลลื่นอีกด้วย เสมือนว่าชมภาพยนตร์อยู่ในโรงภาพยนตร์เลยทีเดียว
สำหรับหูฟัง ZenEar รุ่นพิเศษที่แถมมาให้เฉพาะ Asus ZenFone 3 Ultra นั้นมาพร้อมกับดีไซน์ที่เรียบหรู และสวยงามกว่าหูฟังรุ่นก่อนๆ เลยก็ว่าได้ ด้วยการใช้สีทอง และสีขาวที่สื่อถึงความหรูหราพรีเมียม และภายในกล่องมี EarBud มาให้เลือกถึง 4 ขนาด คือ XS, S, M และ L ซึ่งสามารถเลือกใช้งานตามขนาดหูของแต่ละคนได้ทันที ส่วนเรื่องคุณภาพเสียง ต้องขอบอกว่าหูฟัง ZenEar มีลักษณะเสียงที่ค่อนข้างเป็นกลาง ไม่หนักไปทางด้านใดด้านหนึ่ง เสียงเบสมีแบบพอดีๆ แต่ไม่หนักจนเกินไป เสียงกลาง และเสียงแหลมค่อนข้างดี ซึ่งหูฟังตัวนี้คาดว่าน่าจะเหมาะกับการใช้ฟังเพลงแนว Classical หรือแนว Jazz เพราะโทนเสียงโดยรวมน่าจะให้รายละเอียดของเครื่องดนตรีได้มากกว่าการฟังแบบเน้นเบส หรือแนวร็อกหนักๆ แต่ในส่วนของ Sound Stage เสียง ยังไม่กว้างมากนัก ทำให้เสียงที่ออกมาอาจดูแบนๆ จึงต้องอาศัยเทคโนโลยีเสียง DTS Headphone:X เพื่อจำลองเสียงให้ดูกว้างมากขึ้น เสมือนฟังเพลงอยู่ในคอนเสิร์ต
ทางด้านกล้องถ่ายภาพก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดขายสำคัญของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้เลยก็ว่าได้ โดยกล้องดิจิทัลด้านหลังมีความละเอียดมากถึง 23 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX318 ขนาด 1/2.6 นิ้ว พร้อมโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์, กระจก Sapphire ที่ด้านนอก สำหรับปกป้องเลนส์ชั้นใน, ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบ TriTech ด้วยลำแสงเลเซอร์ (Laser Autofocus) และ PDAF (Phase Detection Autofocus) ซึ่งสามารถโฟกัสวัตถุได้ภายในเวลา 0.03 วินาที, ระบบป้องกันการสั่นแบบ 4-Axis OIS (4-Axis Optical Image Stabilization) และ 3-Axis EIS (3-Axis Electronic Image Stabilization), ไฟแฟลชแบบ Dual-LED : Real-Tone ซึ่งจากการทดสอบด้วยการถ่ายภาพในสภาวะแสงต่างๆ กล้องดิจิทัลด้านหลังก็สามารถตอบโจทย์ด้านการถ่ายภาพได้ดีเป็นอย่างมาก อีกทั้งภาพถ่ายที่ได้ยังมีความคมชัด และสีสันสดใสอีกด้วย
ส่วนกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ซึ่งเป็นเลนส์มุมกว้าง 88 องศา พร้อมรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.0 ก็สามารถถ่ายภาพได้ดีเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังมาพร้อมกับโหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Beautification) ที่สามารถปรับค่า ผิวเนียน, ผิวขาว, ตาโต และหน้าเรียวได้ถึง 10 ระดับ บอกได้เลยว่า ต้องถูกอกถูกใจคนที่รักการถ่ายภาพเซลฟี่อย่างแน่นอน
ในส่วนของคุณสมบัติเด่นอื่นๆ ก็ถือว่าครบเครื่อง และสามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ชิปเซ็ต Octa-Core 64-bit Qualcomm MSM8976 Snapdragon 652 ความเร็วในการประมวลผล 1.8 GHz, หน่วยความจำภายแรม (RAM) ขนาด 4 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 64 GB, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ 360 องศา, ช่องเชื่อมต่อแบบ USB Type-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ หรือโอนถ่ายข้อมูล, แบตเตอรี่ขนาด 4600 mAh ซึ่งรองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง (Quick Charge 3.0 : Fast Battery Charging) โดยสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ 60% ภายในเวลา 45 นาที, รองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด, รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE กับ 3G ได้ และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 6.0.1 Marshmallow ซึ่งจากการทดสอบด้วยการถ่ายวิดีโอความละเอียดระดับ 4K (3840x2160 พิกเซล) แบบต่อเนื่อง หรือเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสามมิติที่มีเอฟเฟกต์ระดับสูง Asus Zenfone 3 Ultra ก็ตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างไหลลื่น โดยไม่มีอาการหน่วง หรืออาการสะสมความร้อนที่ตัวเครื่องให้พบเจออีกด้วย
โดยหลังจากการทดสอบทั้งหมดที่ผ่านก็พอที่จะสรุปได้ว่า Asus Zenfone 3 Ultra น่าจะเหมาะกับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนจอใหญ่ยักษ์เป็นพิเศษ พร้อมดีไซน์สวยหรู, วัสดุแข็งแรง, ลำโพงเสียงดี ฟังเพลงไพเราะ, กล้องถ่ายภาพระดับไฮเอนด์, มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ, มีฟีเจอร์ให้ใช้งานหลากหลาย และมีงบประมาณไม่จำกัด ซึ่ง Asus Zenfone 3 Ultra ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม สำหรับท่านใดที่ต้องการเป็นเจ้าของ Asus Zenfone 3 Ultra ก็สามารถหาซื้อได้ที่ Asus Shop และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศในราคา 21,990 บาท
สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง Asus ประเทศไทยที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง Asus Zenfone 3 Ultra มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ
จุดเด่นของ Asus ZenFone 3 Ultra
- ตัวเครื่องบางเฉียบเพียง 6.8 มิลลิเมตร
- เทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องแบบ Metal-Unibody (กรอบตัวเครื่องโลหะถูกขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกัน) พร้อมตัดขอบคู่สีเงินทั้งด้านหน้า และด้านหลังของตัวเครื่อง
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Sensor) สำหรับตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าใช้งานเครื่อง และการเข้าถึงข้อมูลภายใน พร้อมเทคโนโลยีการสแกนลายนิ้วมือแบบ 360 องศา และรองรับได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือภายในเครื่องเดียวกัน
- จอแสดงผลแบบ IPS LCD Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1920x1080 Pixels (Full HD 1080p : กว้าง 6.8 นิ้ว : 324 ppi) พร้อมหน่วยประมวลผลภาพกราฟิกโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Adreno 510
- ครอบทับกระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 4 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันแรงกระแทก หรือรอยขีดข่วน
- เทคโนโลยี Bluelight Filter สำหรับแกรองแสงสีฟ้าเพื่อถนอมสายตา
- รองรับการเปลี่ยนธีม (Themes) พร้อมทั้งสามารถดาวน์โหลดธีมมาใช้งานเพิ่มเติมได้มากมาย
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต Octa-Core 64-bit Qualcomm MSM8976 Snapdragon 652 ความเร็วในการประมวลผล 1.8 GHz
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 6.0.1 Marshmallow
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 64 GB
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 128 GB
- กล้องดิจิทัลด้านหลังความละเอียด 23 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX318 ขนาด 1/2.6 นิ้ว พร้อมโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์, กระจก Sapphire ที่ด้านนอก สำหรับปกป้องเลนส์ชั้นใน, ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบ TriTech ด้วยลำแสงเลเซอร์ (Laser Autofocus) และ PDAF (Phase Detection Autofocus) ซึ่งสามารถโฟกัสวัตถุได้ภายในเวลา 0.03 วินาที, ระบบป้องกันการสั่นแบบ 4-Axis OIS (4-Axis Optical Image Stabilization) และ 3-Axis EIS (3-Axis Electronic Image Stabilization), ไฟแฟลชแบบ Dual-LED : Real-Tone และรองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ซึ่งเป็นเลนส์มุมกว้าง 88 องศา พร้อมรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.0, รองรับโหมดถ่ายหน้าสวย (Beautification) และรองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD 1080p
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดพร้อมกันภายในเครื่องเดียว
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G, EDGE และ GPRS
- ระบบ GPS+A-GPS ในตัว (Global Positioning System : ระบบดาวเทียมนำร่อง) พร้อมรองรับการใช้งานกับระบบดาวเทียมของรัสเซีย (GLONASS : Global Navigation Satellite System) และระบบดาวเทียมของจีน (BDS : Beidou Global Navigation Satellite System)
- แอปพลิเคชัน Mobile Manager สำหรับการจัดการกับแบตเตอรี่, หน่วยความจำภายใน, หน่วยความจำแรม และระบบความปลอดภัย
- ช่องเชื่อมต่อแบบ USB Type-C 2.0 สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ และส่งผ่านข้อมูล
- รองรับเทคโนโลยี USB OTG (USB On-the-Go) ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้โดยตรง โดยไม่ต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นทางผ่าน
- ลำโพงเสียงภายนอกแบบ Dual 5 Magnet ซึ่งทำงานร่วมกับเทคโนโลยี SonicMaster, รองรับการเปิดเล่นไฟล์เสียงความละเอียดสูง (Hi-Res Audio) แบบ 24-bit/192kHz และมีเทคโนโลยีเสียง DTS Headphone:X พร้อมรองรับการจำลองระบบเสียงรอบทิศทางแบบ 7.1 สำหรับทำงานร่วมกันหูฟัง ZenEar
- แบตเตอรี่ขนาด 4600 mAh ซึ่งรองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง (Quick Charge 3.0 : Fast Battery Charging) โดยสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ 60% ภายในเวลา 45 นาที
- มีวิทยุ FM ในตัว
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Asus ZenFone 3 Ultra
- ด้วยตัวเครื่องที่มีขนาดใหญ่กว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป เวลาถือใช้งานจึงต้องระวัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะผู้ใช้งานที่มีมือขนาดเล็ก รวมทั้งการพกพาอาจไม่คล่องตัวเท่ากับสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอขนาดเล็ก
- แบตเตอรี่เป็นแบบ Built-in Battery จึงไม่สามารถถอด หรือเปลี่ยนด้วยตนเองได้
- ในช่องซิมการ์ดที่สองต้องเลือกใช้งานระหว่างซิมการ์ดที่ 2 หรือการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD
- ไม่รองรับเทคโนโลยีการส่งผ่านข้อมูลไร้สายแบบ NFC
- ราคา 21,990 บาท ถือว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะหากเทียบกับชิปเซ็ต Snapdragon 652 ที่ใส่มาให้ ซึ่งยังไม่ใช่ชิปเซ็ตตัวท็อป
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
สรุปคุณสมบัติเครื่อง
ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติแบบสรุป (Specification) ของ Asus ZenFone 3 Ultra ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้
สรุปคุณสมบัติโดยละเอียดของ Asus ZenFone 3 Ultra

:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter
| ไปหน้าแรก
Mobile Focus ::
|