รีวิว (Review) ASTON Luxury 4G

สมาร์ทโฟน 4G รุ่นประหยัดใหม่ล่าสุด บนบอดี้โลหะดีไซน์หรู พร้อมจอ HD ใหญ่จุใจ 5.5 นิ้ว, กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล กับไฟแฟลชในตัวเพื่อคอเซลฟี่ตัวจริง, กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล และเซ็นเซอร์สแกนนิ้ว ในราคาสุดคุ้มเพียง 3,990 บาท

Review Date (5-กรกฎาคม-2559)

ในปัจจุบันสมาร์ทโฟนที่วางจำหน่ายอยู่ในประเทศไทยนั้นมาจากผู้ผลิตหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น จีน ญี่ปุ่น ใต้หวัน เกาหลี ฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา ซึ่งรวมถึง ASTON แบรนด์ของคนไทยที่ได้วางจำหน่ายสมาร์ทโฟนในบ้านเราหลากหลายรุ่น และล่าสุดทาง ASTON ได้วางจำหน่ายสมาร์ทโฟนน้องใหม่อย่าง ASTON Luxury 4G ในราคาสุดคุ้มเพียง 3,990 บาท เท่านั้น!

โดย ASTON Luxury 4G นั้นมีจุดเด่นพิเศษในเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ซึ่งทาง ASTON ได้เลือกใช้งานเทคโนโลยีการผลิตแบบ Aluminum Unibody คือ การขึ้นรูปตัวเครื่องจากอะลูมิเนียมให้เป็นชิ้นเดียวกัน พร้อมขัดเงาที่ฝาหลัง จึงทำให้ตัวเครื่อง ASTON Luxury 4G ดูมีความหรูหรา พรีเมียม และแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ

ซึ่งนอกจากจะมีความโดดเด่นในเรื่องของดีไซน์การออกแบบแล้ว ASTON Luxury 4G ยังมีจุดขายที่น่าสนใจอีกหลายส่วนด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ หน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ความละเอียดระดับ HD (720p) ขนาด 5.5 นิ้ว พร้อมเสริมความแข็งแกร่งด้วยกระจกหน้าจอขอบนูนแบบ 2.5D Gorilla Glass, มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ซึ่งสามารถสแกนลายนิ้วมือได้ภายในเวลาเพียง 0.5 วินาที และสามารถตั้งค่าเพื่อรับสาย หรือถ่ายภาพได้, รองรับการสั่งงานด้วยท่าทาง (Smart Wake), ลำโพงเสียงภายนอกแบบคู่, กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช LED และกล้องดิจิทัลด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ซึ่งเลือกใช้เซ็นเซอร์รับภาพแบบ Sony IMX219PQ พร้อมไฟแฟลชแบบ DUAL-LED

สำหรับคุณสมบัติเด่นอื่นๆ ก็ถือว่าครบเครื่อง และสามารถตองสนองการใช้งานในระดับพื้นฐานได้ดี ไม่ว่าจะเป็น ชิปเซ็ต 64-bit Quad-Core MediaTek MT6735P ความเร็วในการประมวลผล 1.0 GHz, พร้อมด้วยหน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Mali-T720, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 1 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 16 GB (รองการเพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้สูงสุด 128 GB), รองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด, รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE กับ 3G ได้, แบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 5.1 Lollipop

ซึ่งจากข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมาก็ถือว่า ASTON Luxury 4G มีความน่าสนใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร, ตัวเครื่องมีดีไซน์การออกแบบสวยงามขนาดไหน, ฟีเจอร์ต่างๆ จะตอบสนองต่อการใช้งานได้ดีเพียงใด วันนี้เรามีคำตอบให้ทุกท่านครับ

รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

ASTON Luxury 4G มาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ความละเอียด 1280x720 พิกเซล ขนาด 5.5 นิ้ว พร้อมเสริมความแข็งแกร่งด้วยกระจกหน้าจอ Gorilla Glass ซึ่งเป็นดีไซน์หน้าจอขอบนูนแบบ 2.5D Glass ซึ่งทนทานต่อแรกกระแทก และป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี โดยมีขนาดของตัวเครื่องอยู่ที่ 153x73x8.5 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 161 กรัม

ด้านหน้าส่วนบนประกอบไปด้วยกล้องดิจิทัลความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช LED, ลำโพงสำหรับฟังขณะทำการสนทนา, ระบบ Accelerometer Sensor ช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้, ระบบ Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน และสัญญาณไฟ LED สำหรับการแจ้งเตือนต่างๆ เช่น สัญญาณไฟขณะทำการชาร์จแบตเตอรี่ หรือมีข้อความใหม่

ด้านหน้าส่วนล่างมีปุ่มการสั่งงานแบบสัมผัส (Touch Panel) ได้แก่ ปุ่มเมนู, ปุ่มโฮม (กดปุ่มโฮมค้างเอาไว้ประมาณ 2 วินาที สามารถเปิดใช้งานฟังก์ชัน Recent Apps ได้) และปุ่มย้อนกลับ

ด้านบนของตัวเครื่องมีช่องสำหรับเชื่อมต่อกับหูฟังแบบมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร

ด้านล่างของตัวเครื่องมีลำโพงเสียงภายนอกแบบคู่, ไมโครโฟน และช่องเชื่อมต่อกับสายชาร์จแบบ microUSB สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ หรือโอนถ่ายข้อมูล

ด้านขวาของตัวเครื่องมีถาดสำหรับใส่ซิมการ์ดที่ 1, ถาดสำหรับเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD และถาดสำหรับใส่ซิมการ์ดที่ 2

ซึ่งซิมการ์ดที่ใช้จะเป็นแบบ microSIM ในช่องซิมการ์ดที่ 1 และแบบ nanoSIM ในช่องซิมการ์ดที่ 2

ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีปุ่ม เปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอ และปุ่ม เพิ่ม-ลด ระดับเสียง

ด้านหลังของตัวเครื่องประกอบไปด้วยกล้องดิจิทัลความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ซึ่งเลือกใช้เซ็นเซอร์รับภาพแบบ Sony IMX219PQ พร้อมไฟแฟลชแบบ DUAL-LED และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ซึ่งสามารถสแกนลายนิ้วมือได้ภายในเวลาเพียง 0.5 วินาที

อีกหนึ่งจุดเด่นของ ASTON Luxury 4G คือ ตัวเครื่องมีดีไซน์แบบ Aluminum Unibody คือ การขึ้นรูปตัวเครื่องจากอะลูมิเนียมให้เป็นชิ้นเดียวกัน พร้อมขัดเงาที่ฝาหลัง จึงทำให้ตัวเครื่องของ ASTON Luxury 4G มีความสวยงาม ดูพรีเมียม และมีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษอีกด้วย

เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ

ASTON Luxury 4G ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 5.1 Lollipop พร้อมหน่วยความจำภายในขนาด 16 GB

ซึ่งสามารถรองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด และรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE กับ 3G ได้

อีกทั้งยังมีฟังก์ชันสำหรับการแจ้งเตือนต่างๆ และยังสามารถ เปิด-ปิด ฟังก์ชันลัดต่างๆ ได้ เช่น การใช้งานอินเทอร์เน็ต หรือโหมดการใช้งานบนเครื่องบิน

ในส่วนของหน้าจอโฮมสกรีนสามารถตั้งค่าการใช้งานเพิ่มเติมได้ เช่น การนำวิดเจ็ตที่ต้องการใช้งานมาไว้ที่หน้าจอโฮมสกรีน, การเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์, การเปลี่ยนธีม, เอฟเฟกต์การปลดล็อกหน้า และเอฟเฟกต์สภาพอากาศ

อีกทั้งยังมีฟังก์ชันสำหรับปิดแอปพลิเคชันที่ไม่ต้องการใช้งานอย่าง Recent Apps มาให้ใช้งานอีกด้วย (กดปุ่มโฮมค้างเอาไว้ประมาณ 2 วินาทีเพื่อเรียกใช้งานฟังก์ชัน Recent Apps) นอกจากนี้ หน้าจอแสดงผลของ ASTON Luxury 4G ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี MiraVision ที่ช่วยให้หน้าจอแสดงผลได้เหมาะกับการใช้งานมากที่สุด

สำหรับฟังก์ชันโทรศัพท์นั้นมีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่าย พร้อมด้วยปุ่มตัวเลขขนาดใหญ่ จึงกดหมายเลขได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งยังสามารถเข้าดูบันทึกการโทร หรือรายชื่อโทรศัพท์ทั้งหมดได้อีกด้วย

ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ใช้ยังสามารถตั้งค่าการใช้งานเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือได้ พร้อมทั้งยังเปิดใช้งานฟังก์ชันรับสายเรียกเข้า หรือการถ่ายภาพผ่านเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือได้อีกด้วย

นอกจากนี้ ASTON Luxury 4G ยังรองรับการสั่งงานด้วยท่าทางได้ เช่น เคาะสองครั้งบนหน้าจอเพื่อปลุกการทำงานของเครื่อง และสามารถวาดตัวอักษรเพื่อสั่งงานได้อีกด้วย เช่น วาดตัวอักษร C เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชันกล้องถ่ายภาพ หรือวาดตัวอักษร W เพื่อเปิดแอปพลิเคชันสำหรับฟังเพลง

ในส่วนของเว็บเบราว์เซอร์อินเทอร์เน็ตบน ASTON Luxury 4G ก็ตอบสนองต่อการใช้งานได้ดี และสามารถแสดงรายละเอียดต่างๆ ได้ครบอีกด้วย

นอกจากนี้ แอปพลิเคชันอัลบั้มภาพถ่ายยังสามารถแสดงภาพถ่ายได้ 3 แบบ คือ แสดงแบบแยกอัลบั้ม, แสดงภาพระบุสถานที่บนภาพถ่าย และแสดงแบบรวมภาพถ่ายทั้งหมด

ไม่เพียงเท่านั้น ASTON Luxury 4G ยังได้ติดตั้งแอปพลิเคชัน CM Security สำหรับดูแล หรือจัดการข้อมูลต่างๆ ภายในเครื่องมาให้ใช้งานอีกด้วย เช่น การซ่อนแอปพลิเคชัน, การบล็อกสายเรียกเข้า หรือการสแกนไวรัส

ASTON Luxury 4G ยังมาพร้อมกับแอปพลิเคชันสำหรับฟังเพลง และสามารถปรับค่าอีควอไลเซอร์ได้หลากหลาย เช่น Pop หรือ Rock

ในส่วนของแอปพลิเคชันสำหรับฟังวิทยุ FM ก็มีให้ใช้งานบน ASTON Luxury 4G ด้วยเช่นกัน และสามารถบันทึกเสียงวิทยุเอาไว้ฟังในภายหลังได้

และยังสามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดระดับ Full HD (1080p) ได้อย่างไหลลื่น เนื่องด้วยหน้าจอแสดงผลบน ASTON Luxury 4G มีความละเอียด 1280x720 พิกเซล จึงไม่สามารถแสดงผลได้เต็มความละเอียดของไฟล์วิดีโอ

ASTON Luxury 4G นั้นมาพร้อมกับชิปเซ็ต 64-bit Quad-Core MediaTek MT6735P ความเร็วในการประมวลผล 1.0 GHz, พร้อมด้วยหน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Mali-T720, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 1 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 16 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 5.1 Lollipop

และถึงแม้ว่า ASTON Luxury 4G จะมีคุณสมบัติตัวเครื่องที่จัดอยู่ในระดับพื้นฐาน แต่ก็สามารถเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสามมิติได้อย่างไหลลื่น และไม่มีอาการหน่วงให้พบเจอ

และเมื่อนำ ASTON Luxury 4G มาทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 24882 คะแนน

ต่อด้วยการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu 3DRating Benchmark พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 2075 คะแนน

สำหรับ ASTON Luxury 4G สามารถรองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 5 จุด

และสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอื่นๆ มาใช้งานเพิ่มเติมได้ผ่านแอปพลิเคชัน Google Play Store

กล้องดิจิทัล การถ่ายภาพนิ่ง และภาพวิดีโอ

สำหรับ Interface กล้องถ่ายภาพของ ASTON Luxury 4G นั้นมีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่าย พร้อมทั้งยังแสดงไอคอนฟังก์ชันต่างๆ ไว้อย่างชัดเจน ซึ่งสามารถเลือกใช้งานได้ทันที และมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลากหลาย เช่น โหมดถ่ายภาพปกติ, โหมดถ่ายภาพต่อเนื่อง, โหมดถ่ายภาพหน้าสวย และโหมดถ่ายภาพพาโนราม่า อีกทั้งยังสามารถเปิดใช้งานโหมดถ่ายภาพ HDR กับฟังก์ชันการสั่งงานถ่ายภาพด้วยการชูนิ้วได้อีกด้วย

สามารถตั้งค่าการใช้งานเพิ่มเติมได้อีกหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็น การแท็กสถานที่บนภาพถ่าย, การชดเชยแสง, เอฟเฟกต์การถ่ายภาพ, โหมดถ่ายภาพแบบสำเร็จรูป, ไวท์บาลานซ์, คุณสมบัติของภาพ, การป้องกันการกระพริบ และคืนการตั้งค่าทั้งหมด

นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่ากล้องถ่ายภาพในส่วนอื่นๆ ได้อีกหลายอย่างด้วยกัน เช่น การ เปิด-ปิด ฟังก์ชัน ZSD (Zero Shutter Delay), ฟังก์ชันการตรวจจับใบหน้า, และฟังก์ชันการตรวจจับรอยยิ้ม, การตรวจสอบรูปภาพอัตโนมัติ, การตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพ ที่สามารถตั้งเวลาได้นานสุด 10 วินาที, สามารถเลือกความละเอียดของกล้องถ่ายภาพได้สูงสุดที่ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, การเลือกสัดส่วนของภาพถ่าย และการปรับค่า ISO

ในส่วนของโหมดถ่ายวิดีโอสามารถตั้งค่าการใช้งานได้หลายส่วน เช่น การ เปิด-ปิด ไมโครโฟน หรือการตั้งเวลาเพื่อถ่ายวิดีโอ และสามารถเลือกความละเอียดของไฟล์วิดีโอได้สูงสุดที่ความละเอียดระดับ HD 720p

สำหรับกล้องดิจิทัลด้านหน้า นั้นมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้งาน 3 อย่าง ได้แก่ โหมดถ่ายภาพปกติ, โหมดถ่ายภาพหน้าสวย และโหมดถ่ายภาพพาโนราม่า อีกทั้งยังสามารถเปิดใช้งานไฟแฟลช LED, โหมดถ่ายภาพ HDR และการสั่งงานถ่ายภาพด้วยการชูสองนิ้วได้

นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าการใช้งานเพิ่มเติมได้อีกหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็น การแท็กสถานที่บนภาพถ่าย, การชดเชยแสง, เอฟเฟกต์การถ่ายภาพ, โหมดถ่ายภาพแบบสำเร็จรูป, ไวท์บาลานซ์, คุณสมบัติของภาพถ่าย, การป้องกันการกระพริบ และคืนการตั้งค่าทั้งหมด

นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่ากล้องถ่ายภาพในส่วนอื่นๆ ได้อีกหลายอย่างด้วยกัน ได้แก่ ฟังก์ชันการตรวจจับใบหน้า, และฟังก์ชันการตรวจจับรอยยิ้ม, การตรวจสอบรูปภาพอัตโนมัติ, การตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพ ที่สามารถตั้งเวลาได้นานสุด 10 วินาที, สามารถเลือกความละเอียดของกล้องถ่ายภาพได้สูงสุดที่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, การเลือกสัดส่วนของภาพถ่าย และการปรับค่า ISO

ในส่วนของโหมดถ่ายวิดีโอก็สามารถตั้งค่าการใช้งานได้ไม่ว่าจะเป็น การ เปิด-ปิด ไมโครโฟน หรือการตั้งเวลาเพื่อถ่ายวิดีโอ และสามารถปรับความละเอียดของไฟล์วิดีโอได้สูงสุดที่ความละเอียดระดับ VGA

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหลังความละเอียดระดับ 13 ล้านพิกเซล ของ ASTON Luxury 4G

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียดระดับ 8 ล้านพิกเซล ในโหมด Beauty ของ ASTON Luxury 4G

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมด Beauty

สรุปผลการทดสอบของ ASTON Luxury 4G

จบลงไปแล้วนะครับ สำหรับการรีวิวสมาร์ทโฟนสุดคุ้มรุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมดีไซน์สวยหรู ระดับพรีเมียมอย่าง ASTON Luxury 4G ซึ่งดีไซน์ตัวเครื่องของ ASTON Luxury 4G นั้นมีความสวยงามลงตัวเป็นอย่างมาก  และที่พิเศษไปกว่านั้น คือ ทาง ASTON ได้เลือกใช้งานเทคโนโลยีการผลิตแบบ Aluminum Unibody พร้อมขัดเงาที่ฝาหลัง จึงทำให้ตัวเครื่อง ASTON Luxury 4G มีความหรูหรา พรีเมียม และแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ นอกจากนี้ ยังสามารถพกพาไปใช้งานตามสถานที่ต่างๆ ได้อย่างคล่องตัว เนื่องด้วย ASTON Luxury 4G มีความบางเพียง 8.5 มิลลิเมตร นอกจากนี้ มุมทั้งสี่ด้านยังมีความโค้งมนเป็นพิเศษ จึงช่วยให้จับ หรือถือใช้งานได้อย่างถนัดมืออีกด้วย

ทางด้านจุดขายหลักของ ASTON Luxury 4G นั้นถือว่าคุ้มค่าเป็นอย่างมาก และสามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้ดี ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ความละเอียดระดับ 1280x720 พิกเซล ขนาด 5.5 นิ้ว พร้อมเสริมความแข็งแกร่งด้วยกระจกหน้าจอ Gorilla Glass ซึ่งเป็นดีไซน์ขอบนูนแบบ 2.5D Glass, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ซึ่งสามารถสแกนลายนิ้วมือได้ภายในเวลาเพียง 0.5 วินาที เท่านั้น และสามารถตั้งค่าเพื่อรับสาย หรือถ่ายภาพได้, รองรับการสั่งงานด้วยท่าทาง (Smart Wake) และลำโพงเสียงภายนอกแบบคู่

ในส่วนของกล้องถ่ายภาพก็เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดขายสำคัญของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้เลยก็ว่าได้ โดยกล้องดิจิทัลด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล (เซ็นเซอร์รับภาพแบบ Sony IMX219PQ) พร้อมไฟแฟลชแบบ DUAL-LED นั้นตอบโจทย์ด้านการถ่ายภาพได้ดี ซึ่งภาพถ่ายที่ได้สวยคมชัด และสีสันสมจริง ไม่ว่าจะเป็น การถ่ายภาพที่สภาพปกติ หรือการถ่ายภาพที่สภาพแสงน้อยก็ตาม อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ให้ใช้งานเพิ่มเติมหลากหลาย ส่วนกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่มาพร้อมไฟแฟลช LED ก็สามารถถ่ายภาพได้ดีไม่แพ้กัน และอีกหนึ่งความน่าสนใจ คือ มีโหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Beauty) ให้ใช้งานอีกด้วย เรียกได้ว่า ต้องถูกอกถูกคนรักการถ่ายภาพเซลฟี่อย่างแน่นอน

สำหรับคุณสมบัติเด่นอื่นๆ ก็ถือว่าครบเครื่อง และสามารถตอบโจทย์การใช้งานระดับพื้นฐานได้หลากหลาย เริ่มตั้งแต่ 64-bit Quad-Core MediaTek MT6735P ความเร็วในการประมวลผล 1.0 GHz, พร้อมด้วยหน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Mali-T720, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 1 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 16 GB, รองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด, รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE กับ 3G ได้, แบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 5.1 Lollipop ซึ่งจากการทดสอบด้วยการเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสามมิติ หรือการถ่ายวิดีโอแบบต่อเนื่อง ASTON Luxury 4G ก็ตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างไหลลื่น และไม่มีอาการหน่วง หรือกระตุกให้พบเจอ อีกทั้งตัวเครื่องยังไม่มีการสะสมความร้อนอีกด้วย

และจากการทดสอบทั้งหมดที่ผ่านมาก็พอที่จะสรุปได้ว่า ASTON Luxury 4G น่าจะเหมาะกับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟน 4G ราคาประหยัดที่มาพร้อมบอดี้โลหะดีไซน์สวยหรู, กล้องถ่ายภาพสวย คมชัด, จอใหญ่เต็มตา, สเปคครบเครื่องเรื่องการใช้งาน และต้องมีราคาไม่เกิน 4,000 บาท ซึ่ง ASTON Luxury 4G ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม หากท่านใดที่สนใจ ASTON Luxury 4G ก็สามารถสั่งซื้อได้ที่ www.lazada.co.th/aston/ ในราคา 3,990 บาท พร้อมแถมฟรี! เคสมือถือ และฟิล์มกันรอย โดย ASTON Luxury 4G จะมีให้เลือกทั้งหมด 2 สี คือ สีทอง (Gold) และสีทองกุหลาบ (Rose Gold) สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง ASTON ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง ASTON Luxury 4G มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ

จุดเด่นของ ASTON Luxury 4G

- ตัวเครื่องใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Aluminum Unibody คือ การขึ้นรูปตัวเครื่องจากอะลูมิเนียมให้เป็นชิ้นเดียวกัน ซึ่งมีความบางเพียง 8.5 มิลลิเมตร พร้อมพื้นผิวด้านหลังแบบโลหะขัดลาย
- จอแสดงผลแบบ IPS LCD Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1280x720 Pixels ขนาด 5.5 นิ้ว โดยกระจกหน้าจอจะเป็นแบบ Gorilla Glass ที่ทนทานต่อแรกกระแทก และป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิกโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Mali-T720
- รองรับฟังก์ชัน Smart Wake สำหรับการสั่งงานด้วยท่าทาง
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต 64-bit Quad-Core MediaTek MT6735P ความเร็วในการประมวลผล 1.0 GHz
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 5.1 Lollipop
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 16 GB พร้อมรองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 128 GB
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 1 GB
- กล้องดิจิทัลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 13 ล้าน Pixels ซึ่งเลือกใช้เซ็นเซอร์รับภาพแบบ Sony IMX219PQ พร้อมไฟแฟลชแบบ DUAL-LED และรองรับการถ่ายภาพวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ HD 720p
- กล้องดิจิทัลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 8 ล้าน Pixels, ไฟแฟลช LED, รองรับโหมดถ่ายภาพใบหน้าสวย (Beauty ) และรองรับการถ่ายภาพวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ VGA
- รองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G, WiFi, EDGE และ GPRS
- ระบบ GPS ในตัว (Global Positioning System : ระบบดาวเทียมนำร่อง)
- ชนิดแบตเตอรี่ Li-Ion ความจุ 3000 mAh
- มีวิทยุ FM ในตัว และสามารถบันทึกเสียงวิทยุเอาไว้ฟังในภายหลังได้
- ลำโพงเสียงภายนอกแบบคู่
- ราคาสุดคุ้มเพียง 3,990 บาท พร้อมแถมฟรี Flip Cover และ Silicone Case ซึ่งหากเทียบกับคุณสมบัติโดยรวม กับของแถมถือว่าคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ ASTON Luxury 4G

- หน่วยความจำแรม (RAM) มีขนาดเพียง 1 GB ซึ่งถือว่าน้อย และส่งผลให้การใช้งานบางอย่างมีอาการหน่วง หรือไม่ราบรื่น
- ไม่สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วไป เนื่องจากต้องซื้อผ่านเว็บไซต์ Lazada เท่านั้น
- ตัวเครื่องเป็นดีไซน์แบบไม่มีฝาหลังจึงไม่สามารถถอด หรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ด้วยตนเองได้

โปรดทราบ

* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *

สรุปคุณสมบัติเครื่อง

ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติแบบสรุป (Specification) ของ ASTON Luxury 4G ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้

สรุปคุณสมบัติโดยละเอียดของ ASTON Luxury 4G

 พบกับ Aston Luxury 4G สมาร์ทโฟนราคาคุ้มค่าที่มาพร้อมกับวัสดุและคุณภาพที่ไม่แพ้ใคร ข้อมูลเพิ่มเติม www.lazada.co.th/aston/

:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter | ไปหน้าแรก Mobile Focus ::