หลังจากทาง Google ได้ปล่อย Android N Developer Preview และ Android N Developer Preview 2 เพื่อส่งมอบให้กับนักพัฒนา และผู้ผลิตฮาร์ดแวร์รายต่างๆ ได้ทำการทดสอบการใช้งานก่อนปล่อยให้ผู้ใช้ได้ดาวน์โหลดจริงในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ล่าสุดภายในงาน Google I/O 2016 ที่จัดขึ้นในวันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทาง Google ได้ทำการปล่อยตัว Android N  Developer Preview 3 พร้อมนำเสนอฟีเจอร์ใหม่ในระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุดอย่าง Android N (Android 7.0) ให้ได้ชมกันเพิ่มเติมแล้ว โดยมีฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
 

 

รองรับ Unicode 9 และเพิ่ม Emoji
 

 

Android N จะรองรับ Unicode 9 พร้อมเพิ่ม emoji ที่มีพฤติกรรม และการแสดงอารมณ์ต่างๆ ในรูปแบบของคนที่มีโทนสีผิวแตกต่างกันกว่า 70 แบบ

 

Google Assistant

Google Assistant ผู้ช่วยคนสำคัญที่ได้รับการพัฒนาขึ้นจาก Google Now ให้สามารถตอบคำถามที่มีความซับซ้อนมากขึ้น

 

Clear All ปิดทุกแอปพลิเคชันในคลิกเดียว
 

 

Clear All ได้ถูกนำมาใช้งานอีกครั้งสำหรับการสั่งปิดการทำงานของทุกแอปพลิเคชันในส่วนหน้าของ Recent Apps เพียงคลิกเดียว โดยไม่ต้องทำการปัดเพื่อปิดทีละแอปพลิเคชัน

 

เข้าถึงแอปพลิเคชันได้ โดยไม่ต้องดาวน์โหลดด้วย Instant Apps
 

 

ฟีเจอร์ที่ช่วยย่นระยะเวลาในการเข้าใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ ซึ่งสามารถกดเข้าใช้งานแอปพลิเคชันบางส่วนได้โดยที่ไม่ต้องทำการดาวน์โหลดจากใน Google Play Store และติดตั้งลงในตัวเครื่องก่อน อย่างเช่นแอปพลิเคชันสั่งซื้อสินค้าออนไลน์อย่าง B&H โดยฟีเจอร์ Instant Apps จะดึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องเฉพาะส่วนที่จำเป็นต่อการใช้งานเท่านั้น 

 

Seamless updates
 

 

เป็นการปรับปรุงระบบการดาวน์โหลดซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเป็นการทำงานในเบื้องหลังเพื่อไม่ให้รบกวนการใช้งานของผู้ใช้ และจะแสดงผลซอฟแวร์เวอร์ชันใหม่หลังจากทำการรีบูทเครื่อง

 

Interface สำหรับการใช้งานแว่น VR
 

 

เป็นการเพิ่มแพลตฟอร์ม Daydream สำหรับการแสดงคอนเทนท์ต่างๆ เมื่อใช้งานร่วมกับแว่น VR

 

การใช้งาน 2 หน้าจอ (Multi-Window)
 

 

ฟีเจอร์นี้จะรองรับการใช้งานแอปพลิเคชันได้ 2 หน้าจอทั้งในสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต โดยที่ผู้ใช้สามารถแบ่งหน้าจอการทำงานได้ทั้งแบบด้านซ้าย กับด้านขวา และด้านบน กับด้านล่าง รวมถึงสามารถปรับหน้าจอให้มีขนาดที่ต่างกันได้ นอกจากนี้นักพัฒนาแอปพลิเคชันยังสามารถกำหนดขนาดหน้าจอขั้นต่ำของแต่ละแอปพลิเคชันได้ด้วยเช่นกัน

 

การตอบข้อความกลับบนแถบ Notifications
 

แอนดรอยด์เวอร์ชันใหม่นี้ปรับเปลี่ยนให้ผู้ใช้สามารถตอบกลับข้อความจากแถบการแจ้งเตือน (Notifications) ได้ในทันที โดยไม่ต้องทำการเปิดแอปพลิเคชันนั้นๆ ก่อน อย่างเช่นการตอบอีเมล

 

สลับหน้าแอปพลิเคชันง่ายกว่าเดิม
 

 

Android N ได้เพิ่มความสามารถให้สามารถปรับเปลี่ยนหน้าจอระหว่างแอปพลิเคชันได้ง่ายกว่าเดิม ด้วยการกดปุ่ม Recent Apps (รูปสี่เหลี่ยม) หากทำการกดปุ่ม Recent Apps ติดต่อกัน 2 ครั้งจากในหน้าโฮมจะเป็นการเรียกแอปพลิเคชันสุดท้ายที่ใช้งานขึ้นมา และเมื่อกดปุ่ม Recent Apps ติดต่อกัน 2 ครั้งจากหน้าแอปพลิเคชันปัจจุบัน จะเป็นการเปิดหน้าแอปพลิเคชันก่อนนี้ขึ้นมาแทน

 

การปรับหน้าจอ Quick Settings
 

 

มีการปรับเปลี่ยนหน้าตาของปุ่มเมนูลัดต่างๆ (Quick Settings) ให้มี 2 หน้าจอ ซึ่งสามารถเลือกได้โดยการเลื่อนหน้าจอไปทางด้านซ้าย หรือด้านขวา และมีการเรียงกันเป็นระเบียบมากขึ้น รวมถึงมีการปรับให้ไอคอนมีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อยด้วยเช่นกัน ซึ่งตรงกับรายละเอียดที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้

 

โหมดการใช้งานกลางคืน (Nightman cometh)
 

 

ในแอนดรอยด์เวอร์ชั่นใหม่ได้เพิ่มโหมดการใช้งานในเวลากลางคืน หรือ Nightman cometh ที่จะช่วยปรับความสว่าง และการแสดงสีของหน้าจอให้สอดคล้องกับสภาวะแวดล้อม เพื่อเป็นการถนอมสายตา

 

โหมดประหยัดการใช้ข้อมูล (Data Saver)
 

 

ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาสำหรับช่วยในด้านการประหยัดการใช้ข้อมูลอินเทอร์เน็ต โดยการปิดการเชื่อมต่อของแอปพลิเคชันที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง ซึ่งจะให้เชื่อมต่อเฉพาะการใช้งาน Wi-Fi เท่านั้น  

 

จัดการไฟล์ข้อมูลต่างๆ ได้สะดวกยิ่งขึ้นด้วย File Browser เวอร์ชันอัปเกรด
 

 

แอนดรอยด์เวอร์ชันใหม่ได้ปรับให้สามารถใช้งานแอปพลิเคชัน File Browser ได้ง่ายยิ่งขึ้น ด้วยแถบเมนูลัดที่อยู่ด้านข้างหน้าจอ

 

Display calibration
 

 

ฟีเจอร์สำหรับปรับ และตั้งค่าความสมดุลสีแบบ RBG บนหน้าจอการแสดงผล

 

Doze เวอร์ชันอัปเกรดกับการประหยัดพลังงานที่พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น
 

Doze เป็นฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาใน Android 6.0 Marshmallow สำหรับช่วยในด้านการประหยัดพลังงาน เพื่อให้สามารถใช้งานสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตได้ยาวนานยิ่งขึ้น ซึ่งใน Android N จะทำการพัฒนาให้ Doze มีความสามารถเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น โดยเมื่อปิดหน้าจอระบบก็จะทำการปิดแอปพลิเคชันที่ไม่จำเป็นอย่าง WakeLock, Wi-Fi Scan, AlarmManager รวมถึง GPS ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะช่วยให้สมาร์ทโฟนอยู่ในโหมด Stand by ได้ยาวนานยิ่งกว่าเดิม

 

รองรับภาษา JAVA 8
 

 

สำหรับแอนดรอยด์เวอร์ชันใหม่นี้รองรับภาษา JAVA 8 ซึ่งจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในด้านการพัฒนาแอปพลิเคชันมากขึ้น

 

Screen Zoom ตัวช่วยสำคัญสำหรับผู้มีปัญหาทางสายตา
 

 

นอกจากใน Settings จะมีเมนูการตั้งค่า Font Size สำหรับเพิ่มขนาดตัวหนังสือให้ใหญ่ขึ้นแล้ว แอนดรอยด์เวอร์ชันใหม่ยังรองรับการเพิ่มขนาดหน้าจอด้วยเมนู Display Size จากฟีเจอร์ Screen Zoom ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ที่มีปัญหาทางด้านการมองเห็น หรือผู้สูงอายุสามารถทำการขยายหน้าจอให้ใหญ่ขึ้นได้ ซึ่งจะมีให้เลือกถึง 5 ขนาดด้วยกัน ได้แก่ Small, Default, Large, Larger และ Largest

 

Project Svelte สำหรับการลดใช้งาน RAM
 

จะเห็นได้ว่าแม้เราไม่ได้เปิดใช้แอปพลิเคชันใดๆ ก็จะมีการทำงานเบื้องหลังของแอปพลิเคชันบางส่วนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งส่งผลให้มีการใช้งาน RAM ตลอดเวลาเช่นกัน ซึ่ง Project Svelte จะเป็นตัวช่วยลดการทำงานเบื้องหลังของแอปพลิเคชันต่างๆ โดยการปรับให้มีการใช้พื้นที่น้อยลง และช่วยให้ประหยัดพลังงานมากขึ้นด้วยเช่นกัน

 

บล็อกเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่พึงประสงค์ด้วยฟีเจอร์ Call Screening
 

ผู้ใช้สามารถทำการบล็อกเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่พึงประสงค์ได้ทั้งสำหรับการโทรเข้า และโทรออก รวมถึงสามารถเลือกไม่ให้แสดงข้อมูลการโทรจากเบอร์ที่ไม่ต้องการได้ 

 

Direct Boot เปิดใช้งานเครื่องได้บางส่วน แม้ทำการเข้ารหัสข้อมูลในเครื่องไว้
 

สำหรับสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตที่ทำการเข้ารหัสข้อมูลภายในเครื่องไว้ หากทำการรีบูตขึ้นมาใหม่ และผู้ใช้ไม่ได้ทำการล็อกอินเข้าตัวเครื่อง แอปพลิเคชันจะไม่สามารถดึงข้อมูลต่างๆ ออกมาใช้ได้ ซึ่ง Android N จะเป็นตัวช่วยให้แอปพลิเคชันสามารถเข้าถึงข้อมูลบางส่วนได้อย่างจำกัด เพื่อแก้ไขปัญหาหลังจากการรีบูต  
 

 

เรียกได้ว่า Android N มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่มากมาย รวมถึงมีการอัปเกรดฟีเจอร์เดิมให้มีประสิทธิภาพการทำงานที่ดียิ่งขึ้น และต้องมาลุ้นกันว่า Android N จะมีชื่อทางการเป็นขนมชนิดใด ซึ่งผู้ใช้ทุกท่านสามารถร่วมกันตั้งชื่อให้กับแอนดรอยด์เวอร์ชันใหม่ล่าสุดนี้ได้ที่ www.android.com

 

 

ที่มา : Phonearena, Google

วันที่ : 24/05/2559