ตอนนี้คุณอยู่ที่ >> หน้าแรก >> หน้ารวม บทความโทรศัพท์มือถือน่าสนใจ >> เผยเบื้องลึก และเบื้องหลังของเทคโนโลยี PureMotion HD+ สุดยอดนวัตกรรมการแสดงผลบน Nokia Lumia 920

 

เผยเบื้องลึก และเบื้องหลังของเทคโนโลยี PureMotion HD+ สุดยอดนวัตกรรมการแสดงผลบน Nokia Lumia 920

การวิจัย และพัฒนานวัตกรรมด้านการแสดงผลบนหน้าจอของ สมาร์ทโฟน ตั้งแต่ยุคบุกเบิกของโทรศัพท์มือถือ จนถึงปัจจุบันนั้น ไม่เคยมีวันไหนที่หยุดนิ่ง จากยุคแรกที่จอภาพของ โทรศัพท์มือถือ เป็นเพียงจอแสดงผลแบบขาว-ดำ ที่ไร้ซึ่งสีสันใดๆ แต่ก็ถือว่าล้ำยุคมากแล้ว ณ สมัยนั้น และถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่น่าจดจำของนวัตกรรมด้านการแสดงผลบน โทรศัพท์มือถือ จนมาถึงยุคปัจจุบัน รูปแบบของ โทรศัพท์มือถือ และพฤติกรรมการใช้งานของผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปมาก โดยประเภทของ โทรศัพท์มือถือ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบันก็คือ สมาร์ทโฟน นั่นเอง ซึ่ง สมาร์ทโฟน แทบทั้งหมดในตลาด ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ ต่างก็ใช้จอแสดงผลแบบสัมผัสกันทั้งสิ้น ดังนั้นเทคโนโลยีการด้านแสดงผลของ สมาร์ทโฟน แต่ละรุ่นจึงเป็นส่วนสำคัญอันดับต้นๆ ในการเลือกซื้อ สมาร์ทโฟน ของผู้บริโภค

, , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , ,

ด้วยเหตุนี้ สมาร์ทโฟน ระดับไฮเอนด์ในตลาดปัจจุบัน จึงได้พยายามนำเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในสำหรับการแสดงผล มาไว้บนหน้าจอของตัวเอง อย่างเช่น Nokia Lumia 920 นั้น นอกจากจะโดดเด่นในเรื่องของเทคโนโลยีด้านการถ่ายภาพอย่าง PureView หรือระบบปฏิบัติการยุคใหม่อย่าง Windows Phone 8 แล้ว ก็ยังมีหน้าจอแสดงผลที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย ซึ่งโดยพื้นฐานแล้ว หน้าจอของ Nokia Lumia 920 นั้นจะเป็นหน้าจอแบบ IPS LCD (In-Plane Switching Liquid Crystal Display) ซึ่งมีข้อดีหลายประการ เช่น สามารถแสดงรายละเอียดและสีสันได้ครบถ้วนในหลายมุมมอง, มีสีสันที่ดูเป็นธรรมชาติ, สามารถมองเห็นได้ดีเมื่อใช้งานกลางแจ้ง หรือมีระดับความสว่างมากเป็นพิเศษ เป็นต้น แต่ในวันนี้ เราคงจะไม่ได้ลงลึกถึงรายละเอียดของ IPS LCD มากนัก เพราะเทคโนโลยีที่เราต้องการนำเสนอให้ทุกท่านได้รู้จักกันในวันนี้ก็คือเทคโนโลยี PureMotion HD+ ซึ่งอยู่ใน สมาร์ทโฟน ระดับไฮเอนด์อย่าง Nokia Lumia 920 นั่นเอง

 

คุณสมบัติที่โดดเด่นของจอแสดงผลบน Nokia Lumia 920

ก่อนที่เราจะไปติดตามรายละเอียดในเบื้องลึกของเทคโนโลยี PureMotion HD+ กันแบบเต็มๆ ทีมงานก็ขอนำคุณสมบัติที่โดดเด่นของจอแสดงผลบน Nokia Lumia 920 มาสรุปภาพรวมให้ทุกท่านได้ทราบกันก่อน โดยคุณสมบัติที่โดดเด่นดังกล่าว ก็จะมีดังต่อไปนี้

คุณสมบัติเด่นของจอแสดงผลบน Nokia Lumia 920

ขนาดของหน้าจอ

4.5 นิ้ว

ความหนาแน่นของจุดพิกเซล

332 จุดพิกเซลต่อนิ้ว (332 PPI)

ความละเอียด

1280x768 พิกเซล (WXGA HD+)

ตัวควบคุมความสว่าง

8 bit (256 ระดับ)

เวลาในการเปลี่ยนสถานะของพิกเซลสีเทาไปเป็นสีเทา

9 มิลลิวินาที (โดยเฉลี่ย)

ระบบสัมผัส

Capacitive Super Sensitive Touch

สถาปัตยกรรมการแสดงผล

-       IPS (In-Plane-Switching)

-       Overdrive

-       Backlight LED Driving พร้อมโหมด High Luminance

-       อัลกอริทึมสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่าน หรือการมองเห็นกลางแสงอาทิตย์

-       เทคโนโลยี ClearBlack

 

ความสามารถ และสิ่งดีๆ ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี PureMotion HD+

PureMotion HD+ นั้นเป็นนวัตกรรมล่าสุดจากทาง โนเกีย ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการแสดงผลได้เป็นอย่างมาก โดยเทคโนโลยีหลายๆ อย่างที่ผสานกันจนเป็น PureMotion HD+ นั้นทำให้มั่นใจได้ว่าหน้าจอแสดงผลของ Nokia Lumia 920 นั้นจะสามารถแสดงผลได้เร็วที่สุด, มีความสว่างมากที่สุด, มีการตอบสนองต่อการสัมผัสได้ดีที่สุด และมีความละเอียดในการแสดงผลสูงที่สุดอีกด้วย ซึ่งองค์ประกอบที่ช่วยให้ความสามารถเหล่านี้เกิดขึ้นจริงได้ ก็จะมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

 

เพราะเหตุใด PureMotion จึงต้องพัฒนาให้มีการแสดงผลที่เร็วที่สุด

เทคโนโลยีของการแสดงผลทั้งหมดในปัจจุบันที่ใช้งานกันใน สมาร์ทโฟน รุ่นต่างๆ เช่น LCDs (Liquid Crystal Displays) และ OLED (Organic Light-Emitting Diode Displays) นั้นต้องประสบกับปัญหากับการที่ไม่สามารถให้คุณภาพในการแสดงผลภาพเคลื่อนไหว หรือภาพวิดีโอ บน สมาร์ทโฟน ได้ดีเพียงพอ ในขณะที่ด้านของฮาร์ดแวร์ และระบบปฏิบัติการนั้นสามารถส่งผ่านข้อมูลการเรนเดอร์ภาพที่ลื่นไหลได้ที่อัตรา 60 เฟรมต่อวินาที สำหรับการแสดงผลเนื้อหาส่วนใหญ่ และจะเห็นว่าเทคโนโลยีต่างๆ สำหรับการแสดงผลในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นยังคงถูกออกแบบมาให้มีอัตราการเรนเดอร์ที่ต่ำ เนื่องจากไม่จำเป็นที่จะต้องให้มีอัตราการตอบสนองของการแสดงผลที่เร็วมากนัก ดังนั้นในด้านของผู้ใช้งานก็จะพบกับปัญหาภาพเบลอขณะที่กำลังเลื่อนหน้า, การเข้าเมนู, การเล่นเกมส์ หรือขณะที่ใช้งานกล้องดิจิตอล เป็นต้น โดยเทคโนโลยี PureMotion ของ โนเกีย นั้นจะให้ความสำคัญในเรื่องของคุณภาพที่ไม่เพียงพอของการแสดงผลภาพเคลื่อนไหวบนจอภาพของ โทรศัพท์มือถือ ซึ่งจะทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากความสามารถของการเรนเดอร์ความเร็วสูงของหน่วยประมวลผลกราฟฟิคได้อย่างเต็มที่

 

การตอบสนองที่รวดเร็วของ Liquid Crystal และสิ่งที่เรียกว่า Panel Overdrive

ตามแบบฉบับดั้งเดิมของจอภาพ LCD แบบ IPS (In-Plane Switching) ที่ใช้งานใน โทรศัพท์มือถือ เวลาที่ใช้ในการเปลี่ยนพิกเซลนั้นมากกว่าระยะเวลาในการเรนเดอร์ภาพแต่ละเฟรม โดยจะใช้เวลา 16.7 มิลลิวินาที (16.7 ms) ซึ่งในทางปฏิบัติ เวลาที่พิกเซลมีการเปลี่ยนแปลงสถานะของตัวมันเอง จากระดับหนึ่ง ไปสู่ระดับอื่นๆ ก็จะเกิดการยืดระยะไปบนเฟรมอีกหลายเฟรม ดังนั้นก็จะทำให้เกิดการสร้างภาพที่เบลอขึ้นมา

โดยส่วนใหญ่ของจอภาพ LCD การเปลี่ยนจากสีขาวไปเป็นสีดำ และการเปลี่ยนจากสีดำไปเป็นสีขาว นั้นมีความเร็วที่มากกว่าการเปลี่ยนระดับที่มีความเกี่ยวข้องกันของสีเทาไปเป็นสีเทา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีนี้ก็จะเกิดกับ Liquid Crystals (LCs) แบบ TN (Twisted Nematic) และ VA (Vertically Aligned) แต่ในทางกลับกัน จอภาพ LCD แบบ IPS จะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงได้น้อยกว่าเป็นอย่างมาก ในช่วงเวลาที่เกิดการเปลี่ยนข้ามผ่านระหว่างระดับชั้นต่างๆ ของสีเทา โดยการเปลี่ยนจากสีเทาเป็นสีเทานั้น ความต่างศักย์ไฟฟ้าที่ไปกระตุ้น Crystal (แรงดันไฟฟ้าที่ไฟกระตุ้นพิกเซล) ระหว่างสถานะเริ่มแรก กับสถานะเป้าหมาย จะอยู่นำหน้าการพลิกตัวของโมเลกุล Liquid Crystal ที่ช้ากว่าอยู่เล็กน้อย ซึ่งจะช้ากว่าอยู่เสมอ ณ อุณหภูมิที่ต่ำกว่า

หนทางที่จะเอาชนะปัญหานี้ก็คือการใช้ความต่างศักย์ไฟฟ้าที่สูงขึ้นเป็นการชั่วคราว เพื่อไฟกระตุ้นพิกเซลของ Liquid Crystal โดยตัวอย่างของกระบวนการนี้นั่นก็คือเทคนิค Overdrive ซึ่งนำไปสู่เทคโนโลยี PureMotionHD ที่มีคุณภาพของการแสดงผลภาพเคลื่อนไหว หรือภาพวิดีโอที่ดีที่สุด

, , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , ,
ภาพตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงหลักการของเทคนิค
Overdrive
โดยทางด้านซ้ายจะเป็นเทคนิคการกระตุ้นแบบปกติ ส่วนทางด้านขวาจะเป็นเทคนิคการกระตุ้นแบบ
Overdrive

ผลสุดท้ายที่ได้มา เทคนิค Overdrive นั้นจะช่วยให้เกิดทั้งการลดระยะเวลาในการตอบสนองของ Liquid Crystal และช่วยเพิ่มความคงเส้นคงวาของการเปลี่ยนสถานะได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะเห็นได้จากข้อมูลการวัดผลที่จะเห็นดังต่อไปนี้ โดยความสูงของแท่งกราฟนั้น จะแสดงให้เห็นถึงระยะเวลาที่ใช้ในการเปลี่ยนสถานะ

, , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , ,
กราฟทางด้านบนแสดงให้เห็นถึงระยะเวลาในการเปลี่ยนสถานะของจอภาพแบบ
IPS LCD ทั่วไป ซึ่งใช้เวลาเฉลี่ย 23 มิลลิวินาที ส่วนกราฟทางด้านล่างแสดงให้เห็นถึงระยะเวลาในการเปลี่ยนสถานะของจอภาพใน Nokia Lumia 920 ซึ่งใช้เทคนิค Overdrive โดยจะใช้เวลาเฉลี่ยที่น้อยกว่า 9 มิลลิวินาที ซึ่งเร็วกว่ามาก

เพื่อที่จะให้สามารถแสดงภาพกราฟฟิคใดๆ ให้มีคุณภาพในการเคลื่อนไหวที่ดี บนความเร็วระดับ 60 เฟรมต่อวินาที (60 fps) ตัวของ Liquid Crystal นั้นจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนสถานะให้เสร็จสิ้นจากเฟรมก่อนหน้า ก่อนที่การเปลี่ยนสถานะใหม่ จะเริ่มขึ้นในเฟรมถัดไป ในทางปฏิบัติก็หมายความว่าเวลาที่มีการเปลี่ยนสถานะของ Liquid Crystal นั้น จะต้องอยู่ภายใต้เวลาส่วนหนึ่งของแต่ละเฟรม ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนสถานะใดๆ ก็ตาม เนื่องจากมันต้องอาศัยเวลาบางส่วนในการเขียนภาพกราฟฟิคลงไปบนจอแสดงผล ซึ่งเวลาดังกล่าวนั้นจะเรียกว่า Panel Addressing Time

, , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , ,
จอแสดงผลแบบ
PureMotion HD+ จะใช้การอัพเดทอยู่ที่ชั้นบนของภาพ และข้อมูลหลังจากการอัพเดท ก็จะอยู่ที่ชั้นล่างของภาพ ซึ่งจะเห็นว่าด้วยเวลาในการตอบสนองของ Liquid Crystal จะใช้เพียง 9 มิลลิวินาที จึงไม่ทำให้ภาพเกิดการซ้อนทับกัน

ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนองด้วยเทคนิค Overdrive การแสดงผลด้วยเทคโนโลยี PureMotion จึงสามารถแสดงพิกเซลจากการเปลี่ยนสถานะทั้งหลายนั้นได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ ก่อนที่การอัพเดทเฟรมถัดไปสำหรับจุดพิกเซลใดๆ จะต้องเริ่มขึ้น ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็คือภาพกราฟฟิคที่เบลอน้อยกว่า

, , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , ,
การแสดงผลด้วยเทคโนโลยี
IPS แบบดั้งเดิมนั้นจะมีการอัพเดทด้วยเวลาในการตอบสนองพิกเซลที่ช้า โดยจะใช้เวลากว่า 23 มิลลิวินาที ซึ่งมากกว่าเวลาที่ใช้ในแต่ละเฟรม (16.7 มิลลิวินาที) จึงนำไปสู่การเกิดภาพซ้อน หรือเงาซ้อนขึ้นมาจากเฟรมก่อนหน้า

ในจอ LCD แบบ IPS แบบทั่วไป โดยปกติแล้วจะใช้เวลาในการตอบสนองมากกว่า 23 มิลลิวินาที ซึ่งส่งผลให้การอัพเดทของเฟรมก่อนหน้าจะยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ ในขณะที่พิกเซลต่างๆ นั้นพร้อมที่จะอัพเดทอีกครั้งในรอบใหม่แล้ว ในทางปฏิบัติ สิ่งนี้ก็หมายความว่า ในระหว่างที่เกิดภาพเคลื่อนไหวนั้นอยู่ หลายๆ พิกเซลก็จะไม่มีทางที่จะไปถึงค่าเป้าหมายที่ตั้งใจเอาไว้ ซึ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็คือภาพที่เบลอ หรือภาพที่พร่ามัวมากกว่า และยิ่งไปกว่านั้นก็จะเกิดการสูญเสียการแสดงสีสันไปบางส่วนอีกด้วย

 

ให้หน้าจอแสดงผลมีความสว่างมากที่สุดด้วยเทคโนโลยี PureMotion

สำหรับการใช้งาน สมาร์ทโฟน ในปัจจุบันนั้น สามารถจัดการงานทุกอย่าง ทุกรูปแบบ ได้อย่างสมบูรณ์ผ่านทางหน้าจอแบบสัมผัส แต่ในสถานการณ์ที่ต้องใช้งานท่ามกลางแสงแดด หน้าจอแสดงผลส่วนใหญ่กลับไม่สามารถจะไม่สามารถมองเห็นรายละเอียด และไม่สามารถใช้งานใดๆ ได้ ซึ่งแทบจะเป็นไม่ได้ที่จะอ่านข้อความ หรือเปิดดูเว็บไซต์ หรือแม้แต่การโทรออกนั้น ก็จะกลายเป็นเรื่องที่ยากไปโดยทันที สำหรับผู้บริโภคจำนวนมาก นี่คือปัญหาสำคัญอันดับต้นๆ ในการใช้งานเลยทีเดียว แต่ด้วยเทคโนโลยี PureMotion เราก็กำลังจะเห็นว่านวัตกรรมที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้ มีความสามารถอย่างไร

, , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , ,

ด้วยการพัฒนาอยู่บนพื้นฐานของเทคโนโลยี ClearBlack เทคโนโลยี PureMotion ได้นำเสนอนวัตกรรมล่าสุดสำหรับประสบการณ์ในการมองเห็นในพื้นที่กลางแจ้ง บนหน้าจอแสดงผลของ โทรศัพท์มือถือ และยังเพิ่มเติมคุณสมบัติที่ช่วยให้เกิดแสงสะท้อนที่น้อยมาก พร้อมประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากของการเรนเดอร์ภาพโทนมืด ท่ามกลางแสงสว่างรอบๆ ตัว เทคโนโลยี PureMotion ได้เพิ่มโหมดที่เรียกว่า High Luminance สำหรับการกระตุ้น Backlight LED และการเพิ่มประสิทธิภาพของค่าความเปรียบต่าง (Contrast) บนภาพกราฟฟิค โดยทั้งหมดนี้ก็มารวมอยู่บนการออกแบบที่ยอดเยี่ยมของชั้นกระจกต่างๆ ที่ซ้อนกันอยู่บนหน้าจอแสดงผล ซึ่งการที่ได้รวมสิ่งเหล่านี้เข้าไว้ด้วยกัน ก็จะข่วยเพิ่มความสามารถโดยรวมของค่าความเปรียบต่าง, ความสว่าง และการมองเห็นท่ามกลางแสงแดด

ในสภาพแวดล้อมที่มีความสว่างจ้ามากเป็นพิเศษ จอแสดงผล PureMotion บน Nokia Lumia 920 จะกักเก็บความสว่างของไฟ Backlight เอาไว้ และกลายเป็นหน้าจอแสดงผลบน สมาร์ทโฟน ความละเอียดระดับ WXGA (1280x768 พิกเซล) ที่มาพร้อมกับความสว่างที่มากที่สุด สำหรับผู้ใช้งานแล้ว โหมด High Luminance นั้นเป็นระบบอัตโนมัติโดยสมบูรณ์ ซึ่งจะทำงานอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่มาจากเซนเซอร์ตรวจจับความสว่าง (Ambient Light Sensor)

, , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , ,

การดัดแปลงการเพิ่มความสามารถของค่าความเปรียบต่างในการแสดงผล นั้นจะช่วยชดเชยค่าความเปรียบต่างที่หายไป อันเนื่องมาจากแสงจ้าที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งสะท้อนออกมาจากด้านในของชั้นกระจกบนหน้าจอแสดงผลแบบสัมผัส โดยจะเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น ด้วยการปรับแต่งสีสันในส่วนติดต่อผู้ใช้ (User Interface) และการคำนวณค่าความเปรียบต่าง รวมไปถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบ และเงื่อนไขต่างๆ ของการมองเห็นในสถานการณ์ที่มีแสงจ้า โดยการเพิ่มความสามารถในการมองเห็นท่ามกลางแสงแดดเหล่านี้นั้น จะทำงานด้วยระบบอัตโนมัติอย่างสมบูรณ์ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องมาคอยจัดการด้วยตัวเอง


, , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , ,
, , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , ,
ภาพแสดงตัวอย่างของ โทรศัพท์มือถือ ที่โดนแสงแดดส่องลงมาบนหน้าจอแบบตรงๆ โดยเครื่องที่อยู่ทางด้านบนก็คือ
Nokia Lumia 900 ซึ่งแต่เดิมก็ได้รับการยอมรับว่าสามารถมองเห็นรายละเอียดในที่กลางแจ้งได้ดีมากอยู่แล้ว ส่วนเครื่องที่อยู่ทางด้านล่างก็คือ Nokia Lumia 920 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์จากการเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็นท่ามกลางแสงแดด และจะเห็นว่าสามารถมองเห็นรายละเอียดของภาพในส่วนมืดได้ดีกว่า พร้อมกับระดับความสว่างของหน้าจอที่สูง ในขณะที่หน้าจอของ Nokia Lumia 900 นั้นไม่สามารถมองเห็นรายละเอียดในส่วนเดียวกันนี้ได้

 

จุดพิกเซลที่มากที่สุด กับความละเอียดที่มากสุด บนเทคโนโลยี PureMotion HD+

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการเป็น สมาร์ทโฟน ที่แสดงผลภาพเคลื่อนไหวได้ดีที่สุดในตลาดมือถือ หน้าจอแสดงผล PureMotion รุ่นแรกจึงมาพร้อมกับความละเอียดของหน้าจอที่สูงถึง 1280x768 พิกเซล หรืออาจจะเรียกอีกอย่างว่าเป็นความละเอียดระดับ WXGA โดยคำว่า HD+ นั้นเป็นการบ่งบอกถึงข้อเท็จจริงทางเทคนิค โดยความละเอียดระดับ WXGA นั้นจะมีจุดพิกเซลที่มากกว่าความละเอียดระดับ 720p อยู่ 7% และมีอัตราส่วนของจอภาพแบบ 15:9 และหากเทียบกับความละเอียดระดับ DVGA (960x640 พิกเซล) ก็จะมีความละเอียดที่มากกว่า 60% และยังรวมไปถึงอัตราการตอบสนองที่รวดเร็ว เพียงพอที่จะแสดงผลภาพเคลื่อนไหวที่รวดเร็วระดับ 60 เฟรมต่อวินาที ได้อย่างราบรื่นเนียนตาต่อเนื่อง ปราศจากอาการเบลอ หรือพร่ามัว

ความละเอียดแบบ HD+ นั้นจะช่วยให้เกิดความสมดุลมากที่สุดสำหรับการเปิดดูเนื้อหา และการใช้งานส่วนติดต่อผู้ใช้ (User Interface) บนหน้าหน้าจอแบบสัมผัส เมื่อใดที่ทำการเปิดดูหน้าเว็บไซต์, เปิดดูรูปภาพ, เปิดดูวิดีโอ และเปิดดูเนื้อหาประเภทอื่นๆ เราก็จะสามารถเห็นรายละเอียดได้มากกว่าภายในหน้าเดียว และสำหรับอัตราส่วนของจอภาพแบบ 15:9 นั้น จะช่วยให้เราสามารถใช้งานได้ดีกว่า ง่ายกว่า คล่องตัวกว่า เมื่อเทียบกับหน้าจอที่มีอัตราส่วนแบบ 16:9 เนื่องจากองค์ประกอบต่างๆ บนส่วนติดต่อผู้ใช้ ซึ่งอยู่บริเวณขอบด้านบนสุดของหน้าจอแสดงผล จะอยู่ใกล้กับนิ้วมือของผู้ใช้มากกว่า ดังนั้นผู้ใช้จึงสามารถเลื่อนนิ้วมือไปยังบริเวณดังกล่าวได้ง่ายกว่านั่นเอง

, , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , ,
ภาพตัวอย่างที่แสดงการเปรียบเทียบขนาดของเนื้อหาที่สามารถแสดงผลได้บนหน้าจอซึ่งมีความละเอียดระดับ
WXGA HD+, 720p และ DVGA ซึ่งจะเห็นว่ารูปภาพรูปเดียวกันนั้น หากนำมาแสดงผลบนหน้าจอความละเอียดระดับ WXGA HD+ ก็จะสามารถมองเห็นรายละเอียดได้มากที่สุด

 

หน้าจอที่สามารถตอบสนองต่อการสัมผัสได้ดีที่สุด

ผู้ใช้หลายๆ คนซึ่งมีเล็บมือที่ยาว จะไม่สามารถสัมผัสบนหน้าจอด้วยลักษณะ หรือวิธีการตามธรรมชาติเช่นเดียวกับการสัมผัสด้วยนิ้วมือเปล่าๆ ได้ ทำให้ผู้ใช้เหล่านั้นจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้วิธีการใหม่ๆ เพื่อสัมผัสบนหน้าจอด้วยการบิด หรือดัดนิ้วของตนเองในทุกรูปแบบของท่าทางการสั่งงาน ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะทำให้การใช้งาน สมาร์ทโฟน นั้นเกิดความยุ่งยากมากขึ้น และไม่ง่ายอย่างที่ควรจะเป็น และในอีกสถานการณ์หนึ่ง เมื่อเราต้องการสวมถุงมือขณะใช้งานก็จะไม่สามารถใช้งานได้เช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น ในสภาพอากาศที่หนาวเย็น เราคงจะต้องการจะสวมถุงมือไว้ตลอด แทนที่จะต้องถอดถุงมือเพื่อให้สามารถรับสายที่โทรเข้ามาได้ และไม่แน่ว่าด้วยสถานการณ์แบบนี้ เรื่องขำๆ ก็อาจจะเกิดขึ้นได้ เช่นอาจจะมีผู้ใช้หลายๆ คนที่เรียนรู้วิธีที่แหวกแนวกว่า โดยการกดรับสายที่โทรเข้ามาด้วยการใช้จมูกของตัวเองสัมผัสกับหน้าจอ ซึ่งหากสามารถทำเช่นนี้ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องถอดถุงมือแต่อย่างใด

เทคโนโลยี Super Sensitive Touch ใน Nokia Lumia 920 ได้เข้ามาสร้างประสบการณ์ใหม่สำหรับหน้าจอสัมผัส นับตั้งแต่มีการเปิดตัวระบบสัมผัสแบบ Capacitive อย่างเป็นทางการในตลาด สมาร์ทโฟน ในปี ค.ศ.2007 รวมไปถึงยุคแรกๆ ที่เริ่มมีเทคโนโลยี Multi-touch และการใช้งานอุปกรณ์ด้วยนิ้วมือเปล่าๆ หรือปากกา Stylus แต่ ณ เวลานี้ สิ่งต่างๆ เหล่านั้น ในที่สุดก็จะถูกนำมาปรับปรุงแก้ไขประสบการณ์ในการใช้งานของผู้ใช้ให้ดีขึ้น โดย โนเกีย นั้นเป็นผู้ผลิต สมาร์ทโฟน รายแรกที่ได้นำเอาเทคโนโลยี Super Sensitive และระบบสัมผัสที่ดีที่สุด เข้ามาสู่ตลาดโทรศัพท์มือถือ

ระบบสัมผัสใน Nokia Lumia 920 นั้นมีการตอบสนองที่ดีกว่าหน้าจอสัมผัสอื่นๆ ทำให้การปฏิสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นไม่จำเป็นต้องอาศัยนิ้วมือเปล่าๆ เท่านั้น แต่สามารถเกิดขึ้นได้กับถุงมือ, เล็บมือยาวๆ และยิ่งไปกว่านั้น ยังสามารถเกิดขึ้นได้กับปากกาที่ใช้งานกันทั่วๆ ไปบางชนิดอีกด้วย โดยเทคโนโลยีนี้ได้มีการปรับความไวในการตอบสนองไปตามวิธีการที่ผู้ใช้ป้อนข้อมูล ทำให้การใช้งานระบบสัมผัสมีความรวดเร็วกว่า, มีความเป็นธรรมชาติมากกว่า และมีความแม่นยำมากกว่า

, , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , ,
รูปแสดงการเปรียบเทียบระหว่างระบบสัมผัสแบบทั่วไป กับระบบสัมผัสแบบ
Super Sensitive Touch

 

สรุปส่งท้ายกับเทคโนโลยี PureMotion HD+

หากไม่ได้ลองศีกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม ผู้เขียนก็คงจะไม่ทราบเหมือนกันว่า หน้าจอแสดงผลที่มาพร้อมเทคโนโลยี PureMotion HD+ ของ Nokia Lumia 920 นั้น จะมีรายละเอียดเบื้องลึก เบื้องหลัง ที่มากมาย และน่าสนใจถึงเพียงนี้ และอดไม่ได้ที่จะแวะมาแจกแจงให้ผู้อ่านได้เข้าใจรายละเอียดทางเทคนิคกันแบบยาวๆ โดยภาพรวมแล้ว PureMotion HD+ ก็เป็นนวัตกรรมด้านการแสดงผลบน Nokia Lumia 920 ที่พัฒนาต่อยอดอยู่บนพื้นฐานของหน้าจอ LCD แบบ IPS ซึ่งได้รวบรวมเทคโนโลยี หรือฟีเจอร์เด่นๆ เอาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นอัตราการตอบสนองที่รวดเร็ว โดยสามารถแสดงภาพเคลื่อนไหวระดับ 60 เฟรมต่อวินาทีได้อย่างราบรื่น ไร้ซึ่งอาการเบลอ หรือพร่ามัว ความสว่างของหน้าจอที่มากเสียจนสามารถมองเห็นรายละเอียดได้ดี แม้กระทั่งการใช้งานท่ามกลางแสงแดด ความละเอียดของหน้าจอที่สูงระดับ WXGA (1280x768 พิกเซล) ซึ่งช่วยให้สามารถแสดงรายละเอียดของภาพได้มากกว่าภายในหน้าเดียว อัตราส่วนของหน้าจอแบบ 15:9 ซึ่งช่วยให้การสัมผัสด้วยนิ้วมือขณะถือเครื่องด้วยมือข้างเดียวมีความสะดวกคล่องตัวมากขึ้น และอีกอย่างที่ลืมไม่ได้ก็คือระบบสัมผัสแบบ Super Sensitive Touch ที่มีการตอบสนองที่ดีเป็นพิเศษ สามารถใช้งานระบบสัมผัสได้ทั้งนิ้วมือเปล่าๆ ใช้งานขณะสวมถุงมือ ใช้งานด้วยเล็บมือ หรือแม้กระทั่งการใช้งานด้วยปากกาบางประเภท ซึ่งสรุปแล้วเทคโนโลยี PureMotion HD+ ก็เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีลำดับต้นๆ ที่ช่วยให้ Nokia Lumia 920 ได้เปรียบ สมาร์ทโฟน คู่แข่งรุ่นอื่นๆ ในตลาดปัจจุบัน และแน่นอนว่า Nokia Lumia 920 ก็ยังมีนวัตกรรมเด่นๆ อีกมากมาย ซึ่งเราก็จะแวะมานำเสนอให้ทุกท่านได้ติดตามกันอีกครั้งอย่างแน่นอน ส่วนวันนี้ก็ขอลาไปก่อน สวัสดีครับ

 

ข้อมูลเพิ่มเติม

-       ข้อมูลเพิ่มเติม : มือถือ Nokia Lumia 920

-       ข้อมูลเพิ่มเติม : รีวิว (Review) Nokia Lumia 920

-       ข้อมูลเพิ่มเติม : พรีวิว (Preview) Nokia Lumia 920

-       ข้อมูลเพิ่มเติม : มือถือ Nokia Lumia 820

 

Thaimobilecenter.com





วันที่ : 3/12/55




  แสดงความคิดเห็นที่นี่
ชื่อผู้โพสต์  (สมาชิกlogin ที่นี่) / สมัครสมาชิก
*
รายละเอียด
*

 
           Tags | More Smiles
ใส่ปี พ.ศ. ปัจจุบัน   ใส่เฉพาะปี พ.ศ. 4 ตัวเท่านั้น  
 


taewich
  
TMC point : 269
 
 ความคิดเห็นที่ 8 Quote
PowerPuffGuy wrote :
<img src="img_sub_article/3115.jpg">

hTc Window Phone 8x ก้อมีจุดเด่น อย่างเช่น มี LED Notifications ได้รับสิทธิ์จาก MicroSoft ให้ใช่ชื่อ Window Phone กับ hTc Window Phone 8x hTc Window Phone 8s เพียงผู้ผู้เดียว Nokia Lumai 920 ก้อมีจุดเด่น แต่ถ้าอยากให้ hTc จัดเต็มกับรุ่นนี้ต่อไปก้อจะไม่มีอะไรใหม่ๆมาใส่ใน รุ่นถัดไป อย่าง hTc HD2 ก้อดังมากในยุกนั้น ไม่อยากให้มองที่ Spec อย่างเดียวส่วนฉันชอบ น้ำหนักเบา hTc 8x หนัก 130 กรัม แต่กับ Nokia 187 กรัม.

หนักเพราะแผงด้านหลัง Qi ที่ชาร์จไร้สาย กับแผง Nfc ผมยอมรับในสิ่งนี้ได้ครับ ถ้ามองถึงเทคโนโลยีที่ให้มา จับแล้วก็กระชับมือถือ ดูแข็งแกร่ง คุณภาพคับแก้ว ยอมรับครับ

 โพสต์เมื่อ 05/12/2012  เวลา 22:11    ส่งข้อความหา taewich   โหวตให้   โหวตลบ   ให้ mob ขอบคุณ

PowerPuffGuy
  
TMC point : 18
 
 ความคิดเห็นที่ 7 Quote


hTc Window Phone 8x ก้อมี Amplifier 2.55 Watt แรงกว่าโทรศัพท์ทั่วไป + Beats Audio Beats by Dr. Dre

 โพสต์เมื่อ 05/12/2012  เวลา 09:06    ส่งข้อความหา PowerPuffGuy   โหวตให้   โหวตลบ   ให้ mob ขอบคุณ

คนดอย  (Guest)
 
 ความคิดเห็นที่ 6 Quote
PowerPuffGuy wrote :
<img src="img_sub_article/3115.jpg">

hTc Window Phone 8x ก้อมีจุดเด่น อย่างเช่น มี LED Notifications ได้รับสิทธิ์จาก MicroSoft ให้ใช่ชื่อ Window Phone กับ hTc Window Phone 8x hTc Window Phone 8s เพียงผู้ผู้เดียว Nokia Lumai 920 ก้อมีจุดเด่น แต่ถ้าอยากให้ hTc จัดเต็มกับรุ่นนี้ต่อไปก้อจะไม่มีอะไรใหม่ๆมาใส่ใน รุ่นถัดไป อย่าง hTc HD2 ก้อดังมากในยุกนั้น ไม่อยากให้มองที่ Spec อย่างเดียวส่วนฉันชอบ น้ำหนักเบา hTc 8x หนัก 130 กรัม แต่กับ Nokia 187 กรัม.

lumia 920 ก็มีระบบเสียง Dolby® Headphone ลำโพงนอกสองลำโพงเเยกสเตอริโอ

 โพสต์เมื่อ 05/12/2012  เวลา 08:53      โหวตให้   โหวตลบ  

PowerPuffGuy
  
TMC point : 18
 
 ความคิดเห็นที่ 5 Quote


hTc Window Phone 8x ก้อมีจุดเด่น อย่างเช่น มี LED Notifications ได้รับสิทธิ์จาก MicroSoft ให้ใช่ชื่อ Window Phone กับ hTc Window Phone 8x hTc Window Phone 8s เพียงผู้ผู้เดียว Nokia Lumai 920 ก้อมีจุดเด่น แต่ถ้าอยากให้ hTc จัดเต็มกับรุ่นนี้ต่อไปก้อจะไม่มีอะไรใหม่ๆมาใส่ใน รุ่นถัดไป อย่าง hTc HD2 ก้อดังมากในยุกนั้น ไม่อยากให้มองที่ Spec อย่างเดียวส่วนฉันชอบ น้ำหนักเบา hTc 8x หนัก 130 กรัม แต่กับ Nokia 187 กรัม.

 โพสต์เมื่อ 05/12/2012  เวลา 00:47    ส่งข้อความหา PowerPuffGuy   โหวตให้   โหวตลบ   ให้ mob ขอบคุณ

taewich
  
TMC point : 269
 
 ความคิดเห็นที่ 4 Quote
PowerPuffGuy wrote :
<img src="img_sub_article/3110.jpg">

ก้อดี !!!

Htc ถ่ายวิดิโอเทียบกับลูเมียคุณภาพเสียงแย่มากเสียงแตก เด๊๋ยวมีคลิปให้ดู Htc 8x vs Lumia 920 อยากจะบอกว่า htc เสียงฟังจากหูฟังอาจจะเพราะ แต่เสียงอัดวิดิโอแล้ว แย่มากกกกลองดูจากลิ้งข้างล่างนี้ แล้วจะได้เห็นความต่าง
https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=svM5g_9539Y

 โพสต์เมื่อ 04/12/2012  เวลา 23:27    ส่งข้อความหา taewich   โหวตให้   โหวตลบ   ให้ mob ขอบคุณ

PowerPuffGuy
  
TMC point : 18
 
 ความคิดเห็นที่ 3 Quote


ก้อดี !!!

 โพสต์เมื่อ 04/12/2012  เวลา 19:12    ส่งข้อความหา PowerPuffGuy   โหวตให้   โหวตลบ   ให้ mob ขอบคุณ

jatdragon
  
TMC point : 35
 
 ความคิดเห็นที่ 2 Quote
taewich wrote :
นั่นอ่านแล้วยิ่งน่าซื้อครับ โนเกียทำเทคโนโลยีออกมาดีมาก ยากที่จะเลียนแบบจริงๆ

ไช่ๆยิ่งอ่านยิ่งอยากได้ ตอนนี้ไม่มีที่ให้สอยมันเลย หมดไวซิปหาย

 โพสต์เมื่อ 03/12/2012  เวลา 10:44    ส่งข้อความหา jatdragon   โหวตให้   โหวตลบ   ให้ mob ขอบคุณ

taewich
  
TMC point : 269
 
 ความคิดเห็นที่ 1 Quote
นั่นอ่านแล้วยิ่งน่าซื้อครับ โนเกียทำเทคโนโลยีออกมาดีมาก ยากที่จะเลียนแบบจริงๆ

 โพสต์เมื่อ 03/12/2012  เวลา 09:34    ส่งข้อความหา taewich   โหวตให้   โหวตลบ   ให้ mob ขอบคุณ










ราคามือถือ อัพเดทล่าสุด !!


OPPO Reno13 5G 16,999 บาท ราคาลดลง 1,000 บาท จากราคาเดิม 17,999  บาท
Samsung Galaxy S25+ 34,900 บาท ราคาลดลง 2,000 บาท จากราคาเดิม 36,900  บาท
Samsung Galaxy S25 27,900 บาท ราคาลดลง 2,000 บาท จากราคาเดิม 29,900  บาท
Samsung Galaxy S25 Ultra 44,900 บาท ราคาลดลง 2,000 บาท จากราคาเดิม 46,900  บาท
Samsung Galaxy S24 FE 17,900 บาท ราคาลดลง 2,000 บาท จากราคาเดิม 19,900  บาท
OPPO Find N5 69,999 บาท
iPhone 13 128GB 15,900 บาท
iPhone 15 20,900 บาท ราคาลดลง 6,000 บาท จากราคาเดิม 26,900  บาท
OPPO Reno13 F 5G 12,999 บาท
Samsung Galaxy Z Fold6 58,900 บาท
Samsung Galaxy Z Flip6 34,900 บาท
POCO F6 Pro 13,490 บาท ราคาลดลง 2,500 บาท จากราคาเดิม 15,990  บาท
Samsung Galaxy A05s 4,499 บาท ราคาลดลง 500 บาท จากราคาเดิม 4,999  บาท
iPhone 15 Pro Max 39,500 บาท ราคาลดลง 7,400 บาท จากราคาเดิม 46,900  บาท
iPhone 15 Pro 35,400 บาท ราคาลดลง 3,100 บาท จากราคาเดิม 38,500  บาท
iPhone 15 Plus 29,900 บาท ราคาลดลง 3,300 บาท จากราคาเดิม 33,200  บาท
Redmi Pad SE 4,999 บาท
Samsung Galaxy Tab S9+ 35,900 บาท
vivo Y27 5G 6,999 บาท
รายการ ราคามือถือ ทั้งหมด



อัพเดท ข่าวสารล่าสุด (New update)



    Catalog มือถือ     market     Review มือถือ      ราคามือถือ     forum
Catalog มือถือ
Catalog มือถือ Nokia
Catalog มือถือ Samsung
Catalog มือถือ SonyEricsson
Catalog มือถือ i-mobile
Catalog มือถือ LG
Catalog มือถือ BlackBerry
ลงประกาศสินค้ามือถือ
สมัครสมาชิก
หน้าแรกตลาดซื้อขายมือถือ
 
หน้าแรกรีวิว
รีวิว มือถือ Nokia
รีวิว มือถือ Samsung
รีวิว มือถือ Motorola
รีวิว มือถือ LG
 

ราคามือถือ Samsung
ราคามือถือ iPhone
ราคามือถือ Huawei
ราคามือถือ OPPO
ราคามือถือ Vivo
   
   
หน้าแรก cafe
Nokia club
ตั้งหัวข้อใหม่
 

© Copyright all rights reserved : ThaiMobileCenter.com