รีวิว แอปเปิ้ล ไอโฟน 5 (Apple iPhone 5 Review)
The Biggest Thing to Happen
Review
Date (25-September-2012)
วันนี้ก็นับว่าเป็นโอกาสอันดีอีกครั้งหนึ่ง ที่ทีมงานเว็บไซต์ไทยโมบายเซ็นเตอร์ของเราจะได้นำ โทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน รุ่นที่เชื่อว่าหลายๆ คนกำลังตั้งตารอคอยมากที่สุดรุ่นหนึ่งอย่าง iPhone 5 (ไอโฟน 5) มาทำการทดสอบรีวิวให้ชมกัน โดย iPhone 5 (ไอโฟน 5) นั้นก็นับเป็นผลิตภัณฑ์รุ่นที่ 6 ในตระกูล iPhone โดยได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปในวันที่ 12 กันยายน 2555 ที่ผ่านมา และเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการวันแรกใน 9 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 21 กันยายน
2555 ซึ่งก็เรียกได้ว่าเพิ่งวางจำหน่ายไปสดๆ ร้อนๆ เลยทีเดียว แต่สำหรับการเปิดตัว และวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยนั้น ก็คงจะต้องรอกันอีกหน่อย อย่างไรก็ตาม สำหรับท่านที่รอเครื่องศูนย์ไทยไม่ไหว ก็คงจะต้องลงทุนไปเสาะหา และซื้อหาเครื่องนอกมาใช้งานกันก่อน ซึ่งแน่นอนว่า ราคาก็จะสูงกว่าปกติเป็นอย่างมาก อย่าง iPhone 5 เครื่องนอก รุ่นความจุ 16 GB ในช่วงแรกที่มีการนำเข้ามา ก็จะมีราคาอยู่ในช่วง 35,500-36,000 บาท ซึ่งก็นับว่าสูงมากแล้ว แต่ล่าสุด ราคา iPhone 5 รุ่น 16 GB นั้นดีดตัวไปอยู่ในช่วง 37,000-37,500 บาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยผลพวงจากปริมาณความต้องการของผู้ซื้อที่มากในช่วงแรกๆ
ในขณะที่ของเริ่มจะหายากขึ้นด้วยนั่นเอง

iPhone 5 ตัวจริงเสียงจริง มาอยู่ในมือทีมงานไทยโมบายเซ็นเตอร์เรียบร้อยแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่า ราคา iPhone 5 (ไอโฟน 5) เครื่องนอกขณะนี้ จะมีราคาที่สูงลิบ แต่ทีมงานก็ได้ตัดสินใจลงทุนไปเสาะหาเครื่องนอกมาทำการรีวิวให้ทุกท่านได้ชมกัน ด้วยผู้เข้าชมจำนวนมากที่กำลังคอยติดตามการ รีวิว iPhone 5 จากทีมงานของเรา และเพื่อไม่ให้ผู้ชมทุกท่านต้องรอคอยนานเกินไปนัก สำหรับการ รีวิว ไอโฟน 5 (iPhone 5 Review) ในครั้งนี้ ทีมงานขออนุญาติแบ่งนำเสนอไปทีละตอน โดยตอนแรกจะเน้นนำเสนอในลักษณะของการ แกะกล่องลองเครื่อง iPhone 5 กันก่อน เพื่อให้เห็นในเบื้องต้นว่า iPhone 5 (ไอโฟน 5) นั้นมีการออกแบบดีไซน์รูปลักษณ์ภายนอกเป็นอย่างไร วัสดุมีคุณภาพสูงเช่นเดิมหรือไม่ ตลอดจนการเปรียบเทียบกับรุ่นยอดนิยมอย่าง iPhone 4S (ไอโฟน 4S) เพื่อให้เห็นความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นใน iPhone 5 อย่างชัดเจนมากขึ้นนั่นเอง และนอกจากนั้นก็จะนำเสนออินเทอร์เฟสที่สำคัญๆ ด้านใน และตัวอย่างฟีเจอร์เด่นบางส่วนของ iPhone 5 ซึ่งมีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการเวอร์ชันล่าสุดอย่าง iOS 6 (ไอโอเอส 6) นั่นเอง ส่วนการรีวิวฟีเจอร์, ฟังก์ชัน หรือแอพพลิเคชั่นต่างๆ ของ iPhone 5 อย่างละเอียดนั้น ก็จะตามมาในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน   

เมื่อได้ iPhone 5 มาแล้ว ก็เตรียมแกะกล่องลองเล่นกันได้เลย
แกะกล่อง พร้อมลิ้มลองสัมผัสแรกกับ iPhone 5 และอุปกรณ์ต่างๆ ด้านใน
ก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหาในส่วนอื่นๆ ต่อไปแน่นอนว่าเราก็จะต้องมาเริ่มแกะกล่อง iPhone 5 (ไอโฟน 5) กันก่อนเป็นอันดับแรก

กล่องของ iPhone 5 ก็จะมีขนาดที่กะทัดรัด ไม่ใหญ่เทอะทะ คล้ายๆ กับกล่องบรรจุภัณฑ์ของ iPhone 4S ก่อนหน้านี้

มีคำว่า iPhone 5 ที่ข้างกล่องอย่างชัดเจน ซึ่งกล่องสีดำนี้ก็จะเป็นกล่องของ iPhone 5 เครื่องสีดำ
ส่วน iPhone 5 เครื่องสีขาว ก็จะมีกล่องที่เป็นสีขาวนั่นเอง

เมื่อพลิกอีกด้านก็จะพบกับสัญลักษณ์รูปแอปเปิ้ลแหว่งที่คุ้นเคยกันดี

ที่ด้านล่างของกล่อง จะระบุรายละเอียดเบื้องต้นของตัวเครื่อง

iPhone 5 รุ่นที่ทีมงานนำมารีวิวนี้ จะเป็นรุ่นความจุ 16 GB ซึ่งหากไม่นับเรื่องของความจุด ก็จะมีคุณสมบัติ
และฟีเจอร์ต่างๆ ที่เหมือนกันกับ iPhone 5 รุ่นความจุ 32 GB และ 64 GB ทุกประการ

สำหรับ iPhone 5 เครื่องนี้ จะเห็นว่ามีรหัสสินค้า (Part No.) ลงท้ายด้วย ZA
ซึ่งนั่นก็หมายความว่า iPhone 5 เครื่องนี้ เป็น iPhone 5 จากประเทศสิงคโปร์นั่นเอง

เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา มาเริ่มเปิดกล่อง iPhone 5 กันเลยดีกว่า

เมื่อเปิดฝากล่องออกมาก็จะพบกับตัวเครื่อง iPhone 5 อันสวยหรูนอนสงบนิ่งอยู่ที่ด้านใน

มีถาดสีดำวางกั้นชั้นล่างเอาไว้แบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อน

ที่เห็นอยู่นี้ก็คือซองกระดาษสำหรับใส่คู่มือการใช้งาน และเอกสารต่างๆ รวมไปถึงมีเข็มสำหรับดันถาดใส่ซิมการ์ดมาให้ด้วย

คู่มือ และเอกสารต่างๆ มีจำนวนเพียงเล็กน้อย เท่าที่เห็น
เพราะอย่างไรเสีย ผู้ใช้ก็สามารถไปหาข้อมูลเพิ่มเติมจากอินเทอร์เน็ตได้มากมายมหาศาลอยู่แล้วนั่นเอง

เข็มสำหรับใช้ดันถาดซิมการ์ดออกมา (SIM Ejector) ซึ่งการใช้งานจะกล่าวถึงในลำดับต่อไป

แน่นอนว่ามีหูฟังรุ่นใหม่อย่าง Apple EarPods และ Adapter สำหรับชาร์จแบตเตอรี่แถมมาให้ด้วย

หูฟัง Apple EarPods นั้นถูกพัฒนามาเป็นอย่างดี ทั้งในเรื่องของการออกแบบดีไซน์ และคุณภาพเสียง โดยให้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้น สามารถเก็บรายละเอียดเสียงได้ดี ครอบคลุมทุกย่านความถี่เสียง มีพลังเสียงที่ดีขึ้น รวมไปถึงเสียงเบสที่ดีขึ้นกว่าเดิม

กล่องใส่ EarPods ก็จะมีการออกแบบดีไซน์ที่ล้ำๆ ตามสไตล์ของ แอปเปิ้ล

Adapter สำหรับชาร์จแบตเตอรี่แบบทรง 3 เหลี่ยม และมีขา 3 ขา ที่เห็นในรูป จะเป็น Adapter ของ iPhone 5 เวอร์ชันสิงคโปร์
แต่หากเป็น iPhone 5 เวอร์ชันไทย ตัว Adapter จะมีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยม และมีขา 2 ขา เช่นเคย

ที่ด้านท้ายจะมีช่องสำหรับเสียบสาย USB ซึ่งอีกด้านหนึ่งของสายก็จะเป็นหัวต่อแบบใหม่ที่เรียกว่า Lightning นั่นเอง

ที่ด้านในของกล่องจะมีสาย Lightning Cable แถมมาให้

พอร์ตเชื่อมต่อแบบใหม่ที่เรียกว่า Lightning Connector นั้นจะเป็นแบบ 8-pin
ซึ่งในอนาคต ผลิตภัณฑ์ หรืออุปกรณ์เสริมต่างๆ ของ แอปเปิ้ล เองก็จะทยอยปรับมาใช้ Lightning Connector กันมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่หากใครจำเป็นต้องใช้พอร์ตแบบเก่า 30-pin อยู่ ก็สามารถซื้อตัวแปลงเพิ่มเติมได้

ภาพรวมของอุปกรณ์ต่างๆ ภายในกล่อง iPhone 5 ก็จะมีเท่าที่เห็นนี้
ค่ายอุปกรณ์เสริม iPhone 5 มาอย่างไว อุปกรณ์เสริม iPhone 5 มีจำหน่ายเรียบร้อยแล้ว
แน่นอนว่า อุปกรณ์เสริมต่างๆ ของ iPhone 5 (ไอโฟน 5) นั้นจะมีให้เลือกอย่างมากมายมหาศาลไม่แพ้ iPhone 4 (ไอโฟน 4) หรือ iPhone 4S (ไอโฟน 4S) เลยทีเดียว เพราะนับแค่ตอนนี้ อุปกรณ์เสริมชั้นนำหลายแบรนด์ก็ได้วางจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับ iPhone 5 ไปเรียบร้อยแล้ว ยกตัวอย่างเช่น เคส iPhone 5 ที่ช่วยป้องกันรอยขีดข่วน หรือการกระแทก ก็เริ่มทยอยเปิดตัวออกมากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

ที่เห็นก็คือเคสซิลิโคนแบบพื้นๆ ทั่วไป สำหรับใส่กับเครื่อง iPhone 5
ซึ่งแน่นอนว่า นอกจากที่เห็น ก็จะมีเคสในรูปแบบต่างๆ ของ iPhone 5 ให้เลือกซื้อเลือกหากันอีกมากมายนับไม่ถ้วน

หากต้องการให้ iPhone 5 มีสภาพดีอยู่กับเราไปนานๆ ก็แนะนำให้หาเคสมาใส่จะดีที่สุด

เมื่อใส่เคสของ iPhone 5 แล้ว ก็จะมีลักษณะดังที่เห็นนี้

เคสแบบนี้ ดูแล้วเรียบๆ ไปสักนิด เพราะฉะนั้นหากต้องการเคสที่ดูล้ำกว่านี้ ก็แวะไปสอบถามที่ร้านมือถือได้
ซึ่งขณะนี้ในบ้านเรา ก็เริ่มมีร้านที่นำอุปกรณ์เสริมของ iPhone 5 เข้ามาจำหน่ายกันมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
รูปลักษณ์ภายนอกของ iPhone 5

รูปลักษณ์ภายนอกของ iPhone 5 นั้น ดูไปแล้ว ในเรื่องของการออกแบบดีไซน์
น่าจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากรุ่นก่อนหน้านี้อย่าง iPhone 4 หรือ iPhone 4S ไม่น้อยเลยทีเดียว

แต่ iPhone 5 นั้นก็มีจุดสังเกตที่ชัดเจนคือ ตัวเครื่องที่ยาวมากขึ้น ด้วยหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และความหนาของตัวเครื่องที่น้อยลง

ที่ด้านหน้าของตัวเครื่องจะมีเลนส์กล้องความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล ซึ่งถูกย้ายตำแหน่งไปที่บริเวณด้านบนของลำโพงหูฟัง

ที่ด้านหลังของตัวเครื่องมีการออกแบบดีไซน์แบบทูโทน พื้นผิวสีเทาเข้ม ตัดกับสีดำมัน ซึ่งก็ถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ iPhone 5
และหากเป็น iPhone 5 เครื่องสีขาว ที่ด้านหลังนี้ ก็จะมีพื้นผิวสีเทาอ่อน ตัดกับสีขาว

ความยาวของตัวเครื่อง iPhone 5 จะอยู่ที่ 123.8 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่าไม่ได้ยาวจนเกินไป หากเทียบกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ที่มีขนาดจอในระดับ 4 นิ้ว ประกอบกับความบาง และความเบาของ iPhone 5 ก็ทำให้ภาพรวมให้ความรู้สึกที่ความเล็กกะทัดรัดเสียด้วยซ้ำ

ที่ด้านหลังของตัวเครื่องจะมีเลนส์กล้องดิจิตอล แบบ iSight Camera ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่เท่าเดิม ไม่ต่างจาก iPhone 4S แต่แม้ว่าจะมีความละเอียดที่เท่าเดิม แต่ก็มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น

ฝาหลังของ iPhone 5 นั้นจะเป็นอลูมิเนียม (Anodized 6000 Series Aluminum)
ซึ่งมีความทนทานแข็งแรง และช่วยเพิ่มความสวยงามหรูหราไปในตัว
ส่วนแถบสีดำที่ด้านบนและด้านล่างนั้นจะเป็นวัสดุกระจก Pigmented Glass (สำหรับสีขาวจะเป็น Ceramic Glass)

เมื่อเทียบกับพื้นผิวแบบกระจก ที่พบได้ใน iPhone 4S ก็ต้องบอกว่ามีดีไปคนละแบบ

ความหนาของ iPhone 5 จะอยู่ที่เพียง 7.6 มิลลิเมตรเท่านั้น ซึ่งถือว่าบางเฉียบ และแน่นอนว่าบางกว่า iPhone 4S ซึ่งหนา 9.3 มิลลิเมตร

ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องจะมีปุ่มสำหรับการเปิด-ปิดเสียง และปุ่มสำหรับการเพิ่ม-ลดระดับเสียง
โดยวัสดุที่ใช้ทำด้านข้างของตัวเครื่องนี้ ก็เป็นอลูมิเนียมเช่นเดียวกัน

ที่ด้านขวาของตัวเครื่องจะมีถาดสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ nanoSIM ซึ่งต้องใช้เข็มสำหรับดันถาดนี้ออกมา (SIM Ejector)

ที่ด้านบนของตัวเครื่องจะมีปุ่มสำหรับเปิด-ปิดเครื่องหรือล็อกหน้าจอ

ที่ด้านล่างของตัวเครื่องจะมีช่องต่อสายหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ช่องเชื่อมต่อแบบใหม่ Lightning Connector
และลำโพงเสียง ซึ่งลำโพงเสียงนี้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น มีพลังเสียงที่ดีขึ้น และมีเสียงที่ไพเราะมากกว่าเดิม
การใส่ซิมการ์ดแบบ nanoSIM
ความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอย่างหนึ่งของ iPhone 5 (ไอโฟน 5) ก็คือการเปลี่ยนมาใช้ซิมการ์ดที่มีขนาดเล็กที่สุด ณ ปัจจุบันแบบ nanoSIM โดยก่อนหน้านี้ใน iPhone 4S (ไอโฟน 4S) นั้นจะใช้ซิมการ์ดแบบ microSIM ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า

ถาดใส่ซิมการ์ดของ iPhone 5 นั้นจะอยู่ที่บริเวณด้านขวาของตัวเครื่อง ซึ่งวิธีการนำถาดซิมการ์ดออกมาก็คือ
ให้นำเข็ม (SIM Ejector) ที่แถมมาในกล่อง มาจิ้มลงไปในรูเล็กๆ ที่เห็น พร้อมออกแรงดันลงไปเล็กน้อย

จิ้มเข็มลงไป แล้วดันด้วยแรงพอประมาณ

หลังจากนั้นถาดใส่ซิมการ์ดก็จะเด้งออกมาดังที่เห็นนี้

ซิมการ์ดที่สามารถนำมาให้งานได้กับ iPhone 5 นั้น จะต้องเป็นซิมการ์ดแบบ nanoSIM เท่านั้น
ซึ่งขณะนี้ผู้ให้บริการเครือข่ายในประเทศไทย ก็เริ่มเปิดตัว nanoSIM ของตัวเองกันบ้างแล้ว เพื่อเตรียมรับมือกับ iPhone 5
และสมาร์ทโฟน รุ่นใหม่รุ่นอื่นๆ ในอนาคตที่จะเริ่มหันมาใช้ซิมการ์ดแบบ nanoSIM กันมากขึ้น

nanoSIM นั้นมีชนาดที่เล็กมากๆ เพราะฉะนั้นก็ต้องระวังการสูญหายกันมากเป็นพิเศษ

ขนาดของ microSIM (ด้านซ้าย) เมื่อเทียบกับ nanoSIM (ด้านขวา) จะเห็นว่า microSIM มีขนาดที่ใหญ่กว่าอย่างชัดเจน

microSIM นั้นจะมีขนาดประมาณ 12x15x0.75 มิลลิเมตร ส่วน nanoSIM จะมีขนาดเพียง 8.8x12.3x0.67 มิลลิเมตร
เปรียบเทียบรูปลักษณ์ภายนอกกับอดีตตัวแรงอย่าง iPhone 4S
เป็นอีกเรื่องที่น่ายินดี เพราะทีมงานของเรามีอดีต สมาร์ทโฟน ตัวแรงอย่าง iPhone 4S (ไอโฟน 4S) อยู่ในมือพร้อมกันถึง 2 สี ทั้งสีขาว และสีดำ เพราะฉะนั้น ก็ไม่พลาดที่จะนำ iPhone 4S ทั้ง 2 สี มาเปรียบเทียบรูปลักษณ์ภายนอกกับ iPhone 5 (ไอโฟน 5) แบบทุกซอกทุกมุม เพื่อให้เห็นว่า iPhone 5 นั้นมีพัฒนาการที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง

รูปลักษณ์ภายนอก และการออกแบบดีไซน์ของ iPhone 5 และ iPhone 4S นั้นจะไปในแนวเดียวกัน แต่ก็เห็นความแตกต่างได้ชัดเจนเช่นกัน โดย iPhone 5 นั้นจะมีตัวเครื่องที่ยาวกว่า, บางกว่า และที่ด้านหลังของตัวเครื่องจะมีการออกแบบดีไซน์แบบทูโทน

ขนาดของ iPhone 5 คือ 123.8x58.6x7.6 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 112 กรัม
ส่วนขนาดของ iPhone 4S คือ 115.2x58.6x9.3 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 140 กรัม
ซึ่งสรุปได้ว่า iPhone 5 นั้นจะมีความบางเฉียบมากกว่า และมีน้ำหนักที่เบากว่า ในขณะที่ตัวเครื่องยาวขึ้น แต่ความกว้างของตัวเครื่องเท่ากัน

จุดสังเกตอีกจุดหนึ่งก็คือเลนส์กล้องดิจิตอลด้านหน้า โดยเลนส์กล้องของ iPhone 5 จะอยู่ที่บริเวณด้านบนของลำโพงหูฟัง
ส่วนเลนส์กล้องของ iPhone 4S จะอยู่ที่บริเวณด้านข้างของลำโพงหูฟัง

ปุ่มโฮมของ iPhone 5 จะมีลักษณะเดียวกันกับ iPhone 4S

เมื่อพลิกมาดูที่ด้านหลัง ก็จะพบกับการออกแบบดีไซน์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดย iPhone 5 นั้นจะมีการออกแบบดีไซน์แบบทูโทน และใช้วัสดุแบบอลูมิเนียม ตัดกับกระจกแบบ Pigmented Glass (เครื่องสีขาวจะเป็น Ceramic Glass)
ส่วนที่ด้านหลังของ iPhone 4S นั้นจะเป็นวัสดุแบบกระจกทั้งหมด

ในส่วนชองเลนส์กล้องดิจิตอล 8 ล้านพิกเซล จะอยู่ที่บริเวณมุมบนซ้ายเช่นเดียวกันทั้ง iPhone 5 และ iPhone 4S
แต่สำหรับ iPhone 5 นั้นจะมีไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวนขณะสนทนาคั่นอยู่ระหว่างเลนส์กล้อง กับไฟแฟลช

หากเดินถือเครื่อง iPhone 4S ไปไหนมาไหน ใครเห็น ก็คงจะแยกความแตกต่างจาก iPhone 4 ไม่ออก
แต่ถ้าเป็น iPhone 5 จะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน

ความหนาของ iPhone 5 จะอยู่ที่ 7.6 มิลลิเมตร ส่วน iPhone 4S จะอยู่ที่ 9.3 มิลลิเมตร
ซึ่งจะเห็นว่า iPhone 5 นั้นบางเฉียบลงกว่าเดิมอย่างชัดเจน
ส่วนปุ่มเปิด-ปิดเสียง และปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง มีดีไซน์เหมือนกัน แต่จะต่างกันที่ขนาดที่เล็กลง และตำแหน่งการจัดวางที่เลื่อนลงมาเล็กน้อย

ถาดสำหรับใส่ซิมการ์ดของ iPhone 5 จะมีขนาดที่เล็กลงกว่าเดิมเล็กน้อย เนื่องจากเปลี่ยนมาใช้ซิมการ์ดแบบ nanoSIM

ที่ด้านบนของ iPhone 5 จะมีเพียงปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจอ แต่ iPhone 4S จะมีช่องเสียบสายหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร
และไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวนขณะสนทนา ติดตั้งอยู่ที่บริเวณนี้ด้วย

ที่ด้านล่างของตัวเครื่อง จะแตกต่างจากเดิมอย่างชัดเจน โดย iPhone 5 จะมีช่องต่อหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ช่องเชื่อมต่อแบบ Lightning (8-pin) และลำโพงเสียงภายนอก พร้อมขนาดของน๊อตที่เล็กลงกว่าเดิม
ส่วน iPhone 4S จะมีช่องเชื่อมต่อแบบ 30-pin ซึ่งมีขนาดที่ใหญ่กว่ามาก

เมื่อเทียบกับ iPhone 4S สีดำไปแล้ว คราวนี้ก็นำมาเทียบกับ iPhone 4S สีขาวกันบ้าง ส่วนองค์ประกอบต่างๆ ของ iPhone 4S สีขาวนั้น
ก็แน่นอนว่าเหมือนกันกับ iPhone 4S สีดำทุกประการ

เมื่อถือทั้ง 2 เครื่องเทียบกัน iPhone 5 จะให้ความรู้สึกที่บางเบากว่าอย่างเห็นได้ชัด

เลนส์กล้องดิจิตอลถูกเปลี่ยนตำแหน่งไปอยู่ที่บริเวณด้านบนของลำโพงหูฟังสำหรับการสนทนา

ถ้าจะสังเกตความแตกต่างที่ด้านหน้า ก็สังเกตได้ที่เลนส์กล้อง กับหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นนี่เอง

ความหนาของ iPhone 5 อยู่ที่ขอบของกระจก iPhone 4S เท่านั้นเอง

ดีไซน์ของปุ่มโฮมที่คุ้นเคยกันดี แต่หากต้องการถนอมปุ่มโฮม ก็สามารถเปิดใช้ฟังก์ชัน Assistive Touch ได้

ระหว่างกระจก กับโลหะอลูมิเนียม ก็มีดีไปคนละแบบ กระจกจะให้ความรู้สึกที่เงางาม ส่วนโลหะจะให้ความรู้สึกแข็งแกร่ง

น่าเสียดายที่วันนี้ไม่มีโอกาสได้นำ iPhone 5 สีขาวมาเทียบกับ iPhone 4S สีขาว

iPhone 5 สีขาว ก็จะมีแถบโลหะสีเงิน ที่ด้านข้างของตัวเครื่องเช่นเดียวกัน
สรุปแล้ว iPhone 5 สีขาวจะต่างกับ iPhone 4S สีขาวตรงที่ ด้านหลังของ iPhone 5 จะเป็นสีแบบทูโทนนั่นเอง

บางกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด

ถาดใส่ซิมการ์ดที่เล็กลงกว่าเดิม

ช่องต่อหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตรของ iPhone 5 ถูกย้ายไปไว้ที่ด้านล่างแทน

ช่องเชื่อมต่อแบบ Lightning Connector ทำให้ช่องเชื่อมต่อแบบ 30-pin เดิมๆ ดูใหญ่ไปถนัดตา
เปรียบเทียบอินเทอร์เฟส หรือการแสดงผลระหว่าง iPhone 5 กับ iPhone 4S
เแม้ว่าทั้ง iPhone 5 (ไอโฟน 5) และ iPhone 4S (ไอโฟน 4S) นั้นจะมีระบบปฏิบัติการที่เป็นพื้นฐานเหมือนกันก็คือ ระบบปฏิบัติการ iOS 6 (ไอโอเอส 6) ดังนั้นฟีเจอร์ หรือฟังก์ชันต่างๆ รวมไปถึงลักษณะของการใช้งานก็แทบจะไม่ได้แตกต่างกัน แต่อย่างไรก็ตาม ก็จะมีบางจุดที่แตกต่างกันอยู่บ้าง

อย่างแรกในเรื่องของอินเทอร์เฟสที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนก็คือ หน้ารวมแอพพลิเคชั่นที่มีเพิ่มขึ้นมาอีก 1 แถว กลายเป็น 5 แถว
ซึ่ง iPhone 5 สามารถจัดให้ได้ เพราะมีหน้าจอแสดงผลที่ยาวขึ้นนั่นเอง

ไหนๆ แล้ว ก็ถือโอกาสหยิบเครื่องสีขาวมาเทียบบ้าง และด้วยการที่ทั้ง iPhone 5 และ iPhone 4S สามารถรองรับระบบปฏิบัติการ iOS 6
ได้เช่นเดียวกัน ก็ทำให้การใช้งานโดยรวมแทบจะไม่แตกต่างกันเลยก็ว่าได้

หน้าจอ Lock Screen จะมีหน้าตาที่เหมือนกันทุกประการ ต่างกันแค่ iPhone 5 จะมีพื้นที่ตรงกลางที่ยาวกว่าเท่านั้น

ทั้ง iPhone 5 และ iPhone 4S ที่นำมาทดสอบนี้ ได้รับการอัพเดทเป็น iOS 6 เรียบร้อยแล้ว
โดย iPhone 5 จะเป็นเวอร์ชัน 6.0 (10A405) ส่วน iPhone 4S จะเป็นเวอร์ชัน 6.0 (10A403)

หน้าจอของ iPhone 5 ที่ยาวขึ้น ทำให้หลายคนวิเคราะห์กันไปต่างๆ นานา ว่า iPhone รุ่นต่อไปจะมีหน้าจอแสดงผลเป็นอย่างไร

คีย์บอร์ดภาษาไทยใน iOS 6 นั้นถูกปรับเปลี่ยนจากแบบ 3 แถว ให้กลายมาเป็น 4 แถว ซึ่งหลายๆ คนน่าจะถูกใจ
แต่สำหรับคนที่นิ้วใหญ่ อาจจะกดได้ยากกว่าเดิม เพราะปุ่มมีขนาดที่เล็กลงกว่าเดิมนั่นเอง

คีย์บอร์ดภาษาอังกฤษแบบ 3 แถว กดได้ง่ายเช่นเคย

ด้วยหน้าจอที่ยาวขึ้นของ iPhone 5 ทำให้การเปิดหน้าเว็บไซต์ สามารถแสดงรายละเอียดได้มากขึ้นภายในหน้าเดียว ดังที่เห็นนี้

เรียกว่าหากเปิดดูหน้าเว็บไซต์ หรือเปิดใช้งานแอพพลิเคชั่นอื่นๆ ในแนวตั้ง iPhone 5 กินขาด iPhone 4S อย่างแน่นอน

ลองทดสอบเปรียบเทียบการแสดงผลในแนวนอนกันดูบ้าง ซึ่งจะเห็นว่าการแสดงผลก็จะกว้างขึ้นด้วยเช่นกัน

อินเทอร์เฟสของกล้องดิจิตอลเหมือนกันแทบทั้งหมด ยกเว้นปุ่มชัตเตอร์ที่ iPhone 5 เป็นวงกลม แต่ iPhone 4S จะเป็นรูปแคปซูล

ในโหมดของการถ่ายภาพวิดีโอก็เช่นเดียวกัน ปุ่มของ iPhone 5 จะเป็นรูปวงกลม แต่ iPhone 4S จะเป็นรูปแคปซูล

อินเทอร์เฟสของกล้องด้านหน้า ในโหมดถ่ายภาพนิ่ง

อินเทอร์เฟสของกล้องด้านหน้า ในโหมดถ่ายภาพวิดีโอ

ในหน้า App Store สำหรับ iPhone 5 ก็สามารถแสดงรายละเอียดได้เยอะกว่าในหน้าเดียวเช่นกัน

ฟังก์ชัน Assistive Touch เหมือนกันทั้งคู่ เพราะฟังก์ชันนี้จะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ iOS 6 นั่นเอง

อินเทอร์เฟสของฟังก์ชัน Voice Control

อินเทอร์เฟสของฟังก์ชัน Favourites

เมื่อเข้ามาที่ส่วนของ Device ก็จะมีฟังก์ชันล็อกหน้าจอ, หมุนหน้าจอ, เพิ่มเสียง, ลดเสียง และปิดเสียง

นอกจากนั้นก็จะมีส่วนของรูปแบบการสั่งงานด้วยนิ้ว, การสั่น, แอพพลิเคชั่นที่เปิดใช้งานอยู่ และการจับภาพหน้าจอ

กดปุ่มโฮมติดๆ กันสองครั้ง เพื่อดูรายการของแอพพลิเคชั่นที่เปิดใช้งานล่าสุด

เมื่อสไลด์เลื่อนมาทางด้านซ้าย จะมีเครื่องเล่นเพลงขนาดย่อมๆ ให้ใช้งานเช่นเดียวกัน

โปรแกรมแผนที่ Apple Maps ที่เข้ามาแทนที่โปรแกรมแผนที่ตัวเดิมอย่าง Google Maps หากเป็นเมืองสำคัญๆ หรือสถานที่สำคัญๆ ในประเทศใหญ่ๆ ก็จะมีแผนที่แบบ 3 มิติที่มีความสวยงามมากๆ

สามารถปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้หลายมุมมอง และมีการประมวลผลที่รวดเร็วลื่นไหล

แต่น่าเสียดายที่ Apple Maps ยังไม่มีแผนที่ประเทศไทยในรูปแบบของ 3 มิติความละเอียดสูงเช่นนี้ และรายละเอียด
หรือข้อมูลต่างๆ สำหรับประเทศไทยนั้น ยังไม่ละเอียดครบถ้วนเท่ากับโปรแกรมตัวเดิมอย่าง Google Maps

แอพพลิเคชั่น Passbook ก็คือแอพพลิเคชั่นที่ช่วยในการจัดการกับตั๋ว, บัตร หรือคูปองต่างๆ ซึ่งขณะนี้ สินค้า และบริการชั้นนำในประเทศไทยหลายเจ้า ก็เริ่มใช้งาน Passbook กันบ้างแล้ว

แน่นอนว่าฟังก์ชันผู้ช่วยซึ่งรู้รอบตอบได้ สั่งได้ดั่งใจอย่าง Siri ก็ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน

รองรับกับการใช้งานภาษาเพิ่มขึ้นอีก 4 ภาษา แต่ก็ยังไม่รองรับภาษาไทยเช่นเคย

หากใครใช้งาน Siri ได้คล่องๆ รับรองว่า Siri จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคุณได้เยอะเลยทีเดียว
จุดเด่น และจุดด้อยของ Apple iPhone 5
ก็ผ่านกันไปเรียบร้อยแล้วสำหรับตอนแรกของการ รีวิว ไอโฟน 5 (iPhone 5 Review) ซึ่งแม้ว่าจะเป็นเพียงการทดสอบแบบคร่าวๆ ในเบื้องต้น แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ทีมงานเห็นอะไรหลายๆ อย่างใน iPhone 5 (ไอโฟน 5) ซึ่งเดี่ยวเราจะสรุปเป็นจุดเด่น และจุดด้อย ชอง iPhone 5 ให้ทุกท่านได้ทราบกัน ส่วนการ รีวิว ไอโฟน 5 (iPhone 5 Review) ฉบับเต็มนั้น อยู่ระหว่างการดำเนินงาน ซึ่งทีมงานก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะนำมาให้ทุกท่านได้ติดตามกันในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน

จุดเด่น (ในเบื้องต้น) ของ Apple iPhone 5
- ตัวเครื่องมีการออกแบบดีไซน์ที่สวยงามบางเฉียบ หรูหรา พร้อมวัสดุคุณภาพสูง เช่น อลูมิเนียม และกระจก (Aluminum and Glass Body)
- วัสดุบริเวณด้านหลัง และขอบด้านข้างของตัวเครื่อง เป็นโลหะอลูมิเนียม (Anodized 6000 Series Aluminum)
- แถบกระจกแบบ Ceramic Glass (สำหรับเครื่องสีขาว) หรือ Pigmented Glass (สำหรับเครื่องสีดำ)
- ตัวเครื่องมีความบางมากกว่าเดิม และมีน้ำหนักเบากว่าเดิม ช่วยเพิ่มความสะดวกในการพกพาได้มากยิ่งขึ้น
- รองระบบเครือข่ายทั้ง 4G LTE, WCDMA/HSPA และ GSM
- จอแสดงผลแบบ IPS TFT (LED-Backlit) Retina Display Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1136x640 Pixels (QVGA : กว้าง 4.0 นิ้ว : 326 ppi)
- เทคโนโลยีการเคลือบกระจกหน้าจอแบบ Oleophobic Coating ช่วยป้องกันรอยนิ้วมือ
- กระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass Display ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันแรงกระแทก หรือรอยขีดข่วน
- หน่วยประมวลผลภาพกราฟฟิคโดยเฉพาะแบบ PowerVR SGX543MP4 Quad-Core (มีความเร็วในการประมวลผลมากขึ้น 2 เท่า)
- ประมวลผลการทำงานด้วย Dual-Core A6 Processor (มีความเร็วในการประมวลผลมากขึ้น 2 เท่า)
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Apple iOS 6
- การใช้งานจริง มีการประมวผลที่รวดเร็วมากขึ้นทั้งการแสดงผลภาพกราฟฟิคความละเอียดสูง, การใช้งานด้านมัลติมีเดีย หรือการใช้งานทั่วไป
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 16 GB, 32 GB และ 64 GB
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 1 GB
- ระบบ GPS และฟังก์ชัน A-GPS ในตัว พร้อมโปรแกรม Apple Maps
- กล้องดิจิตอลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่องแบบ iSight Camera ความละเอียดระดับ 8 ล้าน Pixels พร้อมเซ็นเซอร์รับภาพแบบ Backside-illuminated Sensor (BSI) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการถ่ายภาพในที่มืด, ไฟแฟลช, ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติ, ฟิลเตอร์แบบ Hybrid IR Filter, ค่ารูรับแสง (Aperture) กว้างสูงสุดที่ F/2.4, โหมดถ่ายภาพแบบ Dynamic Low Light, โหมดถ่ายภาพแบบ HDR (High Dynamic Range)
- หน้าเลนส์ผลิตจาก Sapphire Crystal ซึ่งมีคุณสมบัติในการป้องกันรอยขีดข่วน
- โหมดการถ่ายภาพในแนวกว้าง (Panorama) ซึ่งมีประสิทธิภาพสูง พร้อมระบบการตัดวัตถุเคลื่อนไหวให้โดยอัตโนมัติ
- ถ่ายภาพวิดีโอ (Full HD : 1080p : 1920x1080 Pixels : 30 fps) พร้อมไฟให้แสงสว่างสำหรับการถ่ายภาพวิดีโอ (Video Light)
- สามารถถ่ายภาพนิ่งได้ทันที ในขณะที่กำลังถ่ายภาพวิดีโออยู่
- กล้องดิจิตอลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 1.2 ล้าน Pixels พร้อมเซนเซอร์รับภาพแบบ Backside-illuminated Sensor (BSI)
- ฟังก์ชัน Siri สำหรับการสั่งงาน, สืบค้นข้อมูล หรือขอความช่วยเหลือด้วยเสียงพูด
- มีไมโครโฟน 3 ตัวภายในเครื่องเดียวกัน (ด้านหน้า, ด้านล่าง และด้านหลัง)
- รองรับการใช้งาน FaceTime ด้วยภาพวิดีโอความละเอียดระดับ HD 720p (1280x720 Pixels) (FaceTime HD Camera) พร้อมรองรับการใช้งาน FaceTime ผ่านระบบเครือข่าย 4G LTE, 3G และ WiFi
- มาพร้อมหูฟังรุ่นใหม่ล่าสุดคือ Apple EarPods ซึ่งมีคุณภาพเสียง, รายละเอียดเสียง และพลังเสียงที่ดีกว่าเดิม
- หัวต่อของสายแบบ Lightning Cable มีขนาดที่เล็กลง ให้ความสะดวกมากขึ้น และด้านของหัวต่อแบบ 8-pin สามารถกลับทิศทางใช้งานได้เหมือนกันทั้ง 2 ด้าน
- ด้วยหน้าจอที่ยาวขึ้น และมีความละเอียดมากขึ้น ทำให้สามารถแสดงรายละเอียดระหว่างการใช้งานต่างๆ ได้มากขึ้น ทั้งในแนวตั้ง และแนวนอน

จุดด้อย (ในเบื้องต้น) ของ Apple iPhone 5
- ใช้งานได้กับซิมการ์ดแบบ nanoSIM เท่านั้น
- ไม่สามารถใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD เพิ่มเติมได้
- คีย์บอร์ดภาษาไทยที่ขยายเป็น 4 แถว หากเป็นผู้ที่ใช้งานคีย์บอร์ดภาษาไทยแบบเดิมๆ มานาน ช่วงแรกอาจจะใช้งานได้ไม่ถนัดมากนัก
- ความละเอียดของกล้องดิจิตอลยังคงเท่าเดิมคือ 8 ล้านพิกเซล
- ไม่สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เดิมๆ ของแอปเปิ้ลที่ใช้ช่องเชื่อมต่อแบบ 30-pin ได้ เนื่องจากเปลี่ยนเป็นช่องเชื่อมต่อแบบ Lightning Connector (8-pin) หากต้องการใช้งาน ต้องซื้อตัวแปลงมาใช้เพิ่มเติม (Lightning to 30-Pin Adapter)
- ความเปลี่ยนแปลงด้านคุณสมบัติโดยรวมค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้อย่าง iPhone 4S เพราะฉะนั้นผู้ที่ใช้ iPhone 4S อยู่แล้ว การเปลี่ยนมาเป็น iPhone 5 ก็อาจจะไม่คุ้มค่าเท่าไรนัก
- ยังมีแอพพลิเคชั่นอีกเป็นจำนวนมากใน App Store ที่ยังไม่รองรับกับความละเอียดหน้าจอใหม่ของ iPhone 5 ได้อย่างสมบูรณ์
- โปรแกรมแผนที่ Apple Maps ยังไม่สมบูรณ์มากนัก หากเทียบกับโปรแกรมที่มีอยู่เดิมอย่าง Google Maps โดยเฉพาะรายละเอียดของประเทศไทยที่ยังไม่ละเอียดครบถ้วนเท่าที่ควร อีกทั้งแผนที่แบบ 3 มิติ และฟังก์ชันการนำทาง Turn-by-Turn Navigation ยังไม่สามารถใช้งานได้ในประเทศไทย
สรุปส่งท้ายการแกะกล่อง และการสัมผัสแรกกับ Apple iPhone 5
สำหรับการ รีวิว ไอโฟน 5 (iPhone 5 Review) ที่ผ่านไปข้างต้น ก็เป็นเพียงการทดสอบการใช้งานในเบื้องต้นเท่านั้น ยังมีฟีเจอร์อีกมากที่ยังไม่ได้พูดถึงโดยละเอียด ซึ่งทีมงานเว็บไซต์ไทยโมบายเซ็นเตอร์ของเราก็จะทำการรีวิวแบบเต็มๆ ให้ชมกันอีกครั้งหนึ่งในเร็ววันนี้ แต่จากการใช้งาน iPhone 5 (ไอโฟน 5) มาพอสมควร ก็เพียงพอที่จะสรุปภาพกว้างๆ ของ iPhone 5 (ไอโฟน 5) ได้ในระดับหนึ่ง โดย iPhone 5 นั้น หากพูดถึงเรื่องของการออกแบบดีไซน์, วัสดุ หรือรูปลักษณ์ภายนอกนั้นถือว่าทำได้น่าประทับใจ ยังคงรักษาแนวทางของผลิตภัณฑ์จาก แอปเปิ้ล ได้เป็นอย่างดี เมื่อจับถือตัวเครื่องก็ให้ความรู้สึกที่บางเบากว่ารุ่นเดิมอย่างชัดเจน ส่วนคุณสมบัติทางด้านฮาร์ดแวร์นั้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงแบบหวือหวา มีเพียงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่เห็นได้ชัด และไม่สามารถพูดได้ว่าเป็นนวัตกรรมที่ล้ำหน้าไปกว่าสมาร์ทโฟนชั้นนำรุ่นอื่นๆ แต่อย่างใด เช่นหน้าจอที่ละเอียดและใหญ่ขึ้น, ซีพียูที่เร็วขึ้น, จีพียูที่เร็วขึ้น, หน่วยความจำ RAM ที่เพิ่มเป็น 1 GB, การรองรับเครือข่าย 4G LTE, หน้ารวมแอพพลิเคชั่นแบบ 5 แถว, กล้องหน้าที่มีความละเอียดมากขึ้นเป็น 1.2 ล้านพิกเซล และการเปลี่ยนมาใช้ซิมการ์ดแบบ nanoSIM เป็นต้น ส่วนคุณสมบัติที่หลายๆ คนคาดหวังเอาไว้ก่อนเปิดตัว เช่นความละเอียดของกล้องดิจิตอลที่น่าจะมากกว่า 8 ล้านพิกเซล ก็คงต้องผิดหวังกันไป เป็นต้น แต่อย่างไรก็ดี หากลองมองอีกมุมหนึ่ง ระบบปฏิบัติการ iOS 6 (ไอโอเอส 6) เองก็นับว่าเป็นระบบปฏิบัติการที่มีความเสถียร และมีประสิทธิภาพสูงมากอยู่แล้ว แม้จะเป็นรุ่นเดิมๆ อย่าง iPhone 4S (ไอโฟน 4S) ก็สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหล และสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่ทาง แอปเปิ้ล ได้ฟูมฟักกันมาอย่างยาวนาน ก็ถือว่าลงตัวสมบูรณ์แบบดีอยู่แล้ว ดังนั้นทาง แอปเปิ้ล ก็อาจจะเล็งเห็นว่า ไม่ได้มีความจำเป็นใดๆ ที่ต้องใส่ความสามารถด้านฮาร์ดแวร์ให้กับ iPhone 5 มากมายจนเกินจำเป็น เนื่องจากทุกอย่างทำงานร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์แบบอยู่แล้วนั่นเอง และสุดท้าย หากถามว่า ถ้ามี iPhone 4S อยู่แล้ว การเปลี่ยนเป็น iPhone 5 จะคุ้มค่าหรือไม่? หากคิดในเรื่องของเงินเป็นหลัก ก็คงจะไม่ได้คุ้มค่ามากมายนัก เนื่องจากการใช้งานส่วนใหญ่ก็แทบจะเหมือนกันทุกประการ ด้วยพื้นฐานของระบบปฏิบัติการที่เหมือนกัน แต่หากคิดในเรื่องของความพึงพอใจ หรือความสดใหม่เป็นหลัก ก็อาจจะถือว่าคุ้มค่าได้ ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจ, มุมมอง และงบประมาณของแต่ละคนนั่นเอง สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชม รอพบกับการ รีวิว ไอโฟน 5 (iPhone 5 Review) แบบเต็มๆ ได้อีกครั้งที่นี่เร็วๆ นี้ครับ
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือ Apple iPhone 5 ที่ทีมงานนำมาารีวิวในบทความรีวิวนี้ เป็น iPhone 5 เครื่องนอก (เครื่องสิงคโปร์) ดังนั้นรายละเอียดต่างๆ ในการใช้งาน รวมไปถึงอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ ด้านในกล่อง อาจจะแตกต่างไปจากเครื่อง iPhone 5 เครื่องศูนย์ไทยที่จะวางจำหน่ายจริงในเร็วๆ นี้บ้างไม่มากก็น้อย *
สรุปคุณสมบัติเครื่อง
ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติแบบสรุป (Specification) ของ Apple iPhone 5 (ไอโฟน 5) ได้โดยการคลิ๊กที่ Link ด้านล่างนี้
Apple iPhone 5 Specification

:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter
| ไปหน้าแรก
Mobile Focus ::
|