หน้าแรกมือถือ > รวมข่าวมือถือ > หน้าบทความ ข่าวมือถือ
   
Date : 17/2/2564

ทำไมมือถือ Sony ถึงไม่ปัง ทั้งๆ ที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี

 

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงกลางปี 2020 มีรายงานผลประกอบการของแบรนด์มือถือจากญี่ปุ่นอย่าง Sony ในช่วงไตรมาสแรกประจำปี 2020 ถูกปล่อยออกมา สาระสำคัญอยู่ตรงที่ธุรกิจสมาร์ทโฟน Sony สามารถทำยอดจัดส่งได้ 400,000 เครื่อง น้อยกว่าที่บริษัทตั้งเป้าเอาไว้ที่ 700,00 เครื่อง ซึ่งเมื่อเทียบกับมือถือฝั่ง Android ด้วยกันเองอย่าง Samsung Galaxy S20 Series ที่สามารถทำยอดขายได้มากถึง 200,000 เครื่องในเวลา 1 สัปดาห์แล้ว ก็ทำให้ตัวเลขที่ทาง Sony ประกาศออกมาดูค่อนข้างน้อยพอสมควร

จริงๆ แล้ว สถานการณ์ของ Sony ในวงการมือถือดูไม่ค่อยสู้ดีมาพักใหญ่ เพราะยอดขายของธุรกิจสมาร์ทโฟนลดน้อยลงเรื่อยๆ จากปี 2017 ที่เคยทำยอดขายสมาร์ทโฟนได้สูงถึง 13.5 ล้านเครื่อง แต่ในปี 2018 กลับทำยอดได้ลดลงที่ 6.5 ล้านเครื่อง และในปี 2019 ก็ทำยอดขายในช่วงไตรมาส 1 และ 2 รวมกันได้ราว 1.5 ล้านเครื่อง จากที่บริษัทคาดการณ์เอาไว้ที่ 2.5 ล้านเครื่อง 

 

และจากตัวเลขจากบริษัทวิจัยด้านการตลาดอย่าง Counterpoint รวมถึง IDC ก็เริ่มทำให้เห็นชัดเจนแล้วว่า Sony ไม่ได้เป็นแบรนด์มือถือตัวเต็งในวงการอีกต่อไป หลัง 5 แบรนด์ที่เข้ามายึดส่วนแบ่งการตลาดมือถือกลายเป็น Samsung, Huawei, Xiaomi, Apple และ Vivo ขณะที่แบรนด์ Sony ถูกจัดรวมอยู่ในกลุ่ม Others ที่ครองส่วนแบ่งการตลาดร่วมกับแบรนด์อื่นๆ นอกเหนือจาก 5 แบรนด์ด้านต้น ทำให้หลายฝ่ายเริ่มเกิดความสงสัยว่า เพราะเหตุใด Sony แบรนด์ที่มีทุกอย่างเพรียบพร้อม ถึงดูไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร? ไปหาคำตอบกันเลยดีกว่าครับ

 

กั๊กสเปก? ราคาสูง?

Xperia XZ2

ภาพจำของ Sony สำหรับใครหลายคนก็คือ สเปกมือถือที่ให้มาไม่ทัดเทียมกับคู่แข่งรายอื่นๆ หรือพูดง่ายๆ ยกตัวอย่างเช่นในรุ่น Sony Xperia XZ2 สมาร์ทโฟนเรือธงที่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2019 ที่มาพร้อมกับจุดเด่นด้านหน้าจอแสดงผล IPS LCD ขนาด 5.7 นิ้ว, ใช้ชิปเซ็ตตัวแรง Snapdragon 845 พร้อม RAM สูงสุด 6GB และกล้องหลังเดี่ยวความละเอียดสูง 19 ล้านพิกเซล รวมถึงแบตเตอรี่ขนาด 3180mAh 

แม้ว่าสเปกโดยรวมของ Xperia XZ2 จะดูค่อนข้างสมเหตุสมผลในตัวมันเอง แต่เมื่อเทียบกับมือถือแบรนด์อื่นที่เปิดตัวในปี 2018 อย่าง OnePlus 6 ที่มาพร้อมกับหน้าจอ Optic AMOLED ขนาดใหญ่ถึง 6.28 นิ้ว, ชิป Snapdragon 845 + RAM จุใจขนาด 8GB, กล้องหลังคู่ความละเอียด 16 + 20 ล้านพิกเซล และแบตเตอรี่ที่มากกว่า 3300mAh ก็ทำให้ดูเหมือนว่า Sony ไม่ใส่สเปกมาให้กับมือถือตัวเองแบบสุดทางเหมือนกับ Android แบรนด์อื่นๆ

 

Xperia XZ2 Premium

นอกเหนือจากประเด็นเรื่องสเปกแล้ว หลายฝ่ายยังมองว่า การตั้งราคาจำหน่ายมือถือก็ค่อนข้างสูงไปสักหน่อยเมื่อเทียบกับคู่แข่งด้วยกันเอง ยกตัวอย่างในรุ่น Xperia XZ2 Premium มือถือรุ่นท็อปสุดของ Sony ที่เปิดราคาวางจำหน่ายในประเทศไทยที่ 27,990 บาท แม้จะเป็นราคาที่ดูไม่แปลกอะไรสำหรับมือถือเรือธง แต่หากเทียบกับเรือธงในปีเดียวกันที่ เปิดราคามาเท่ากัน แถมให้สเปกบางอย่างจัดเต็มกว่าอย่าง HUAWEI P20 Pro ทั้งความจุภายในที่เยอะกว่า (XZ2 Premium ความจุ 64GB : P20 Pro ความจุ 128GB) ไปจนถึงกล้องที่มีจำนวนเลนส์เยอะกว่า แถมยังได้รับการการันตีคะแนนจาก DxOMark อยู่ในอันดับที่ 1 ก็ทำให้ราคาของ XZ Premium ดูค่อนข้างสูงพอสมควร

 

Xperia L2 

ไม่เพียงแค่รุ่นเรือธงเท่านั้นที่ราคาดูสูง เพราะในรุ่นระดับเริ่มต้นทาง Sony ก็เคยตั้งราคาวางจำหน่ายที่อาจดูแพงเกินไปสักหน่อย ยกตัวอย่างในรุ่น Xperia L2 ที่มาพร้อมกับสเปกระดับเริ่มต้น ด้วย RAM 3GB + ROM 32GB, หน้าจอ 5.5 นิ้ว และชิปเซ็ต MediaTek MT6737T แต่ทาง Sony เลือกจะตั้งราคาเอาไว้ถึง 8,990 บาท ซึ่งต่างจากคู่แข่งที่ให้สเปกมาใกล้เคียงกัน ที่เปิดราคาขายถูกกว่าหลายพันบาท ยกตัวอย่างเช่น OPPO A83 (2018) ที่มาพร้อมกับชิป MediaTek MT6763T ตัวเดียวกันกับ Sony แต่ให้ RAM มาเยอะกว่าที่ 4GB + ROM 64GB พร้อมจอ 5.7 นิ้ว โดยเปิดราคาเอาไว้เพียง 7,490 บาท

 

เน้นเปิดตัวเร็ว ขายช้า

Sony เป็นหนึ่งในแบรนด์มือถือที่มักจะเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงให้เห็นกันตั้งแต่ช่วงต้นปี ซึ่งส่วนมาก Sony จะยึดไทม์ไลน์เปิดตัวเรือธงรุ่นใหม่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งตรงกับงาน Mobile World Congress มหกรรมมือถือสุดยิ่งใหญ่พอดิบพอดี แต่อย่างไรก็ดี แม้ว่า Sony จะเปิดตัวเร็วกว่ามือถือหลายๆ แบรนด์ แต่มักจะประสบปัญหาการวางจำหน่ายในหลายๆ ประเทศ รวมถึงไทยที่ค่อนข้างล่าช้ากว่าแบรนด์อื่นๆ มาก

 

ยกตัวอย่างในรุ่น Xperia 1 สมาร์ทโฟนเรือธงที่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ปี 2019 แต่กว่าที่จะเข้ามาขายในประเทศไทย ก็ต้องรอไปจนถึงเดือนสิงหาคม ปี 2019 นับรวมเป็นเวลาเกือบ 6 เดือน ต่างจากมือถือรุ่นอื่นๆ อย่างเช่น Samsung Galaxy S10 Series ที่เปิดตัวครั้งแรกวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ปี 2019 ก่อนเปิดให้ผู้ใช้ในประเทศไทยสั่งจองทันทีในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ปี 2019 หรือจะเป็น HUAWEI P30 Series ที่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 มีนาคม ปี 2019 ก่อนที่จะเปิดให้สั่งของในประเทศไทยในวันที่ 28 มีนาคม 2019 

การที่ Sony นำมือถือเรือธงของตัวเองเข้ามาวางจำหน่ายล่าช้ากว่าคู่แข่งรายอื่นๆ มากทั้งที่ Sony มีฐานการผลิตมือถืออยู่ในประเทศไทย อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้มือถือ Sony ไม่อยู่ในตัวเลือกสำหรับใครหลายๆ คน เพราะกว่าที่ Sony จะนำมือถือเรือธงเข้ามาวางจำหน่ายในบ้านเรา หลายคนก็อาจตัดสินใจเลือกซื้อมือถือรุ่นอื่นไปแล้ว อีกทั้ง ช่วงที่ Sony นำมือถือเรือธงรุ่นใหม่เข้ามาขาย ก็เป็นช่วงเดียวกันกับที่มือถือเรือธงรุ่นปลายปีจากแบรนด์อื่นๆ ที่ได้รับการอัปเกรดตีบวกสเปกมาใหม่ กำลังจะเปิดตัวให้เห็นพอดิบพอดี 

 

การโปรโมทที่ไปไม่ถึงผู้ใช้กลุ่มใหญ่

สำหรับตลาดประเทศไทย Sony เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เรามักไม่ค่อยได้เห็นการทำโฆษณาเชิงรุก หรือการทุ่มงบทางตลาดเหมือนกับมือถือแบรนด์อื่นๆ โดยเฉพาะมือถือแบรนด์จีน ซึ่งจะสังเกตเห็นได้จากป้ายบิลบอร์ดต่างๆ รวมถึงโฆษณาทางสื่อทีวี และออนไลน์ ที่มักจะเป็นแบรนด์ใหญ่ๆ ที่ครองส่วนแบ่งการตลาดระดับสูงในบ้านเรา การเปิดตัวมือถือรุ่นใหม่แต่ละครั้งในประเทศไทย ทาง Sony จะเน้นโปรโมทผ่าน Facebook Fan Page และ Community ต่างๆ ทำให้อาจเข้าถึงผู้ใช้กลุ่มอื่นได้ไม่มากนักเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น 

 

เทคโนโลยีเด่นจากผลิตภัณฑ์อื่น ที่ไม่ได้ถูกนำมาใช้ในมือถือเท่าที่ควร

จากบทสัมภาษณ์ระหว่างสื่อต่างประเทศอย่าง Trusted Reviews และ Adam Marsh ผู้จัดการระดับอาวุโสจากแผนก Global Marketing ของบริษัท Sony เปิดเผยให้ทราบถึงเรื่องราวภายในว่า แม้ Sony จะมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในเครือที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน แต่การทำงานภายในบริษัทยังมีกำแพงบางอย่างขวางกั้นเอาไว้ ทีมกล้อง Sony ไม่อยากจะพัฒนา หรือแบ่งฟีเจอร์ให้กับทีมมือถือมากนัก เพราะเกรงว่ามือถือจะมีฟีเจอร์ที่ไม่ต่างจากกล้องใหญ่ราคาเป็นแสน หรือพูดง่ายๆ ก็คือ แผนกมือถือของ Sony ไม่ได้รับการแชร์องค์ความรู้จากผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Sony มากเท่าที่ควร ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้คุณภาพของกล้องถ่ายภาพของมือถือ Sony ไม่ได้ดูหวือหวาเหมือนกับมือถือแบรนด์อื่นๆ ที่ก็ใช้เซ็นเซอร์กล้องจาก Sony เหมือนกัน

 

 Kimio Maki

กว่าที่ Sony จะเริ่มปรับตัวก็ต้องรอจนถึงปี 2018 หลังบริษัทมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างภายในองค์กรครั้งใหญ่ พร้อมกับแต่งตั้ง Kenichiro Yoshida เข้ามารับหน้าที่ CEO การเปลี่ยนแปลงในครั้งนั้นส่งผลต่อแผนกมือถือด้วย เพราะ Kimio Maki อดีตหัวหน้าแผนกกล้อง Alpha ได้ขึ้นมารับตำแหน่งหัวหน้าทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟน พร้อมกับพาทีมงานของตัวเองไปร่วมงานกับทีมเก่าของตนเองอย่าง Alpha ที่ผลิตกล้องสำหรับถ่ายทำภาพยนตร์ระดับโปรอยู่แล้ว โดยจุดมุ่งหมายของการร่วมงานข้ามแผนกครั้งนี้ก็เพื่อที่จะดึงนวัตกรรมดีๆ ของ Sony มาใช้ในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ บ้าง

ความพยายามของ Kimio Maki ในครั้งนั้น ทำให้เราได้เห็น Xperia 1 เรือธงรุ่นประจำปี 2019 ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์โฟกัสดวงตาอัตโนมัติ Eye AF ทำให้จับภาพตัวแบบได้อย่างคมชัดไม่ว่าจะโพสในท่าไไหน ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นฟีเจอร์ที่อยู่ในกล้องใหญ่ของ Sony เท่านั้น อีกหนึ่งสิ่งที่ Sony ได้รับมาจากทีม Alphaก็คือ การใส่ชิป Bionz X และระบบประมวลผลภาพแบบเดียวกับกล้อง Alpha ที่จะทำการบันทึกไฟล์ RAW คุณภาพสูง และใช้อัลกอนิทีมเพื่อช่วยลด Noise บนไฟล์ RAW ก่อนที่จะประมวลผลเป็นไฟล์ JPEG พร้อมกับทำ Noise Recution บนไฟล์ JPEG อีกรอบ เพื่อช่วยให้ภาพถ่ายมีความคมชัดมากยิ่งขึ้น

 

นอกจากนี้ Kimio Maki ยังเปิดโอกาสให้ทีมมือถือร่วมงานกับทีม CineAlta ที่เป็นทีมพัฒนากล้องถ่ายภาพยนต์โดยเฉพาะ ก่อให้เกิดฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า Cinema Pro ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้เราสามารถปรับค่าต่างๆ ของกล้องขณะถ่ายวิดีโอได้ด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็น การเลือกระยะเลนส์, การปรับ FPS, การปรับโทนสีของวิดีโอ, การปรับ White Balance, การปรับ Shutter Speed, การปรับ ISO หรือการปรับโฟกัส รวมทั้ง Sony ยังมีการพัฒนาร่วมกับทีม Bravia เพื่อปรับจูนสีสันหน้าจอ Xperia 1 ให้มีความเที่ยงตรงสูง เพื่อตอบโจทย์การทำงานระดับโปร (อ่านเรื่องราวเต็มๆ ได้ที่นี่)

 

การปรับตัวของ Sony ในครั้งนั้นดูเหมือนจะเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ของธุรกิจสมาร์ทโฟน เพราะในปีต่อมา Sony เลือกที่จะเปิดตัว Xperia 1 II มือถือรุ่นอัปเกรดใหม่ที่นอกเหนือจากจะได้วิศวกรจากทีมกล้องของ Sony ร่วมพัฒนาแล้ว ยังได้ใช้เลนส์ ZEISS T* ที่มีการเคลือบผิวสัมผัสหน้าเลนส์เพื่อป้องกันแสงสะท้อนราวกับเลนส์บนกล้องระดับโปร แต่อย่างไรก็ตาม Sony ยังคงประสบปัญหาด้านการวางจำหน่ายที่ค่อนข้างล่าช้าเช่นเดิม เพราะหลังจากที่เปิดตัวในต่างประเทศเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2020 ทาง Sony ก็เพิ่งเริ่มวางขายในต่างประเทศในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2020 และกว่าที่จะเข้ามาวางขายในบ้านเรานั้น ก็ต้องรอนานถึงเดือนกันยายน ปี 2020 แถมราคาวางจำหน่ายก็ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม แม้ในระยะหลังมานี้ Sony อาจดูไม่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานเท่ากับแต่ก่อน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสมาร์ทโฟนจอ Sony ก็ยังคงเป็นผู้นำในวงการมือถืออีกหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอความละเอียดสูงระดับ 4K HDR ซึ่งแทบจะเป็นเจ้าเดียวในตลาดที่ทำหน้าจอมือถือความละเอียดสูงขนาดนี้, ตัวเครื่องที่มีความสวยหรูพรีเมียม, ดีไซน์จอยาว 21:9 ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร, ระบบการชาร์จแบบต่อตรงกับตัวเครื่อง ช่วยให้แบตเตอรี่เสื่อมช้าลง ไปจนถึงความง่ายการเชื่อมต่อระหว่าง Ecosystem ของผลิตภัณฑ์ Sony และระบบปฏิบัติการที่ยังคงให้กลิ่นอายความคลีนคล้าย Stock Android ซึ่งก็อาจจะเป็นไปได้ว่า จริงๆ แล้ว Sony อยู่ถูกที่มาโดยตลอดแต่แค่ยังไม่ถึงเวลาเท่านั้นเองครับ

 

ข้อมูงอ้างอิง : Android Authority, IDC, Counter Point, Gizmochina, Gizchina

 

นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com


วันที่ : 17/2/2564

Tags :
  



Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy