ทำไม Sony ถึงตัดสินใจนำเทคโนโลยีจากกล้องใหญ่ Alpha มาใส่ในมือถือ Xperia 1 รุ่นล่าสุด
Sony Xperia 1 สมาร์ทโฟนระดับท็อปรุ่นล่าสุดของ Sony ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่น่าจับตามองอีกหนึ่งรุ่น ณ ชั่วโมงนี้ เพราะทาง Sony ได้มีการยกเครื่องหลายด้าน เริ่มตั้งแต่ การปรับไปใช้ดีไซน์หน้าจอยาวแบบ 21:9 ตอบโจทย์การรับชมภาพยนตร์, ปรับสเปกให้แรงขึ้นด้วยขุมพลัง Snapdragon 855 ตัวล่าสุด หรือการปรับไปใช้งานบอดี้แบบเรียบที่ช่วยให้จับถือได้อย่างถนัดมือมากยิ่งขึ้น แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้คงหนีไม่พ้นระบบกล้องหลัง 3 ตัว ที่ทาง Sony ได้จับมือกับแผนก Alpha ซึ่งเป็นทีมที่พัฒนากล้องโปรของ Sony เพื่อช่วยยกระดับการถ่ายภาพของ Sony Xperia 1 ให้ก้าวล้ำยิ่งขึ้น
แต่เพราะเหตุใด Sony ถึงเพิ่งตัดสินใจดึงแผนก Alpha ของตนเองเข้ามาร่วมทีมพัฒนามือถือ ทั้งที่แบรนด์ตนเองก็มีชื่อเสียงด้านกล้องถ่ายภาพมาพอสมควรแล้ว? และอนาคตของมือถือ Sony กับทีม Alpha จะเป็นไปในทิศทางใดต่อไป? บทความนี้จะพาไปหาคำตอบกันครับ
Kenichiro Yoshida
เว็บไซต์ Trusted Reviews ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ Adam Marsh ผู้จัดการระดับอาวุโสจากแผนก Global Marketing ของ Sony ที่งาน Mobile World Congress 2019 ที่เพิ่งปิดฉากลงไป ซึ่งเป็นงานเดียวกันกับที่ทาง Sony ได้เปิดตัว Xperia 1 นั่นเอง โดยทาง Adam Marsh เล่าว่า สาเหตุที่ Sony ตัดสินใจดึงทีมกล้อง Alpha เข้ามาร่วมพัฒนาสมาร์ทโฟนนั้น เกิดมาจากเหตุการณ์เมื่อช่วงต้นปี 2018 ที่ภายในบริษัท Sony มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างครั้งใหญ่ หลัง Kaz Hirai ประธาน และซีอีโอของ Sony ในช่วงนั้น ได้ลงจากตำแหน่ง ซึ่งก็ได้ Kenichiro Yoshida เข้ามารับตำแหน่งหัวเรือแทน
Kimio Maki
การปรับเปลี่ยนโครงสร้างภายในของบริษัทยังส่งผลมาถึงแผนกมือถือด้วย เพราะ Kimio Maki ผู้เชี่ยวชาญจากทีม Alpha ได้ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งหัวหน้าทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟน Sony โดยหลังจากเข้ามารับตำแหน่ง Kimio Maki ก็เคยมีการสั่งให้ยกเลิกการพัฒนาสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่เกือบจะกลายมาเป็น Sony Xperia XZ3 (แต่สุดท้าย Sony ก็ยังคงเปิดตัว Xperia XZ3 ในปี 2018) พร้อมทั้งตัดสินใจพาทีมสมาร์ทโฟนไปร่วมงานกับทีม Alpha ของ Sony ที่ขึ้นชื่อด้านการผลิตกล้องโปรอยู่แล้ว นอกจากนี้ ยังมีการเข้าไปจับมือร่วมงานกับทีม CineAlta ซึ่งเป็นทีมที่ผลิตกล้องสำหรับถ่ายทำภาพยนตร์ระดับโปร เพื่อที่จะดึงนวัตกรรมดีๆ ที่ทาง Sony มีอยู่ มาใส่ไว้บนสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดโลกการทำงานใหม่ของทีมกล้องเลยก็ว่าได้
เมื่อทีมพัฒนากล้องมาอยู่รวมกัน ก็ทำให้เกิดการแชร์ไอเดียต่างๆ ที่ Sony มีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีกล้อง Cybershot, นวัตกรรมของกล้อง Alpha ไปจนถึงสิ่งที่มือถือ Xperia มีอยู่ ซึ่งยิ่งทำให้การถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนเริ่มมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
โดยสิ่งที่ทีมมือถือ Sony ดึงนวัตกรรมจากทีมกล้อง Alpha มาใช้งานนั่นก็คือ Eye AF หรือฟีเจอร์โฟกัสดวงตาของตัวแบบ ที่ไม่ว่าตัวแบบจะหลับตา กะพริบตา หรือเดินไปในทิศทางใด กล้องจะสามารถโฟกัสเข้าตลอด ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ปรากฏครั้งแรกบนกล้อง Sony Alpha แต่ฟีเจอร์ Eye AF บนสมาร์ทโฟน Xperia 1 ยังไม่ทรงประสิทธิภาพเท่ากับกล้อง Alpha เพราะยังไม่สามารถสลับการโฟกัสดวงตาเมื่อถ่ายภาพบุคคลแบบกลุ่ม และยังไม่สามารถโฟกัสดวงตาของสัตว์ได้เหมือนกับกล้อง Sony A6400 แต่ฟีเจอร์ Eye AF ที่มีอยู่ในสมาร์ทโฟน Xperia 1 ก็เริ่มใกล้เคียงกับกล้องระดับโปรของ Sony แล้ว
ส่วนเทคโนโลยีที่ Sony ดึงมาจากทีมกล้อง CineAlta ก็ออกมาในรูปแบบแอปพลิเคชัน Cinema Pro ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารปรับแต่งการตั้งค่าต่างๆ ของกล้องถ่ายภาพ ไม่ว่าจะเป็น การเลือกระยะเลนส์, การปรับ FPS, การปรับโทนสีของวิดีโอ, การปรับ White Balance, การปรับ Shutter Speed, การปรับ ISO, การปรับโฟกัส เพื่อช่วยให้วิดีโอที่ถ่ายด้วยมือถือมีฟีลคล้ายกับภาพยนตร์เหมือนกับกล้อง CineAlta นั่นเอง
นอกจากนี้ ในรุ่น Xperia 1 ทาง Sony ยังได้มีการเพิ่มฟีเจอร์ถ่ายภาพ 10 ภาพต่อ 1 วินาที พร้อมฟีเจอร์ Autofocus Tracking ซึ่งทาง Adam Marsh ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จริงๆ แล้วในรุ่น Xperia XZ2 ก็มีฟีเจอร์การถ่ายภาพหลายภาพในครั้งเดียว หรือ Burst Mode คล้ายกับฟีเจอร์ใหม่ที่มีอยู่บน Xperia 1 แต่ว่าหากเราลองซูมเข้าไปดูรายละเอียดของแต่ละภาพ จะพบว่าบางภาพอาจจะมีการโฟกัสวืด หรือกล้องไม่โฟกัส แต่สำหรับ Xperia 1 รุ่นใหม่ จะสามารถจับโฟกัสเข้าตลอด รวมทั้งยังเก็บสีสัน และคอนทราส ได้อย่างครบถ้วนอีกด้วย
Xperia 1 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีการประมวลผลภาพที่ถอดแบบมาจากกล้อง Alpha โดย Adam Marsh ให้ข้อมูลว่า โดยปกติแล้ว เมื่อเราถ่ายภาพด้วยมือถือ ระบบจะทำการบันทึกภาพออกมาเป็นไฟล์ JPEG และนำไปเข้ากระบวนการ Noise Reduction หรือลดจุดรบกวนบนภาพให้เหลือน้อยที่สุด แต่สำหรับกล้อง Alpha ไม่ใช่แบบนั้น เพราะระบบจะทำการบันทึกภาพออกมาเป็นไฟล์ RAW ที่มีคุณภาพสูงก่อน จากนั้นจะใช้อัลกอริทึมเพื่อช่วยลด Noise บนไฟล์ RAW และค่อยประมวลผลออกมาเป็นไฟล์ JPEG ซึ่งในขั้นตอนสุดท้าย ก็จะทำ Noise Reduction บนไฟล์ JPEG อีกรอบ โดยสมาร์ทโฟน Xperia 1 รุ่นใหม่ก็ใช้เทคนิคเดียวกันกับกล้อง Alpha ด้วย นอกจากนี้ Xperia 1 ยังมีการใส่ชิปประมวลผลภาพแบบ Bionz X แบบเดียวที่ใช้กับกล้องใหญ่มาให้ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการยกระดับการถ่ายภาพครั้งใหญ่ต่อจากรุ่น Xperia XZ2 Premium ที่มาพร้อมกับระบบกล้องหลังคู่เป็นรุ่นแรกของค่ายเลยทีเดียว
Sony ยังเพิ่มฟีเจอร์ที่แฟนๆ เรียกร้องมานาน อย่างการเข้าถึงไฟล์ RAW ของกล้องถ่ายภาพมือถือ เพื่อนำไปปรับแต่งต่อในแอปพลิเคชันอื่นๆ เนื่องจากไฟล์ RAW เป็นข้อมูลดิบที่ไม่ผ่านกระบวนการบีบอีด หรือปรับแต่งใดๆ จึงเหมากับการนำไป Process ต่อในโปรแกรมอื่นๆ อย่างเช่น Lightroom เป็นต้น
นอกจากฟีเจอร์ที่ดึงมาจากกล้องใหญ่แล้ว สเปกกล้องมือถือก็มีการอัปเกรดเช่นเดียวกัน โดยครั้งนี้ Xperia 1 มาพร้อมกับพิกเซลใหญ่ขึ้นที่ขนาด 1.4 ไมครอน ส่วนรูรับแสงก็ขยายให้กว้างขึ้นที่ f/1.6 จากเดิมในรุ่นที่มีพิกเซลขนาด 1.22 ไมครอน และค่ารูรับแสงที่ f/2.0 ซึ่งการอัปเกรดครั้งนี้จะช่วยปรับปรุงการถ่ายภาพแสงน้อย รวมไปถึงการถ่ายวิดีโอในที่มืด โดยกล้องทั้งสามตัวของ Sony Xperia 1 จะประกอบไปด้วย กล้องเลนส์ Wide, กล้องเลนส์ Telephoto และกล้องเลนส์ Ultra Wide ซึ่งมาพร้อมกับความละเอียดเท่ากันที่ 12 ล้านพิกเซล
อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะเกิดความสงสัยว่า ทำไม Sony ถึงไม่ใช้กล้องความละเอียดสูงๆ เหมือนกับมือถือรุ่นอื่นๆ ที่เริ่มหันไปใช้กล้องหลังความละเอียด 48 ล้านพิกเซลกันแล้ว? เรื่องนี้ทาง Adam Marsh เล่าว่า ทีมพัฒนากล้องของ Sony ต้องการที่พัฒนากล้องความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ให้มีคุณภาพที่ดีกว่ากล้องความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เนื่องจากเซ็นเซอร์กล้อง 48 ล้านพิกเซลในตอนนี้ยังมีข้อจำกัดอยู่ อย่างเช่น ไม่มี Memory Stack หรือพื้นหน่วยความจำที่เอาไว้เก็บข้อมูลภาพถ่ายชั่วคราว ทำให้ไม่สามารถถ่ายวิดีโอ Super Slow-Motion ที่ระดับ 960fps ได้เหมือนกับเซ็นเซอร์ 12 ล้านพิกเซลที่มี Memory Stack ซึ่งหาก Sony ตัดสินใจใช้เซ็นเซอร์กล้อง 48 ล้านพิกเซล ก็จะทำให้เสียฟีเจอร์สำคัญอย่าง Super Slow-Motion ไป
ถึงแม้ว่า Sony Xperia 1 จะมีการปรับเปลี่ยนในเรื่องของฮาร์ดแวร์ไปมาก แต่สำหรับการแข่งขันด้านกล้องถ่ายภาพของวงการมือถือนั้น ถือว่ายังมีการแข่งขันที่สูง ซึ่งการที่ผู้บริโภคจะตัดสินใจมาเลือกซื้อ Xperia 1 ในขณะที่มีตัวเลือกต่างๆ อีกมาก คงอาจไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไหร่นัก ซึ่ง Adam Marsh ก็ให้ความคิดเห็นว่า “Sony เป็นแบรนด์ที่ไม่ได้ดึงดูดความสนใจได้ทุกคน เราไม่ใช่ Samsung ไม่ใช่ Huawei แต่แบรนด์ของเราจะดึงดูดเฉพาะกลุ่มคนที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาสามารถหยิบมันไปถ่ายภาพลงปกแม็กการซีน, ถ่ายวิดีโอ หรือทำอย่างอื่นที่แตกต่างออกไป”
Adam Marsh ชี้ว่า สำหรับจุดขายของ Sony Xperia 1 คือ หน้าจอ และกล้องถ่ายภาพ โดยหน้าจอได้มีการจับมือร่วมพัฒนากับทีม Bravia ที่พัฒนาโทรทัศน์ Sony (หน้าจอของ Xperia 1 ยังร่วมพัฒนากับทีม CineAlta เพื่อให้มีสีสันที่เที่ยงตรงเหมือนจอมอนิเตอร์สำหรับถ่ายภาพยนตร์) ส่วนกล้องก็ได้รับการพัฒนาร่วมกับทีมกล้อง Alpha โดยแม้ว่าคู่แข่งแต่ละแบรนด์จะมีจุดขายที่ดึงดูดผู้ใช้งานต่างกันออกไป แต่สำหรับ Sony แล้ว บริษัทเชื่อว่า คนที่ชอบการถ่ายภาพ หรือคนที่อยากลองเข้ามาสัมผัส Ecosystem ของกล้องใหญ่ จะต้องซื้อ Xperia 1 อย่างแน่นอน
ส่วนทิศทางในอนาคตของสมาร์ทโฟน Xperia และทีม Alpha ทาง Sony ระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่จะนำซอฟท์แวร์ใหม่ๆ ที่มีอยู่ในกล้อง Alpha มาใส่ไว้บนสมาร์ทโฟนด้วย โดยทาง Sony จะมีการพัฒนาอย่างใกล้ชิดร่วมกับทีม Alpha ต่อไป เพราะในตอนนี้ระบบจัดการภายในทีมสมาร์ทโฟนได้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต่างจากในอดีตที่ Sony เคยมีปัญหาด้านการร่วมงานกันระหว่างทีมต่างๆ ในบริษัท โดย Marsh เล่าว่า แม้ Sony จะเป็นบริษัทเดียวกันก็จริง แต่ก็ยังมีกำแพงบางอย่างขวางกั้นอยู่ เพราะทีมกล้อง Sony ไม่อยากที่จะพัฒนา หรือแบ่งฟีเจอร์ให้กับทีมมือถือมากนัก เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้เราได้ใช้งานมือถือที่มีฟีเจอร์ต่างๆ ไม่ต่างจากกล้องใหญ่ราคาเป็นแสน แต่ในตอนนี้ทีม Sony เปลี่ยนไปแล้ว ทุกคนมองว่าการมีสมาร์ทโฟน และกล้องที่สามารถให้ประสบการณ์การใช้งานเหมือนกัน ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี
จะเห็นได้ว่า Xperia 1 เปรียบเสมือนการเริ่มต้นครั้งใหญ่ของสมาร์ทโฟนเรือธงจาก Sony เลยกว่าได้ ซึ่งก็น่าติดตามกันต่อไปว่า Xperia รุ่นต่อไปจะมาพร้อมกับนวัตกรรมอะไรที่น่าสนใจ จะได้เห็นการร่วมมือกันระหว่างทีมอื่นๆ ของ Sony อีกหรือไม่ครับ
ที่มา : Trusted Review
วันที่ : 1/3/2562
