หน้าแรกมือถือ > รวมข่าวมือถือ > หน้าบทความ ข่าวมือถือ
   
Date : 9/3/2561

ทำไม? สมาร์ทโฟน Android ยุคใหม่ถึงต้องมี 'รอยบาก' แบบ iPhone X

 

เพิ่งจะเข้าสู่ปี 2018 ได้เพียง 3 เดือนเท่านั้น แต่เราก็ได้เห็นสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่เปิดตัวออกมามากมาย รวมไปถึงภาพคอนเซ็ปต์และภาพหลุดของว่าที่เรือธงต่างๆ ที่จ่อคิวรอเปิดตัวในอนาคต เทรนด์ไร้ขอบที่กำลังมาแรงและเทรนด์สแกนนิ้วใต้จอที่กำลังตั้งไข่ทำให้เราพอจะเห็นทิศทางของวงการสมาร์ทโฟนในปีนี้แบบคร่าวๆ แต่ขณะเดียวกัน ยังมีอีกเทรนด์หนึ่งที่เริ่มจะติดลมบนอย่างรวดเร็วในหมู่สมาร์ทโฟน Android อย่างไม่น่าเป็นไปได้ นั่นคือดีไซน์ “รอยบาก” บนหน้าจอ ที่ดูราวกับว่าได้ “แรงบันดาลใจ” มาจาก iPhone X เต็มๆ

หากจะพูดกันโดยไม่อ้อมค้อม รอยบากไม่ใช่นวัตกรรมที่น่าทำตามหรือเอามาต่อยอด มันไม่ใช่จุดเด่น แถมยังเหมือนจะเป็นจุดด้อยเส่ียมากกว่า เราทราบเรื่องนี้กันดีตั้งแต่ iPhone X ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากรอยบากเจ้าปัญหานี้ทันทีที่เปิดตัว สะท้อนให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่ยังไม่พร้อมกับหน้าจอที่มีสัดส่วนประหลาดแบบนี้ แต่แล้วทำไมจู่ๆ แบรนด์สมาร์ทโฟนฝั่ง Android ถึงอ้าแขนรับดีไซน์รอยบาก? มันคือแฟชันใหม่ของวงการสมาร์ทโฟน หรือมีความจำเป็นบางอย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้กันแน่?

ก่อนที่เราจะไปค้นหาคำตอบ เพื่อให้รู้จักดีไซน์รอยบากมากขึ้น เรามาย้อนความเป็นมาของมันกันก่อนดีกว่าครับ

 

“รอยบาก” มาได้ยังไง?

หากจะพูดถึงต้นกำเนิดของดีไซน์รอยบากเราอาจต้องย้อนเวลากลับไปถึงช่วงปลายๆ ของปี 2016 ซึ่งเป็นช่วงที่วงการสมาร์ทโฟนเริ่มเข้าสู่เทรนด์ของดีไซน์ไร้ขอบ โดยมี Xiaomi Mi Mix เป็นตัวจุดประกาย (แม้ Sharp จะทำมาก่อน) และมี Samsung Galaxy S8 เป็นตัวผลักดันให้กลายเป็นกระแสหลัก ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาแทบทุกแบรนด์ต่างก็พร้อมใจกันหาวิธีขยายพื้นที่หน้าจอของสมาร์ทโฟนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ โมดูลต่างๆ ที่เคยอยู่ด้านหน้าจึงต้องถูกย้ายไปอยู่ที่อื่น ปุ่มโฮมที่อยู่คู่วงการมาตั้งแต่ยุคแรกเป็นสิ่งแรกที่ถูกไล่ที่ กลายมาเป็นปุ่มโฮมแบบ on-screen ส่วนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ฝังอยู่ใต้ปุ่มโฮมก็ถูกไล่ไปอยู่หลังตัวเครื่อง ถึงจุดนี้สมาร์ทโฟนเริ่มมีหน้าตาเหมือนๆ กัน คือ “จอยาว ขอบบาง ไม่มีปุ่มโฮม” เหมือนเป็นสูตรสำเร็จที่ทุกแบรนด์ต้องทำหากไม่อยากอยู่ท้ายแถว

แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เป้าหมายต่อไปคือ “จอไร้ขอบ 100%” ดังนั้นกล้องหน้าและเซ็นเซอร์ต่างๆ ในขอบจอด้านบน จะต้องถูกไล่ที่เช่นกัน แต่ครั้งนี้ไม่ง่าย เพราะโมดูลเหล่านี้เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้และต้องอยู่ข้างหน้าเท่านั้นโดยเฉพาะกล้องหน้า ในเมื่อย้ายไปไหนไม่ได้ ก็คงต้องซ่อนมันเอาไว้ การหาวิธีซ่อนเซ็นเซอร์และกล้องหน้าจึงกลายเป็นโจทย์ใหม่ของวงการสมาร์ทโฟนที่ท้าทายขีดความสามารถทางนวัตกรรมของแต่ละแบรนด์อย่างมาก

จนกระทั่งเดือนสิงหาคมปี 2017 Essential Phone เปิดตัวสู่ตลาดด้วยดีไซน์ที่ไม่มีใครคิดว่าจะได้เห็น นั่นคือจอไร้ขอบที่ไม่มีขอบด้านบน แต่มีแถบกล้องหน้ายื่นเข้ามาในจอ แม้จะเป็นจุดเล็กๆ แต่ก็เตะตาจนไม่อาจมองข้ามได้ เป็นครั้งแรกที่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนยอมละทิ้งทรงสี่เหลี่ยมของหน้าจอเพื่อแลกกับพื้นที่แสดงผล และนี่เองคือจุดเริ่มต้นของดีไซน์ “รอยบาก”


Essential Phone

อย่างไรก็ดี ดีไซน์รอยบากเริ่มเป็นที่รู้จักและถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางจากการเปิดตัวของ iPhone X ที่เลือกใช้แถบรอยบากมาเป็นที่อยู่ของสารพัดเซ็นเซอร์และกล้องหน้า TrueDepth ที่รองรับการสแกนใบหน้าแบบ 3 มิติ แทนที่จะทำขอบด้านบนให้เต็ม ดีไซน์ที่ดูขาดๆ เกินๆ ทำให้ iPhone X ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากชาว Android หรือแม้กระทั่งแฟน Apple เอง แต่สุดท้ายแล้ว ผู้ใช้ก็เป็นฝ่ายปรับตัวให้ชินกับรอยบากนี้ไปเองจนได้


iPhone X

หลังจากนั้นเป็นต้นมา ดีไซน์รอยบากแบบ iPhone X ก็ถูกแบรนด์เล็กๆ ในจีนก็อปปี้ไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเพราะแบรนด์ดังๆ มักจะถูกก็อปปี้เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่เมื่อย่างเข้าสู่ปี 2018 แบรนด์ระดับสากลอย่าง ASUS และ Huawei กลับรับเอาดีไซน์รอยบากมาใช้ด้วย และยังมีอีกหลายแบรนด์ที่กำลังตามมาติดๆ เช่น OPPO และ vivo ทำไมแบรนด์ใหญ่ๆ ถึงยอมรับดีไซน์แบบนี้มาใช้?

 

จุดประสงค์ที่แท้จริงของรอยบาก?

ปฏิเสธไม่ได้ว่าความคิดแรกที่เกิดขึ้นมาในหัวคนส่วนใหญ่เมื่อเจอกับรอยบากบนสมาร์ทโฟน Android คือ “ตามกระแส iPhone แน่ๆ” แต่ถ้าเรามองให้ลึกอีกนิด เราอาจจะพบเหตุผลบางอย่างที่ซ่อนอยู่ครับ

สังเกตว่า ASUS Zenfone 5, Huawei P20 และ Vivo V9 นำรอยบากมาใช้ก็จริง แต่นำมาใช้เพื่อติดตั้งเซ็นเซอร์สำคัญหลายตัวและกล้องหน้า และยังพยายามทำให้มันเล็กกว่าของ iPhone X และเล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยไม่เหลือพื้นที่เปล่าๆ ไว้เลย ซึ่งหากมันถูกใส่เข้ามาด้วยเหตุผลทางแฟชันจริง ทำไมจึงต้องพยายามทำให้เล็กลง? และจะเป็นไปได้หรือ ที่แบรนด์ระดับสากลจะไม่รู้ว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่ชอบรอยบาก? ดังนั้นการที่มือถือ Android แบรนด์ดังนำรอยบากมาใช้ในสมาร์ทโฟนจึงไม่น่าจะทำไปเพื่อความเท่ หรือเกาะกระแส แต่น่าจะเป็นข้อจำกัดทางเทคนิคที่หลีกเลี่ยงไม่ได้มากกว่า เพราะการซ่อนเซ็นเซอร์และกล้องหน้าเป็นโจทย์ที่ยากและอาจจะแก้ได้ไม่ทัน circle เปิดตัวมือถือในแต่ละปี เมื่อถึงเวลาที่จะต้องเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ก็คงไม่มีทางเลือก นอกจากจะทำในสิ่งที่พอจะทำได้ไปก่อน ซึ่งก็คือการจัดวางเซ็นเซอร์แบบรอยบากอย่างที่เห็น


Huawei P20 Pro

 

เราหลีกเลี่ยงรอยบากไม่ได้เลยหรือ?


Vivo APEX (ซ้าย) และเรนเดอร์อย่างไม่เป็นทางการของ Xiaomi Mi Mix 2s (ขวา)

การหาที่อยู่ให้เซ็นเซอร์และกล้องหน้าเป็นโจทย์ที่ยากมากก็จริง แต่ผู้ผลิตบางแบรนด์ก็สามารถไขคำตอบได้แล้ว ยกตัวอย่างเช่น Xiaomi ที่เลือกใช้วิธีซ่อนเซ็นเซอร์เอาไว้ใต้จอทั้งหมด และย้ายกล้องหน้าไปอยู่ที่มุมเล็กๆ บนหน้าจอ ทำให้หน้าจอแสดงผลดูโล่งและสะอาดตาขึ้นมาก นอกจากนี้ยังมี Vivo APEX ที่รวมเทคโนโลยีสุดล้ำเอาไว้ในตัวมากมาย และยังทำจอไร้ขอบที่ครอบคลุมพื้นที่ถึง 98% โดยใช้่กล้องหน้าแบบ Pop-Up ที่จะเลื่อนออกมาเมื่อใช้ และเลื่อนเก็บเข้าไปในตัวเครื่องเมื่อใช้เสร็จ จึงไม่ต้องเผื่อพื้นที่บนจอไว้ให้อีกต่อไป

อาจจะมีแบรนด์อื่นอีกที่ไขโจทย์ข้อนี้ได้แล้วด้วยนวัตกรรมบางอย่าง แต่อาจจะยังมีต้นทุนสูงเกินกว่าจะผลิตเพื่อจำหน่ายในราคาที่สมเหตุสมผลได้ หลังจากนี้ก็คงขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น ซึ่งในท้ายที่สุด หากรอยบากไม่เป็นที่ยอมรับของผู้ใช้จริงๆ มันจะต้องหายไปอย่างแน่นอน

 

สรุป

เชื่อว่าแบรนด์ Android เล็กๆ อาจจะจงใจนำรอยบากมาใช้ให้ดูเหมือน iPhone X จริง แต่แบรนด์เหล่านี้ก็ใช้วิธีเลียนแบบฟีเจอร์และดีไซน์ของสมาร์ทโฟนแบรนด์ดังเพื่อให้ตัวเองติดตลาดเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว แต่สำหรับแบรนด์ที่มีชื่อเสียงระดับสากล และมีส่วนแบ่งในตลาดสมาร์ทโฟนที่มั่นคงอยู่แล้ว คงไม่จำเป็นต้องใช้วิธีเลียนแบบเพื่อให้อยู่ในกระแส แต่ที่นำรอยบากมาใช้เพราะยังไม่พบวิธีอื่นที่ดีกว่า หรืออาจจะพบแล้วแต่ยังวางจำหน่ายไม่ได้เพราะยังมีต้นทุนสูงอยู่ สังเกตจากการที่แบรนด์เหล่านี้พยายามทำให้รอยบากเล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ แสดงให้เห็นเป็นนัยๆ ว่าพวกเขาก็ไม่อยากให้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดของตัวเองมีรอยบากบนจอเช่นกัน ดังนั้นหากรอยบากไม่เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ใช้จริงๆ ในท้ายที่สุดมันก็จะต้องหายไป ไม่ว่าจะในฝั่ง Android หรือ Apple ครับ

 

นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com


วันที่ : 9/3/2561

Tags :
  



Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy