เลือกซื้อมือถือ Samsung รุ่นไหนดีในปี 2020? รุ่นไหนน่าสนใจ และเหมาะกับใครบ้าง เราสรุปมาให้แล้ว!
จากที่ทีมงานได้นำเสนอบทความ มือถือ Samsung แต่ละตระกูล ไม่ว่าจะเป็น S / Note / A และ M Series มีความแตกต่างกันอย่างไร? มือถือตระกูลไหนเหมาะกับใครบ้าง? ก็มีคำถามจากผู้อ่านหลายๆ คนว่า แล้วในปี 2020 นี้ เลือกซื้อสมาร์ทโฟน Samsung รุ่นไหนดี? วันนี้ทีมงาน Thaimobilecenter จึงขอโอกาสคัดเลือกสมาร์ทโฟน Galaxy ที่น่าจับจองเป็นเจ้าของในปีนี้มาให้ทุกท่านได้รับชมกัน โดยแบ่งตามซีรีส์ของมือถือ Samsung ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยทั้งหมด 4 ตระกูล ได้แก่ S / Note / A และ M Series ซึ่งจะมีรุ่นไหนบ้างนั้น ไปติดตามพร้อมกันเลยครับ
Galaxy S Series
Samsung Galaxy S20 : 24,900 บาท
สำหรับตระกูลเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Galaxy S20 Series ที่เปิดตัวออกมาทั้งหมด 3 รุ่นย่อยนั้น Galaxy S20 ดูจะเป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างน่าสนใจไม่ใช่น้อย เนื่องจามีราคาวางจำหน่ายเริ่มต้นที่ถูกที่สุดเมื่อเทียบกับ Galaxy S20 Series รุ่นอื่นๆ ที่เปิดตัวออกมาพร้อมกัน ซึ่งถึงแม้ว่า Galaxy S20 จะเป็นรุ่นเริ่มต้น แต่สเปกโดยรวมแล้วถือว่าใกล้เคียงกับรุ่นอื่นเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอแสดงผล Dynamic AMOLED 2X ที่รองรับการแสดงผลแบบ HDR10+ พร้อมรองรับค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz, ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่น IP68 กันน้ำสะอาดได้ลึกสุด 1.5 เมตร เป็นเวลานานสุด 30 นาที, ชิปเซ็ต Exynos 990 ตัวใหม่, ลำโพงคู่พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos รวมถึงเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ Ultrasonic ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่มีบน Galaxy S20 Series รุ่นอื่นๆ เช่นกัน
แต่หนึ่งในจุดสำคัญที่ Galaxy S20 ต่างจากรุ่นอื่นๆ ในซีรีส์เดียวกันก็คือ จำนวนกล้องถ่ายภาพ เนื่องจากเป็นรุ่นเดียวในซีรีส์ที่ให้กล้องหลังมา 3 ตัว แต่ Samsung ก็ให้เลนส์มาเพียงพอต่อการถ่ายภาพในชีวิตประจำวัน ทั้งเลนส์ มุมกว้าง, เลนส์มุมกว้างพิเศษ ไปจนถึงเลนส์ Telephoto ความละเอียดสูง 64 ล้านพิกเซล ที่ซูมภาพได้ไกล 30 เท่า ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาวางจำหน่ายปัจจุบันที่ปรับลดลงเหลือ 26,990 บาทแล้ว (อ้างอิงราคาจาก LazMall วันที่ 5 พ.ค. 63) ก็ส่งผลให้ Galaxy S20 เป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนเรือธงที่น่าเก็บเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว
จุดเด่นของ Galaxy S20
- จอ Dynamic AMLED 2X ที่มีความคมชัด แสดงสีสันได้สดใส ขนาดกำลังพอดีมือที่ 6.2 นิ้ว
- ขอบด้านข้างจอที่มีความโค้งน้อยลงกว่าเดิม ป้องกันอาการสัมผัสโดยไม่ได้ตั้งใจได้เป็นอย่างดี
- ชิปเซ็ต Exynos 990 ตัวท็อปสุดของ Samsung ณ ตอนนี้
- RAM ขนาด 8GB เพียงพอต่อการเปิดแอปพลิเคชันพร้อมกันได้โดยไม่มีอาการหน่วง
- กล้องหลัง 3 ตัวที่ให้เลนส์มาครบทุกระยะ ทั้ง Wide, Ultra Wide และ Telephoto
- แบตเตอรี่ขนาด 4000mAh พร้อมรองรับระบบชาร์จเร็ว 25W เท่ากับรุ่น Galaxy S20+
- แม้ว่าแบตเตอรี่อาจจะดูค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับ Galaxy S20 Series รุ่นอื่นๆ แต่การทดสอบจาก PhoneArena พบว่า Galaxy S20 สามารถใช้งานได้ยาวนานพอๆ กันกับ S20+ และ S20 Ultra
Samsung Galaxy S20+ : 27,990 บาท
สมาร์ทโฟนรุ่นกลางของตระกูล Galaxy S20+ ที่มีสเปกบางส่วนรองลงมาจากรุ่นท็อปสุดอย่าง Galaxy S20 Ultra 5G ในราคาวางจำหน่ายปัจจุบันที่ 29,990 บาท โดยมาพร้อมกับหน้าจอแสดง Dynamic AMOLED 2X ขนาดค่อนข้างใหญ่ที่ 6.7 นิ้ว, แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4500mAh รวมถึงจำนวนกล้องหลัง 4 ตัวเท่ากับ Galaxy S20 Ultra 5G แต่กล้องตัวหลักจะมีความละเอียดสูงสุดที่ 64 ล้านพิกเซล ต่างจาก Galaxy S20 Ultra 5G ที่กล้องตัวหลักเป็นเซ็นเซอร์ความละเอียด 108 ล้านพิกเซล แต่ในเรื่องของคุณภาพของกล้องถ่ายภาพโดยรวมนั้น ถือว่าใกล้เคียงกับ Galaxy S20 Ultra 5G เลยก็ว่าได้ เพราะ Galaxy S20+ ได้รับคะแนนทดสอบจาก DxOMark ทั้งหมด 118 คะแนน ขณะที่ Galaxy S20 Ultra 5G ได้รับคะแนนทดสอบด้านการถ่ายภาพที่ 122 คะแนน
แต่หากใครที่ต้องการจัดเต็มด้านคุณสมบัติภายในขึ้นไปอีกระดับ การเพิ่มเงินอีก 10,000 บาทเพื่อขยับไปซื้อ Galaxy S20 Ultra 5G ก็อาจดูเป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างน่าสนใจ เพราะสิ่งที่จะได้รับการอัปเกรดจากรุ่น Galaxy S20+ มีมากพอสมควร ไม่ว่าจะเป็น กล้องถ่ายภาพตัวหลักความละเอียดสูง 108 ล้านพิกเซล, หน้าจอขนาดใหญ่ขึ้นที่ 6.9 นิ้ว, RAM มากขึ้นที่ 12GB, แบตเตอรี่ความจุใหญ่ขึ้นที่ 5000mAh และชาร์จเร็วขึ้นที่ 45W รวมถึงได้ฟีเจอร์สำคัญอย่างการรองรับเครือข่าย 5G แต่หากผู้ใช้รายใดที่ต้องการอัปเกรดเป็น Galaxy S20 Ultra 5G เพื่อใช้งานเครือข่าย 5G เป็นหลัก ทางทีมงานอยากให้พิจารณาด้วยว่า พื้นที่ที่ท่านใช้งานเครือข่ายมือถืออยู่เป็นประจำ มีคลื่น 5G ให้บริการครอบคลุมหรือไม่ เนื่องจากในตอนนี้ 5G ในประเทศไทยยังอยู่ในช่วงของการทดสอบสัญญาณ และมีการจำกัดการให้บริการ 5G อยู่ในพื้นที่บางส่วน แต่หากต้องการซื้อเพื่อถือยาวสำหรับรอใช้งาน 5G ในอนาคต ก็อาจลองมองหาโปรโมชันพิเศษจากผู้ให้บริการเครือข่าย หรือช่องทางออนไลน์เพื่อซื้อเครื่องในราคาที่ถูกลง ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจครับ
จุดเด่นของ Galaxy S20+
- จอ Dynamic AMLED 2X ที่มีความคมชัด แสดงสีสันได้สดใส ขนาดใหญ่เต็มตา 6.9 นิ้ว
- ขอบด้านข้างจอที่มีความโค้งน้อยลงกว่าเดิม ป้องกันอาการสัมผัสโดยไม่ได้ตั้งใจได้เป็นอย่างดี
- ชิปเซ็ต Exynos 990 ตัวท็อปสุดของ Samsung ณ ตอนนี้
- RAM ขนาด 12GB แบบ LPDDR5 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด
- กล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียด 108 ล้านพิกเซล ซึ่งถือว่าเป็นเซ็นเซอร์กล้องมือถือที่มีความละเอียดสูงสุดในปัจจุบัน
- แบตเตอรี่ขนาด 5000mAh พร้อมรองรับระบบชาร์จเร็ว 45W
Samsung Galaxy S10 Lite : 13,990 บาท
Galaxy S10 Lite ถือว่าเป็นหนึ่งในเรือธงราคาไม่เกิน 20,000 ที่น่าสนใจในปี 2020 เลยก็ว่าได้ เนื่องจากทาง Samsung เลือกใช้ชิปเซ็ตตัวท็อปจากฝั่ง Qualcomm อย่าง Snapdragon 855 ที่มีจุดเด่นด้านความเร็วแรงทั้งการประมวลผล และการเล่นเกม ซึ่งหากเราไปตรวจสอบการจัดอันดับของแอปพลิเคชัร AnTuTu จะพบว่า ชิปเซ็ต Snapdragon 855 จะสามารถทำคะแนนได้เกือบ 500,000 คะแนน ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับชิปเซ็ต Exynos 990 ที่ใช้บน Galaxy S20 Series เลยทีเดียว
นอกเหนือจากชิปเซ็ตภายในที่มีความเร็วแรงแล้ว Galaxy S10 Lite ยังถอดแบบคุณสมบัติเด่นมาจากเรือธงรุ่นพี่ด้วย ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอ Super AMOLED Plus ขนาด 6.7 นิ้วที่รองรับการแสดงผล HDR10+, แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4500mAh ที่รองรับระบบชาร์จเร็วสูงสุด 45W, ระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ไปจนถึงกล้องหลัง 3 ตัวความละเอียดสูง 48 ล้านพิกเซล ที่มีระบบกันสั่นแบบ Super Steady OIS ซึ่งหากเทียบกับราคาวางจำหน่ายที่ 16,900 บาทแล้ว ส่งผลให้ Galaxy S10 Lite เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการมือถือสเปกแรงสำหรับเล่นเกม ไปจนถึงผู้ที่เพิ่งเปลี่ยนมาทดลองใช้งานมือถือเรือธง Samsung เป็นครั้งแรกอย่างมาก
จุดเด่นของ Galaxy S10 Lite
- หน้าจอแสดงผล Super AMOLED Plus ขนาดใหญ่ 6.7 นิ้ว ที่รองรับ HDR10+ ตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบการรับชมคอนเทนต์ต่างๆ เป็นอย่างดี
- ชิปเซ็ตตัวท็อป Snapdragon 855 ที่ถือว่ายังมีความแรงเพียงพอต่อการใช้งานในปัจจุบัน ทั้งการเล่นเกมกราฟิกสูง, การเล่นโซเชียลมีเดีย หรือการใช้งานทั่วไปในปัจจุบัน
- กล้องหลัง 3 ตัวที่มีระบบกันสั่นแบบ Super Steady OIS ช่วยให้การถ่ายวิดีโอมีความนิ่งกว่าการใช้ซอฟท์แวร์
- ราคาวางจำหน่ายเข้าถึงได้ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับ Galaxy S20 Series รุ่นอื่นๆ
Galaxy Note Series
Samsung Galaxy Note 20 Ultra : เริ่ม 38,900 บาท
หากกล่าวถึงสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปที่สุด และน่าซื้อที่สุดในปี 2020 ก็คงจะเป็นรุ่นใดไปไม่ได้นอกจาก Samsung Galaxy Note 20 Ultra เรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมการดีไซน์ใหม่ สวยพรีเมียมกว่าเดิม อีกทั้งยังอัปเกรดฟีเจอร์ภายในแบบจัดเต็มกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอ Infinity-O Dynamic AMOLED 2X ขนาดใหญ่ถึง 6.9 นิ้ว พร้อมค่า Refresh Rate ระดับสูงสุดที่ 120Hz, กล้องตัวหลักที่ด้านหลังคมชัด 108 ล้านพิกเซล พร้อมด้วยกล้อง Periscope Telephoto รองรับการซูมภาพด้วยเลนส์ได้ 5 เท่า (5x Optical Zoom) และซูมภาพสูงสุด 50 เท่า (50x Hybrid Zoom) รวมถึงกล้อง Ultra-Wide เก็บภาพมุมกว้าง 120 องศา, มี RAM ขนาดสูงสุด 12GB พร้อมชิปรุ่นใหม่อย่าง Exynos 990 และปากกา Advanced Intelligent S Pen ที่ชาญฉลาด พร้อมลูกเล่นใหม่ช่วยให้ใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น โดยเปิดราคาวางจำหน่ายเริ่มที่ 38,900 บาท สำหรับรุ่น LTE ส่วนรุ่น 5G เริ่มที่ 42,900 บาท
จุดเด่นของ Galaxy Note 20 Ultra
- หน้าจอแบบ Dual Curved Dynamic AMOLED 2X Infinity-O Display ขนาด 6.9 นิ้ว ความละเอียดสูง QHD+ และมีค่า Refresh Rate ระดับสูงสุด 120Hz
- RAM ขนาดสูงสุด 12GB พร้อม ROM ความจุมากสุด 512GB
- กล้องตัวหลักคมชัดสูง 108 ล้านพิกเซล
- ปากกา S Pen เวอร์ชันอัปเกรด
- รองรับเครือข่าย 5G
- แบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จไว 25W SuperFast Charge
Samsung Galaxy Note 10+ : 34,110 บาท
สำหรับ Galaxy Note10+ ถือเป็นมือถือตระกูล Note ที่ค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว เพราะในปัจจุบันตามร้านค้าออนไลน์ต่างๆ มีการปรับราคาวางจำหน่ายถูกลงกว่าตอนเปิดตัว ส่งผลให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดย Galaxy Note10+ มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ 6.8 นิ้ว ซึ่งนอกเหนือจากจะช่วยให้มีพื้นที่ในการแสดงผลกว้างขึ้นแล้ว ยังช่วยให้มีพื้นที่ในการใช้ปากกา S Pen สำหรับจดบันทึก หรือวาดภาพมากขึ้นตามไปด้วย ส่วนทางด้านสเปกก็ถือว่ายังจัดอยู่ในระดับท็อป ตอบโจทย์การใช้งานรอบด้าน ด้วยชิปเซ็ต Exynos 9825 ที่ใช้สถาปัตยกรรมการผลิตระดับ 7 นาโนเมตรเหมือนกับชิปเซ็ต Exynos 990 ที่ใช้บนสมาร์ทโฟน Galaxy S20 Series ทุกรุ่น พร้อมความจุสุงสุด 256GB และกล้องถ่ายภาพที่ได้รับคะแนนทดสอบรวมจากสถาบันทดสอบชื่อดังอย่าง DxOMark มากถึง 113 คะแนน
จุดเด่นของ Samsung Galaxy Note10+
- หน้าจอ Dynamic AMOLED Cinematic Infinity-O Display ขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียดระดับ QHD+
- RAM ขนาด 12GB พร้อมความจุภายในสูงสุด 512GB
- กล้องถ่ายภาพ 4 ตัว รองรับการถ่ายภาพในทุกระยะ
- แบตเตอรี่ความจุ 4300 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 45W SuperFast Charging
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ (Ultrasonic Fingerprint Scanner)
Samsung Galaxy Note10 Lite : 15,488 บาท
หากใครที่ต้องการเปลี่ยนมาใช้ Galaxy Note เป็นเครื่องแรก หรือมีงบประกาณไม่เกิน 20,000 บาท Galaxy Note10 Lite ก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเพราะ Samsung เปิดราคาวางจำหน่ายเอาไว้ที่ 17,990 บาทเท่านั้น แต่ได้ชิปเซ็ต Exynos 9810 เหมือนกับที่ใช้บน Galaxy S9 และ Note9 บนดีไซน์จอเจาะรูแบบเดียวกับ Galaxy Note10 และกล้องหลังจำนวน 3 ตัวที่ให้เลนส์การถ่ายภาพมาครบทุกระยะทั้งเลนส์มุมกว้างไปจนถึงเลนส์ซูม ที่สำคัญยังสามารถใช้ปากกา S Pen เพื่อสั่งการแบบไร้สายได้เหมือนกับ Galaxy Note รุ่นใหม่ๆ ด้วย แต่แตกต่างกันตรงที่ปากกา S Pen ของ Galaxy Note10 Lite จะไม่มีเซ็นเซอร์ Gyroscope ทำให้ไม่สามารถวาดปากกาบนอากาศเพื่อสั่งการได้นั่นเองครับ
จุดเด่นของ Galaxy Note10 Lite
- สมาร์ทโฟน Galaxy Note มีปากกา S Pen ในราคาไม่ถึงสองหมื่นบาท
- หน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED ขนาดค่อนข้างใหญ่ที่ 6.7 นิ้ว
- แบตเตอรี่ขนาด 4500mAh พร้อมชาร์จไว 25W เพียงพอต่อการใช้งานระหว่างวัน
- กล้องหลัง 3 ตัวเลนส์ครบทุกระยะ
Galaxy A Series
Samsung Galaxy A71 5G : 19,990 บาท
มาต่อกันที่ Galaxy A Series สมาร์ทโฟนระดับกลางกันบ้าง โดยอย่างที่ทีมงานเคยแจ้งในบทความความแตกต่างของสมาร์ทโฟน Galaxy แต่ละซีรีส์เอาไว้ว่า Galaxy A Series สามารถจำแนกคุณสมบัติในเบื้องต้นได้ง่ายๆ โดยยึดเลขรุ่นตัวหน้าเป็นหลัก ซึ่งในรุ่นที่มีคุณสมบัติอยู่ในระดับท็อปที่น่าซื้อในช่วงครึ่งหลังปี 2020 ก็คือ Samsung Galaxy A71 5G สมาร์ทโฟนรุ่นอัปเกรดที่มาพร้อมความสามารถในการเชื่อมต่อเครือข่าย 5G ด้วยชิปเซ็ตระดับรองท็อปรุ่นใหม่อย่าง Exynos 980 พร้อมฝาหลังลายใหม่ในชื่อ Prism Cube ที่มีการแบ่งลวดลายออกเป็น 2 ฝั่งอย่างชัดเจน และมีหน้าจอไร้ขอบเจาะรูกล้องหน้าแบบ Super AMOLED Plus Infinity-O Display ขนาดใหญ่ 6.7 นิ้ว พร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (On-Screen Fingerprint) นอกจากนี้ก็มีแบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh ที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 25W Super Fast Charging และมาพร้อมกับกล้องหลัง 4 ตัว (Quad Camera) ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ประกอบกับเลนส์ Ultra-Wide, Macro และ Depth สำหรับการถ่ายภาพในทุกระยะ
จุดเด่นของ Galaxy A71 5G
- รองรับเครือข่าย 5G
- ชิปเซ็ต Exynos 980 ในระดับรองท็อปรุ่นล่าสุด
- หน้าจอ Super AMOLED Plus Infinity-O Display ขนาดใหญ่ 6.7 นิ้ว
- แบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 25W SuperFast Charging
Samsung Galaxy A71 : 12,990 บาท
Galaxy A71 กับสเปกโดยรวมที่ค่อนข้างน่าสนใจพอสมควร ด้วยหน้าจอแสดงผล Super AMOLED Plus ขนาดใหญ่ 6.7 นิ้ว, ชิปเซ็ต Snapdragon 730 ที่มีจุดเด่นทั้งการเล่นเกม และการใช้งานในชีวิตประจำวัน, RAM ขนาดใหญ่ 8GB พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4500mAh ที่รองรับระบบชาร์จเร็ว 25W โดยทาง Samsung เปิดราคาวางจำหน่ายเอาไว้ที่ 12,490 บาท
จุดเด่นของ Galaxy A71
- หน้าจอ Super AMOLED Plus ขนาดใหญ่ 6.7 นิ้ว
- ชิปเซ็ต Snapdragon 730 ที่มีจุดเด่นด้านการประหยัดพลังงานด้วยสถาปัตยกรรมระดับ 8 นาโนเมตร
- แบตเตอรี่ขนาด 4500mAh รองรับชาร์จไว 25W
Samsung Galaxy A51 : 9,490 บาท
ส่วนใครที่ตั้งงบประมาณไว้ไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท Galaxy A51 ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าจับตามอง เพราะเป็นสมาร์ทโฟนน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่นาน โดยมาพร้อมกับจุดเด่นด้านสเปกที่ถือว่าจัดเต็มไม่แพ้รุ่นใหญ่ ด้วยหน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED ขนาดกำลังดีที่ 6.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ พร้อมระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้จอ และแบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh ที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 15W Fast Charging รองรับการใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน และยังให้กล้องหลังสำหรับถ่ายภาพมามากถึง 4 ตัว ตอบโจทย์การเก็บภาพในทุกระยะ พร้อมโหมดถ่ายภาพต่างๆ ให้เลือกใช้งานอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น โหมดถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ, โหมดถ่ายภาพจากเลนส์มุมกว้าง หรือการถ่ายภาพเซลฟี่หน้าชัดหลังเบลอ โดยปัจจุบันมีราคา 9,490 บาท
จุดเด่นของ Galaxy A51
- มือถือ Galaxy A Series ในราคาไม่ถึงหมื่น ที่มาพร้อมกับจอ Super AMOLED
- แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh สามารถใช้งานได้ยาวนาน พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 15W Fast Charging
- กล้องหลัง 4 ตัว มีเลนส์ให้เลือกถ่ายภาพครอบคลุมทุกระยะ พร้อมโหมดการถ่ายภาพหลากหลาย
Galaxy M Series
Samsung Galaxy M51 : 10,999 บาท
ข้ามมาที่ตระกูล Galaxy M Series ที่เน้นหน้าจอขนาดใหญ่ และแบตเตอรี่ที่ใช้ได้ยาวนานกันบ้าง โดยหนึ่งในรุ่นที่น่าสนใจในปี 2020 ก็คือ Samsung Galaxy M51 ที่มากับแบตเตอรี่ความจุ 7000 mAh ที่มากที่สุดในค่าย ณ ตอนนี้ พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 25W SuperFast Charging ที่ช่วยย่นระยะเวลาในการชาร์จ รวมถึงรันด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 730 จับคู่กับ RAM 8GB + ROM ขนาด 128GB บนระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย One UI 2.5 เวอร์ชันใหม่แบบแกะกล่อง บนการดีไซน์จอไร้ขอบเจาะรูกล้องหน้าแบบ Infinity-O Display เทคโนโลยี Super AMOLED Plus ขนาดใหญ่ 6.7 นิ้ว พร้อมฝาหลังเงางามที่ติดตั้งกล้องทั้งหมด 4 ตัว (Quad Camera)
จุดเด่นของ Galaxy M51
- แบตเตอรี่ความจุ 7000 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 25W SuperFast Charge
- หน้าจอแสดงผล Super AMOLED Infinity-O Display ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+
- กล้องหลัง 4 ตัว (Quad Camera) ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล
- ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 730
Galaxy M31 : 7,490 บาท
Galaxy M31 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED ขนาดใหญ่ 6.4 นิ้ว พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 6000 mAh และเด่นที่กล้องถ่ายภาพ ด้วยกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียดสูง 32 ล้านพิกเซล และกล้องหลัง 4 ตัวความความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์ถ่ายภาพครบทุกระยะ สนนราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 7,590 บาทเท่านั้น
จุดเด่นของ Galaxy M31
- แบตเตอรี่ความจุ 6000 mAh ที่มากกว่าสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นในราคาเดียวกัน
- หน้าจอ Super AMOLED ในราคาไม่ถึงหมื่นบาท
- กล้องหลัง 4 ตัวความละเอียดสูง 64 ล้านพิกเซล เลนส์ถ่ายภาพครอบคลุม
- กล้องหน้าความละเอียดสูง 32 ล้านพิกเซล
อย่างไรก็ตาม Guideline นี้ เป็นคู่มือในการประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อ Samsung ในปี 2020 แบบเบื้องต้นเท่านั้น สมาร์ทโฟนรุ่นใดจะดีที่สุดทางทีมงานคงไม่สามารถให้คำตอบได้ เพราะส่วนหนึ่งต้องขึ้นอยู่กับความชื่นชอบส่วนบุคคลของผู้ใช้งานด้วย หากทดลองเล่นรุ่นไหนแล้วถูกใจ ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันทั่วไป และมีราคาวางจำหน่ายที่สามารถจับจองได้ สมาร์ทโฟนรุ่นนั้นก็ถือว่าน่าซื้อเป็นเจ้าของแล้วครับ
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 18/09/2563
