เจาะฟังก์ชันกล้องถ่ายภาพของ Vivo V9 มือถือกล้องหน้า AI Selfie 24 ล้าน ผสานกล้องหลังคู่รุ่นล่าสุด ในราคา 10,999 บาท
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทางแบรนด์สมาร์ทโฟนจากประเทศจีนอย่าง Vivo ได้มีการเปิดตัวมือถือระดับกลางรุ่นใหม่ล่าสุดจากตระกูล V-Series อย่าง Vivo V9 ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมกับเปิดราคาวางจำหน่ายเอาไว้ที่ 10,999 บาท ซึ่งมือถือรุ่นดังกล่าวก็ถือว่ามีกระแสตอบรับที่ดีจากผู้ใช้งานมากพอสมควร เนื่องจากทาง Vivo ได้มีการอัปเกรดคุณสมบัติภายในให้ก้าวล้ำขึ้นกว่ารุ่นก่อน เริ่มตั้งแต่ ดีไซน์หน้าจอที่ไร้ขอบมากกว่าเดิม เพื่อช่วยเพิ่มพื้นที่ในการแสดงผลให้ใหญ่เต็มตา หรือชิปเซ็ตรุ่นใหม่ที่ประมวลผลได้รวดเร็วยิ่งขึ้น รวมไปถึงการยกเครื่องด้านกล้องดิจิทัลทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ด้วยการเพิ่มฟีเจอร์ และระบบใหม่ๆ เพื่อพร้อมตอบโจทย์การถ่ายภาพในทุกสถานการณ์
โดยในส่วนของกล้องหน้านั้น ได้มีการนำเอาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยตกแต่งใบหน้าผู้ใช้งานให้มีความสวยงาม รวมไปถึงช่วยในการถ่ายภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอได้โดยใช้ AI ประมวลผล ส่วนกล้องหลังของ ViVo V9 ก็อัปเกรดไปใช้งานระบบกล้องคู่ (Dual-Camera) ตามเทรนด์สมาร์ทโฟนในปัจจุบัน พร้อมรองรับการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอผ่านโหมด Portrait และยังมาพร้อมกับโหมดการถ่ายภาพให้เลือกใช้งานอย่างหลากหลาย
จะเห็นได้ว่าการถ่ายภาพถือเป็นไฮไลท์เด่นที่น่าสนใจของ Vivo V9 ดังนั้นในวันนี้ทีมงานจึงจะพาทุกท่านไปเจาะลึกถึงฟังก์ชันกล้องของ Vivo V9 ทั้งกล้องหน้าและหลังกันว่าจะถ่ายออกมาได้เป็นอย่างไร พร้อมรูปภาพตัวอย่างจากโหมดต่างๆของกล้อง ถ้าพร้อมแล้วเราไปติดตามการทดสอบพร้อมกันเลยครับ
เจาะลึกฟังก์ชันกล้องหน้า 24 ล้านพิกเซลของ Vivo V9
Vivo V9 มาพร้อมกับกล้องหน้าความละเอียดสูงถึง 24 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยี AI Face Beauty ที่เป็นการนำซอฟแวร์มาช่วยวิเคราะห์ลักษณะโครงหน้าของหน้าของผู้ใช้งานแต่ละคน ทั้ง เพศ อายุ สีผิว รวมไปถึงสภาพแสงที่อยู่โดยรอบ เพื่อนำไปปรับแต่งภาพเซลฟี่ให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติโดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องปรับแต่งเพิ่มเติม (หากไม่ต้องการใช้โหมด Pro) นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับ ออฟชันการถ่ายภาพแบบ HDR สำหรับช่วยถ่ายภาพในสถานการณ์ที่มีความแตกต่างของแสงค่อนข้างเยอะ อย่างเช่น การถ่ายภาพแบบย้อนแสง หรือสถานที่กลางแจ้งที่มีแสงแดดจ้าซึ่งมักจะทำให้รูปออกมา Overexposure หรือที่เรียกกันง่ายๆว่าติดโทนขาว โดยฟังก์ชันนี้จะช่วยให้ภาพที่ได้มีแสงสว่างอยู่ในระดับที่พอดี ไม่มีส่วนไหนมืด หรือสว่างเกินไปจนกลบรายละเอียดภาพส่วนอื่นๆ
ภาพที่ 1 ภาพถ่ายจากโหมด AI Portrait พร้อมเปิดเอฟเฟ็กต์ AI Face Beauty
ในภาพแรกเราใช้การ ถ่ายภาพเซลฟี่หน้าชัดหลังเบลอผ่านโหมด AI Portrait โดยเลือกให้นางแบบยืนอยู่ด้านหน้าพุ่มไม้เพื่อดูการตัดขอบหน้าชัดหลังเบลอของโหมดนี้ผ่านกล้องหน้า ภาพที่ออกมาจะเห็นได้ว่าการตัดขอบสามารถทำได้ดูเป็นธรรมชาติแม้จะมีการผิดพลาดเล็กน้อยที่ส่วนปลายผม แต่โดยรวมสามารถถ่ายออกมาได้ดี และฟังก์ชัน AI Face Beauty ของ Vivo รุ่นนี้ดูเหมือนจะเน้นให้ผู้ถ่าย ถ่ายออกมาดูมีความเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้นอีกด้วยและผู้ใช้สามารถใช้งานโหมดถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ (AI Portrait) พร้อมกับฟังก์ชันปรับหน้าสวยแบบ AI Face Beauty ในเวลาเดียวกันได้
ภาพที่ 2 ภาพถ่ายจากโหมด HDR โดยเน้นการถ่ายย้อนแสง
สำหรับการถ่ายรูปที่สองเรามาลองถ่ายเซลฟีแบบย้อนแสงกันดูบ้าง ปกติการถ่ายรูปแบบย้อนแสงเรามักจะไม่เห็นฉากหลังและบางครั้งตัวแบบจะดูมืดไปเลย โหมด HDR ที่ดีต้องทำให้ตัวแบบสว่างในขณะที่ยังสามารถเก็บรายละเอียดของฉากหลังได้ด้วย สำหรับ Vivo V9 ถือว่าการถ่ายโหมด HDR ทำได้ค่อนข้างดีโดยหน้าของนางแบบไม่มืดจนเกินไปและยังสามารถเก็บรายละเอียดฉากหลังได้ดีอยู่
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด AR Stickers
สำหรับฟังก์ชันสุดท้ายของกล้องหน้าเรามาดู AR Stickers ซึ่งเป็นการเพิ่มสติ๊กเกอร์รูปแบบต่างๆ บนใบหน้าผู้ใช้งาน อย่างเช่น กระต่าย หูน้องแมว แว่นตา หรือหมวกทำให้ภาพเซลฟี่ที่ได้ดูมีความสนุกสนาน และมีชีวิตชีวามากขึ้น ซึ่งน่าจะถูกอกถูกใจผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพเซลฟี่อยู่เป็นประจำไม่ใช่น้อยครับ
เจาะฟังก์ชันกล้องหลังคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 12 + 5 ล้านพิกเซลของ Vivo V9
ภาพที่ 1 ถ่ายจากโหมด AI Bokeh
กล้องหลังของ Vivo V9 มีการปรับไปใช้งานระบบกล้องคู่ (Dual-Camera) โดยกล้องตัวหลักมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องตัวที่สองความละเอียด 5 ล้านพิกเซลจะทำหน้าที่เก็บรายละเอียด พร้อมรองรับเทคโนโลยี AI Bokeh ซึ่งเป็นอัลกอริทึมที่ทาง Vivo ได้พัฒนามาเพื่อช่วยสร้างเอฟเฟ็กต์หน้าชัดหลังเบลอ หรือโบเก้ (Bokeh) ได้คล้ายกับการถ่ายภาพด้วยกล้อง DSLR ระดับมืออาชีพ สังเกตได้ว่าการตัดขอบของตัวแบบกับฉากหลังค่อนข้างแม่นยำ สังเกตจากผมด้านซ้ายของนางแบบที่ไม่ถูกเบลอไปกับฉากหลัง
ภาพที่ 2 ถ่ายจากโหมด AI Bokeh
ภาพที่ 3 ภาพถ่ายจากโหมด AI Bokeh พร้อมเปิด HDR เน้นการถ่ายย้อนแสง
สำหรับภาพที่ 2 และ 3 เราถ่ายโดยเปิด AI Bokeh ซึ่งเป็นอัลกอริทึมที่ทาง Vivo ได้พัฒนามาเพื่อช่วยสร้างเอฟเฟ็กต์หน้าชัดหลังเบลอ หรือโบเก้ (Bokeh) พร้อมกับเปิด HDR จะเห็นได้ว่ารูปออกมาค่อนข้างมีความเป็นธรรมชาติและตัวกล้องคู่หลังก็สามารถเก็บรายละเอียดของฉากหลังได้ครบถ้วนอีกด้วยถึงแม้ว่าจะเป็นการถ่ายภาพแบบย้อนแสง
เจาะลึกฟังก์ชันโหมดโปร (Professional)
อีกหนึ่งจุดเด่นของระบบกล้องหลังใน Vivo V9 คือการมาพร้อมกับโหมดโปร (Professional) ที่ผู้ใช้สามารถปรับแต่งค่าต่างๆ ที่อยู่บนกล้องได้เองทั้งหมด 5 ค่า เพื่อตอบสนองความต้องการการถ่ายภาพในสถานการณ์ต่างๆ ดังนี้
- ปรับค่าชดเชยแสง (EV) ได้ระหว่าง -2EV ถึง +2EV
- ปรับค่าความไวแสง (ISO) ได้ตั้งแต่ ISO 50 ถึง ISO 3200
- ปรับค่าความเร็วชัตเตอร์ (Speed Shutter) ได้ตั้งแต่ 1/12000 ถึง 16 วินาที
- ปรับค่าสมดุลแสงสีขาว White Balance ได้ทั้งหมด 6 แบบ
- ปรับระยะโฟกัส
F2.0 / ISO 50 / Speed Shutter 2 Sec (ใช้ขาตั้ง)
F2.0 / ISO 100 / Speed Shutter 1 Sec (ใช้ขาตั้ง)
และด้วยความที่โหมดโปรของ Vivo V9 สามารถปรับแต่งค่าต่างๆ ของกล้องถ่ายภาพได้อย่างอิสระนี่เอง จึงเหมาะกับการนำไปประยุกต์ใช้เพื่อถ่ายภาพในเทคนิคต่างๆ อย่างเช่น การถ่ายภาพแบบ Long Exposure ซึ่งเป็นการถ่ายภาพวัตถุที่เคลื่อนไหวอยู่ให้กลายเป็นเส้นสาย โดยในภาพด้านต้นนั้นจะปรับ ISO (ค่าความไวแสง) ให้ต่ำที่สุดเพื่อป้องกันการเกิดจุดรบกวนบนภาพ (Noise) และตั้งค่า Speed Shutter (ความเร็วชัตเตอร์) เอาไว้ที่ประมาณ 1-2 วินาที เพื่อให้สมาร์ทโฟนเปิดการรับแสงนานขึ้น ซึ่งผลลัพธ์จะช่วยให้ไฟท้ายรถที่เคลื่อนไหวอยู่นั้นกลายเป็นเส้นสายไฟนั่นเอง
ทดสอบการถ่ายภาพวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวให้หยุดนิ่งด้วยโหมดโปร
F/2.0 / ISO 800 / Speed Shutter 1/625 Sec
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดปกติ
หรือการถ่ายภาพแบบ High Speed Shutter ซึ่งการการถ่ายภาพวัตถุที่เคลื่อนไหวอยู่ให้หยุดนิ่งคมชัดโดยไม่มีอาการเบลอ ไม่ว่าจะเป็น การถ่ายภาพรถยนต์ที่กำลังวิ่งอยู่บนท้องถนน หรือการถ่ายภาพคนที่มีการเคลื่อนไหว อย่างเช่นตัวอย่างภาพด้านบนซึ่งจะเน้นปรับ Speed Shutter สูงๆ ที่ประมาณ 1/400 - 1/800 เพื่อให้ม่านชัตเตอร์ปิดเร็วขึ้น ส่งผลให้การจับภาพก็จะไวมากขึ้นตามไปด้วย ทำให้วัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่หยุดนิ่งอยู่กับที่นั่นเอง
ภาพตัวอย่าง ก่อน และ หลังปรับ White Balance
นอกจากนี้ โหมดโปรยังมีประโยชน์ในเรื่องของการแก้ไขการวัดแสงของโหมด Auto ที่ในบางครั้งอาจไม่ตรงตามที่ต้องการ ทำให้ภาพที่ได้อาจต้องมีการนำไปปรับแต่งในแอปพลิเคชันอื่นเพิ่มเติม ซึ่งเป็นการเพิ่มขั้นตอนให้ยุ่งยากขึ้น แต่ถ้าหากใช้โหมดโปรเราสามารถปรับ White Balance ให้ตรงตามที่ต้องการได้ทันทีแบบ Real Time ซึ่งก็ช่วยให้การถ่ายภาพมีความสะดวกมากยิ่งขึ้นครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดอื่นๆ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Panorama
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด AR Stickers ด้วยกล้องหลัง
สำหรับโหมดการถ่ายภาพอื่นๆของของกล้องหลังมีทั้งโหมด Panorama สำหรับเก็บภาพถ่ายในมุมกว้าง, โหมด AI HDR สำหรับเก็บภาพในสภาวะแสงที่มีความแตกต่างกัน, โหมด AR Stickers สำหรับช่วยเพิ่มสีสันให้แก่ภาพถ่ายด้วยสติ๊กเกอร์ในรูปแบบต่างๆ
บทสรุปผลทดสอบการถ่ายภาพของ Vivo V9
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับการทดสอบฟังก์ชันกล้องถ่ายภาพของ Vivo V9 ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง ซึ่งจากที่ทดสอบในครั้งนี้ทั้งการถ่ายภาพบุคคลในที่แสงจ้า และที่ย้อนแสง รวมไปถึงการถ่ายภาพด้วยโหมดโปร (Professional) ก็ถือได้ว่า Vivo V9 เป็นสมาร์ทโฟนอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจในระดับราคานี้เลยทีเดียว โดยการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอด้วยกล้องหน้านั้น แม้ว่าจะยังมีบางจุดที่พบเห็นการเบลอที่ผิดพลาดบ้างเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าทำได้ค่อนข้างน่าประทับใจ ส่วนการตัดขอบด้วยกล้องหลังก็ทำได้ค่อนข้างแม่นยำ ซึ่งเป็นผลมาจากทำงานร่วมกันของระบบกล้องหลังคู่ และเทคโนโลยี AI Bokeh ที่ทาง Vivo ได้พัฒนาขึ้นนั่นเอง
ด้านโหมด AI Face Beauty ที่เป็นการนำ AI เข้ามาช่วยตกแต่งใบหน้าของตัวแบบ ก็สามารถปรับแต่งได้ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ค่อยปรับความเรียบเนียนจนเกินจริง ส่วนโหมดโปร (Professional) ก็สามารถตั้งค่าต่างๆ ได้ค่อนข้างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นค่า ISO หรือค่า Speed Shutter ทำให้สามารถนำไปใช้เพื่อถ่ายภาพในเทคนิคต่างๆ ได้คล้ายกับกล้องใหญ่ เช่น การถ่ายภาพแบบ Long Exposure หรือ High Speed Shutter เป็นต้น
นอกเหนือจากกล้องถ่ายภาพแล้ว Vivo V9 ยังมาพร้อมฟีเจอร์ที่น่าสนใจอีกหลายฟีเจอร์ เช่น Game Mode สำหรับปิดการแจ้งเตือนต่างๆ เพื่อให้สามารถเล่นเกมได้อย่างไม่ขาดตอน ที่อยู่บน Funtouch OS 4.0 UI เฉพาะของ Vivo
ตัวอย่างเกมโหมดของ Vivo V9
Vivo V9 นั้นถือเป็นสมาร์ทโฟนที่มีเสปกที่น่าสนใจรุ่นนึง ด้วยหน้าจอ FullView Display ขนาด 6.3 นิ้ว ที่มีสัดส่วนในการแสดงผลแบบ 19:9 ทำให้รับชมคอนเทนต์ต่างๆ ได้กว้างเต็มตา ชิปเซ็ตประมวลผลรุ่นใหม่ Snapdragon 626 ที่ทำงานได้รวดเร็วกว่าเดิม และ หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB ซึ่งนับว่าเพียงพอต่อการใช้งานและเล่นเกมส์ทั่วไป ระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า (AI Face Access) ที่ปลดล็อกได้อย่างรวดเร็ว แบตเตอรี่ความจุ 3260mAh และระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชันใหม่อย่าง Android 8.1 Oreo
ซึ่งหากพิจารณาจากคุณสมบัติทั้งหมดเมื่อเทียบกับราคาวางจำหน่ายที่ 10,999 บาท ก็ถือได้ว่า Vivo V9 เป็นหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนระดับกลางในราคาที่ไม่แพงจนเกินไปและชอบการถ่ายภาพโดยเฉพาะการถ่ายภาพบุคคลที่ถือเป็นจุดเด่นของรุ่นนี้ สำหรับใครที่สนใจอยากทดลองเครื่องจริงก็สามารถเข้าไปทดลองใช้งานเบื้องต้นได้ที่ร้านค้า หรือตัวแทนจำหน่าย Vivo ใกล้บ้านได้แล้ววันนี้ครับ สำหรับรายละเอียดอื่นเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Vivo V9 ทั้งรีวิว รวมไปถึงคุณสมบัติโดยละเอียด สามารถดูได้ตามลิงค์ด้านล่างนี้เลยครับ
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Vivo V9
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 25/4/2561