vivo V23 5G เปิดราคาไทย 17,999 บาท ชูโรงกล้องหน้าคู่ 50MP มีโฟกัสดวงตา พร้อมบอดี้เปลี่ยนสีได้ พลังชิป Dimensity 920 5G และชาร์จไว 44W

ล่าสุดนี้ทาง vivo ประเทศไทยได้เปิดตัว vivo V23 5G อย่างเป็นทางการแล้ว โดยเปิดราคาที่ 17,999 บาท พร้อมชูโรงที่กล้องหน้าคู่ 50MP AF Dual Front Camera พร้อม Eye Autofocus เป็นรุ่นแรกในไทย และการดีไซน์สวยพรีเมียม ที่มีลูกเล่นแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร

vivo V23 5G เป็นมือถือรุ่นแรกในประเทศไทย ที่มากับกล้องหน้าคู่ 50MP AF Dual Front Camera พร้อม Eye Autofocus จับคู่กล้องรองแบบ Super Wide 8MP สำหรับถ่ายเซลฟี่มุมกว้าง 105 องศา และมี Dual Selfie Spotlight ไฟแฟลช LED แบบคู่ที่สำหรับเพิ่มความสว่างให้ใบหน้าในเวลากลางคืน หรือที่แสงน้อยโดยเฉพาะ

vivo V23 5G ยังมีอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญที่ฝาหลังตัวเครื่อง โดยตัวเลือกสีทอง Sunshine Gold นั้นผลิตจากกระจก Satin AG Glass (Fluorite AG Glass) แบบ Color Changing Glass ที่สามารถเปลี่ยนสีได้เมื่อโดนแดด ด้วยเทคโนโลยี Photochromic 2.0 พร้อมเทคนิคการเคลือบพื้นผิวใหม่ล่าสุด ที่ช่วยให้เกิดความเงางามเปล่งประกาย ซึ่งมีการติดตั้งกล้องไว้ทั้งหมด 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ที่รองรับ Eye Autofocus + กล้อง Super Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล + กล้อง Super Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล

ทางด้านหน้า vivo V23 5G มีหน้าจอไร้ขอบพร้อมรอยบากแบบ AMOLED Halo FullView Display ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (2400x1080 พิกเซล) รองรับค่า Refresh Rate ระดับสูงสุด 90Hz พร้อมเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint Scanner) และประมวลผลด้วยชิปเซ็ต Dimensity 920 รองรับ 5G จับคู่กับ RAM 12GB + เทคโนโลยี Extended RAM 2.0 ที่สามารถขยาย RAM เพิ่มได้อีก 4GB พร้อมหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 256GB และมีแบตเตอรี่ความจุ 4200 mAh ที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 44W FlashCharge บนระบบปฏิบัติการ Android 12 เวอร์ชันล่าสุด ที่ถูกครอบทับด้วย Funtouch OS 12

สรุปคุณสมบัติตัวเครื่องในเบื้องต้นของ vivo v23 5G

- ตัวเครื่องสี Sunshine Gold มีขนาด 157.2x72.42x7.55 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 181 กรัม
- ตัวเครื่องสี Stardust Black มีขนาด 157.2x72.42x7.39 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 179 กรัม
- หน้าจอแสดงผล AMOLED Halo FullView Display ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2400 พิกเซล : 408 ppi) มีค่า Refresh Rate ระดับ 90Hz พร้อมรองรับคอนเทนต์แบบ HDR10+ และครอบทับด้วยกระจก Schott Xensation Up
- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core MediaTek Dimensity 920 5G
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G68 MC4
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 12GB พร้อมเทคโนโลยี Extended RAM 2.0 ที่สามารถขยาย RAM เพิ่มได้อีก 4GB ด้วย Internal Storage (ROM)
- หน่วยความจำภายใน (ROM) ความจุ 256GB

- กล้องดิจิทัลด้านหน้าแบบคู่ (Dual Front Camera) ประกอบด้วย

กล้อง Main ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยี Pixel Isolation, รูรับแสงขนาด f2.0 และระบบโฟกัสดวงตาแบบ Eye Autofocus
กล้อง Super Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.28 และมุมรับภาพ 105 องศา

- กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัว (AI Triple Camera) ประกอบด้วย

กล้อง Main ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f1.89, ทางยาวโฟกัส 26 มิลลิเมตร และระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF
กล้อง Super Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/4.0 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.2 และมุมรับภาพ 120 องศา (ทางยาวโฟกัส 16 มิลลิเมตร)
กล้อง Super Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4 และระยะโฟกัสใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร

- แบตเอตรี่ความจุ 4200 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 44W FlashCharge
- ระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย Funtouch OS 12
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint Scanner)
- ระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Unlock)
- รองรับการใช้งานบนเครือข่าย Dual 5G (NA/NSA) / Dual 4G LTE
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (2.4 / 5.0 GHz) และ Bluetooth 5.2
- พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C

vivo V23 5G เปิดราคาทางการที่ 17,999 บาท กับตัวเลือก 2 สี ได้แก่ สีทอง (Sunshine Gold) และสีดำ (Stardust Black) โดยเปิดให้สั่งจองล่วงหน้า (Pre-Order) ในวันที่ 13 - 20 มกราคมนี้ พร้อมรับฟรี VIP Card ขยายเวลารับประกันนาน 2 ปี + ประกันจอแตก 1 ปี (1 ครั้ง) และ V23 5G Premium Gift มูลค่า 1,899 บาท ซึ่งจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 21 มกราคมเป็นต้นไป