เจาะจุดเด่น Vivo V20 SE มือถือกล้องหน้า 32MP พร้อมกล้องหลัง AI Triple Camera 48MP พร้อมสเปกครบเครื่อง ในราคา 8,699 บาท
เริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ Vivo V20 SE สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ในตระกูล V-Series ที่มาพร้อมกับความโดดเด่นด้านสเปกแบบครบเครื่อง รวมไปถึงกล้องถ่ายภาพที่มีความคมชัดทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ในวันนี้ทางทีมงานลองนำ Vivo V20 SE ไปทดลองใช้งานโดยเน้นถ่ายภาพเป็นหลัก ซึ่งจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปติดตามกันเลยครับ
Vivo V20 SE มาพร้อมกับความโดดเด่นด้านกล้องหน้าความละเอียดสูง 32 ล้านพิกเซล เพื่อช่วยให้สามารถ่ายภาพได้อย่างคมชัดในทุกสถานการณ์ พร้อมทั้งยังมาพร้อมกับฟีเจอร์เพื่อช่วยถ่ายภาพเซลฟี่ได้อย่างสวยงามเป็นธรรมชาติกับฟีเจอร์ Face Beauty ที่ผู้ใช้สามารถปรับแต่งส่วนต่างๆ ของใบหน้าได้อย่างอิสระ รวมทั้งยังรองรับการถ่ายภาพหน้าชัดหลังละลายด้วยฟีเจอร์ Bokeh
ส่วนกล้องหลังของ Vivo V20 SE มาพร้อมกับชุดกล้อง 3 ตัวแบบ 48MP Multi-Scenario Photography โดยเป็นกล้องถ่ายภาพที่มีความละเอียดสูงสุด 48 ล้านพิกเซล ที่พร้อมตอบโจทย์การถ่ายภาพในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็น การถ่ายภาพมุมกว้างแบบ Super Wide-Angle, การถ่ายภาพมาโครแบบ Super Macro ไปจนถึงการถ่ายภาพกลางวัน และกลางคืน
สำหรับกล้อง Super Wide-Angle มาพร้อมกับความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมองศาในการรับภาพกว้าง 120 องศา ตอบโจทย์การถ่ายภาพที่ต้องการเก็บพื้นหลังที่มีความยิ่งใหญ่อย่างเช่น ตึก, อาคาร หรือต้นไม้ ได้เป็นอย่างดี
ส่วนทางด้านกล้อง Macro รองรับการถ่ายภาพที่ระยะใกล้สุด 2.5 เซนติเมตร ช่วยให้สามารถโฟกัสวัตถุได้ใกล้ขึ้น เพื่อเปิดมุมมองการถ่ายภาพในรูปแบบใหม่ๆ
ส่วนการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอด้วยกล้องหลัง ก็สามารถทำได้อย่างน่าประทับใจ เพราะนอกจากจะสามารถตัดตอบได้อย่างเนียนตาแล้ว ผู้ใช้สามารถเลือกเอฟเฟกต์แสงในรูปแบบต่างๆ ได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น เอฟเฟกต์แสงไฟแบบสตูดิโอ ไปจนถึงการถ่ายภาพแบบดูดสีเฉพาะตัวแบบ เพื่อเสริมความโดดเด่นให้ภาพถ่ายมีความสวยงามมากยิ่งขึ้น
ในส่วนของการถ่ายภาพกลางคืน Vivo V20 SE มีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การถ่ายภาพในที่แสงน้อยทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง โดยกล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล มพาร้อมกับฟีเจอร์ที่เรียกว่า Super Night Selfie ซึ่งเป็นการทำเอาอัลกอริทึม HDR+ Morpho สำหรับถ่ายภาพหลายๆ ใบ ในหลากหลายสภาวะแสง เพื่อปรับแต่งความสว่าง, ไฮไลท์ และความคมชัด เพื่อให้ภาพถ่ายในที่แสงน้อยมีความคมชัด และหากถ่ายภาพเซลฟี่ในที่แสงน้อยเป็นพิเศษ Vivo V20 SE ก็ยังมีฟีเจอร์ที่เรียกว่า Selfie Softlight Band ซึ่งเป็นการใช้แสงสว่างของหน้าจอแสดงผลสำหรับเติมแสงให้กับผู้ถ่าย ซึ่งแสงจาก Selfie Softlight Band ไม่ใช่แสงหน้าจอธรรมดา เพราะทาง Vivo มีการปรับแต่งระดับความสว่าง รวมถึงอุณหภูมิสีให้เหมาะสม
กล้องหลังของ Vivo V20 SE ก็มีฟีเจอร์ถ่ายกลางคืนเช่นเดียวกันนั่นก็คือ Super Night Mode ซึ่งเป็นการนำเอาประโยชน์ของกล้องตัวหลักที่มีค่ารูรับแสงกว้าง f/1.8 รวมไปถึงอัลกอริทึม HDR+ Morpho ทำให้การถ่ายภาพกลางคืนด้วยกล้องหลังมีความสว่างคมชัดไม่แพ้กับกล้องหน้าเลยทีเดียว
การถ่ายวิดีโอบน Vivo V20 SE ก็ถือว่าค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว เพราะรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 4K รวมทั้งยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ทีเด็ดอย่าง Ultra Stable Video ซึ่งเป็นระบบป้องกันภาพวิดีโอสั่นไหวแบบ EIS ที่เข้ามาช่วยลดอาการเบลอของภาพแต่ละเฟรม ทำให้วิดีโอที่ออกมามีความสมูธเป็นพิเศษ
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Face Beauty Video ที่ผู้ใช้สามารถปรับส่วนต่างๆ ของใบหน้าได้ด้วยตนเอง รวมทั้งยังสามารถปรับความเรียบเนียนของผิวได้เหมือนกับการถ่ายภาพนิ่ง ทำให้การถ่ายวิดีโอเซลฟี่มีความสวยงามมากยิ่งขึ้น
นอกจากความโดดเด่นด้านกล้องถ่ายภาพทั้งด้านหน้า และด้านหลังแล้ว Vivo V20 SE ยังมาพร้อมกับจุดเด่นที่น่าสนใจรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น การมาพร้อมกับขุมพลัง Snapdragon 665 ประกบคู่กับ RAM ขนาด 8GB เพื่อรองรับการใช้งานรอบด้าน
รวมทั้งยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 4100mAh ที่รองรับระบบชาร์จเร็วแบบ 33W FlashCharge ที่สามารถเติมแบตเตอรี่จาก 0-62% ได้ในเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น เพือรองรับการใช้งานรอบด้านแบบตลอดวัน
และที่สำคัญ Vivo V20 SE ยังมาพร้อมกับพร้อมกับเทคโนโลยี Dual Mic Noise Cancelling สำหรับช่วยตัดเสียงรบกวนขณะอยู่ในสายสนทนา เพื่อช่วยให้อีกฝั่งสามารถได้ยินเสียงพูดของผู้ใช้ได้อย่างชัดเจน
สำหรับ Vivo V20 SE วางจำหน่ายในไทยแล้ววันนี้กับราคา 8,699 บาท พร้อมโปรโมชันพิเศษ "Happy Time Lucky You" สำหรับผู้ที่ซื้อ Vivo V20 SE ผ่าน Vivo Brand Shop และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2563 - 10 มกราคา 2564 จะได้รับฟรี กระเป๋า Duffle Bag มูลค่า 1,399 บาท
ข้อมูลเพิ่มเติม
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
[บทความนี้เป็น Advertorial]
วันที่ : 17/12/2563
