พรีวิว Vivo V15 มือถือกล้องเด้งได้ในราคาเพียง 10,999 บาท! ครบเครื่องทุกการใช้งานด้วย RAM 6GB, ขุมพลัง Helio P70, แบตอึด 4000mAh และกล้องหลัง 3 ตัว
นอกจาก Vivo V15 Pro สมาร์ทโฟน V-Series รุ่นล่าสุดที่เริ่มวางจำหน่ายไปก่อนหน้านี้แล้ว ในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ทาง Vivo แห่งประเทศไทยก็เตรียมที่จะวางจำหน่าย Vivo V15 สมาร์ทโฟนอีกหนึ่งรุ่นที่มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน เนื่องจากมาพร้อมกับจอไร้ขอบไร้รอยบาก, ดีไซน์กล้องเด้งได้แบบ Pop-up Camera และคุณสมบัติแบบจัดเต็ม โดย Vivo V15 เปิดราคาขายเพียง 10,999 บาทเท่านั้น และเนื่องในโอกาสที่ทีมงาน Thaimobilecenter ได้ทดลองใช้งาน Vivo V15 เป็นกลุ่มแรกๆ จึงไม่พลาดที่จะเก็บภาพมาทำพรีวิวให้ทุกท่านเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ โดยสมาร์ทโฟนรุ่นนี้จะมีจุดเด่นอย่างไรบ้าง ไปติดตามกันเลยครับ
มาเริ่มที่กล่องแพ็กเกจกันก่อน สำหรับ Vivo V15 จะใช้กล้องแพ็กเกจสีขาวสะอาดตาเหมือนกับรุ่น Vivo V15 Pro ต่างกันตรงที่ด้านบนของกล่องมีการระบุความละเอียดกล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซลเอาไว้ให้เห็นแบบเด่นชัด พร้อมข้อมูลเกี่ยวกับ RAM และ ROM โดย Vivo V15 รุ่นที่เข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยมีรุ่นเดียวคือรุ่น RAM 6GB + ROM 128GB
อุปกรณ์ที่แถมมาให้ภายในกล่อง ประกอบไปด้วย เคสใส, เข็มจิ้มถาดใส่ซิมการ์ด, คู่มือการใช้งาน, ใบรับประกัน, อแดปเตอร์ชาร์จไฟ, สายเชื่อมต่อแบบ microUSB และหูฟังพร้อมพอร์ตเชื่อมต่อมาตรฐานแบบ 3.5 มม.
สำหรับเคสใสของ Vivo V15 ถูกออกแบบมาให้มีความแข็งแกร่งกว่าเคสใสตามปกติ ด้วยขอบด้านข้างที่เป็นยางปกป้องรอบตัวเครื่อง พร้อมวัสดุของตัวเคสที่มีความแข็ง นอกจากนี้ ยังมีการเว้นช่องว่างเอาไว้สำหรับชุดกล้องหลัง 3 ตัว, ปุ่มสแกนลายนิ้วมือ และกลไกกล้องหน้า เอาไว้อย่างลงตัว ทำให้ฟังก์ชันต่างๆ สามารถทำงานได้ตามปกติโดยไม่ติดขัด
ส่วนอแดปเตอร์ชาร์จไฟ รองรับการจ่ายไฟสูงสุดที่ 9V/2A (18W) ซึ่งหมายความว่า Vivo V15 รองรับระบบชาร์จเร็วด้วย โดยจะเป็นแบบ Dual-Engine Fast Charging ซึ่งเมื่อประกอบกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 4000mAh ที่มีอยู่ใน Vivo V15 แล้ว ทำให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่า สมาร์ทโฟนรุ่นนี้จะสามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน และใช้เวลาในการเติมแบตเตอรี่กลับเข้าไปเพียงไม่กี่อึดใจ
มาดูที่ตัวเครื่องกันบ้าง Vivo V15 เลือกใช้ดีไซน์หน้าจอแบบเดียวกันกับรุ่น Vivo V15 Pro นั่นก็คือ Ultra FullView Display โดยเป็นหน้าจอแบบขอบจรดขอบ ไร้ติ่ง ไร้รอยบาก เพราะได้ย้ายกล้องหน้าไปซ่อนเอาไว้ภายในกลไกกล้องสไลด์แบบ Pop-up Camera พร้อมกับได้ย้ายเซ็นเซอร์ต่างๆ ไปซ่อนเอาไว้ใต้หน้าจออย่างแนบเนียนเหมือนกับ Vivo V15 Pro ต่างกันตรงที่ หน้าจอของ Vivo v15 มาพร้อมกับขนาดใหญ่กว่าที่ 6.56 นิ้ว บนความละเอียดระดับ Full HD+ (2340x1080 พิกเซล) พร้อมครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass เวอร์ชัน 5 เพื่อช่วยเสริมความแข็งแกร่งจากการตกกระแทก
ด้วยความที่เป็นหน้าจอแบบไร้ขอบของจริง ทำให้การรับชมคอนเทนต์ต่างๆ เป็นไปอย่างเต็มตาเต็มอารมณ์ โดยไม่มีรอยบากรบกวนสายตา
ที่ด้านบนของหน้าจอจะเห็นได้ว่าไม่มีรอยบากใดๆ ส่วนลำโพงสนทนาก็ถูกนำไปซ่อนเอาไว้บริเวณขอบบนของหน้าจออย่างแนบเนียน
ที่ด้านล่างของหน้าจอมาพร้อมกับปุ่มควบคุมแบบสัมผัสบนหน้าจอ ซึ่งเราสามารถเปลี่ยนไปใช้วิธีการควบคุมแบบ Gesture ได้ด้วย โดยจะเป็นการซ่อนปุ่มต่างๆ เอาไว้ทีด้านล่างหน้าจอ และเปลี่ยนไปใช้การลากนิ้วในจุดต่างๆ เพื่อสั่งการตัวเครื่องแทน แต่อย่างไรก็ตาม Vivo V15 จะไม่มีการฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเอาไว้ที่ใต้หน้าจอส่วนล่างเหมือนกับรุ่น Vivo V15 Pro แต่อย่างใด
ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องประกอบไปด้วย ถาดใส่ซิมการ์ด และปุ่ม Smart Button สำหรับเรียกใช้งาน Google Assistant หรือ Jovi โดยถาดใส่ซิมการ์ดของ Vivo V15 จะเป็นแบบ Triple Slot สามารถใส่ซิมการ์ดแบบ nano-SIM ได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด และสามารถใส่หน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card ได้อีกด้วย
ที่ด้านขวาของตัวเครื่อง ประกอบไปด้วย ปุ่มพาวเวอร์ สำหรับเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจอ และปุ่มปรับระดับเสียง
ที่ด้านบนของตัวเครื่อง มาพร้อมกับ กลไกกล้องหน้าแบบสไลด์ และไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน
สำหรับกลไกกล้องหน้าเด้งได้ของ Vivo V15 มาพร้อมกับความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.0 โดยตัวกล้องหน้าจะใช้สำหรับระบบสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกเข้าสู่ตัวเครื่องด้วย โดยทาง Vivo เปิดเผยว่ากลไกกล้องในรุ่น Vivo V15 และ V15 Pro มีการทดสอบ Drop Test รวมถึงการทดสอบด้านแรงต้านมาแล้วกว่าหลักพันครั้ง เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่ากลไกกล้องหน้าจะมีความทนทานแม้จะใช้งานบ่อย
ที่ด้านล่างของตัวเครื่องประกอบไปด้วย ช่องเสียบหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มม., ไมโครโฟนสนทนา, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ microUSB และลำโพงเสียงภายนอก
พลิกมาดูที่ด้านหลังของตัวเครื่องกันบ้าง Vivo V15 เลือกใช้บอดี้ที่ถูกขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกัน พร้อมเคลือบผิวสัมผัสที่เล่นลวดลายเมื่อโดนแสงตกกระทบแบบเส้นสเปกตรัม โดยทาง Vivo เรียกดีไซน์ในลักษณะนี้ว่า Spectrum Ripple Design ซึ่งถือว่ามีความเป็นเอกลักษณ์ และดูแปลกตามากเลยทีเดียว โดยสีที่ทีมงานได้รับมาวันนี้คือสีน้ำเงิน Topaz Blue นอกจากนี้ Vivo V15 ยังมีวางจำหน่ายอีกหนึ่งสี นั่นคือ สีแดง Glamour Red
ที่ด้านบนติดตั้งชุดกล้อง 3 ตัว (Triple Camera) ประกอบไปด้วย กล้องตัวหลักความละเอียด 24 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.78, กล้องตัวรองเลนส์มุมกว้างแบบ AI Super Wide-Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่มีองศาในการรับภาพ 120 องศา และกล้องแบบ Depth Sensor ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล สำหรับช่วยถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ ถัดมาเป็นปุ่มเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
มาดูที่ซอฟท์แวร์ภายในกันเล็กน้อย สำหรับ Vivo V15 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie ครอบทับด้วย Funtouch OS 9.0 ซึ่งเป็น UI เวอร์ชันล่าสุดที่ Vivo ได้พัฒนาขึ้น
สิ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามาใหม่ใน Funtouch OS 9.0 จะเน้นไปในเรื่องของ AI และลูกเล่นต่างๆ ที่ใช้งานได้ง่าย อย่างเช่น ระบบ Smart Panel ที่ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงคีย์ลัดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การเปิดแอปฯ ที่ใช้บ่อย หรือบันทึกหน้าจอ เพียงแค่ลากนิ้วจากขอบด้านขวา รวมถึงการกดที่ปุ่ม Smart Button สองครั้งเพื่อเรียกใช้ Jovi Image Rocognizer สำหรับค้นหาข้อมูลสินค้าที่อยู่ตรงหน้า พร้อมกับแสดงราคา และสถานที่ที่สามารถซื้อสินค้าได้อีกด้วย
สำหรับประสิทธิภาพการทำงานนั้น Vivo V15 เลือกใช้ชิปเซ็ตระดับกลางตัวท็อปจากค่าย MediaTek อย่าง Helio P70 โดยเป็นชิปเซ็ตแบบ 8 แกน (Octa-Core Processor) ที่จะคอยทำงานควบคู่กับหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 6GB และหน่วยความจำภายในความจุ 128GB นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Dual-Turbo ที่ช่วยรีดประสิทธิภาพการทำงานให้ถึงขึดสุดขณะเล่นเกม หรือการประมวลผลหนักๆ โดยจากที่ทดสอบปนะสิทธิภาพโดยรวมด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu พบว่า Vivo V15 สามารถทำคะแนนได้ราว 143272 คะแนน
นอกเหนือจาก Dual-Turbo แล้ว Vivo V15 ยังเอาใจคนชอบเล่นเกมด้วยฟี่เจอร์ Game Mode 5.0 ที่ช่วยจัดสรรพลังงานภายในตัวเครื่องให้เหมาะสมต่อการเล่นเกม ซึ่งเมื่อทำงานควบคู่กับ Dual-Turbo แล้ว จะช่วยลดอาการเฟรมเรทดร็อปได้มากถึง 300% ซึ่งจะช่วยให้ประสบการณ์เล่นเกมดีขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง
โดยจากที่ลองนำไปทดสอบเล่นเกมยอดฮิตต่างๆ เช่น PUBG Mobile และ ROV ก็พบว่า สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล โดยในเกม PUBG Mobile สามารถปรับกราฟิกได้สูงสุดที่ระดับ HD ส่วนเกม ROV สามารถเปิดโหมดเฟรมเรทสูง 60FPS ได้ โดยค่า FPS จะอยู่ที่ระหว่าง 52-61FPS
มาดูที่กล้องหลังกันเล็กน้อย โดยครั้งนี้ Vivo V15 มาพร้อมกับฟีเจอร์ด้านการถ่ายภาพใหม่ๆ ให้เลือกใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น โหมดถ่ายภาพบุคคลแบบหน้าชัดหลังเบลอ ที่สามารถเลือกรูปแบบการจัดแสงได้ทั้งหมด 5 รูปแบบ, โหมดถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอผ่านการจำลองรูรับแสง ระหว่าง f/0.95 ถึง f/16 หรือโหมดการถ่ายภาพหน้าสวยแบบ AI Beauty
แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ในโหมด AI Beauty ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า AI Body Shaping ซึ่งจะเป็นการปรับสรีสระของตัวแบบให้มีความสวยงามเพียงชัตเตอร์เดียว โดยผู้ใช้สามารถเลือกปรับส่วนต่างๆ ของร่างกายได้อย่างหลากไลาย ไม่ว่าจะเป็น ปรับขนาดศีรษะ, ปรับความกว้างของไหล่, ปรับขนาดเอว หรือปรับขนาดของต้นขา เป็นต้น
ส่วนการสลับไปใช้งานกล้องเลนส์มุมกว้างพิเศษตัวใหม่แบบ AI Ultra Wide-Angle ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่แตะที่ไอคอน Wide ซึ่งกล้องตัวใหม่นั้นจะมีองศาในการรับภาพที่กว้างถึง 120 องศา เหมาะแก่การเก็บภาพวิวทิวทัศน์แบบครบถ้วนโดยไม่ตกเฟรม หรือใช้ในสถานการณ์ที่ผู้ใช้ไม่สามารถถอยไปด้านหลังเพื่อเก็บภาพได้ เป็นต้น
ส่วนกล้องหน้าก็มีลูกเล่นที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น โหมดถ่ายภาพเซลฟี่หน้าชัดหลังเบลอ ที่เลือกรูปแบบการจัดแสงได้เองถึง 5 รูป หรือโหมด AI Beauty ที่สามารถเลือกปรับแต่งส่วนต่างๆ ของใบหน้าได้อย่างอิสระ เช่น สกินโทน, ความสว่าง, โครงหน้า หรือกราม เป็นต้น
- ตัวเครื่องมีขนาด 161.97 x 75.93 x 8.54 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 189.5 กรัม
- หน้าจอแสดงผล Ultra FullView Display ขนาด 6.53 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.5:9 ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2340 พิกเซล) ครอบทับด้วยกระจกขอบนูนแบบ 2.5D
- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core MediaTek Helio P70 ความเร็ว 2.1 GHz
- หน่วยความจำ RAM 6GB
- ความจุภายใน 128GB รองรับหน่วยความจำเสริมภายนอกผ่านการ์ด microSD สูงสุด 256GB
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าแบบ Pop-Up ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 รองรับฟีเจอร์ AI Face Shaping, AI Portrait Lighting และ AR Sticker
- กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัว (AI Triple Camera) กล้องหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.78, กล้องตัวที่สองความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เลนส์ Super Wide-Angle 120° รูรับแสง f/2.2 และกล้องตัวที่สามความละเอียด 5 ล้านพิกเซล เลนส์ Telephoto รูรับแสง f/2.4 รองรับฟีเจอร์ Live Photos, Bokeh, AI Portrait Lighting, AI Face Beauty, AI Body Shaping และ AI Scene Recognition รวมถึง Super Night Mode สำหรับถ่ายภาพเวลากลางคืน
- แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Dual-Engine Fast Charging
- ระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย Funtouch OS 9
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง
- ระบบสแกนใบหน้า (Face Access) จดจำจุดบนใบหน้ากว่า 1,024 จุด
- ฟังก์ชัน Ultra-Smooth Gaming
- ผู้ช่วยอัจฉริยะ Jovi Smarter AI
- รองรับการใช้งานพร้อมกัน 2 ซิมการ์ด (Dual SIM) พร้อมถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Triple Slot
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi แบบ Dual Band และ Bluetooth 5.0
- รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB 2.0
- ระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie ครอบทับด้วย Funtouch OS 9
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Topaz Blue (น้ําเงิน-ฟ้า), Coral Red (แดง)
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับการพรีวิว Vivo V15 ซึ่งจะเห็นได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจในช่วงราคาหมื่นต้นๆ เลยทีเดียว ทั้งนี้ พรีวิวฉบับนี้เป็นเพียงพรีวิวเบื้องต้นเรียกน้ำย่อยเท่านั้น ส่วนบทความทดสอบ และบทความรีวิวฉบับเต็มจากทีมงาน Thaimobilecenter จะมีการเผยแพร่ให้ทุกท่านได้รับชมในเร็วๆ นี้ สำหรับ Vivo V15 เปิดให้พรีออเดอร์แล้วตั้งแต่วันนี้ - 27 มีนาคม ในราคา 10,999 บาท โดยจะเริ่มวางขายจริงตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม เป็นต้นไป
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 20/3/2562
