รู้จักกับ Snapdragon 750G ชิปเซ็ตรุ่นใหม่ที่จะมาเขย่าวงการมือถือ 5G ระดับกลางในปี 2021
ปฏิเสธไม่ได้ว่าวงการสมาร์ทโฟนในประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ยุคสมัยของ 5G เรียบร้อยแล้ว แม้ว่าในตอนนี้สัญญาณจะยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศ แต่เหล่าผู้ผลิตทุกแบรนด์ต่างก็พร้อมใจกันส่งสมาร์ทโฟน 5G เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ในราคาที่ถูกลงเรื่อยๆ กระทั่งล่าสุดเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ผู้ผลิตชิปเซ็ตชื่อดัง Qualcomm ได้เปิดตัวชิปเซ็ต 5G ระดับกลางรุ่นใหม่ Snapdragon 750G ว่ากันว่านี่คือชิปเซ็ตกระแสหลักรุ่นใหม่ของสมาร์ทโฟนระดับกลางในปี 2021 นับเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ที่น่าจับตามอง ชิปเซ็ตรุ่นนี้มีดีอย่างไร เราไปทำความรู้จักกับมันให้มากขึ้นในบทความนี้กันดีกว่าครับ
ประสิทธิภาพสูงขึ้น แต่ราคาถูกลง
Snapdragon 750G เป็นชิปเซ็ตในซีรีส์ 7 ตัวแรกที่ใช้สถาปัตยกรรมหน่วยประมวลผล Cortex-A77 ทำให้มีพลังการประมวลผลสูงกว่า Snapdragon 765G ที่ใช้ Cortex-A76 และยังมีประสิทธิภาพสูงกว่า Snapdragon 730G ถึง 20%
ตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติ Snapdragon 750G, 730G, 765/765G
ขณะเดียวกัน หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 619 ก็ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Snapdragon Elite Gaming ที่สามารถรองรับคอนเทนต์ HDR และฟีเจอร์ Game Color Plus ที่ช่วยยกระดับคุณภาพของกราฟิกในเกมให้ดูสวยงามสดใสยิ่งขึ้น พร้อมไดรเวอร์ Adreno ใหม่ล่าสุด เพื่อการขับเคลื่อนกราฟิกที่เต็มประสิทธิภาพ คุณสมบัติทั้งหมดนี้ จะช่วยยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมของสมาร์ทโฟนระดับกลางให้ดียิ่งขึ้น
ตัวอย่างภาพในเกมที่ได้รับการปรับปรุงโดย Game Color Plus
นอกจาก CPU และ GPU พลังการประมวลผลด้าน AI ก็ได้รับการอัปเกรดขึ้นด้วยเช่นกัน โดยมากับ AI Engine รุ่นที่ 5 ของ Qualcomm ที่สามารถประมวลผลได้ถึง 4 ล้านล้านคำสั่งต่อวินาที (TOPS) สูงกว่า Snapdragon 730G 20% ช่วยให้ระบบ machine learning มีประสิทธิภาพมากขึ้นไปอีก
สำหรับคุณสมบัติอื่นๆ Snapdragon 750G รองรับการบันทึกวิดีโอ 4K HDR, ถ่ายภาพนิ่งที่ความละเอียดสูงสุด 192MP, หน้าจอความละเอียด FHD+ อัตรารีเฟรช 120Hz หรือ QHD อัตรารีเฟรช 60Hz นับว่ารองรับเทรนด์ของผู้ใช้ยุคใหม่ได้อย่างครบถ้วน
ที่สำคัญคือ Snapdragon 750G มีราคาถูกกว่า Snapdragon 765G หมายความว่าสมาร์ทโฟนระดับกลางในปีหน้าก็จะมีราคาที่ถูกลงไปด้วยนั่นเอง
5G จะกลายเป็นมาตรฐาน
Snapdragon 750G มากับโมเด็ม Snapdragon X52 ที่รองรับเทคโนโลยี Dynamic Spectrum Sharing หรือการใช้งานทั้ง 4G และ 5G ได้ในคลื่นเดียว, รองรับการใช้งานแบบ multi-SIM, รองรับทั้งย่านความถี่ sub-6GHz และ mmWave ซึ่งก็เรียกได้ว่าครบถ้วนตามที่สมาร์ทโฟน 5G ควรจะมี และด้วยราคาที่ถูกลง Snapdragon 750G อาจถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในปีหน้า สิ่งที่จะตามมาคือ คุณสมบัติการรองรับเครือข่าย 5G จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ที่สมาร์ทโฟนระดับกลางส่วนใหญ่ต้องมี ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยี 5G ได้ง่ายกว่าที่เคย
สมาร์ทโฟนที่ใช้ Snapdragon 750G
ปัจจุบันชิปเซ็ต Snapdragon 750G ได้ถูกนำมาใช้อย่างเป็นทางการแล้วใน Samsung Galaxy A42 5G และ Xiaomi Mi 10T Lite ซึ่งเป็นมือถือระดับกลางในช่วงราคา 10,000 บาททั้งคู่ครับ
Samsung Galaxy A42 5G เป็นสมาร์ทโฟน 5G ที่ราคาถูกที่สุดของ Samsung มีจุดเด่นอยู่ที่กล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล คู่กับกล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ถ่ายทอดคอนเทนต์ได้อย่างสวยงามด้วยหน้าจอ Super AMOLED Infinity-U Display ขนาดใหญ่ 6.6 นิ้ว พร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ โดยมากับ RAM 8GB, ROM 128GB และแบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh ที่รองรับระบบชาร์จไว 15W เปิดราคาในประเทศไทยที่ 11,990 บาท
ส่วน Xiaomi Mi 10T Lite เป็นมือถือระดับกลางที่มากับคุณสมบัติโดยรวมที่โดดเด่น ตั้งแต่หน้าจอแสดงผลแบบไร้ขอบขนาด 6.67 นิ้ว ที่มีอัตรารีเฟรชสูงสุด 120Hz และอัตรา Touch Sampling 240Hz ช่วยยกระดับการเล่นเกมให้ลื่นไหลฉับไวยิ่งขึ้น พร้อมด้วยแบตเตอรี่ 4,820mAh ที่รองรับระบบชาร์จไว 33W เพื่อการใช้งานที่ต่อเนื่องยาวนาน ส่วนด้านการถ่ายภาพ มากับกล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียดสูงสุด 64 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์การถ่ายภาพครอบคลุมทุกระยะตั้งแต่เลนส์ Ultra Wide ไปจนถึงเลนส์ระยะซูมใกล้แบบ Macro ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่จัดวางมาให้ที่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล
Xiaomi Mi 10T Lite ยังไม่ได้เปิดตัวในประเทศไทย แต่ผ่านการตรวจรับรองจาก กสทช. เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะเข้ามาวางจำหน่ายในเร็วๆ นี้ โดยอาจมีราคาเปิดตัวประมาณ 12,000 บาท
แน่นอนว่าในปี 2021 ที่จะถึงนี้ จะมีสมาร์ทโฟนชิปเซ็ต Snapdragon 750G เปิดตัวออกมาอีกหลายรุ่นด้วยกัน วงการสมาร์ทโฟนราคาประหยัดจะเปลี่ยนไปแค่ไหน ต้องรอดูกันครับ
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 27/11/2563