เทียบสเปก Samsung Galaxy Note10 | 10+ และ Galaxy Note20 | 20 Ultra ดีกว่าเดิมแค่ไหน คุ้มหรือไม่ที่จะอัปเกรด พบคำตอบได้ที่นี่!
เปิดตัวกันไปแล้วเรียบร้อยเมื่อคืนนี้สำหรับ Samsung Galaxy Note20 และ Note20 Ultra ซึ่งถ้าใครได้ดู Live สดงานเปิดตัวจะพบว่าบรรยากาศงาน UNPACKED ในปีนี้จะแปลกไปเล็กน้อยเพราะเป็นการถ่ายทอดสดแบบออนไลน์ แต่ก็ยังมีการเปิดตัวสินค้าใหม่แบบจัดเต็มเช่นเคย แต่ใครที่ไม่ได้ดูก็ไม่ต้องกลัวว่าจะตกข่าวเพราะเราได้สรุปข้อมูลของทั้ง Galaxy Note20 และ Note20 Ultra มาให้เรียบร้อยแล้ว สำหรับบทความนี้จะเป็นการสรุปความแตกต่างของ Samsung Galaxy Note20 / Note20 Ultra กับรุ่นที่แล้วอย่าง Samsung Galaxy Note10 / Note10+ การกลับมาครั้งนี้ดีกว่าเดิมอย่างไร ต่างจากรุ่นก่อนมากหรือไม่ เราไปดูกันเลยดีกว่าครับ
เปรียบเทียบ
Samsung Galaxy Note10 vs Samsung Galaxy Note20
เริ่มกันที่รุ่นมาตรฐานอย่าง Galaxy Note10 และ Galaxy Note20 กันก่อนครับ จากตางรางเปรียบเทียบข้างต้น เราจะเห็นว่า Galaxy Note20 มีการต่อยอดมาจาก Galaxy Note10 โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น, ชิปเซ็ตที่แรงขึ้น, หน่วยความจำที่ทันสมัยขึ้น, แบตอึดกว่าเดิม, กล้องหลังที่ซูมได้ไกลขึ้น, การเชื่อมต่อ Wireless DeX แบบไร้สาย, S Pen ที่สมูทกว่าเดิม และเพิ่มการรองรับ 5G เข้ามา โดยที่ยังยึดดีไซน์เดิม และไม่ได้เพิ่มองค์ประกอบแปลกใหม่เข้ามา ความแตกต่างอย่างแรกคือหน้าจอแสดงผล โดย Galaxy Note20 จะมีหน้าจอกว้างขึ้นเล็กน้อย และเป็นขอบแบน น่าจะสะดวกในการขีดเขียนด้วย S Pen มากกว่า อีกทั้งยังใช้กระจกกันรอยรุ่นใหม่ Gorilla Glass Victus ที่ทาง Corning ยืนยันว่าทนกว่า Gorilla Glass 6 มาก ชนิดที่ว่าตกพื้นคอนกรีต 2 เมตรยังไม่แตก ช่วยให้เราหยิบจับขึ้นมาใช้งานได้อุ่นใจยิ่งขึ้น
สำหรับการประมวลผล Galaxy Note20 ได้อัปเกรดใหม่แบบยกเครื่อง ทั้งชิปเซ็ต และหน่วยความจำ โดยขยับมาเป็นชิปเซ็ต Exynos 990 รุ่นเดียวกับที่ใช้ใน Galaxy S20 พร้อมทั้งเปลี่ยนไปใช้ RAM แบบ LPDDR5 และ ROM แบบ UFS 3.1 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล่าสุด และเร็วกว่า RAM LPDDR4x กับ ROM UFS 3.0 ใน Galaxy Note10 พอสมควร อีกทั้งยังรองรับหน่วยความจำเสริมแบบ microSD ได้สูงสุด 1TB ซึ่ง Galaxy Note10 ไม่สามารถทำได้ ช่วยให้การใช้งานทั่วไปมีความรวดเร็ว และยืดหยุ่นมากขึ้น นอกจากนี้ RAM LPDDR5 และ ROM UFS 3.1 ก็น่าจะทำให้การใช้งานในโหมด DeX ดีขึ้นด้วย เพราะในโหมดนี้เรามักจะเปิดแอปขึ้นมาใช้งานพร้อมกันหลายตัว ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพของหน่วยความจำโดยตรงครับ
ในส่วนของแบตเตอรี่ก็มีการอัปเกรดขึ้นอย่างชัดเจนเช่นกัน โดยมีความจุมากขึ้น และชาร์จได้ไวขึ้นทั้งแบบมีสายและไร้สาย แต่ทั้งนี้ทาง Samsung ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของซอฟท์แวร์จัดการพลังงานในรุ่น Galaxy Note20 ออกมา จึงยังไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าแบตอึดขึ้นมากน้อยแค่ไหนครับ
ด้านการถ่ายภาพ กล้องหน้าของ Galaxy Note20 มีสเปกที่แทบจะเหมือนกับกล้องหน้าของ Galaxy Note10 ความแตกต่างทางประสิทธิภาพจึงขึ้นอยู่กับซอฟท์แวร์ล้วนๆ ส่วนกล้องหลังมีความแตกต่างกันเล็กน้อย หลักๆ คือมีการอัปเกรดความละเอียดของกล้อง Telephoto ขึ้นมาจาก 12 ล้านพิกเซล เป็น 64 ล้านพิกเซล ส่งผลให้ซูมแบบ Optical ได้ไกลขึ้นเป็น 3 เท่า และซูมไกลสุด 30 เท่า แต่ในครั้งนี้ ระบบกันสั่น OIS จะอยู่ที่กล้องหลักตัวเดียว ต่างจากรุ่นก่อนที่มีทั้งกล้องหลักและกล้อง Telephoto เป็นไปได้ว่า Samsung อาจเลือกใช้ระบบกันสั่น EIS เข้ามาทำงานคู่กันแทน ส่วนเรื่องประสิทธิภาพ และคุณภาพของรูปถ่าย จำเป็นต้องรอดูจากการทดสอบด้วยตัวเครื่องจริง แต่จากสเปกที่ปรากฏ เชื่อว่าน่าจะไม่ต่างกันมากครับ
ปิดท้ายกันด้วยราคา ซึ่งในปีนี้ Galaxy Note20 เปิดราคาออกมาที่ $999 หรือประมาณ 31,900 บาท พอๆ กับราคาเปิดตัวของ Galaxy Note10 ดังนั้นราคาไทยก็น่าจะไม่หนีกันมาก อย่างไรก็ดี หลังจากนี้ราคาของ Galaxy Note10 จะลดลงอย่างแน่นอน หากดูจากสเปกที่แตกต่างกันไม่มาก ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ไม่ซีเรียสเรื่อง 5G ครับ
เปรียบเทียบ
Samsung Galaxy Note10+ vs Samsung Galaxy Note20 Ultra
สำหรับในรุ่น Galaxy Note10+ และ Galaxy Note20 Ultra นั้น เรียกว่ายึดหลักการอัปเกรดเหมือนกับรุ่นธรรมดา เพราะเป็นการอัปเกรดคุณสมบัติของ Galaxy Note10+ ทุกด้านโดยตรง โดยไม่ได้เพิ่มองค์ประกอบแปลกใหม่เข้ามา เริ่มจากหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นเล็กน้อยเป็น 6.9 นิ้ว และเพิ่มอัตรารีเฟรชเป็น 120Hz ช่วยให้คอนเทนต์ความบันเทิงต่างๆ มีความสมูท และดึงดูดสายตามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ หรือเกม อีกทั้งยังมีกระจก Gorilla Glass Victus ที่แข็งแกร่งกว่าเก่า ช่วยให้หยิบจับขึ้นมาใช้งานอย่างมั่นใจยิ่งขึ้น ส่วนความละเอียดสูงสุดยังคงเป็น QHD+ เหมือนเดิม ซึ่งก็เพียงพอแล้วสำหรับคอนเทนต์บนสมาร์ทโฟน
ด้านประสิทธิภาพการประมวลผลโดยรวม Galaxy Note20 Ultra ใช้ชิปเซ็ต Exynos 990 รุ่นใหม่ล่าสุด อีกทั้งยังอัปเกรดหน่วยความจำ RAM และ ROM เป็น LPDDR5 และ UFS 3.1 ที่ทำงานได้เร็วกว่ารุ่นก่อน แม้เราจะสังเกตความแตกต่างในการใช้งานจริงได้ยาก แต่ในการใช้งานโหมด DeX น่าจะเห็นผลพอสมควร เพราะในโหมดนี้เรามักจะเปิดใช้งานแอปพร้อมกันหลายตัว ตามที่ได้กล่าวไปแล้ว
ในส่วนของการถ่ายภาพ กล้องหน้าจอง Galaxy Note10+ และ Galaxy Note20 Ultra ก็ยังมีสเปกที่เหมือนกันมากเช่นกัน คุณภาพของรูปถ่ายจึงไม่น่าจะต่างกันมาก แต่สำหรับกล้องหลัง Galaxy Note20 Ultra มีสเปกที่สูงกว่า Note10 + อย่างชัดเจน โดยเลือกใช้กล้องหลัก 108 ล้านพิกเซล พร้อมเพิ่มระยะการซูมแบบ Optical เป็น 5 เท่า และไกลสุด 50 เท่า ความสามารถโดยรวมคล้ายคลึงกับกล้องของ Galaxy S20 Ultra จึงคาดว่าน่าจะให้ภาพที่สวยงามพอๆ กัน และดีกว่า Galaxy Note10+ พอสมควร แต่ทั้งนี้จำเป็นต้องพิจารณารายละเอียดด้านซอฟท์แวร์ของแต่ละรุ่นด้วย ซึ่งเราจะนำทั้งสองรุ่นมาทดสอบคุณสมบัติด้านการถ่ายภาพอย่างละเอียดให้ได้ชมกันในโอกาสต่อไปครับ
สำหรับราคาเปิดตัวนั้น Samsung Galaxy Note20 Ultra เปิดตัวออกมา 2 รุ่นความจุ ได้แก่รุ่น 128GB ราคา $1,299.99 หรือประมาณ 40,300 บาท และรุ่น 512GB ราคา $1,449.99 หรือประมาณ 45,000 บาท เมื่อเทียบกับราคาเปิดตัวของ Galaxy Note10+ แล้ว จะแพงกว่าเดิมประมาณ $200 หรือราวๆ 6,000 บาท หมายความว่าราคาไทยน่าจะเริ่มที่ 40,000 บาทขึ้นไป ในทางกลับกัน Galaxy Note10+ ก็จะมีราคาถูกลงตามกลไกตลาด เมื่อชั่งน้ำหนักดูแล้ว Galaxy Note10+ ก็ยังถือว่าน่าซื้ออยู่สำหรับผู้ที่ต้องการประหยัด แต่ถ้าต้องการเทคโนโลยีขั้นสุดโดยเฉพาะกล้อง และ 5G ก็คงต้องเลือก Galaxy Note20 Ultra เท่านั้นครับ
ทั้งนี้ การเปรียบเทียบข้างต้นเป็นเพียงความคิดเห็นจากทีมงาน Thaimobilecenter ซึ่งพิจารณาจากข้อมูลเชิงเทคนิค และข้อมูลอื่นๆ ที่ถูกเปิดเผยในงานเปิดตัวเท่านั้น หากท่านใดสนใจสมาร์ทโฟนสองรุ่นนี้ ควรทดลองใช้งานเครื่องจริงด้วยตัวเองที่ศูนย์บริการก่อนตัดสินใจซื้อครับ
บทความที่เกี่ยวข้อง
- เปิดตัว Samsung Galaxy Note20 | Note20 Ultra
- สรุปราคา Samsung Galaxy Note20 | Note20 Ultra
- เปรียบเทียบ Samsung Galaxy Note20 | Note20 Ultra
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 6/8/2563
