Galaxy A52 | A72 เมื่อ Samsung ออกมือถือราคาดีสเปกคุ้ม สู้ศึกมือถือระดับกลาง
เพิ่งเปิดตัวในประเทศไทยไปสด ๆ ร้อน ๆ สำหรับ Galaxy A52 | A52 5G และ A72 สมาร์ทโฟน A-Series รุ่นใหม่ล่าสุดจาก Samsung ซึ่งเป็นรุ่นอัปเกรดมาจาก Galaxy A51 | A71 ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา แม้ว่าสมาร์ทโฟนทั้งสามรุ่นนี้จะเป็นเพียงการอัปเกรดตามรอบไทม์ไลน์ปกติ แต่สิ่งที่สร้างความน่าสนใจในรอบนี้ คือ การตั้งราคาที่ดี และการใส่สเปกที่เหมาะสม ที่จะเป็นอาวุธสำคัญของ Samsung เพื่อนำไปสู้ศึกในมือถือระดับกลางครับ
Samsung Galaxy A42 5G
หากเราสังเกตมือถือตระกูล Galaxy A-Series ในยุคหลัง จะเห็นได้ว่า Samsung เริ่มมีการปรับสเปกใหม่ให้ทัดเทียมกับคู่แข่งในท้องตลาดโดยเฉพาะแบรนด์จากฝั่งประเทศจีน ที่เน้นทำตลาดด้วยการตั้งราคาที่ถูก และใส่สเปกบางอย่างมาให้แบบจัดเต็ม โดย Samsung เริ่มต้นจากรุ่น Galaxy A42 5G ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2020 ด้วยราคาราว 11,990 บาทเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างถูกพอสมควรสำหรับมือถือตระกูล Galaxy A-Series รุ่นกลาง
สำหรับ Galaxy A42 5G ทาง Samsung เลือกเกมเมอร์เป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก ด้วยการใส่สเปกที่เหมาะแก่การเล่นเกมโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอแสดงผลคุณภาพสูงอย่าง Super AMOLED ขนาดใหญ่ 6.6 นิ้ว, ชิปเซ็ตตัวรองท็อปอย่าง Snapdragon 750G ที่มีประสิทธิภาพการประมวลผลได้เร็วแรง, รองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G ไปจนถึงแบตเตอรี่ขนาด 5000mAh แต่น่าเสียดายที่ Galaxy A42 5G ให้ความละเอียดหน้าจอในระดับ HD+ เท่านั้น ซึ่งต่างจากคู่แข่งรายอื่นๆ ในเรทราคาเดียวกันที่มักจะให้ความละเอียดหน้าจอ Full HD+ เป็นพื้นฐาน
Galaxy A52 | A72
การเปิดตัว Galaxy A42 5G ในครั้งนั้น ดูเหมือนเป็นการปูทางสู่การตั้งราคา Galaxy A -Series ในอนาคตที่จะเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และมีสเปกที่ทัดเทียมกับคู่แข่งรายอื่นๆ ในเรทราคาเดียวกัน ซึ่งในปี 2021 ทาง Samsung ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเพราะ Galaxy A52 | A52 5G และ A72 รุ่นล่าสุดเปิดราคาวางจำหน่ายเริ่มต้นเกือบจะเท่ากับรุ่นเดิมที่ 11,999 บาทเท่านั้น แต่ใส่สเปกมาให้สุดทางจนสามารถเทียบชั้น หรืออาจดูดีกว่าคู่แข่งในคลาสเดียวกัน ด้วยหน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED ที่มีค่า Refresh Rate 90Hz / 120Hz, กล้องหลัง 4 ตัว 64MP พร้อมระบบกันสั่นแบบ OIS และฟีเจอร์การถ่ายภาพที่ยกมาจากรุ่นเรือธง, RAM 8GB + 128GB, สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ, ชิปเซ็ต Snapdragon 720G / 750G, รองรับ 5G* (เฉพาะรุ่น A52 5G) และจุดขายสำคัญอย่างบอดี้กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP67 ที่มี Samsung เพียงแบรนด์เดียวในมือถือคลาส Mid-range ที่ใส่ฟีเจอร์นี้มาให้ ต่างจากมือถือแบรนด์อื่นๆ ที่แม้ว่าจะมีบอดี้กันน้ำได้ แต่ก็เป็นการกันเพียงละอองน้ำ หรือกันน้ำกระเซ็นเท่านั้น
การที่เจ้าตลาดอย่าง Samsung ลงมาเอาจริงเอาจังกับตลาดมือถือระดับกลาง ถือว่าน่าสนใจไม่ใช่น้อย เพราะก่อนหน้านี้ผู้ใช้อาจจะเคยติดภาพว่า Samsung เป็นแบรนด์ที่ขายสมาร์ทโฟนราคาแพงมาโดยตลอด แต่ในปัจจุบันภาพลักษณ์ของมือถือระดับกลางของแบรนด์ Samsung เปลี่ยนไป เพราะกล้าใส่สเปกระดับพรีเมียมที่เคยถูกจำกัดไว้บนสมาร์ทโฟนเรือธงราคาแพงอย่าง Galaxy S และ Note ให้กับมือถือระดับกลางอย่าง A-Series เป็นที่เรียบร้อย
นอกเหนือจากกลยุทธ์การตั้งราคา และการใส่สเปกจัดเต็ม ที่อาจดึงดูดใจผู้บริโภคได้แล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่เป็นจุดแข็งของ Samsung มาโดยตลอดก็คือ สิทธิพิเศษ และบริการหลังการขาย เริ่มตั้งแต่ การแจก YouTube Premium ให้ดูฟรี 2 เดือนสำหรับผู้ที่ซื้อ Galaxy A52 Series และ Galaxy A72 รุ่นใหม่ (ในอนาคตจะมีการแจก Spotify ให้ฟังฟรีด้วย) รวมถึงการแจกหูฟัง Galaxy Buds+ มูลค่า 3,990 บาท สำหรับผู้ที่พรีออเดอร์ Galaxy A52 5G ยิ่งทำให้มือถือ Samsung A-Series รุ่นใหม่ที่มีราคาถูกแล้ว ยิ่งดูคุ้มค่ามากขึ้นไปอีก
ในส่วนของบริการหลังการขาย Samsung ก็มีจุดเด่นด้านศูนย์บริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศ มีหน้าร้านเป็นของตนเอง รวมทั้งยังมีพาร์ทเนอร์รายต่างๆ ที่ช่วยเพิ่มช่องทางทำโปรโมชัน รวมถึงช่องทางการขายให้กับ Samsung ได้มากขึ้น และที่สำคัญ Samsung ยังมีบริการ Live Chat และ Call Center สามารถปรึกษาปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับสมาร์ทโฟนตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในมือถือไม่กี่แบรนด์ที่ให้บริการนี้
การที่ Samsung ตัดสินใจปรับเปลี่ยนกลยุทธ์มาบุกตลาดมือถือระดับกลางอย่างจริงจัง นอกเหนือจากจะช่วยให้เกิดการแข่งขัน และการปรับตัวของแบรนด์ยักษ์ใหญ่รายอื่นๆ ที่ในอนาคตเราอาจได้เห็นมือถือสเปกดีในราคาถูกมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ผู้ที่ได้รับประโยชน์เต็มๆ จากการปรับตัวในครั้งนี้ก็คือ ผู้บริโภค ที่จะได้สัมผัสเทคโนโลยีมือถือดีๆ ในราคาที่ไม่สูงจนเกินไป ซึ่งก็น่าสนใจว่าทิศทางตลาดมือถือในอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไปครับ
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 19/3/2564