หน้าแรกมือถือ > รวมข่าวมือถือ > หน้าบทความ ข่าวมือถือ
   
Date : 16/1/2562

เบื้องหลัง VOOC และ SuperVOOC Flash Charge สองเทคโนโลยีที่ทำให้ OPPO เป็นผู้นำด้านระบบชาร์จเร็ว ณ ชั่วโมงนี้

 

นวัตกรรมการชาร์จเร็ว ถือเป็นอีกสิ่งที่แบรนด์ผู้ผลิตมีการแข่งขันมาอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่ต้องใช้เวลาชาร์จแบตเตอรี่สมาร์ทโฟนเป็นเวลาหลายชั่วโมงจนกว่าแบตเตอรี่จะกลับมาเต็ม 100% ปัจจุบันเราสามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มได้ในเวลาไม่ถึงชั่วโมงเท่านั้น และหากพูดถึงแบรนด์สมาร์ทโฟนที่มีชื่อเสียงด้านระบบชาร์จเร็วแล้ว หลายท่านจะต้องนึกถึง OPPO กับระบบ VOOC Flash Charge กันอย่างแน่นอน เพราะ OPPO ได้ส่งมือถือที่มี VOOC Flash Charge เข้ามาทำตลาดในบ้านเราตั้งแต่ปี 2014 และเมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งนำระบบชาร์จเร็วแบบใหม่ล่าสุดอย่าง SuperVOOC Flash Charge มาใช้งานบนสมาร์ทโฟนแล้ว ซึ่งมีจุดเด่นด้านการจ่ายกำลังไฟได้สูงสุดถึง 50W มากกว่าเทคโนโลยีชาร์จเร็วค่ายอื่นๆ ที่จ่ายกำลังไฟได้สูงสุด 18W, 27W, 30W หรือ 40W ส่งผลให้ OPPO ก้าวขึ้นเป็นผู้นำเทคโนโลยีชาร์จเร็ว ณ ชั่วโมงนี้ และในวันนี้ทางทีมงานจะพาทุกท่านไปรับชมถึงเบื้องหลังความเป็นมาเกี่ยวกับระบบชาร์จเร็วของ OPPO พร้อมรูปแบบการทำงานของ VOOC Flash Charge และ SuperVOOC Flash Charge ว่ามีความความพิเศษอย่างไร หากพร้อมแล้ว ไปดูกันเลยครับ

 

จุดเริ่มต้นของนวัตกรรมชาร์จเร็ว

จุดเริ่มต้นในการพัฒนานวัตกรรมชาร์จเร็วของ OPPO เกิดมาจากพฤติกรรมการใช้งานมือถือของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไป จากแต่ก่อนในยุคที่ยังเป็น “ฟีเจอร์โฟน” การใช้งานหลักๆ จะจำกัดอยู่แค่การโทรออก และส่งข้อความ SMS หากัน ทำให้มือถือไม่จำเป็นต้องมีแบตเตอรี่ที่เยอะ และไม่จำเป็นต้องนำไปเสียบชาร์จอยู่บ่อยๆ แต่เมื่อ “สมาร์ทโฟน” ถูกคิดค้น และเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ พฤติกรรมการใช้งานมือถือก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากสมาร์ทโฟนรองรับการทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันได้หลากหลายกว่าฟีเจอร์โฟนเป็นอย่างมาก รวมทั้งยังมีฟีเจอร์ต่างๆ ที่ล้ำสมัยมากขึ้นไม่ว่าจะเป็น หน้าจอขนาดใหญ่, รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต หรือกล้องดิจิทัลที่ถ่ายได้ทั้งภาพนิ่ง และวิดีโอ แต่การใช้งานในลักษณะนี้ก็ส่งผลให้มือถือใช้พลังงานจากแบตเตอรี่มากตามขึ้นไปด้วย ทำให้แบตเตอรี่ไม่เพียงพอต่อการใช้งานระหว่างวัน และต้องเสียบชาร์จสมาร์ทโฟนระหว่างวันอยู่บ่อยๆ ทำให้ OPPO เกิดแนวคิดในการแก้ไขปัญหาให้แก่ผู้บริโภคด้วยการพัฒนาระบบชาร์จเร็วของตนเองขึ้นมา พร้อมกับตั้งชื่อว่า VOOC Flash Charge (Voltage Open Loop Multi-Step Constant-Current Charging)
 

กำเนิด VOOC Flash Charge ชาร์จ 5 นาที คุยได้ 2 ชั่วโมง

เทคโนโลยี VOOC Flash Charge เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2014 และถูกนำมาใช้กับ OPPO Find 7 และ 7a เป็นรุ่นแรกของค่าย แม้ว่าในยุคนั้นจะเริ่มมีระบบชาร์จเร็วบ้างแล้ว อย่างเช่น Quick Charge 2.0 จาก Qualcomm แต่ VOOC Flash Charge ของ OPPO ถือว่าแตกต่างอย่างสิ้นเชิงทั้งในเรื่องของฮาร์ดแวร์ และรูปแบบการทำงาน โดยในส่วนของฮาร์ดแวร์นั้น ทาง OPPO เลือกที่จะใช้สาย และพอร์ต USB แบบ 7 Pin แทน USB แบบ 5 Pin เหมือนกับที่ใช้บนสมาร์ทโฟนทั่วไป ซึ่งข้อดีคือช่วยส่งกำลังไฟได้มากกว่าเดิม รวมทั้งยังมีการติดตั้งนวัตกรรมที่มีชื่อว่า Five-core Protection หรือระบบป้องกัน 5 ขั้นตอน โดยแต่ละขั้นตอนมีรูปแบบการทำงานดังนี้

 


ขั้นที่ 1 : Adaptor Overload Protection

เมื่อเสียบอแดปเตอร์เข้ากับเต้าเสียบ จะมีการการตรวจวัดกระแสไฟภายในตัวอแดปเตอร์ผ่านวงจรที่เรียกว่า Mosfet ว่ามีการรับไฟมามากเกินไปหรือไม่ (Overload) และจะตัดไฟทันทีหากมีการรับไฟเกินกำหนด ซึ่งหากพบว่ากระแสไฟอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมแล้ว ก็จะส่งมอบหน้าที่ให้กับชิป MCU ในอแดปเตอร์จัดการต่อในขั้นตอนต่อไป

 


ขั้นที่ 2 : Rapid Charge Condition Judgement

ขั้นต่อมาคือ กระบวนการตรวจสอบอุปกรณ์ โดยชิป MCU จะทำการตรวจสอบว่าสมาร์ทโฟนที่กำลังเสียบชาร์จแบตกับอแดปเตอร์อยู่นี้ รองรับระบบ VOOC Flash Charge หรือไม่ ซึ่งหากรองรับก็จะเริ่มกระบวนการชาร์จเร็วทันที แต่หากอุปกรณ์ไม่รองรับ หรือชิ้นส่วนบางอย่างเกิดความเสียหาย ระบบชาร์จเร็วก็จะไม่ทำงานเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดกับสมาร์ทโฟน

 


ขั้นที่ 3  : Port Overload Protection

หลังจากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการตรวจวัดบนสมาร์ทโฟนตัวสมาร์ทโฟนว่า มีการรับไฟจากอแดปเตอร์มาเกินกำหนดหรือไม่ผ่านพอร์ต USB แบบ 7 Pins โดยในสมาร์ทโฟนนั้นก็จะมีชิป MCU รวมถึงวงจร Mosfet ถูกติดตั้งไว้เพื่อช่วยตรวจสอบความปลอดภัยของกระแสไฟ ซึ่งเป็นระบบป้องกันที่คล้ายกับที่มีอยู่ในอแดปเตอร์นั่นเอง

 


ขั้นที่ 4  : Battery Overload Protection

เมื่อกระแสไฟถูกจ่ายเข้าแบตเตอรี่แล้ว ก็ยังมีระบบป้องกันการจ่ายกระแสไฟเกินในตัวแบตเตอรี่ผ่านการทำงานร่วมกันระหว่างชิป IC และวงจร Mosfet ที่คอยตรวจวัดกระแสไฟอยู่ตลอดเวลา

 


ขั้นที่ 5 : Battery Fuse Protection

และเพื่อเป็นการป้องกันขั้นสูงสุด OPPO จึงติดตั้งระบบป้องกันขั้นสุดท้ายเพื่อความปลอดภัยสูงสุดนั่นก็คือ การใส่ ฟิวส์ เข้าไปในแบตเตอรี่ ซึ่ง ฟิวส์ นี้เองที่จะคอยตัดวงจรไฟฟ้าให้แบบอัตโนมัติ เมื่อมีกระแสไฟฟ้าเกินพิกัด หรือกระแสไฟฟ้าลัดวงจร ทำให้ผู้ใช้สบายใจได้ว่าสมาร์ทโฟนจะมีความปลอดภัยตลอดการชาร์จ

 

ส่วนวิธีการทำงานของ VOOC Flash Charge ก็ถือว่าแตกต่างกับระบบชาร์จเร็วค่ายอื่นๆ เพราะเลือกที่จะใช้เทคนิคแบบเพิ่มกระแสไฟฟ้า (Amp) ให้มากขึ้นด้วยการจ่ายไฟแบบ 5V/4A (20W) แทนที่การเพิ่มแรงดันไฟฟ้า (Volt) เหมือนกับระบบชาร์จเร็วแบบอื่นๆ ซึ่งข้อดีของเทคนิคนี้คือ ช่วยเพิ่มช่องทางให้กระแสไฟเข้าสมาร์ทโฟนได้มากกว่าเมื่อเทียบกับการเพิ่ม Volt ที่เน้นอัดแรงดันไฟฟ้าให้สูงขึ้นแต่มีช่องทางให้ไฟเข้าน้อย หากเทียบการชาร์จในระยะเวลาเท่ากัน VOOC Flash Charge จะสามารถจ่ายกระแสไฟเข้าสมาร์ทโฟนของเราได้มากกว่านั่นเอง และที่สำคัญ VOOC Flash Charge ยังมีความสามารถในเรื่องของการปรับกระแสไฟให้เหมาะสมระหว่างการชาร์จแบตเตอรี่ โดยจะอัดไฟเข้าให้มากในช่วงแรกเพื่อให้แบตเตอรี่เพิ่มขึ้นเร็วที่สุด หลังจากนั้นจะค่อยๆ ลดกระแสไฟลงเพื่อเป็นการถนอมแบตเตอรี่ และที่สำคัญผู้ใช้ยังสามารถชาร์จไปเล่นไปในระหว่างการชาร์จเร็วได้ต่างจากระบบชาร์จเร็วบางส่วนที่จะไม่ทำงานหากพบว่าเครื่องร้อนจนเกินไป

 

ในปัจจุบัน OPPO ได้นำระบบ VOOC Flash Charge ไปใช้งานกับสมาร์ทโฟนกว่า 90 ล้านเครื่องทั่วโลก ซึ่งสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดที่ได้ใช้งาน VOOC Flash Charge นั่นก็คือ OPPO F9 มือถือจอไร้ขอบสเปกครบเครื่องรุ่นใหม่ ที่มาพร้อมกับสโลแกน “ชาร์จ 5 นาที คุยได้ 2 ชั่วโมง” โดยเปิดราคาวางจำหน่ายในบ้านเราที่ 10,990 บาท ซึ่งจากที่ทีมงานได้ลองนำไปทดสอบก็พบว่า ระบบ VOOC Flash Charge สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้อย่างรวดเร็ว โดยเมื่อชาร์จแบตเตอรี่ไปได้ 5 นาที ก็ได้แบตคืนมาที่ 10% ผ่านไป 30 นาที แบตเตอรี่ขึ้นมาที่ 56% (อ่านบทความทดสอบได้ที่นี่) ซึ่งถือว่าตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี เพราะในบางสถานการณ์ที่เร่งรีบ การชาร์จเพียง 5 นาทีก็สามารถใช้สนทนาได้ถึง 2 ชั่วโมง หรือชาร์จเพียง 30 นาที ก็เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปได้ราวครึ่งวันแล้ว

 

สำหรับ OPPO F9 มีให้เลือกทั้งหมด 3 เฉดสี ได้แก่ สีแดง Sunrise Red, สีน้ำเงิน Twilight Blue และสีม่วง Starry Purple ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ทาง OPPO ก็เพิ่งเปิดตัวสีใหม่ในชื่อ Jade Green ที่มาพร้อมกับจุดเด่นด้านฝาหลังไล่เฉดจากสีเขียวหยกตัดรับกับสีขาวมุกบริสุทธิ์ พร้อมเสริมความโดดเด่นด้วยวงแหวนกล้อง และปุ่มสแกนลายนิ้วมือที่ถูกเคลือบด้วยสีทอง (รับชมพรีวิว OPPO F9 Jade Green ได้ที่นี่)
 

ก้าวสู่ผู้นำด้านการชาร์จด้วย SuperVOOC Flash Charge ชาร์จแบตฯ 40% ใน 10 นาที

หลังจากที่ VOOC Flash Charge ได้สร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการสมาร์ทโฟน และโลดแล่นอยู่ในท้องตลาดมาเป็นเวลากว่า 4 ปี ภายในงานมหกรรมมือถือสุดยิ่งใหญ่แห่งปี 2016 หรือ Mobile World Congress (MWC) 2016 ณ กรุงบาร์เซโลนา ประเทศสเปน ทาง OPPO ก็ได้ก้าวขึ้นไปอีกขั้นด้วยการเผยโฉมเทคโนโลยีชาร์จเร็วรูปแบบใหม่ในชื่อ SuperVOOC Flash Charge โดยเป็นระบบชาร์จเร็วที่พัฒนาต่อยอจาก VOOC Flash Charge สามารถจ่ายไฟได้ที่ระดับ 10V/5A (50W) โดยจะเห็นได้ว่า OPPO มีการเพิ่มทั้งแรงดันไฟฟ้า และกระแสไฟฟ้าให้สูงขึ้นจากระบบ VOOC Flash Charge ซึ่งผลลัพธ์คือสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วขึ้นเป็นอย่างมาก

 

หลังผ่านพ้นงาน MWC 2016 เป็นเวลาราว 2 ปี สมาร์ทโฟนรุ่นแรกของ OPPO ที่ได้ใช้งาน SuperVOOC Flash Charge ก็ได้เผยโฉมอย่างเป็นทางการกับรุ่น OPPO Find X Automobili Lamborghini Edition สมาร์ทโฟนระดับเรือธงรุ่นพิเศษที่ทาง OPPO เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อกลางปี 2018 โดยเป็นรุ่นพิเศษที่จับมือพัฒนาร่วมกับแบรนด์ซูเปอร์คาร์ชื่อดังอย่าง Lamborghini มีจุดเด่นที่ดีไซน์จอไร้ขอบไร้รอยบาก พร้อมเซ็นเซอร์ และกล้องถ่ายภาพที่ถูกซ่อนเอาไว้ในกลไกกล้องสไลด์แบบ Stealth 3D Cameras นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับฝาหลังที่มีลวดลายแบบคาร์บอนไฟเบอร์ ดุดันตามสไตล์ซูเปอร์คาร์ค่ายกระทิงดุ โดยทาง OPPO เปิดราคาวางจำหน่ายของสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวในประเทศไทยเอาไว้ที่ 49,990 บาท


SuperVOOC Flash Charge ไม่ได้ถูกจำกัดแค่บนสมาร์ทโฟนระดับเรือธงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะล่าสุด OPPO ได้นำระบบชาร์จเร็วมาใช้งานกับสมาร์ทโฟนระดับกลางกึ่งท็อปตระกูล R-Series ด้วย กับรุ่น OPPO R17 Pro มือถือที่มาพร้อมกับจุดเด่นด้านดีไซน์ทรงหยดน้ำ, ชิปเซ็ตตัวแรง Snapdragon 710, ระบบกล้องหลัง 3 ตัวพร้อมนวัตกรรม TOF 3D Camera บนบอดี้กระจกเงางามแบบไล่เฉดสี ซึ่ง OPPO ได้มีการนำสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยด้วย โดยเปิดราคาที่ 24,990 บาท มีให้เลือกทั้งหมด 2 เฉดสี ได้แก่ สีม่วง Radiant Mist และสีเขียว Emerald Green

 

OPPO เปิดเผยว่า ระบบชาร์จเร็วแบบ SuperVOOC Flash Charge ของ OPPO R17 จะช่วยให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0-40% ได้ในเวลาเพียง 10 นาที ส่วนการชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม 100% จะใช้เวลาประมาณ 40 นาทีเท่านั้น

 

หลายอ่านอาจเกิดคำถามว่า ระบบ SuperVOOC Flash Charge ของ OPPO R17 Pro มีความปลอดภัยหรือไม่? OPPO จึงได้ติดตั้งระบบป้องกันแบบ 5 ขั้นตอน (Five-core protection) รวมทั้งยังมีการออกแบบแบตเตอรี่ภายในของ OPPO R17 Pro ให้เป็นแบบ Bi-cell design ซึ่งเป็นการดีไซน์แบตเตอรี่โดยแบ่งออกเป็น 2 เซลล์ แต่ละเซลล์มีความจุ 1850mAh รวมกันเป็นความจุรวม 3700mAh รูปแบบการทำงานก็คือ เมื่อแบตเตอรี่ได้รับการจ่ายไฟมาจากอแดปเตอร์ที่ระดับ 10V/5A ระบบก็จะทำการแจกจ่ายกำลังไฟที่ได้รับไปที่แบตเตอรี่ทั้งสอง 2 เซลล์แบบเท่าๆ กันที่ 5V 5A ซึ่งหากดูที่แรงดันไฟฟ้าแล้วจะเท่ากับ VOOC Flash Charge ที่จ่ายไฟสูงสุดที่ 5V เท่ากัน แต่เนื่องจากการชาร์จไฟแบบ Super VOOC Flash Charge บน OPPO R17 Pro จะจ่ายไฟเข้าที่แบตเตอรี่ทั้ง 2 เซลล์ไปพร้อมๆ กัน ทำให้ชาร์จได้เร็วกว่า VOOC Flash Charge นั่นเอง

 

นอกจากระบบต่างๆ ของ OPPO ที่ใส่เข้ามาบนสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าว เพื่อให้การชาร์จเร็วเป็นไปอย่างปลอดภัยแล้ว OPPO R17 Pro ยังได้จับมือกับ TÜV Rheinland องค์กรทดสอบด้านความปลอดภัยชั้นนำระดับโลกจากเยอรมนี ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้เป็นเวลากว่า 146 ปี เพื่อทดสอบระบบ SuperVOOC Flash Charge ของ OPPO R17 Pro ซึ่งปรากฏว่า หลังจากที่ถูกนำไปเช้ากระบวนการทดสอบแบบเข้มข้น ทั้ง การชาร์จแบตเตอรี่ซ้ำกว่า 1,000 ครั้ง พร้อมกับทดสอบเสียบชาร์จและถอดออกอย่างรวดเร็วกว่า 600 ครั้ง เพื่อทดสอบอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ทาง TÜV Rheinland ก็ได้ให้การรับรองว่า OPPO R17 Pro มีความปลอดภัยในการใช้งานชีวิตประจำวันด้วยมาตรฐาน TÜV Rheinland CERTIFIED

 

จะเห็นได้ว่า ระบบชาร์จเร็วของ OPPO ที่มีต้นกำเนิดจาก VOOC Flash Charge เมื่อปี 2014 จนถูกพัฒนากลายมาเป็น SuperVOOC Flash ระบบชาร์จเร็วมาตรฐานใหม่ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน มีการพัฒนานามาอย่างจริงจังต่อเนื่องโดยให้ความสำคัญไปที่ความเร็ว และความปลอดภัย ดังนั้น หากจะกล่าวว่า OPPO เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการชาร์จเร็ว ณ ชั่วโมงนี้ ก็ดูสมเหตุสมผล เพราะระบบ SuperVOOC Flash Charge เป็นเพียงเทคโนโลยีชาร์จเร็วระบบเดียวในปัจจุบันที่สามารถจ่ายกำลังไฟได้สูงสุดถึง 50W ต่างจากระบบอื่นๆ ที่จ่ายกำลังไฟได้ 18W, 27W หรือ 40W รวมทั้งงาน Fast Charging Challenge ที่ OPPO เพิ่งจัดไปเพื่อเฟ้นหาสมาร์ทโฟนที่ชาร์จได้เร็วกว่า OPPO R17 Pro เพื่อชิงรางวัลรถยนต์ BWM i8 มูลค่า 11 ล้านบาท ก็ปรากฏว่า ไม่มีผู้เข้าร่วมการแข่งขันที่สามารถชาร์จแบตชนะ OPPO R17 Pro ซึ่งสิ่งนี้น่าจะเป็นเครื่องยืนยันในด้านการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมชาร์จเร็วของ OPPO ณ ปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

 

น่าติดตามต่อไปว่า ต่อจาก SuperVOOC Flash Charge แล้ว OPPO จะมีนวัตกรรมอะไรใหม่ๆ เปิดตัวให้เห็นกันอีกบ้าง โดยคาดว่าภายในงาน Mobile World Congress 2019 ที่จะจัดขึ้นช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ เราน่าจะได้พบคำตอบกันแล้ว

 

นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com


วันที่ : 16/1/2562

Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy