พรีวิว OPPO F9 Jade Green กับตัวเครื่องสีเขียวหยกตัดรับสีขาวมุกสุดเรียบหรู พร้อมครบด้วยจอทรงหยดน้ำ 6.3 นิ้ว, ขุมพลัง Helio P60, RAM 6GB, กล้องคู่ถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ และระบบชาร์จเร็ว VOOC Flash Charge
หลังจากที่ OPPO ได้นำสมาร์ทโฟนตระกูล F-Series รุ่นล่าสุดอย่าง OPPO F9 เข้ามาวางจำหน่ายในบ้านเราตั้งแต่ช่วงปลายเดือนสิงหาคมเป็นต้นมา ซึ่งในขณะนั้นมีให้เลือกทั้งหมด 3 เฉดสี ได้แก่ สีแดง Sunrise Red, สีน้ำเงิน Twiligh blue และสีม่วง Starry Purple ล่าสุดทาง OPPO ก็ได้เพิ่มตัวเลือกสีสันใหม่แบบ Limited Edition ส่งท้ายปี 2018 ในชื่อสี Jade Green ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวต่างจาก OPPO F9 สีอื่นๆ โดย OPPO ยังเปิดราคาวางจำหน่ายแบบเข้าถึงง่ายเท่าเดิมที่ 10,990 บาท
และเนื่องจากทางทีมงาน Thaimobilecenter มีโอกาสได้สัมผัส และทดลองใช้งาน OPPO F9 สี Jade Green มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง จึงไม่พลาดที่จะเก็บภาพนำมาทำพรีวิวให้ทุกท่านได้รับชมกัน โดย OPPO F9 สี Jade Green ตัวจริงจะมีความสวยงามอย่างไร รวมทั้งสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มีฟังก์ชันอะไรให้ใช้งานบ้าง เราไปติดตามพร้อมกันเลยครับ
ก่อนจะไปดูตัวเครื่อง เรามาเริ่มที่กล่องแพ็กเกจกันก่อน โดย OPPO F9 มาพร้อมกับกล่องบรรจุภัณฑ์สีขาวสะอาดตา พร้อมประทับภาพดีไซน์ของ OPPO F9 ในเฉดสีม่วง Starry Purple เอาไว้ที่ด้านหน้าแบบเด่นชัด ซึ่งกล่องบรรจุภัณฑ์ล็อตใหม่ของ OPPO F9 จะเป็นแบบนี้เหมือนกันทุกกล่อง โดยวิธีแยกแยะสีสันของตัวเครื่องภายในกล่อง ให้พลิกมาดูสติ๊กเกอร์ที่ด้านหลังตัวเครื่องซึ่งจะมีการระบุถึงชื่อสีเอาไว้
เปิดกล่องออกมาดูอุปกรณ์เสริมที่แถมมาให้กันบ้าง ประกอบไปด้วบ คู่มือการใช้งาน, สายเชื่อมต่อแบบ microUSB สำหรับโอนถ่ายข้อมูล หรือชาร์จไฟ, อแดปเตอร์สำหรับชาร์จไฟ, เข็มจิ้มถาดใส่ซิมการ์ด และเคสใส
สำหรับเคสใสของ OPPO F9 ถูกออกแบบมาให้มีความหนากว่าตัวเครื่องเล็กน้อย เพื่อช่วยป้องกันเลนส์กล้องจากรอยขีดข่วนเวลาวางสมาร์ทโฟนลงบนพื้นผิวต่างๆ
มาดูที่ตัวเครื่องกันบ้าง สำหรับ OPPO F9 Jade Green มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลดีไซน์ Waterdrop Screen หรือหน้าจอรอยบากทรงหยดน้ำ ขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียดคมชัดระดับ Full HD+ และเนื่องด้วยการที่ OPPO ปรับขนาดรอยบากให้มีขนาดเล็กลง พร้อมกับลดพื้นที่ขอบทั้ง 4 ด้านให้มีความบางเฉียบ จึงทำให้มีสัดส่วนในการแสดงผลของหน้าจอเมื่อเทียบกับตัวเครื่องสูงถึง 90.8% นอกจากนี้ หน้าจอของ OPPO F9 Jade Green ยังมาพร้อมกับสัดส่วนแบบ 19.5:9 ทำให้การใช้งานแบบสองแอปพลิเคชันพร้อมกัน หรือการรับชมคอนเทนต์ต่างๆ เป็นไปอย่างเต็มตามากยิ่งขึ้น
ที่ด้านบนของหน้าจอมาพร้อมกับกล้องหน้าความละเอียด 25 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพ HDR รูรับแสงกว้างสูงสุดที่ f/2.0 พร้อมเซ็นเซอร์สำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Ambient Light Sensor สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอให้เหมาะสม, ระบบ Accelerometer Sensor สำหรับหมุน หรือปรับเปลีย่นทิศทางการแสดงผลของหน้าจอแบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้ และระบบ Proximity Sensor สำหรับเปิด-ปิด หน้าจอแบบอัตโนมัติ เพื่อประหยัดพลังงาน พร้อมกับซ่อนลำโพงสนทนาเอาไว้บริเวณขอบจออย่างแนบเนียน นอกจากนี้ จะสังเกตเห็นได้ว่า เลนส์กล้องหน้า และเซ็นเซอร์ต่างๆ ค่อนข้างจะมีความดำสนิทดูเป็นเนื้อเดียวกับหน้าจอ เพราะทาง OPPO ได้นำ OPPO F9 ไปเข้ากระบวนการเคลือบผิวหน้าจอทับอีกหนึ่งชั้นนั่นเอง
นอกจากนี้ กล้องหน้าของ OPPO F9 ยังมีเทคโนโลยี AI Beauty 2.1 ซึ่งเป็นการปรับแต่งใบหน้าของผู้ใช้งานแต่ละคนให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ ผ่านการวิเคราะห์จุดต่างๆ บนใบหน้ากว่า 296 จุดโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมทั้งยังสามารถถ่ายภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอได้อีกด้วย
ที่ด้านล่างของหน้าจอมาพร้อมกับปุ่มควบคุมแบบสัมผัส ประกอบไปด้วย ปุ่ม Recent Apps สำหรับเรียกดูแอปพลิเคชันทั้งหมดที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง, ปุ่ม Home สำหรับย้อนกลับไปยังหน้าโฮมสกรีน และปุ่ม Back สำหรับย้อนกลับไปยังหน้าก่อนหน้านี้
ที่ด้านข้างของตัวเครื่องเลือกใช้เฟรมสีเงินเพื่อรับกับบอดี้สีเขียวไล่โทนของบอดี้ด้านหลัง โดยที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องนั้นจะประกอบไปด้วย ถาดใส่ซิมการ์ด และปุ่มปรับระดับเสียง
สำหรับถาดใส่ซิมการ์ดของ OPPO F9 จะเป็นแบบ Triple-Slot รองรับการใช้งานซิมการ์ดแบบ nano-SIM ทั้งหมด 2 ช่อง พร้อมรองรับการสแตนบายด์บนเครือข่าย 4G LTE ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิมการ์ด รวมทั้งยังสามารถเพิ่มหน่วยความจำเสริมแบบ microSD Card ความจุสูงสุด 256GB ได้ในเวลาเดียวกัน
ที่ด้านบนของตัวเครื่อง มาพร้อมกับไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน
ที่ด้านล่างของตัวเครื่องประกอบไปด้วย ลำโพงเสียงภายนอก, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ microUSB, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา และช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม.
พลิกมาดูข้างหลังตัวเครื่องกันต่อ โดย OPPO F9 Jade Green จะมาพร้อมกับฝาหลังที่มีความมันวาว พร้อมลงสีสันแบบไล่เฉดจากโทนสีเขียวหยกที่ด้านล่างตัวเครื่อง ค่อยๆ ไล่ระดับไปหาสีขาวมุกที่ด้านบนที่ตัดรับเข้ากันเป็นอย่างดี รวมทั้งยังมีการลงกลิตเตอร์ที่คล้ายกับประกายมุกสีขาวเอาไว้อีกหนึ่งชั้นด้วย ส่วนที่บริเวณปุ่มสแกนลายนิ้วมือก็เป็นสีเขียวหยกเหมือนกับตัวเครื่อง พร้อมตัดขอบวงแหวนปุ่มสแกนลายนิ้วมือ และวงแหวนของกล้องถ่ายภาพด้วยสีทอง
เปรียบเทียบสีสันของ OPPO F9 สี Jade Green, สีแดง Sunrise Red และสีม่วง Twilight Purple
สำหรับ OPPO F9 Jade Green ถือว่ามีความแตกต่างจากสีแดง Sunrise Red และสีน้ำเงิน Twilight Blue ที่วางจำหน่ายไปก่อนหน้านี้พอสมควร เนื่องจากจะไม่มีการใส่ลวดลายที่คล้ายกับกลีบดอกไม้เอาไว้แต่อย่างใด แต่ตัวเครื่องสามารถสะท้อนเล่นสีตามมุมแสงที่ตกกระทบได้เหมือนกัน
ที่ด้านบนของตัวเครื่อง OPPO F9 Jade Green มาพร้อมกับระบบกล้องหลังคู่ (Dual Camera) ความละเอียด 16 + 2 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยี AI Scene Recognition ที่เป็นการนำเอาปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยวิเคราะห์ฉาก, วัตถุ รวมถึงสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้กว่า 16 ซีน เพื่อนำไปปรับแต่งการตั้งค่ากล้องให้แบบอัตโนมัติ ทั้ง สมดุลแสงสีขาว (White Balance), การเปิดรับแสง (Exposure), สีสัน รวมถึงคอนทราสต์ นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับฟังก์ชันถ่ายวิดีโอแบบ Slow Motion ได้ที่ระดับ 120fps
กล้องหลังคู่ของ OPPO F9 Jade Green ยังมาพร้อมกับฟังก์ชันถ่ายภาพแบบใหม่ในชื่อ Artistic Portrait Mode สำหรับถ่ายภาพบุคคลแบบหน้าชัดหลังเบลอ เพื่อเสริมให้ตัวแบบดูมีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น รวมทั้งยังมีฟังก์ชันจัดแสงแบบ 3 มิติ (3D Lighting) เพื่อปรับโทนสีของภาพถ่ายให้มีความน่าสนใจ โดยสามารถจัดได้ทั้งหมด 5 แบบ ประกอบไปด้วย Natural, Rim Light, Tone Light, Film Light และ Bi-Color Light
ส่วนภายในตัวเครื่องมาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 3500mAh ที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ VOOC Flash Charge ที่มีจุดเด่นด้านการใช้เวลาชารืจเพียง 5 นาที ก็สามารถใช้งานสนทนาได้ต่อเนื่องถึง 2 ชั่วโมง รวมทั้งยังเป็นเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบเดียวกับที่ใช้บนรุ่นเรือธงอย่าง OPPO Find X ด้วย นอกจากนี้ VOOC Flash Charge ยังมาพร้อมกับระบบป้องกันความปลอดภัย 5 ขั้น (Five Layers of Protection) เพื่อป้องกันการจ่ายกระแสไฟที่สูงจนเกินไป ทำให้มั่นใจได้ว่าสมาร์ทโฟนจะมีความปลอดภัยขณะชาร์จแบตเตอรี่ (สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ VOOC Flash Charge ได้ที่นี่)
สำหรับคุณสมบัติด้านอื่นๆ ของ OPPO F9 Jade Green ยังคงครบครันทุกการใช้งานเช่นเดิม ไม่ว่าจะเป็น การขับเคลื่อนด้วยขุมพลังระดับกลางรุ่นเด่น MediaTek Helio P60 ที่สามารถใช้งานในชีวิตประจำวัน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล (ชมบทความทดสอบเล่นเกมด้วย OPPO F9 ได้ที่นี่), หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 6GB ทำให้สามารถสลับแอปพลิเคชันไปมาได้อย่างรวดเร็ว, หน่วยความจำภายใน 64GB ที่รองรับการเพิ่มหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card สูงสุด 256GB เพื่อเก็บข้อมูลแบบจุใจ รวมถึงการรันด้วยระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ที่ครอบทับด้วย ColorOS 5.2 ซึ่งมีลูกเล่นให้ใช้งานมากมาย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า OPPO F9
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง OPPO F9
OPPO F9 Jade Green เริ่มวางจำหน่ายแล้ววันนี้ในราคา 10,990 บาท สำหรับท่านใดที่สนใจ ก็สามารถแวะเวียนไปทดลองใช้งานเบื้องต้น รวมถึงจับจองเป็นเจ้าของได้ที่ OPPO Brand Shop และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศครับ
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 25/12/2561
