เปรียบเทียบ OPPO F9 และ OPPO F7 สองมือถือเซลฟี่สเปกครบเครื่อง แตกต่างกันอย่างไร มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง? มาดูกัน!
เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองพอสมควร สำหรับ OPPO F9 สมาร์ทโฟนเซลฟี่สเปกครบเครื่อง ที่เริ่มเปิดให้พรีออเดอร์ในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีรายงานว่า ยอดสั่งจองในช่วง 5 วันแรกมีจำนวนสูงเป็น 2 เท่าเมื่อเทียบกับมือถือตระกูล F Series รุ่นก่อนหน้าอย่าง OPPO F7
เชื่อว่าหลายท่านอาจจะยังไม่ทราบว่า OPPO F9 ที่เพิ่งเปิดตัวออกมาใหม่ มีความแตกต่างกับ OPPO F7 อย่างไรบ้าง ดังนั้นทางทีมงาน Thaimobilecenter จึงได้นำ OPPO F9 และ OPPO F7 มาเปรียบเทียบดีไซน์ และคุณสมบัติให้ทุกท่านได้รับชมกัน เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ หากพร้อมแล้ว เราไปติดตามได้เลยครับ
เริ่มต้นที่ด้านหน้ากันก่อน โดยทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับจุดเด่นด้านหน้าจอแสดงผลแบบเต็มพื้นที่ พร้อมความละเอียดคมชัดระดับ Full HD+ ด้วยกันทั้งคู่ แต่ OPPO F9 มีการปรับไปใช้ดีไซน์หน้าจอแบบใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติในชื่อ Waterdrop Screen ซึ่งเป็นการขยายพื้นที่การแสดงผลให้สูงขึ้นถึง 90.8% พร้อมปรับขนาดรอยบาก (Notch) ให้มีความเล็กลงคล้ายกับหยดน้ำ พร้อมกับซ่อนลำโพง และเซ็นเซอร์ต่างๆ เอาไว้อย่างแนบเนียน ทำให้ช่วยให้มือถือสามารถแสดงผลได้อย่างเต็มตามากกว่าเดิม
เปรียบเทียบการแสดงผลระหว่าง OPPO F9 และ OPPO F7 จะเห็นว่า OPPO F9 มีพื้นที่ในการแสดงผลที่มากกว่า ซึ่งเป็นผลจากการที่ขยายหน้าจอให้ชิดขอบขอบเครื่องมากยิ่งขึ้น พร้อมกับปรับขนาด Notch ให้เล็กลง
ที่ด้านบนหน้าจอทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 25 ล้านพิกเซล พร้อมเซ็นเซอร์รับภาพ HDR สำหรับช่วยถ่ายภาพแบบย้อนแสง หรือสภาวะแสงน้อย และเทคโนโลยี AI Beauty สำหรับช่วยปรับแต่งใบหน้าผู้ใช้ให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติผ่านการวิเคราะห์ด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) แต่ AI Beauty ของ OPPO F9 จะเป็นเวอร์ชันใหม่กว่าในชื่อ AI Beauty 2.1 ที่นอกเหนือจะมีความสามารถด้านการปรับแต่งใบหน้าแล้ว ยังสามารถปรับแต่งช่วงคอ และแขนให้ได้อีกด้วย
เปรียบเทียบภาพถ่ายจากกล้องหน้าด้วยโหมด AI Beauty ของ OPPO F9 และ OPPO F7 จะสังเกตเห็นได้ว่า AI Beauty ของ OPPO F9 จะมีการเก็บรายละเอียดแสงเงาบนใบหน้าได้ดีกว่า ทำให้ใบหน้าดูมีมิติ และไม่แบน
ด้านล่างหน้าจอของทั้งสองรุ่น ไม่มีปุ่มโฮมแบบ Physical โดยปรับไปใช้ปุ่มควบคุมแบบสัมผัสบนหน้าจอ (On-Screen Navigation Buttons) ซึ่งประกอบไปด้วย ปุ่ม Recent Apps สำหรับเรียกดูรายชื่อแอปพลิเคชันที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง, ปุ่มโฮม สำหรับกลับไปยังหน้าโฮมสกรีน และปุ่มย้อนกลับ
ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องของทั้งสองรุ่นมีความแตกต่างกันเล็กน้อย เพราะ OPPO F9 ได้ย้ายถาดใส่ซิมการ์ดมาติดตั้งไว้ในตำแหน่งนี้ ต่างจาก OPPO F7 ที่ถาดใส่ซิมการ์ดจะอยู่ด้านขวาของตัวเครื่อง สำหรับถาดใส่ซิมการ์ดของทั้งสองรุ่นเป็นแบบ Triple-Slot ที่สามารถใช้งาน 2 ซิมการ์ดไปพร้อมกับการเพิ่มหน่วยความจำเสริมแบบ microSD Card ความจุสูงสุด 256GB ได้ในเวลาเดียวกัน
ที่ด้านขวาของตัวมีปุ่มพาวเวอร์สำหรับเปิด-ปิด หน้าจอติดตั้งเอาไว้เหมือนกัน แต่หากลองสังเกตดีๆ จะเห็นได้ว่าขอบตัวเครื่องของ OPPO F9 จะมีการไล่เฉดสีด้วย ต่างจาก OPPO F7 ที่ขอบจะเป็นสีเดียวกับฝาหลัง
ที่ด้านบนของตัวเครื่องมาพร้อมกับไมโครโฟนตัวที่สองตัดเสียงรบกวนเหมือนกันทั้งคู่
ส่วนที่ด้านล่างของทั้งสองรุ่น มาพร้อมกับลำโพงหลักของตัวเครื่อง, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ microUSB, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา และช่องเสียบหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มม.
พลิกมาดูที่ด้านหลังกันบ้าง โดยจะเห็นได้ว่า OPPO F7 และ OPPO F9 มีความแตกต่างในเรื่องของดีไซน์ และสีสันอย่างชัดเจน เนื่องจาก OPPO F9 มาพร้อมกับสีสันแบบไล่เฉด พร้อมลวดลายกลีบดอกไม้ ที่สามารถสะท้อนเปลี่ยนสีตามมุมที่แสงตกกระแทบ ทำให้ฝาหลังของตัวเครื่องดูมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ที่ด้านบนก็มีความแตกต่างเช่นกัน เพราะ OPPO F9 ปรับไปใช้งานระบบกล้องคู่ (Dual Camera) ความละเอียด 16 + 2 ล้านพิกเซล ซึ่งนับว่าเป็นมือถือรุ่นแรกของ OPPO F Series ที่ได้ใช้งานกล้องคู่เลยทีเดียว นอกจากนี้ กล้องคู่ของ OPPO F9 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี AI Scene Recognition ซึ่งเป็นการนำปํญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยวิเคราะห์ และจำแนก หรือซีนต่างๆ บนภาพถ่ายได้มากกว่า 16 ซีน ครอบคลุมการถ่ายภาพแทบทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็น อาหาร, วิวทิวทัศน์, คน หรือสัตว์เลี้ยง
รวมทั้งยังมาพร้อมกับโหมดถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait Mode) และโหมดการจัดแสงแบบ 3D Lighting คล้ายกับการจัดไฟในสตูดิโอทั้งหมด 5 รูปแบบ ได้แก่ Natural Light, Rim Light, Tone Light, Film Light และ Bi-Color Light ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่คล้ายกับที่มีอยู่บนมือถือรุ่นท็อปอย่าง OPPO Find X หรือ OPPO R15 Pro นั่นเอง
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยโหมด Portrait พร้อมเปิดฟังก์ชันจัดแสง 3D Lighting จาก OPPO F9
ข้ามมาที่สเปกกันบ้าง โดยทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับชิปเซ็ตประมวลผล MediaTek Helio P60 Octa-Core Processor ที่มีจุดเด่นด้านความเร็วแรงในการประมวลผล และการประหยัดพลังงาน พร้อมหน่วยความจำภายใน (ROM) ความจุ 64GB และรันด้วยระบบปฏิบัติการ Androd 8.1 Oreo ด้วยกันทั้งคู่ แต่ OPPO F9 มาพร้อมกับ RAM มากกว่าที่ 6GB ทำให้ใช้งานด้าน Multitask หรือสลับแอปพลิเคชันทำได้คล่องตัวกว่า รวมทั้งยังมีความจุแบตเตอรี่มากกว่าที่ 3500mAh และยังเป็นครั้งแรกของมือถือตระกูล F Series ที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ VOOC Flash Charge ที่ใช้เวลาชาร์จแบตเตอรี่เพียง 5 นาที ก็สามารถใช้งานสนทนาได้ยาวนานถึง 2 ชั่วโมง ซึ่งโดยปกติแล้ว VOOC Flash Charge จะพบบนมือถือรุ่นท็อปของ OPPO อย่าง OPPO R9s, OPPO R15 Pro หรือ OPPO Find X เท่านั้น
สำหรับ VOOC Flash หรือ Voltage Open Loop Multi-Step Constant-Current Charging เป็นเทคโนโลยีที่ทาง OPPO ได้พัฒนาขึ้น และนำไปติดตั้งใช้งานบนสมาร์ทโฟน OPPO กว่า 90 ล้านเครื่อง ซึ่งนอกเหนือจากจะมีจุดเด่นด้านความเร็วในการชาร์จแล้ว VOOC Flash Charge ยังมีจุดเด่นด้านความปลอดภัยด้วยระบบป้องกันแบบ 5 ชั้น หรือ Five Layers of Protection ด้วยการติดตั้งวงจรลงบนอแดปเตอร์จ่ายไฟ, ช่องเสียบชาร์จแบตเตอรี่ ไปจนถึงฟิวซ์ภายในตัวเครื่องสำหรับช่วยตัดไฟเมื่อเกิดความผิดปกติ เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่า สมาร์ทโฟนจะมีความปลอดภัยขณะชาร์จแบตเตอรี่นั่นเอง (สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบ VOOC Flash Charge ได้ที่นี่)
สรุปการเปรียบเทียบระหว่าง OPPO F9 และ OPPO F7 พร้อมตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติ
จากข้อมูลข้างต้นทั้งหมดจะเห็นได้ว่า OPPO F9 มีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่น OPPO F7 มากพอสมควร ทั้งในเรื่องของหน้าจอแสดงผลแบบ Waterdrop Screen ที่ช่วยเพิ่มพื้นที่ในการแสดงผลให้มากขึ้น บนบอดี้เงางามคล้ายกับกระจก พร้อมฝาหลังแบบไล่เฉดลายกลีบดอกไม้สะท้อนเล่นกับแสงทำให้ตัวเครื่องดูมีมิติ และมีเอกลักษณ์ในเวลาเดียวกัน
ส่วนทางด้านกล้องถ่ายภาพ OPPO F9 ก็ได้รับการอัปเกรดไปใช้งานระบบกล้องคู่ (Dual Camera) เป็นครั้งแรกของมือถือตระกูล F Series พร้อมลูกเล่นด้านการถ่ายภาพให้เลือกใช้งานอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอผ่านโหมด Portrait รวมไปถึงการจัดแสง 3 มิติแบบ 3D Lighting ที่ช่วยเพิ่มสีสัน และอารมณ์ของภาพถ่าย นอกจากนี้ กล้องหน้าเซลฟี่ของ OPPO F9 ยังมาพร้อมกับ AI Beauty เวอร์ชันใหม่อย่าง AI Beauty 2.1 ที่นอกเหนือจากจะปรับแต่งใบหน้าให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ ผ่านการการวิเคราะห์จุดต่างๆ บนใบหน้ากว่า 296 จุดด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) แล้ว ยังสามารถปรับแต่งช่วงคอ และแขนของตัวแบบ เพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์ของภาพถ่ายเซลฟี่ได้อีกด้วย
ด้านสเปกของ OPPO F9 ก็ได้รับการยกเครื่องจากรุ่น OPPO F7 ด้วยแบตเตอรี่ความจุมากขึ้นกว่าเดิมที่ขนาด 3500mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ VOOC Flash Charge เป็นครั้งแรก เพื่อช่วยย่นระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ให้น้อยลง และยังมีจุดเด่นด้านระบบป้องกันถึง 5 ชั้น (Five Layer of Protection) เพื่อเสริมความปลอดภัยขณะชาร์จแบตเตอรี่
สำหรับ OPPO F9 เปิดราคาวางจำหน่ายในประเทศไทยที่ 10,990 บาท ซึ่งผู้ใช้สามารถสั่งจองล่วงหน้าได้แล้ว ระหว่างวันที่ 11 - 29 สิงหาคมนี้ ที่ร้าน OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ พร้อมรับฟรีของแถมสุดพรีเมียม ได้แก่ กระเป๋าเป้ OPPO Smart Bag และบัตร VIP Card ในการรับประกันหน้าจอแตกนาน 1 ปีเต็ม ซึ่งหากท่านใดที่สนใจ ก็สามารถแวะเวียนไปทดลองใช้งานเบื้องต้น และจับจองเป็นเจ้าของได้ครับ สำหรับวันนี้ทางทีมงาน Thaimobilecenter ต้องขอตัวลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีครับ
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 24/8/2561
