เทียบสเปก 5 สมาร์ทโฟนช่วงราคา 8 พันบาท รุ่นใหม่ที่น่าสนใจ มีฟีเจอร์เด่นอย่างไร รุ่นไหนเหมาะกับใคร มาดูกัน
เรียกได้ว่าช่วงนี้แบรนด์ดังต่างก็เปิดตัวสมาร์ทโฟนระดับกลางในราคาหลักพันออกมาให้ได้เลือกใช้กันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็ถือเป็นโอกาสที่ดีของผู้ใช้อย่างเราๆ ที่สามารถเลือกซื้อสมาร์ทโฟนที่ถูกใจ พร้อมตอบโจทย์การใช้งานได้ง่ายขึ้นนั่นเอง และในวันนี้ทางทีมงาน Thaimobilecenter ได้รวบรวมสมาร์ทโฟนช่วงราคา 8,000 บาทรุ่นใหม่ที่น่าสนใจ พร้อมทำการเปรียบเทียบสเปกให้ได้ชมกันอย่างละเอียด ซึ่งแต่ละรุ่นจะมีฟีเจอร์เด่นอย่างไร และเหมาะกับใคร หากพร้อมแล้วไปชมกันเลยค่ะ
realme 5 Pro ราคาเริ่มต้น 7,999 บาท
- ตัวเครื่องมีขนาด 157x74.2x8.9 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 184 กรัม
- หน้าจอแสดงผล LCD Dewdrop Full Screen ขนาด 6.3 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.5:9 ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2340 พิกเซล : 409 ppi : สัดส่วนการแสดงผลของหน้าจออยู่ที่ 90.6%) ครอบทับด้วยกระจกขอบนูนแบบ 2.5D Gorilla Glass 3+
- ชิปเซ็ตประมวล Octa-Core Qualcomm Snapdragon 712 AIE
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 616
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB / 8GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด128 พร้อมรองรับหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD สูงสุดที่ขนาด 256GB
- กล้องดิจิทัลด้านหลัง 4 ตัว (AI Quad Camera) แบ่งออกเป็น
- กล้องตัวหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX586 ที่มีขนาดรูรับแสง F/1.79
- กล้องตัวที่สอง Ultra-Wide Lens ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มีขนาดรูรับแสงที่ F/2.25 เก็บภาพมุมกว้างสุด 119 องศา
- กล้องตัวที่สาม Portrait Lens ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- กล้องตัวที่สี่ Macro Lens ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดรูรับแสงที่ F/2.4 ถ่ายภาพระยะใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร
โดยรองรับการโฟกัสภาพแบบ PDAF, ฟีเจอร์ Chrome Boost, โหมดถ่ายภาพกลางคืน Super Nightscape, โหมดผิวสวย AI Beauty และฟังกัน AI Scene Recognition
- กล้องดิจิทัลด้านหน้า AI ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX471 โดยมีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.0 รองรับเทคโนโลยี AI Beauty
- แบตเตอรี่ความจุ 4035 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว VOOC Flash Charge 3.0
- ระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ซึ่งถูกครอบทับด้วย ColorOS 6.0
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner)
- ระบบสแกนใบหน้า (AI Facial Unlock)
- รองรับการใช้งานพร้อมกัน 2 ซิมการ์ด (Dual-SIM)
- รองรับถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Triple-Slot
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac และ Bluetooth 5.0
- รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
- มีตัวเลือก 2 สี ได้แก่ Sparking Blue และ Crystal Green
- รุ่น 4GB+128GB ราคา 7,999 บาท
- รุ่น 8GB+128GB ราคา 8,999 บาท
สรุปคุณสมบัติโดยละเอียดของ realme 5 Pro 4GB+128GB
สรุปคุณสมบัติโดยละเอียดของ realme 5 Pro 8GB+128GB
รีวิว (Review) realme 5 Pro
Xiaomi Mi A3 ราคาเริ่มต้น 6,999 บาท
- ตัวเครื่องมีขนาด 153.48x71.85x8.475 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 173.8 กรัม
- หน้าจอแสดงผล AMOLED Dot Drop Display ขนาด 6.088 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD+ (720x1560 พิกเซล) ในอัตราส่วน 19.5:9 ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5
- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Qualcomm Snapdragon 665 ที่มีความเร็ว 2.0 GHz
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 610
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64GB / 128GB พร้อมรองรับหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD สูงสุดที่ขนาด 256GB
- กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัว (AI Triple Camera) แบ่งออกเป็น
- กล้องตัวหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์จาก Sony โดยมีขนาดรูรับแสง F/1.79
- กล้องตัวที่สองเลนส์มุมกว้าง Ultra Wide-Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล สามารถเก็บภาพมุมกว้างสุด 118 องศา โดยมีขนาดรูับแสง F/2.2 ก
- ล้องตัวที่สามเลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล มีขนาดรูับแสง F/2.4
ซึ่งรองรับโหมดการถ่ายภาพมุมกว้าง, Portrait, AI Beauty และ AI Scene Recognition กว่า 27 ประเภท นอกจากนี้ยังรองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 4K UHD 30fps
- กล้องดิจิทัลด้านหน้า AI Selfie Camera ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยี 4-in-1 Pixel โดยมีพิกเซลขนาด 1.6 ไมครอน ขนาดรูรับแสงที่ F/2.0 รองรับโหมดหน้าชัดหลังเบลอ AI Portrait พร้อม Studio Light Effect, 3D Beauty,HDR และ AI Scene Recognition ทั้งหมด 12 ประเภท
- แบตเตอรี่ความจุ 4030 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Quick Charge 3.0 (18W)
- ระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย MIUI 10
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ (In-Screen Fingerprint)
- ระบบสแกนใบหน้า (Face Unlock)
- รองรับการใช้งานเครือข่าย 4G LTE
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac และ Bluetooth 5.0
- รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
- รุ่น 4GB+64GB ราคา 6,999 บาท
- รุ่น 4GB+128GB ราคา 7,999 บาท
Vivo S1 ราคา 8,999 บาท
- ตัวเครื่องขนาด 159.53x75.23x8.13 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 179 กรัม
- หน้าจอแสดงผล Super AMOLED Halo Fullvie Display ขนาด 6.38 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.5:9 ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2340 พิกเซล) คิดเป็นสัดส่วนพื้นที่ทั้งหมด 90% และรองรับฟังก์ชัน Always On Display
- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core MediaTek (MT6768) Helio P65
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G52 2EEMC2
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 6GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128GB พร้อมรองรับการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD สูงสุดที่ขนาด 256GB
- กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัว (AI Triple Camera) แบ่งออกเป็น
- กล้องตัวหลักความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX499 มีขนาดรูรับแสงที่ F/1.78
- กล้องตัวที่สองเลนส์มุมกว้าง AI Super Wide-Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เก็บภาพมุมกว้าง 120 องศา มีขนาดรูรับแสงที่ F/2.2
- กล้องตัวที่สามเลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล มีขนาดรูรับแสงที่ F/2.4
โดยรองรับระบบการโฟกัสภาพแบบ PDAF, ฟังก์ชัน Live Photos, Portrait พร้อม AI Portrait Framing และ AI Face Beauty
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล มีขนาดรูรับแสงที่ F/2.0 รองรับฟังก์ชัน AI Face Beauty, Bokeh และ Super Wide-Angle Camera
- แบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh
- ระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย Funtouch OS 9
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ (Screen Touch ID)
- ระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ Jovi AI Assistant
- รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB 2.0
สรุปคุณสมบัติโดยละเอียดของ Vivo S1
รีวิว (Review) Vivo S1
Samsung Galaxy A30s ราคา 7,990 บาท
- ตัวเครื่องมีขนาด 158.5x74.7x7.8 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 166 กรัม
- หน้าจอแสดงผล Super AMOLED Infinity-V Display ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD+ (720x1560 พิกเซล)
- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Exynos 7904 แบ่งออกเป็น Dual-Core ที่มีความเร็ว 1.8GHz และ Hexa-Core ที่มีความเร็ว 1.6GHz
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64GB พร้อมรองรับการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD สูงสุดที่ 512GB
- กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัว (Triple Camera) แบ่งออกเป็น
- กล้องตัวหลักความละเอียด 25 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดรูรับแสง F/1.7
- กล้องตัวที่สองเลนส์มุมกว้าง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เก็บภาพมุมกว้างสุด 123 องศา
- กล้องตัวที่สามเลนส์ Depth ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล โดยมี F/2.0 และรองรับฟังก์ชัน Selfie Focus
- แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 15W Fast Charging
- ระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย One UI
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ (On-Screen Fingerprint)
- ระบบสแกนใบหน้า (Face Unlock)
- รองรับระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ Bixby
- รองรับบริการ Samsung Pay
- รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
Huawei Y9 Prime 2019 ราคา 7,990 บาท
- ตัวเครื่องมีขนาด 163.5x77.3x8.8 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 196.8 กรัม
- หน้าจอแสดงผล TFT LCD (LTPS) Huawei Ultra FullView Display ขนาด 6.59 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2340 พิกเซล : 391 ppi)
- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Kirin 710F
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128GB พร้อมรองรับหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD สูงสุดที่ขนาด 512GB
- กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ความละเอียด 16 + 8 + 2 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช LED, เลนส์มุมกว้าง Ultra Wide Angle พร้อมรองรับฟังก์ชัน AI Scene Recognition ในการตรวจจับซีนได้จากทั้งหมด 22 หมวดหมู่ 500 ซีน และการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอแบบ 3D Portrait
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าแบบ Pop-Up ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยี AI โดยมี F/2.0 รองรับฟังก์ชัน AI Scene Recognitionในการตรวจจับซีนได้จากทั้งหมด 8 หมวดหมู่ และการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอแบบ 3D Portrait
- แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh
- ระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย EMUI 9.0
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง (Fingerprint Scanner)
- รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE
- รองรับการใช้งานพร้อมกัน 2 ซิมการ์ด (Dual SIM)
- รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
สรุปคุณสมบัติโดยละเอียดของ HUAWEI Y9 Prime 2019
รีวิว (Review) HUAWEI Y9 Prime 2019
เปรียบเทียบสเปก 5 สมาร์ทโฟนช่วงราคา 8,000 บาทที่น่าสนใจ
สรุปผลการเปรียบเทียบ
เป็นอย่างไรบ้างคะสำหรับสมาร์ทโฟนราคา 8,000 บาทรุ่นใหม่ที่น่าสนใจ ณ ขณะนี้ จะเห็นได้ว่าแต่ละรุ่นล้วนมีฟีเจอร์เด่น และคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไปอย่างชัดเจน เริ่มที่หน้าจอแสดงผล มี Xiaomi Mi A3, Vivo S1 และ Samsung Galaxy A30s ที่มาพร้อมจอเทคโนโลยี OLED และรองรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ ส่วน realme 5 Pro กับ HUAWEI Y9 Prime 2019 มาพร้อมหน้าจอ LCD และมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง ซึ่งทั้ง 5 รุ่นมีขนาดหน้าจอที่มากกว่า 6 นิ้วทั้งสิ้น แต่จะมีเพียง Y9 Prime 2019 ที่มาในดีไซน์จอไร้ขอบ และไร้รอยบากมากวนใจ
ทางด้านการประมวลผล realme 5 Pro ดูจะโดดเด่นที่สุดด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 712 AIE จับคู่กับ RAM ขนาดสูงสุดที่ 8GB และมีหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128GB ที่เพิ่ม microSD Card ได้อีก 256GB ทางด้าน Xiaomi Mi A3 มากับชิปเซ็ตค่าย Qualcomm เช่นกัน แต่อยู่ในซีรีส์รองลงมาอย่าง Snapdragon 665 AIE พร้อมจับคู่กับ RAM ขนาด 4GB +ROM ขนาด 128GB ที่สามารถเพิ่ม microSD Card ได้ 256GB
สำหรับ Vivo S1 มากับชิปเซ็ต Helio P65 จับคู่กับ RAM ขนาด 6GB + ROM ขนาด 128GB ที่เพิ่ม microSD Card ได้อีก 256GB ส่วน Samsung Galaxy A30s มาพร้อมกับชิป Exynos 7904 โดยมี RAM ขนาดมาตรฐานที่ 4GB + ROM ขนาด 64GB และ HUAWEI Y9 Prime 2019 มากับชิป Kirin 710F พร้อม RAM 4GB+ ROM 128GB ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้สามารถเพิ่ม microSD Card ได้สูงสุด 512GB เลยทีเดียวเช่นเดียวกัน
ด้านความจุแบตเตอรี่ Vivo S1 มีมากสุดที่ 4500 mAh ส่วน realme 5 Pro เด่นที่ระบบชาร์จเร็วที่สุดด้วยกำลังไฟ 20W จากเทคโนโลยี VOOC Flash Charge 3.0 สำหรับ Xiaomi Mi A3 กับ Vivo S1 มาพร้อมระบบชาร์จไวที่กำลังไฟ 18W ส่วน Samsung Galaxy A30s ใช้ระบบชาร์จไวที่ 15W และ HUAWEI Y9 Prime 2019 ที่มีแบตเตอรี่ 4000 mAh ไม่รองรับฟังก์ชันการชาร์จเร็วนี้
การถ่ายภาพ realme 5 Pro มีความน่าสนใจด้วยกล้องหลัง 4 ตัว (AI Quad Camera) ในขณะที่อีก 4 รุ่นที่เหลือเป็นแบบ 3 ตัว (AI Triple Camera) ซึ่งเลนส์ถ่ายภาพของทั้ง 5 รุ่น จะประกอบไปด้วยเลนส์หลักความละเอียดสูง + เลนส์ Ultra-Wide สำหรับเก็บภาพมุมกว้าง และเลนส์ Depth สำหรับเบลอฉากหลังในการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ ส่วนเลนส์ที่สี่ที่เพิ่มมาใน realme 5 Pro ก็คือเลนส์ Macro สำหรับถ่ายภาพระยะใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร ส่วนกล้องหน้านั้น ในรุ่น Xiaomi Mi A3 กับ Vivo S1 จะมีกล้องหน้าคมชัดมากกว่าที่ 32 ล้านพิกเซล ส่วนอีก 3 รุ่นจะคมชัดที่ 16 ล้านพิกเซลเท่ากัน ซึ่ง HUAWEI Y9 Prime 2019 น่าสนใจตรงที่เป็นกล้องที่สามารถเลื่อนได้อัตโนมัติแบบ Pop-Up
สำหรับการเชื่อมต่อมีเพียง Vivo S1 รุ่นเดียวที่ยังใช้พอร์ตแบบ USB 2.0 ขณะที่ 4 รุ่นที่เหลือเปลี่ยนไปใช้ USB Type-C ที่เป็นเทคโนโลยีใหม่กว่า และทั้ง 5 รุ่นรองรับ Bluetooth เวอร์ชัน 5.0 เหมือนกัน
realme 5 Pro กับ Xiaomi Mi A3 มีตัวเลือกมากกว่า 1 รุ่น จึงสามารถตอบโจทย์ผู้ที่มีความต้องการที่ต่างกันได้มากกว่านั่นเอง ซึ่งราคาของทั้ง 5 รุ่น อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน และทางทีมงานไม่สามารถบอกได้ว่ารุ่นใดที่ดีสุด หรือคุ้มค่าที่สุด ทั้งนี้จึงขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้เอง ว่ามีความชื่นชอบสมาร์ทโฟนรุ่นใดมากที่สุด ทั้งในด้านการดีไซน์ว่าสวยถูกใจขนาดไหน และฟีเจอร์ด้านในสามารถพร้อมตอบโจทย์การใช้งานของตนเองได้ครบถ้วนหรือไม่ ซึ่งหากว่าได้ทดลองใช้งานในเบื้องต้น แล้วเกิดความพึงพอใจ ก็ถือได้ว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนั้นคุ้มค่าแก่การจับจองเป็นเจ้าของแล้วค่ะ สำหรับวันนี้ทางทีมงานต้องขอลาไปก่อน พบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีค่ะ
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 23/9/2562
