แนะนำฟีเจอร์เด่น iPhone Xs, Xs Max และ XR สามเรือธงรุ่นใหม่จาก Apple มีฟีเจอร์จัดเต็มขึ้นอย่างไร มาดูกัน!
หลังจากที่มีข่าวลือต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดก็ได้เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับเรือธงรุ่นใหม่ประจำปี 2018 จากค่าย Apple ซึ่งก็เป็นไปตามคาดค่ะที่มาพร้อมกันถึง 3 รุ่น ได้แก่ iPhone Xs, iPhone Xs Max และ iPhone XR ที่ได้รับการถ่ายทอดดีไซน์มาจาก iPhone X รุ่นก่อนทุกประการ รวมถึงอัปเกรดฟีเจอร์ภายในหลายด้าน
ในวันนี้ทางทีมงาน Thaimpbilecenter จึงได้สรุปฟีเจอร์เด่นที่น่าสนใจบน iPhone Xs, Xs Max และ XR มาให้ได้ชมกัน ว่าไอโฟนเรือธงรุ่นใหม่นี้มีความโดดเด่น และน่าสนใจมากน้อยเพียงใด หากพร้อมแล้วไปชมพร้อมกันเลยค่ะ
ดีไซน์จอไร้ขอบแบบใหม่
iPhone Xs, Xs Max และ XR ได้รับการถ่ายทอดดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์มาจาก iPhone X ด้วยหน้าจอแสดงผลแบบเต็มพื้นที่ (All-Screen Display) และขอบด้านล่างที่มีความบางเฉียบเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการแสดงผลให้เต็มหน้าจอ ส่วนที่ด้านบนของหน้าจอมีการเว้นพื้นที่ หรือรอยบาก (Notch) สำหรับติดตั้งเซ็นเซอร์ และระบบกล้องหน้าแบบ TrueDepth Camera สำหรับการสแกนหน้าผู้ใช้ 3 มิติ หรือ Face ID ส่วนด้านหลังตัวเครื่องเป็นกระจก ผสานเข้ากับกรอบตัวเครื่องโลหะแบบ Metal-Glass
รุ่นความจุใหม่ 512GB เก็บภาพ โหลดเกมจุใจ
สำหรับ iPhone Xs และ Xs Max มาพร้อมกับรุ่นความจุใหม่ที่ 512GB เรียกได้ว่าสามารถเก็บภาพถ่าย หรือดาวน์โหลดเกม รวมถึงเก็บข้อมูลที่สำคัญได้อย่างจุใจ โดยไม่ต้องกังวลว่าพื้นที่จะเต็ม และต้องทำการเคลียร์บ่อยๆ
แรงขึ้นกว่าเดิมด้วยขุมพลังตัวใหม่ Apple A12 Bionic
iPhone รุ่นใหม่ทั้งสาม มาพร้อมชิปเซ็ตประมวลผลรุ่นล่าสุดอย่าง Apple A12 Bionic แบบ 6 แกนประมวลผล (Hexa-Core) บนเทคโนโลยีการผลิตระดับ 7nm ที่ช่วยให้ประสิทธิภาพเร็ว แรงขึ้น 15% และประหยัดพลังงานมากขึ้น 40% เมื่อเทียบกับชิปรุ่นก่อนอย่าง A11 Bionic
Face ID เวอร์ชันใหม่
หนึ่งในฟีเจอร์เด่นของ iPhone Xs, Xs Max และ XR ได้แก่ Face ID เวอร์ชันใหม่ที่สามารถปลดล็อกได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และแน่นอนว่าสามารถปลดล็อกตัวเครื่องได้แม้ในที่แสงน้อยด้วยอินฟาเรด ซึ่งทาง Apple ระบุว่ามีความปลอดภัยมากขึ้นด้วยเช่นกัน
กันน้ำมาตรฐาน IP68
iPhone Xs และ Xs Max มาพร้อมคุณสมบัติการป้องกันน้ำที่ดีกว่าเดิมในระดับ IP68 ซึ่งสามารถกันน้ำได้ที่ความลึก 2 เมตร ในเวลาไม่เกิน 30 นาที ส่วนทางรุ่น iPhone XR มาพร้อมคุณสมบัติป้องกันน้ำระดับ IP67 ที่เหมือนกับ iPhone X รุ่นก่อนหน้า
รองรับ 2 ซิมการ์ดแล้ว
ในรุ่น iPhone XS และ iPhone XS Max ยังมาพร้อมกับความสามารถใหม่อย่างการรองรับ 2 ซิมการ์ด Dual-SIM Dual Standby ทำให้สามารถโทรออก หรือรับสายได้จากทั้ง 2 ซิมการ์ด ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่มีเบอร์โทรศัพท์ครอบครองมากกว่า 1 เบอร์ หรือผู้ที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศและต้องการใช้งานเครือข่ายของพื้นที่นั้นๆ
โดยโมเดลที่วางจำหน่ายทั่วโลก จะรองรับการใช้งานซิมการ์ดแบบ nano-SIM 1 ซิมการ์ด + ซิมการ์ดแบบ eSIM ที่ฝังไว้ภายในตัวเครื่อง (ผู้ให้บริการเครือข่ายในประเทศนั้นๆ ต้องรองรับบริการ eSIM ด้วยจึงจะสามารถใช้งานได้) ส่วนโมเดลที่วางจำหน่ายในจีน, ฮ่องกง และมาเก๊า จะรองรับ nano-SIM จำนวน 2 ซิมการ์ดพร้อมกันในเครื่องเดียว (ไม่มี eSIM) และรองรับเฉพาะรุ่น iPhone XS Max เท่านั้น
สรุปราคา และกำหนดการวางจำหน่าย
iPhone Xs เปิดราคาเริ่มที่ $999 (ประมาณ 32,700 บาท) สำหรับ iPhone Xs Max มีราคาเริ่มที่ $1,099 (ประมาณ 35,900 บาท) โดยจะวางจำหน่ายในกลุ่มประเทศแรกวันที่ 21 กันยายน และ iPhone XR มีราคาเริ่มที่ $749 (ประมาณ 24,500 บาท) โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในปลุ่มประเทศแรก 19 ตุลาคมนี้
สำหรับกำหนดการวางขายในไทยคงต้องรอทาง Apple ประเทศไทยออกมาประกาศยืนยันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ตรงกับ iPhone X ในปีก่อน
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 12/9/2561