เปลี่ยน iPhone ดีมั้ย ? บทวิเคราะห์เทียบความคุ้มค่า iPhone 12, iPhone 13 กับฟีเจอร์ใหม่ iPhone 14 ที่เปิดตัวไปเมื่อคืนนี้
หนึ่งในคำถามที่หลายคนมักจะเกิดความสงสัยอยู่เป็นประจำเมื่อมีการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ก็คือ ควรเปลี่ยน iPhone เป็นเครื่องใหม่ดีหรือไม่ หรือควรจะใช้รุ่นเก่าต่อดี ? วันนี้ทางทีมงาน Thaimobilecenter นำบทวิเคราะห์เปรียบเทียบความคุ้มค่าของ iPhone รุ่นเก่าอย่าง iPhone 12, iPhone 13 มาเปรียบเทียบกับฟีเจอร์ใหม่ของ iPhone 14 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อคืนนี้ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจให้แก่ทุกท่าน หากพร้อมแล้ว ไปติดตามรับชมกันได้เลยครับ
iPhone 12 และ iPhone 13 ต่างกับ iPhone 14 ตรงไหนบ้าง ?
ก่อนอื่นเรามาทราบถึงความแตกต่างระหว่าง iPhone ทั้งสามเจเนเรชันกันก่อน โดยในรุ่นไม่ Pro หรือรุ่นปกติทั้ง iPhone 12, iPhone 13 และ iPhone 14 มาพร้อมกับสิ่งที่ “เหมือนกัน” หลายอย่าง เริ่มตั้งแต่ ดีไซน์หน้าจอแบบรอยบากที่ใช้มาตั้งแต่ iPhone X, หน้าจอแสดงผลแบบ Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้วเท่ากัน, กล้องหลังคู่ที่มีเซ็ตอัพกล้องแบบกล้องเลนส์ไวด์ผสานอัลตร้าไวด์ ความละเอียด 12+12 ล้านพิกเซล, รองรับ MagSafe, กระจกหน้าจอแบบ Ceramic Shield, บอดี้กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68 ไปจนถึงการรองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G ซึ่งเรียกได้ว่าฟีเจอร์หลักทุกอย่างของทั้งสามรุ่นนี้ไม่แตกต่างกันก็ว่าได้
ส่วนฟีเจอร์หลักที่สร้างความแตกต่างให้กับสามรุ่นนี้ก็คือ "ชิปเซ็ตประมวลผล" โดยใน iPhone 12 มาพร้อมกับชิปเซ็ต Apple A14 Bionic ขณะที่ iPhone 13 และ iPhone 14 มาพร้อมกับชิปเซ็ต Apple A15 Bionic ที่มีความแรงกว่า และประหยัดการใช้พลังงานมากกว่า
แม้ว่า iPhone 13 และ iPhone 14 จะใช้ชิปเซ็ต A14 Bionic เหมือนกัน แต่โครงสร้างด้านในแตกต่างกันเล็กน้อย เพราะใน iPhone 14 จะมาพร้อมกับหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) แบบ 5-Core ขณะที่ iPhone 13 จะมาพร้อมกับ GPU แบบ 4-Core ซึ่งน่าจะส่งผลให้การประมวลผลภาพ หรือการเล่นเกมบน iPhone 14 มีความลื่นไหล และแรงกว่า iPhone 14 อยู่เล็กน้อย แต่ในส่วนของหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) ยังคงเหมือนกันด้วยโครงสร้างแบบ 6-Core ทำให้ประสิทธิภาพการใช้งานโดยรวมของ iPhone 13 และ iPhone 14 อาจไม่แตกต่างกันมากนัก
อีกหนึ่งจุดที่แตกต่างกันก็คือ ฟีเจอร์การถ่ายภาพ แม้ว่าทั้งสามรุ่นใช้เซ็ตอัพกล้องคู่ 12 ล้านพิกเซลเหมือนกันก็จริง แต่ฟีเจอร์บางอย่างไม่เหมือนกันสักทีเดียว โดยในรุ่น iPhone 12 ไม่รองรับการถ่ายวิดีโอในโหมด Cinematic หรือการถ่ายวิดีโอแบบหน้าชัดหลังเบลอที่สามารถสลับจุดโฟกัสได้ ขณะที่ iPhone 13 และ iPhone 14 ต่างรองรับฟีเจอร์นี้ และถึงแม้ทั้สองรุ่นจะมี Cinematic Mode เหมือนกัน แต่ความสามารถจะไม่เท่ากัน เพราะ iPhone 14 สามารถถ่าย Cinematic Mode ที่ความละเอียด 4K HDR บนเรมเฟรท 30 fps ขณะที่ iPhone 13 สามารถถ่ายได้ที่ความละเอียด Full HD บนเฟรมเรท 30 FPS เท่านั้น
ในส่วนของกล้องหน้า iPhone 14 ต่างจาก iPhone 13 และ iPhone 12 อย่างชัดเจน เพราะมาพร้อมกับกล้อง TrueDepth ที่มีระบบ Autofocus ซึ่งจะช่วยโฟกัสใบหน้าของผู้ถ่ายแบบอัตโนมัติ ทำให้ภาพเซลฟี่มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ Apple เลือกใส่ฟีเจอร์นี้มาให้ไอโฟน
iPhone 12 Pro & Pro Max | iPhone 13 Pro & Pro Max | iPhone 14 Pro & Pro Max ต่างกันตรงไหนบ้าง ?
หากเราขยับมาดูที่รุ่น Pro Model จะเห็นได้ว่าไอโฟนทั้ง 3 เจนเนเรชัน ก็มาพร้อมกับหลายสิ่งที่ดูเหมือนกัน เริ่มด้วย หน้าจอแบบ Super Retina XDR ที่มีให้เลือก 2 ขนาด 6.1 นิ้ว และ 6.7 นิ้ว แยกตามรุ่น Pro และ Pro Max โดยรุ่นที่กล่าวไปมีเพียง iPhone 14 Pro & 14 Pro Max และ iPhone 13 Pro & 13 Pro Max ที่มีเทคโนโลยี ProMotion สามารถปรับค่า Refresh Rate ได้สูงสุดที่ระดับ 120Hz ช่วยให้การเคลื่อนไหวต่าง ๆ ที่แสดงผลบนหน้าจอ จะมีความลื่นไหลเนียนตา เมื่อเทียบกับหน้าจอทั่ว ๆ ไป อีกทั้งในรุ่น iPhone 14 Pro และ 14 Pro Max ยังมี Always-on Display ช่วยแสดงการแจ้งเตือน หรือแสดงผลภาพพื้นหลังแม้ว่าจะล็อกหน้าจอแสดงผลไปแล้ว
สิ่งที่ทำให้ iPhone 14 Pro & 14 Pro Max ต่างจากไอโฟนรุ่นอื่น ๆ คือ การมาพร้อมกับดีไซน์หน้าจอแบบใหม่ โดยที่ด้านบนของหน้าจอติดตั้งรอยบากแบบ Dynamic Island ซึ่งเป็นการเจาะรูแถบยาวบริเวณกึ่งกลางของหน้าจอ แต่รอยบากของ iPhone 14 Pro และ 14 Pro Max ไม่ธรรมดา เพราะมีลูกเล่นที่สามารถทำงานร่วมกับระแบบแจ้งเตือน และระบบแสดงผลได้อย่างสอดคล้องลงตัว เช่น เมื่อมีการเปิดเพลง ก็จะมีการขยายส่วนของรอยบากด้านข้างเพื่อแสดงผลเกี่ยวกับเพลงที่เราฟังอยู่ เมื่อแตะอีกครั้งก็จะขยายหน้าจอให้ใหญ่ขึ้นมา
อีกหนึ่งจุดที่แตกต่างกันก็คือ iPhone 14 Pro และ 14 Pro Max มาพร้อมกับชิปเซ็ตรุ่นใหม่ที่สุด และเร็วแรงที่สุดในตอนนี้นั่นก็คือ Apple A16 Bionic ที่ผลิตด้วยสถาปัตยกรรมระดับ 4 นาโนเมตร ไปจนถึงกล้องหลังตัวหลักความละเอียดสูง 48 ล้านพิกเซลเป็นครั้งแรกของไอโฟน ต่างจากไอโฟนรุ่นอื่น ๆ ที่มีกล้องหลังความละเอียดสูงสุดเพียง 12 ล้านพิกเซลเท่านั้น ซึ่งการที่ iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max มาพร้อมกับกล้องความละเอียดสูง 48 ล้านพิกเซลเป็นครั้งแรก รวมทั้งยังมาพร้อมกับระบบกันภาพสั่นไหวแบบ Sensor-Shift OIS รุ่นที่ 2 ทำให้สามารถใช้ฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า Action Mode ได้ โดยจะเป็นการเปิดโหมดถ่ายวิดีโอกันสั่นที่มีความนิ่งราวกับกล้อง Action Cam ทำให้เหมาะกับการนำไปถ่ายกิจกรรมต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น ส่วนกล้องตัวอื่น ๆ ของ iPhone 14 Pro และ 14 Pro Max ยังคงเหมือนกับ iPhone 13 Pro และ iPhone 12 Pro ทั้งกล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ไปจนถึงกล้อง Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ทำให้ระยะการถ่ายภาพของไอโฟนทั้งสามรุ่นไม่แตกต่างกันมากนัก แต่จะแตกต่างกันในเรื่องของการเก็บรายละเอียดของกล้องตัวหลัก
และอีกหนึ่งของใหม่ที่มีเฉพาะ iPhone 14 Series เท่านั้นก็คือ Crash Detection ซึ่งเป็นการใช้เซ็นเซอร์อัจฉริยะในตัวเครื่อง เพื่อตรวจจับแรงชน หรือแรงกระแทกอย่างรุนแรง ซึ่งเมื่อระบบตรวจพบจะส่งข้อความช่วยเหลือ SOS ไปยังผู้ติดต่อที่เราบันทึกไว้ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่คล้ายกับ Fall Detection ที่อยู่บน Apple Watch นั่นเอง
คุ้มไหมที่จะเปลี่ยนเป็น iPhone 14 รุ่นไม่ Pro ?
หากคุณเป็นคนที่ใช้ iPhone 12 และ iPhone 13 อยู่ และต้องการอัปเกรดเป็น iPhone 14 จะได้ความคุ้มค่าจากการอัปเกรดครั้งนี้ดังต่อไปนี้ครับ
- ได้ชิปเซ็ตตัวใหม่ที่แรงกว่า และรองรับการอัปเดตได้นานขึ้น (กรณีที่คุณใช้ iPhone 11 อยู่)
- ได้ระบบ Crash Detection ที่จะช่วยตรวจจับการชนอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่เหมือนกับ Apple Watch
- ได้ Cinematic Mode ที่ถ่ายบนความละเอียด 4K HDR ได้
- ได้ Action Mode ที่เป็นโหมดการถ่ายวิดีโอกันสั่นราวกับกล้อง Action Cam
- แบตเตอรี่ที่อึดขึ้นถ้าเทียบกับ iPhone 11 และ iPhone 12
- ได้กล้องหน้า TrueDepth ที่มีระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติ (Autofocus) ถ่ายเซลฟี่ได้คมชัดขึ้น
- ได้รูรับแสงของกล้องตัวหลักที่กว้างขึ้นที่ f/1.9 จากเดิม f/2.2
คุ้มไหมที่จะเปลี่ยนเป็น iPhone 14 รุ่น Pro ?
หากคุณเป็นคนที่ใช้ iPhone 12 Pro และ iPhone 13 Pro หรือ iPhone 12 และ iPhone 13 รุ่นไม่ Pro อยู่ และต้องการอัปเกรดเป็น iPhone 14 รุ่น Pro จะได้ความคุ้มค่าจากการอัปเกรดดังนี้ครับ
- ได้ดีไซน์หน้าจอแบบใหม่ที่มีรอยบากแบบ Dynamic Island
- ได้ชิปเซ็ตตัวใหม่ Apple A16 Bionic ที่แรงที่สุดในตอนนี้
- ได้ Always-on Display
- ได้กล้องหลังตัวหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ส่งผลให้สามารถถ่ายภาพฟอร์แม็ต ProRAW ระดับ 48 ล้านพิกเซลได้
- ได้ Cinematic Mode ที่ถ่ายบนความละเอียด 4K HDR ได้
- ได้ Action Mode ที่เป็นโหมดการถ่ายวิดีโอกันสั่นราวกับกล้อง Action Cam
- ได้แบตเตอรี่ที่อึดขึ้น
- ได้หน้าจอที่สว่างขึ้นจากเดิม โดยมีค่าความสว่างสูงสุดระดับ 2,000nits เมื่อใช้งานกลางแจ้ง
iPhone 12 Series และ iPhone 13 Series ยังคุ้มค่าอยู่ไหมหลัง iPhone 14 Series เปิดตัว ?
หากพิจารณาจากความเหมือน และความต่างระหว่าง iPhone 12 Series, iPhone 13 Series และ iPhone 14 Series จะพบว่า ไอโฟนทั้งสามเจเนเรชันดูเหมือนจะมีความแตกต่างกันแบบ "Minor Change" เสียมากกว่า ซึ่งที่ทีมงานพิจารณาว่าน่าจะส่งผลต่อประสบการณ์การใช้งานโดยตรงที่ได้จาก iPhone 14 Series น่าจะเป็นในเรื่องของ กล้องถ่ายภาพที่คมชัดขึ้น (หากซื้อรุ่น Pro), หน้าจอแสดงผลแบบใหม่ที่มี Dynamic Island ที่ช่วยให้เราควบคุมการทำงานของไอโฟนในรูปแบบใหม่ ไปจนถึงโหมดกล้องถ่ายภาพที่มีเฉพาะ iPhone 14 เท่านั้นอย่าง Action Mode โหมดกันสั่นที่นิ่งราวกับกล้อง Action Camera ไปจนถึง Crash Detection ระบบแจ้งเตือนเมื่อมีการชนอย่างรุนแรง
ดังนั้นหากท่านเป็นผู้ที่กำลังใช้ iPhone 12 Series และ iPhone 13 Series ก็ยังถือว่าเป็นรุ่นที่คุ้มค่าอยู่ในตอนนี้ เนื่องจากสเปกที่ให้มาถือว่ายังแรงเพียงพอต่อการใช้งานในปัจจุบัน และยังสามารถอัปเดตซอฟต์แวร์ได้อีกหลายปี นอกจากนี้ ประสบการณ์การใช้งานหากเปลี่ยนจาก iPhone 12, iPhone 13 มาเป็น iPhone 14 รุ่นไม่ Pro อาจให้ประสบการณ์การใช้งานที่อาจดูไม่แตกต่างกันมากนัก เพราะดีไซน์มือถือ และ Form Factor ไม่ได้มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ แต่หากเปลี่ยนมาใช้ iPhone 14 รุ่น Pro อาจจะได้รับประสบการณ์การใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ด้วยหน้าจอที่มีฟีเจอร์ Dynamic Island รอยบากหน้าจอแบบใหม่ที่สามารถตอบโต้การทำงานของแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้ รวมถึงกล้องหลังที่มีความละเอียดสูงขึ้นถึง 48 ล้านพิกเซล และ Always-on Display ที่สามารถแสดงสถานะการทำงาน และการแจ้งเตือนได้แม้ว่าจะล็อกหน้าจอไปแล้ว
อย่างไรก็ดี สมาร์ทโฟนรุ่นใดจะดีที่สุดคงไม่มีคำตอบที่แน่นอนเสมอไป เพราะสุดท้ายแล้วคงต้องขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานแต่ละท่านว่า สมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันหรือไม่ ซึ่งหากได้ทดลองใช้งานแล้วถูกใจ มีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ทุกการทำงาน ก็ถือว่ารุ่นนั้นน่าจับจองเป็นเจ้าของแล้วครับ
สรุปราคา iPhone 14 ทุกรุ่น พร้อมวันขายในไทย
สรุปสรุปด่วน iPhone 14, Apple Watch 8, AirPod Pro 2 รวมทุกอย่างที่คุณอยากรู้ใน 5 นาที
เปรียบเทียบ iPhone 14 vs iPhone 13 ทุกรุ่น ต่างกันตรงไหน มีอะไรอัปเกรดบ้าง?
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 8/9/2565