หน้าแรกมือถือ > รวมข่าวมือถือ > หน้าบทความ ข่าวมือถือ
   
Date : 26/10/2563

เทียบสเปก HUAWEI Mate40 Pro+ | Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G | iPhone 12 Pro Max ศึกสามเรือธงตัวท็อปแห่งปี 2020 ซื้อรุ่นไหนดี มาดูกัน

 

หลังจากการเปิดตัวสำหรับ HUAWEI Mate40 Series ไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทางทีมงานก็ไม่รอช้า นำรุ่นท็อปสุดอย่าง HUAWEI Mate40 Pro+ มาทำการเปรียบเทียบกับคู่แข่งอย่าง Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G และ iPhone 12 Pro Max สมาร์ทโฟนระดับเรือธงประจำปีของแต่ละค่าย เพื่อเป็นแนวทางสำหรับท่านที่สนใจ หากพร้อมแล้ว ไปชมกันเลยค่ะ

 

เปรียบเทียบดีไซน์ 

เริ่มกันที่การดีไซน์ของทั้งสามรุ่น โดย HUAWEI Mate40 Pro+ มาในดีไซน์ชื่อ Flex OLED HUAWEI Horizon Display กับหน้าจอขอบโค้งทั้งสองด้านทำมุม 88 องศา ขนาดใหญ่ 6.76 นิ้ว พร้อมฝังกล้องหน้าคู่ที่มุมบนซ้าย โดยครอบทับหน้าจอด้วยกระจก Gorilla Glass 6 ที่ทนต่อการทกกระแตกที่ระดับความสูง 1 เมตร ส่วนที่ด้านหลังตัวเครื่องมีคอนเซ็ปต์การดีไซน์แบบสมมาตร (symmetry) พร้อมกล้องหลังโฉมใหม่ในชื่อ Space Ring Camera ที่มีความพรีเมียม และเป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร โดยมีฝาหลังผลิตแบบ Nano-Tech Ceramic ที่ทาง HUAWEI ระบุว่ามีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับแซฟไฟร์ พร้อมรองรับคุณสมบัติการป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่นมาตรฐาน IP68 ที่ระดับความลึก 1.5 เมตร ไม่เกิน 30 นาที

 

สำหรับ Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G ยังคงดีไซน์คล้ายกับรุ่นก่อนอย่าง Galaxy Note10 Series ด้วยหน้าจอไร้ขอบเจาะรูกล้องหน้า ลงขอบโค้งทั้งสองด้านในชื่อ Infinity-O Dynamic AMOLED 2X Display ขนาดใหญ่ 6.9 นิ้ว พร้อมครอบทับหน้าจอด้วย Gorilla Glass Victus ใหม่ล่าสุด ที่ทนต่อการทกกระแตกที่ระดับความสูง 2 เมตร และทนต่อแรงขีดข่วนได้ดีกว่า Gorilla Glass 6 รุ่นก่อนถึง 2 เท่า ซึ่งที่ด้านหลังมีกล้อง 3 ตัว (Triple Camera) ดีไซน์ใหม่หมดจด บนตัวเครื่อง Metal-Glass ที่เป็นการผสานกันของโลหะ และกระจก กับตัวเลือกในสี Mystic ที่พรีเมียมมากขึ้นโดยเฉพาะสีใหม่อย่าง Mystic Bronze และรองรับคุณสมบัติการป้องกันน้ำมาตรฐาน IP68 ที่ระดับความลึก 1.5 เมตร ไม่เกิน 30 นาที

 

และทาง iPhone 12 Pro Max มาในดีไซน์แบบเดียวกับ iPhone 11 Pro กับหน้าจอไร้ขอบ ที่มีรอยบากสำหรับกล้องหน้า และเซ็นเซอร์ต่างๆ แบบ OLED Super Retina XDR ขนาด 6.7 นิ้ว ที่ถือเป็นไอโฟนขนาดใหญ่สุดเท่าที่เคยมีมา ครอบทับด้วยกระจกเทคโนโลยีใหม่แบบ Ceramic Shield ที่ทาง Apple ระบุว่ามีความแข็งแกร่งกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ในท้องตลาด และทนต่อแรงตกกระแทกได้ดีกว่าแบบเดิมถึง 4 เท่าตัว ส่วนที่ด้านหลังมีกล้องทั้งหมด 4 ตัว (Quad Camera) บนตัวเครื่องที่ความเหลี่ยมกว่าเดิม คล้าย iPhone 5 โดยมีกรอบตัวเครื่องสแตนเลสสตีล รวมถึงมีตัวเครื่องสีใหม่ล่าสุดอย่าง Pacific Blue และรองรับคุณสมบัติป้องกันน้ำมาตรฐาน IP68 ที่ระดับความลึก 6 เมตร ในเวลาไม่เกิน 30 นาที

 

เปรียบเทียบเสปก

 

จากตารางข้างต้นสามารถสรุปการเปรียบเทียบ HUAWEI Mate40 Pro+ | Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G | iPhone 12 Pro Max ในแต่ละด้านได้ดังนี้

 

หน้าจอแสดงผล

HUAWEI Mate40 Pro+ มีหน้าจอ Flex OLED HUAWEI Horizon Display แบบไร้ขอบลงโค้งทั้งสองด้าน (edge-to-edge) ทำมุม 88 องศากับตัวเครื่อง พร้อมฝังกล้องหน้าไว้บนหน้าจอขนาด 6.76 นิ้ว รองรับมาตรฐาน DCI-P3 HDR พร้อมฟังก์ชัน Dynamic Graphic AOD และ Eyes On Display โดยมีความคมชัดระดับ Full HD+ (1344x2772 พิกเซล : 456 ppi) และมีค่า Refresh Rate ระดับสูงสุดที่ 90Hz พร้อมค่า Touch Sampling Rate ระดับ 240Hz ที่ช่วยให้การใช้งานต่างๆ ลื่นไหลมากยิ่งขึ้น และตอบสนองต่อการสัมผัสได้ดีกว่าเดิม

Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G มาพร้อมกับหน้าจอแบบ Infinity-O Dynamic AMOLED 2X Display ขนาดใหญ่สุดในบรรดา 3 รุ่นที่ 6.9 นิ้ว พร้อมมาตรฐาน HDR10+ และฟังก์ชัน Always On Display กับความคมชัดระดับ 2K QHD+ (11440x3040 พิกเซล : 496 ppi) และชูโรงที่ค่า Refresh Rate ระดับสูงสุดที่ 120Hz ซึ่งช่วยให้ใข้งานได้ลื่นไหลขึ้น โดยเฉพาะการเล่นเกม

iPhone 12 Pro Max ใช้งานหน้าจอ All-Screen OLED Super Retina XDR ขนาด 6.7 นิ้ว พร้อมมาตรฐาน HDR, True Tone และฟังก์ชัน Haptic Touch โดยมีความคมชัด 1284x2778 พิกเซล (458 ppi) กับค่า Refresh Rate ระดับ 60Hz ที่ถือเป็นระดับปกติของสมาร์ทโฟนรุ่นทั่วๆ ไปในท้องตลาด

 

หน่วยประมวลผล

iPhone 12 Pro Max มากับชิปเซ็ตรุ่นใหม่ล่าสุดของ Apple อย่าง A14 Bionic ที่ถือเป็นชิปเซ็ตบนสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่ผลิตบนสถาปัตยกรรมระดับ 5nm โดยมีจุดเด่นที่ประสิทธิภาพการทำงานของ CPU และ GPU ดีกว่าเดิม พร้อมประหยัดพลังงานมากขึ้น และและยังช่วยเพิ่มความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์ ทำให้ชิปเซ็ตประมวลผลได้รวดเร็วขึ้นตามไปด้วย พร้อมกับมีความจุให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ 128GB / 256GB / 512GB

สำหรับ HUAWEI Mate40 Pro+ มากับชิปเซ็ตรุ่นใหม่ล่าสุดของค่ายอย่าง Kirin 9000 กับความเร็วสูงสุด 3.13GHz ที่ผลิตบนสถาปัตยกรรมระดับ 5nm โดยมีความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์เพิ่มมากขึ้น ทำให้ชิปเซ็ตประมวลผลได้รวดเร็วขึ้นตามไปด้วยที่ประมาณ 15.3 พันล้านทรานซิสเตอร์ ที่มากกว่าชิปเซ็ต Apple A14 Bionic ถึงประมาณ 30% และมีหน่วยประมวลผลกราฟิก GPU Mali-G78 รุ่นใหม่ที่มีทั้งหมด 24-core รุ่นแรกของโลก ที่ทาง HUAWEI ระบุว่ามีประสิทธิภาพดีกว่าทาง Snapdragon 865+ ถึง 52% พร้อมทั้งประหยัดพลังงานมากกว่าอีกด้วย ซึ่งมีความจุเดียวก็คือ 12GB+256GB ที่สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ NM Card ที่มีขนาดเท่ากับซิมการ์ดได้สูงสุด 256GB

ทางด้าน Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G มากับชิปเซ็ต Exynos 9 Octa 990 รุ่นท็อปใหม่ล่าสุด ที่มีประสิทธิภาพ CPU และ GPU ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าประมาณ 20% พร้อมหน่วยประมวลผลด้าน AI โดยเฉพาะอย่าง Dual-core neural processing unit (NPU) ที่เน้นความเร็วด้านการประมวลผล ผสานเทคโนโลยี AI ร่วมกับการทำงานด้านต่างๆ ทั้งการประมวลผลภาพ กล้องถ่ายภาพ รวมไปถึงการเล่นเกม ซึ่งจับคู่กับ RAM แบบ LPDDR5 ขนาด 12GB พร้อมความจุภายในตัวเครื่อง 2 ความจุ ได้แก่ 256GB และ 512GB พร้อมรองรับการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD สูงสุดที่ขนาด 1TB อีกด้วย

 

กล้องถ่ายภาพ

จุดขายสำคัญของ HUAWEI Mate40 Series ก็คือกล้องถ่ายภาพจากความร่วมมือกับทาง Leica โดยในรุ่น Mate40 Pro+ มาพร้อมกล้องหลังทั้งหมด 4 ตัว ประกอบไปด้วย

  • กล้องตัวแรก Ultra Vision Camera ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ขนาด 1/1.28 เทคโนโลยี RYYB พร้อม Octa PD Autofocus ทางยาวโฟกัส 23 มม. มีรูรับแสงขนาด F/1.9 และรองรับระบบกันสั่นแบบ OIS
  • กล้องตัวที่สอง SuperZoom Camera ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ทางยาวโฟกัส 240 มม. มีรูรับแสงขนาด F/4.4 รองรับระบบกันสั่นแบบ OIS พร้อมการซูมแบบ 10x Optical Zoom
  • กล้องตัวที่สาม Telephoto Camera ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ทางยาวโฟกัส 70 มม. มีรูรับแสงขนาด F/2.4 รองรับระบบกันสั่นแบบ OIS พร้อมซูมแบบ 3x Optical Zoom
  • กล้องตัวที่สี่ Ultra-Wide Camera ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ตัวเลนส์แบบ Free-from ทางยาวโฟกัส 14 มม. มีรูรับแสงขนาด F/2.4
  • 3D Depth Sensing Camera

ซึ่งเป็นรุ่นแรกของโลกที่ใช้งานกล้อง Ultra-Wide ที่มีเลนส์แบบ Free-from สำหรับช่วยลดการบิดเบี้ยวของมุมภาพ สำหรับการถ่ายภาพมุมกว้าง และการถ่ายภาพ Portrait พร้อมรองรับการซูมภาพไกลสุดที่ 100 เท่า มีฟีเจอร์ใหม่อย่าง Dual Ultra-Wide ในการบันทึกวิดีโอแบบมุมกว้างกว่า 100 องศา ได้พร้อมกันจากทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง รวมถึงฟีเจอร์ Dual Cine Camera สำหรับการถ่ายวิดีโอสัดส่วน 3:2 แบบเดียวกับการถ่ายภาพยนตร์ และ Dual Ultra Slow Motion สำหรับการบันทึกวิดีโอแบบ Slow-Motion ระดับ 240fps พร้อมกันทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง

 

Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G มีกล้องหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ที่ยกฟังก์ชันส่วนใหญ่มาจาก Galaxy S20 Ultra โดยประกอบไปด้วย

  • กล้องตัวหลักเลนส์ Wide-Angle ความละเอียด 108 ล้านพิกเซล พร้อมเม็ดพิกเซลขนาด 1.8 ไมครอน, รูรับแสง (Aperture) ขนาด F1.8 และระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS
  • กล้องตัวที่สองเลนส์ Periscope Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง (Aperture) ขนาด F3.0, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS, รองรับการซูมภาพด้วยเลนส์ได้ 5 เท่า (5x Optical Zoom) และซูมภาพสูงสุด 50 เท่า (50x Hybrid Zoom)
  • กล้องตัวที่สามเลนส์ Ultra Wide-Angle ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง (Aperture) ขนาด F2.2 และสามารถเก็บภาพมุมกว้างสูงสุดที่ 120 องศา

ซึ่งรองรับฟังก์ชัน Scene Optimizer, โหมด Night ถ่ายภาพกลางคืน, รองรับการซูมแบบ 5x Optical Zoom พร้อมซูมสูงสุดที่ 50x Hybrid Zoom, ฟังก์ชัน AR Emoji, โหมดหน้าชัดหลังเบลอ Live Focus, รองรับไฟล์  RAW และสามารถบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 8K พร้อมฟังก์ชันกันสั่นแบบ Super Steady ที่รองรับการซูมแบบ Optical Zoom รวมถึงการถ่ายวิดีโอหน้าชัดหลังเบลอ Live Focus Video, ฟังก์ชัน Zoom-In Mic ยิ่งซูมเสียงยิ่งชัด และ Super Slow-mo

 

ทางด้าน iPhone 12 Pro Max อัปเกรดจากรุ่นก่อน ด้วยกล้องหลัง 4 ตัว (Quad Camera) ที่เป็นการอัปเกรดกล้อง 3 ตัวจากบน iPhone 11 Pro พร้อมเพิ่มกล้อง LiDAR Scanner สำหรับตรวจจับระยะชัดตื้น ซึ่งประกอบไปด้วย

  • กล้องตัวที่หนึ่งเลนส์ Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล แบบ 7 ชิ้นเลนส์ รองรับระบบ OIS เทคโนโลยี 100% Focus Pixel มีรูรับแสงขนาด F/1.6
  • กล้องตัวที่สองเลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล แบบ 5 ชิ้นเลนส์ ทางยาวโฟกัส 13mm ถ่ายภาพมุมกว้างสุด 120 องศา
  • กล้องตัวที่สามเลนส์ Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล แบบ 6 ชิ้นเลนส์ ทางยาวโฟกัส 65mm รองรับระบบ OIS เทคโนโลยี 100% Focus มีรูรับแสงขนาด F/2.2 และรองรับการซูมภาพแบบ Optical สูงสุดที่ 2.5 เท่า (2.5x Optical Zoom)
  • กล้องตัวที่สี่แบบ LiDAR Scanner สำหรับตรวจจับระยะชัดตื้น

ซึ่งรองรับเทคโนโลยี 100% Focus Pixels, รองรับการซูมแบบ 5x Optical Zoom range, โหมด Night สำหรับถ่ายภาพกลางคืน, โหมดหน้าชัดหลังเบลอ พร้อม Portrait Lighting, เทคโนโลยี Deep Fusion, ฟังก์ชัน Smart HDR 3, รองรับ ProRAW และการบันทึกวิดีโอแบบ 10-bit HDR Video / Dolby Vision Video ที่ระดับ 4K 60fps ได้เป็นรุ่นแรกของโลก รวมถึงรองรับฟังก์ชัน Night mode Time-lapse พร้อมระบบกันสั่นแบบ OIS สำหรับการถ่ายวิดีโอโดยเฉพาะ  

 

สำหรับกล้องหน้าของ HUAWEI Mate40 Pro+ มีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อม 3D Depth Sensing Camera รองรับ IR Depth/Gesture Camera สำหรับใช้งานร่วมกับการสแกนใบหน้าในที่แสงน้อย โดยรองรับโหมด Portrait สำหรับถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ, Beauty ปรับผิวสวย และ Slow-Motion Selfie

ทางด้าน Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G มากับกล้องหน้าฝังบนจอความละเอียด 10 ล้านพิกเซล โดยรองรับเทคโนโลยี Dual Pixel พร้อมโหมด Live Focus ถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ, ฟังก์ชัน AR Emoji, โหมดหน้าสวย Beauty และการถ่ายวิดีโอแบบหน้าชัดหลังเบลอ Live Focus Video

และ iPhone 12 Pro Max มีกล้องหน้าแบบ TrueDepth ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล โดยรองรับโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting, เทคโนโลยี Deep Fusion, โหมด Night สำหรับเซลฟี่, โหมดถ่ายวิดีโอแบบ Night mode Time-lapse และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ 10-bit HDR Video / Dolby Vision Video ได้เหมือนกับกล้องหลัง

 

แบตเตอรี่

Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G ให้แบตเตอรี่มาเยอะสุดที่ 4500 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 25W SuperFast Charge และเทคโนโลยีชาร์จไร้สายแบบ 15W Wireless Charging 2.0 รวมถึงการชาร์จย้อนกลับแบบไร้สายอย่าง Wireless PowerShare 9W

ส่วน HUAWEI Mate40 Pro+ มีแบตเตอรี่ลองลงมาที่ 4400 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วสุดใน 3 รุ่นแบบ 66W HUAWEI SuperCharge และเทคโนโลยีชาร์จไร้สายความเร็วสูงแบบ 50W Wireless HUAWEI SuperCharge รวมถึงการชาร์จย้อนกลับแบบไร้สายอย่าง Wireless Reverse Charging

สำหรับ iPhone 12 Pro Max นั้นไม่มีการระบุถึงขนาดแบตเตอรี่ไว้ แต่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วเพื่อย่นระยะในการชาร์จแบตอย่าง 20W Fast Charging รวมถึงการชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi Wireless Charging 7.5W และ MagSafe Wireless 15W

 

การรองรับ 5G

ทั้ง HUAWEI Mate40 Pro+, Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G และ iPhone 12 Pro Max รองรับการเชื่อมต่อเครือข่าย 5G ในประเทศไทย ย่านความถี่ 2600MHz ที่เปิดให้บริการตอนนี้ รวมถึงย่านความถี่ 700MHz ที่เตรียมเปิดให้บริการในเร็วๆ นี้

 

ราคา

Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G เปิดราคาที่ 42,900 บาท สำหรับรุ่นความจุ 256GB และราคา 46,900 บาท สำหรับความจุ 512GB พร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้ทั้งหมด 3 ตัวเลือก ได้แก่ Mystic Black, Mystic White และ Mystic Bronze

 

ส่วน iPhone 12 Pro Max ยังไม่เปิดราคาในไทย และยังไม่มีข้อมูลว่าจะเข้ามาวางจำหน่ายในบ้านเราช่วงใด แต่เมื่อพิจารณาจากราคาเปิดตัว iPhone 11 Pro ราคาขายเริ่มต้นในไทย จะสูงกว่าสหรัฐฯ ราว 4,600 บาท หรือคิดเป็น 13.69% ซึ่งหากเรานำส่วนต่างตรงนี้ไปประเมินราคาขายของ iPhone 12 Pro Max ในประเทศไทยโดยอ้างอิงราคาเปิดตัวในสหรัฐฯ จะมีรายละเอียดดังนี้ 

 

iPhone 12 Pro Max (ราคาคาดการณ์ในไทย)

  • รุ่น 128GB  ราคา 39,900 บาท (ราคาคาดการณ์)
  • รุ่น 256GB  ราคา 45,900 บาท (ราคาคาดการณ์)
  • รุ่น 512GB  ราคา 50,900 บาท (ราคาคาดการณ์)

 

และสำหรับ HUAWEI Mate40 Pro+ เป็นรุ่นความจุ 12GB+256GB เปิดราคาทางการที่ 1,399 ยูโร หรือประมาณ 51,700 บาท ซึ่งยังไม่มีข้อมูลว่าจะเข้ามาวางจำหน่ายในบ้านเราด้วยหรือไม่ โดยในหน้าเว็บทางการ HUAWEI ประเทศไทยมีเพียงรุ่น Mate40 Pro เท่านั้น แต่หากพิจารณาเมื่อครั้ง P40 Series ที่มีการเปิดตัวในรุ่น P40 กับ P40 Pro มาก่อน และจะเปิดตัว P40 Pro+ มาเป็นรุ่นสุดท้าย ก็มีความเป็นไปได้ที่ Mate40 Pro+ จะเปิดตัวตามมาในภายหลัง ทั้งนี้ก็ต้องคอยติดตามการประกาศจากทาง HUAWEI ประเทศไทยอีกครั้งค่ะ


 
จากการเปรียบเทียบข้างต้น ทางทีมงานไม่สามารถบอกได้ว่ารุ่นใดที่ดีสุด หรือคุ้มค่าที่สุด ทั้งนี้จึงขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้เอง ว่ามีความชื่นชอบสมาร์ทโฟนรุ่นใดมากที่สุด ทั้งในด้านการดีไซน์ว่าสวยถูกใจขนาดไหน และฟีเจอร์ด้านในสามารถพร้อมตอบโจทย์การใช้งานของตนเองได้ครบถ้วนหรือไม่ ซึ่งหากว่าได้ทดลองใช้งานในเบื้องต้น แล้วเกิดความพึงพอใจ ก็ถือได้ว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนั้นคุ้มค่าแก่การจับจองเป็นเจ้าของแล้วค่ะ สำหรับวันนี้ทางทีมงานต้องขอลาไปก่อน พบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีค่ะ

 

นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com


วันที่ : 26/10/2563



Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy