5 เหตุผลที่ทำให้ Huawei Mate 10 Pro เป็นสมาร์ทโฟนสุดล้ำด้านเทคโนโลยีแห่งปี 2017
ในปี 2017 ที่กำลังจะผ่านพ้นไปนี้ ใครที่ติดตามวงการสมาร์ทโฟนอยู่คงจะได้เห็นการแข่งขันของแบรนด์สมาร์ทโฟนชั้นนำที่พัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาประชันกันแบบไม่มีใครยอมใคร โดยเฉพาะด้านการถ่ายภาพที่กลายเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการเลือกซื้อ และเทคโนโลยี AI ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในฐานะกุญแจ “ปลดล็อค” ประสิทธิภาพของสมาร์ทโฟนขึ้นไปอีกขั้นและสร้างความแตกต่างให้กับวงการ ยกตัวอย่างเช่น ที่ผ่านมาเวลาพูดถึงสมาร์ทโฟนที่ถ่ายภาพได้ดี เราจะพูดถึงความละเอียด จำนวนพิกเซล หรือเซ็นเซอร์รับภาพ แต่ปัจจุบัน สมาร์ทโฟนไม่มีระบบ AI มาช่วยในการถ่ายภาพเลยอาจจะทำให้ภาพที่ออกมาขาดความสมบูรณ์แม้จะมีความละเอียดสูงก็ตาม
สำหรับวันนี้เราจึงมาเจาะลึก 5 ฟีเจอร์หลักของ Huawei Mate 10 Pro สมาร์ทโฟนที่ได้รับการยอมรับในด้านการถ่ายภาพและระบบ AI ที่ช่วยเสริมความสามารถด้านต่างๆ ซึ่งจริงๆ แล้วสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นนี้ยังมีฟีเจอร์เด่นๆ อีกหลายอย่างที่ทำให้เราสามารถพูดได้ว่าในปี 2017 นี้ Huawei Mate 10 Pro ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจที่สุดรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว ส่วนจะมีอะไรบ้างตามมาดูกันเลยครับ
1. กล้อง Leica ผสานเทคโนโลยี AI เพื่อภาพที่สวยงามสมจริง
หากพูดถึงเลนส์ที่ให้สีสันสดใสแต่ยังคงความสมจริงและเก็บรายละเอียดได้ดี เชื่อว่าหลายคนคงจะนึกถึงเลนส์ Leica และถ้าหากพูดถึง “สมาร์ทโฟนกล้อง Leica” ในเวลานี้เชื่อว่าทุกคนก็จะต้องนึกถึง Huawei กันอย่างแน่นอน ซึ่งในรุ่น Huawei Mate 10 Pro นั้น มาพร้อมกับกล้องคู่ 12+20 ล้านพิกเซลที่มีระบบ OIS และระบบจับโฟกัส 4 ประเภทคือ PDAF, CAF, Laser + Depth Auto Focus ทำให้มีความแม่นยำมากเป็นพิเศษ และที่ขาดไม่ได้คือการประมวลผลภาพด้วย AI ที่จะวิเคราะห์วัตถุในกล้องและปรับการตั้งค่าต่างๆ ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้องที่สุดโดยอัตโนมัติ เช่นปรับสมดุลของภาพในภาวะย้อนแสงเมื่อเซลฟี, ปรับ Exposure, ปรับค่า White balance เป็นต้น ทำให้ภาพออกมาสวยงามได้โดยที่เราแทบจะไม่ต้องปรับแต่งอะไรเพิ่มเติมเลย
ตัวอย่างภาพถ่ายเปรียบเทียบกับสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นอื่น :
เปรียบเทียบภาพถ่ายจากกล้องหลังในเวลากลางคืน จะสังเกตได้ว่าภาพของ Huawei Mate 10 Pro มีสีนสันที่สดใสกว่า และแสงเงาดูมี contrast มากกว่า
เปรียบเทียบภาพถ่ายจากกล้องหน้าด้วยการเซลฟีย้อนแสง ซึ่งภาพของ Huawei Mate 10 Pro มีสีที่แม่นยำกว่า และมีรายละเอียดคมชัดกว่า
2. แบตเตอรีสุดอึด 4000 mAh และระบบจัดการพลังงานอัจฉริยะ (AI)
สมาร์ทโฟนระดับ High-end ทั่วไปมักจะมีความจุอยู่ที่ประมาณ 3,000-3,500 mAh ซึ่งจะใช้งานได้ประมาณ 1 วัน แต่สำหรับ Huawei Mate 10 Pro นั้นมีความจุแบตเตอรีสูงถึง 4,000 mAh มากกว่าเรือธงรุ่นอื่นพอสมควร ขณะเดียวกันยังมีระบบ AI เข้ามาช่วยจัดสรรการใช้พลังงานอีกแรง ทำให้ระยะเวลาการใช้งานยาวนานยิ่งขึ้นไปอีก
นอกจากระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนานแล้ว Huawei Mate 10 Pro ยังมีระบบชาร์จเร็ว SuperCharge ที่ใช้เวลาชาร์จเพียง 30 นาทีก็สามารถใช้งานได้อีกหลายชั่วโมง ซึ่งเป็นประโยชน์มากเมื่อแบตหมดกระทันหันและต้องชาร์จอย่างเร่งด่วน ที่สำคัญยังได้รับการรับรองด้านความปลอดภัยจากสถาบัน TÜV Rheinland ประเทศเยอรมันนีอีกด้วย เห็นได้ว่า Huawei ให้ความสำคัญกับแบตเตอรีมากเป็นพิเศษ หากจะพูดถึงเทคโนโลยีที่เป็นเทรนด์ของปีนี้ที่ยังขาดหายไปใน Huawei Mate 10 Pro ก็คงเป็นเรื่องการชาร์จไร้สายที่ยังไม่สามารถทำได้ อย่างไรก็ดีเทคโนโลยีการชาร์จไร้สายในปัจจุบันส่วนใหญ่ยังจำเป็นต้องวางไว้ใกล้แท่นชาร์จและต้องเสียค่าอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมอีก
3. AI แปลภาษาที่แปลได้มากกว่า 50 ภาษา ไม่ต้องต่อ internet
ระบบแปลภาษาเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของสมาร์ทโฟน ซึ่งอาจติดตั้งมาในเครื่องแล้วแบบ built-in หรือแอปพลิเคชันต่างๆ ในสโตร์ ซึ่งส่วนใหญ่ Service เหล่านี้จำเป็นต้องเชื่อมต่อ internet ขณะแปลเพื่อดึงข้อมูลจากเซิฟเวอร์ขึ้นมา แต่ Huawei Mate 10 Pro นั้นมีระบบแปลภาษาแบบ built-in ที่ใช้งานได้แม้ไม่ได้เชื่อมต่อ internet ซึ่งระบบนี้ทาง Huawei ได้ร่วมมือกับ Microsoft ในการพัฒนาขึ้น โดยรองรับมากถึง 50 ภาษา และมีการใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยให้สามารถแปลภาษาจากรูปได้
4. PC Mode แปลงสมาร์ทโฟนเป็น PC พกพาได้ง่ายๆ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม
ปัจจุบันมือถือที่มีระบบ PC Mode หรือการแปลงสมาร์ทโฟนให้ทำงานได้แบบคอมพิวเตอร์ PC ยังมีไม่มากนัก และยังจำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์เสริมบางอย่างเพิ่มเติม แต่สำหรับ Huawei Mate 10 Pro นั้นสะดวกกว่ามาก เพราะใช้แค่สายแปลงพอร์ต USB-C เป็น HDMI ในการเชื่อมต่อเท่านั้น สามารถใช้งานตัวเครื่องขณะอยู่ใน PC Mode ได้ และยังสามารถใช้ตัวเครื่องเป็น trackpad กับคีย์บอร์ดได้โดยไม่จำเป็นต้องต่อเมาส์หรือคีย์บอร์ดเพิ่ม แต่ด้วยขนาดหน้าจอของสมาร์ทโฟนที่อาจไม่เหมาะหากต้องใช้งานจริงจัง เราแนะนำให้เชื่อมต่อเมาส์กับคีย์บอร์ดภายนอก ซึ่งก็สามารถทำได้ผ่าน Bluetooth หรือถ้าตัวสายแปลงมีพอร์ต USB หลายพอร์ตก็ใช้เชื่อมต่อได้เช่นกัน
อย่างไรก็ดีการที่ Huawei Mate 10 Pro ไม่จำเป็นต้องใช้ Dock หรืออุปกรณ์พิเศษ ทำให้ไม่มีพัดลมระบายความร้อน จึงควรใช้ในห้องที่มีอุณหภูมิที่ไม่สูงเกินไปหากต้องการใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน แต่ถ้ามองเรื่องความง่ายในการใช้งานแล้วถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่สามารถใช้งาน PC Mode ได้สะดวกทีเดียว
5. GEO Enhanced GPS Technology ระบบนำทางที่สามารถใช้งานได้ดีแม้ในพื้นที่อับสัญญาน
Huawei Mate 10 Pro ได้นำเทคโนโลยีใหม่มาใช้พัฒนาฟีเจอร์ที่อาจจะยังไม่เห็นในแบรนด์อื่นมากนักนั่นคือ GEO Enhanced GPS Technology ซึ่งช่วยให้การติดตามสัญญาณ GPS แม่นยำและเสถียรไม่ขาดหายเมื่ออยู่ในจุดอับสัญญาณเช่น ใต้ทางด่วน ในรถไฟใต้ดิน หรือในอุโมงค์ เหมาะมากสำหรับคนที่เดินทางบ่อยๆ และเข้ากับการเดินทางในปัจจุบันที่หลายครั้งเราอาจจะต้องเดินทางไปในที่ ที่อับสัญญาน
และทั้งหมดนี้คือ 5 ฟีเจอร์เด่นๆ ของ Huawei Mate 10 Pro ที่น่าสนใจไม่แพ้เรือธงรุ่นอื่นๆ เลย ส่วนตัวแล้วคิดว่า Huawei Mate 10 Pro จัดเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นหนึ่งที่มีฟีเจอร์ครบครันและมีเทคโนโลยีที่อยู่ในกระแสหลักของวงการสมาร์ทโฟนยุคใหม่ ซึ่งช่วยให้เรามองเห็นแนวทางการพัฒนาของสมาร์ทโฟนในอนาคตที่คงจะไม่ได้เน้นที่การถ่ายภาพเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เชื่อว่าในปี 2018 การพัฒนานวัตกรรมเหล่านี้จะมีการแข่งขันและพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และจะเป็นผลดีต่อผู้ใช้อย่างพวกเรา สำหรับปี 2017 ขอให้ทุกท่านเดินทางปลอดภัยมีความสุขกับการพักผ่อน และสำหรับปี 2018 ที่กำลังจะมาถึงเราจะพยายามนำสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจมาแนะนำให้ผู้อ่านทุกท่านรับทราบข้อมูลให้รวดเร็วและมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น อย่าลืมติดตามกันนะครับ
เรียบเรียงโดย : Thaimobilecenter
(บทความ Advertorial)
วันที่ : 27/12/2560