เจาะฟีเจอร์ EMUI 10 ประสบการณ์ UX ครั้งใหม่ในสมาร์ทโฟน Huawei เพื่อยกระดับส่วนติดต่อผู้ใช้ขึ้นไปอีกขั้น
ไฮไลท์ของงาน Huawei Developer Conference 2019 ครั้งนี้ นอกจากจะมีการเผยโฉมระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุดอย่าง HarmonyOS (HongmengOS) แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือการออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้ หรือ UX (User Experience) กับการออกแบบส่วนติดต่อผู้ใช้ หรือ UI (User Interface) (UX กับ UI เป็นคนละสิ่งกัน แต่ก็มักจะอยู่คู่กันเสมอ) ที่ใช้งานบนสมาร์ทโฟนของ Huawei เองอย่าง EMUI (Emotion UI) ที่ล่าสุดก็เดินทางมาจนถึงเวอร์ชันที่ 10 แล้ว หรือที่เปิดตัวมาในชื่อว่า EMUI 10 นั่นเอง ซึ่งหากนับกันตั้งแต่เวอร์ชันแรก EMUI นั้นก็อยู่คู่กับผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน Huawei มาแล้วร่วม 7 ปี เรียกว่าเป็นการปรับแต่งหน้าตาของระบบปฏิบัติการ Android เดิมๆ ให้สวยงาม และเป็นมิตรกับผู้ใช้งานมากขึ้น โดย Huawei เชื่อเสมอว่า หากมีการปรับแต่งอยู่บนพื้นฐานความต้องการของผู้ใช้งาน ก็จะสามารถช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ในการใช้งานสมาร์ทโฟนที่ดีกว่า จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Huawei พยายามพัฒนา EMUI ให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา
ซึ่ง EMUI เวอร์ชันก่อนหน้านี้ต่างก็มาพร้อมจุดขายของตนเอง เริ่มตั้งแต่ EMUI 5.0 ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “Born Fast Stay Fast”, EMUI 8.0 ที่มาพร้อมกับระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) กับฟีเจอร์ GPU Turbo, EMUI 9.0 ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ “Enable a Quality Lift” กับการปรับปรุงฟีเจอร์ที่เกี่ยวกับระบบ AI ให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้มากขึ้น และสุดท้ายสำหรับ EMUI 9.1 ก็ถูกปรับแต่งอีกครั้งเกี่ยวกับการทำงานร่วมกันของเทคโนโลยีใหม่ๆ ไปจนถึงการปรับปรุงฟังก์ชันพื้นฐานให้ดีขึ้น เช่นธีม และไอคอนต่างๆ นั้นถูกอัปเดตใหม่เพื่อให้เข้ากับรูปแบบของการใช้งาน AI ในระดับสูง รวมถึงระบบไฟล์แบบใหม่ที่เรียกว่า EROFS (Extendable Read-Only File System) กับฟีเจอร์ GPU Turbo 3.0 ที่ประสิทธิภาพดีขึ้น และรองรับเกมมากขึ้น เพื่อมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ทั้งรูปลักษณ์ กับการใช้งาน
และล่าสุดกับ EMUI 10 นั้นมาพร้อมกับ 4 ไฮไลท์สำคัญคือ New UX Design, Seamless AI Life, Faster and Smoother Operations และ Win-Win Ecosystem โดยพัฒนาอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 10 Q ที่กำลังจะมาในช่วงเดือนกันยายน 2019 เช่นกัน และเลือกใช้ Ark Compiler เพื่อการทำงานที่ลื่นไหล อีกทั้งนักออกแบบยังพัฒนา UX ของ EMUI 10 นี้ให้สวยงาม และสอดคล้องกับธรรมชาติของมนุษย์มากขึ้นด้วย
โดยทาง Huawei กล่าวว่า EMUI 10 จะเป็นส่วนประสานผู้ใช้แบบ Distributed OS จึงช่วยให้นักพัฒนาสามารถจำลองรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกันได้ และจำลองการทำงานต่อเนื่องระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ได้ เสมือนว่านักพัฒนามี Virtual Machine ที่มีประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ยังไม่จำเป็นต้องกังวลถึงข้อแตกต่างของฮาร์ดแวร์ เพราะนักพัฒนาสามารถพัฒนาแอปพลิเคชันเพียงครั้งเดียวแต่รองรับการทำงานร่วมกับทุกอุปกรณ์ นอกจากนี้ระบบ Deterministic Latency Engine ยังช่วยลดปัญหาระบบค้างจากการจัดสรรทรัพยากรอย่างไม่เหมาะสมในทุกระดับของซอฟต์แวร์ได้ ช่วยให้ EMUI 10 มีความเสถียรตลอดเวลา
นอกจากนี้สมาร์ทโฟนที่ติดตั้ง EMUI 10 ก็จะมีประสิทธิภาพของการใช้งานแอปพลิเคชันที่ดีขึ้น 60%, ใช้งานได้ลื่นไหลไม่หน่วงยาวนานกว่า 18 เดือน, ระบบไฟล์ EROFS ที่อ่านข้อมูลได้เร็วขึ้น 20%, GPU Turbo ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น 60%, เทคโนโลยี Turbo Link ที่เร็วกว่าการใช้เครือข่าย 4G LTE แต่เพียงอย่างเดียว 70% และอีกหลายๆ สิ่ง ซึ่งก็นับว่าเป็นโอกาสอันดีที่งาน HDC.2019 ครั้งนี้ทีมงาน thaimobilecenter ของเราได้ร่วมทดลองใช้งานสมาร์ทโฟนที่ติดตั้ง EMUI 10 รุ่นทดสอบ ในระยะเวลาๆ สั้นแล้วด้วยเช่นกัน ดังนั้นเดี่ยวเราจะมาสรุปให้ฟังว่า สิ่งที่น่าสนใจทั้งหมดที่ถูกเพิ่มเข้ามาใหม่ใน EMUI นั้นมีอะไรบ้าง หรือมีจุดไหนที่ถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นบ้าง มาติดตามกันต่อได้เลยครับ
หน้า Always On Display (AOD) แบบใหม่ สีสันสดใส ปรับเปลี่ยนตามเวลาได้
สิ่งแรกที่ถูกพัฒนาเพิ่มเข้ามาก็คือหน้า Always On Display (AOD) แบบใหม่ที่ถูกใส่เรื่องสีสันเพิ่มเข้ามาให้ดูสวยงามน่าใช้งานมากขึ้น
นอกจากนี้ยังสามารถแชร์กราฟิกแบบเดียวกับบนหน้าปัดนาฬิกาของสมาร์ทวอทช์ (Smart Watch) มาใส่ไว้บนหน้าจอ AOD ได้ด้วย
อีกอย่างที่น่าสนใจก็คือนาฬิกาที่แสดงบนหน้าจอ AOD นั้นจะมีการปรับเปลี่ยนโทนสี หรือไล่เฉดให้แตกต่างกันไปตามช่วงเวลาในแต่ละวันที่เกิดขึ้นจริง ตั้งแต่ช่วงเวลาเช้าที่มีพระอาทิตย์ขึ้น, ช่วงกลางวันที่มีแดดจ้า, ช่วงเย็นที่พระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า ไปจนถึงช่วงกลางคืนที่แสงมืดมิดลง
ดีไซน์ UX/UI ใหม่ด้วยเลย์เอาท์แบบนิตยสาร (Magazine)
คงไม่มีใครที่ไม่เคยอ่านนิตยสารมาก่อน ซึ่งหากเป็นนิตยสารที่มีการจัดวางเลย์เอาท์ตามหลักการที่ถูกต้อง ก็จะรู้สึกได้ทันทีว่าเวลาเราอ่านจะรู้สึกผ่อนคลาย, อ่านได้ต่อเนื่อง และรู้สึกเหมือนมีแรงดึงดูดไปยังจุดสนใจที่นิตยสารได้ออกแบบไว้ ดังนั้น Huawei จึงได้นำเอาหลักการของการออกแบบเลย์เอาท์บนนิตยสาร (Magazine Style) มาใช้ใน EMUI 10 ด้วยเช่นกัน
สิ่งสำคัญหลักๆ นั้นมีทั้งส่วนหัวในหน้าเมนูต่างๆ ที่โดดเด่นชัดเจน, การเว้นพื้นที่สีขาวระหว่างบรรทัดให้ดูสบายตาไม่อึดอัด, จุดดึงดูดสายตาที่เหมาะสม และยังสามารถใช้งานด้วยมือข้างเดียวได้สะดวก
นอกจากนี้ยังเลือกใช้สีที่มีความอิ่มตัวสูง (High Saturation) ในส่วนที่มีขนาดเล็ก เช่นไอคอน และเลือกใช้สีที่มีความอิ่มตัวน้อย (Low Saturation) ในพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่นพื้นหลัง
ชุดสี Morandi ที่ดูเรียบหรูพรีเมียม สบายตาน่าใช้งาน
ในครั้งทีมออกแบบของ EMUI 10 ได้เลือกนำเอาชุดสี Morandi Color มาใช้กับ UI ด้วย ซึ่งจุดเด่นของชุดสี Morandi นี้ก็คือ ความเรียบง่ายสบายตา ใช้สีที่ไม่ฉูดฉาด ดูพรีเมียม และดูกลมกลืนกัน
โดยชุดสี Morandi ที่มาพร้อม EMUI 10 นั้นนี้มีทั้งหมด 6 สไตล์ด้วยกัน
รวมถึงไม่มองข้ามการเก็บรายละเอียดในส่วนเล็กๆ น้อยๆ
ออกแบบไอคอนด้วยสัดส่วนทองคำ (Golden Ratio)
ทฤษฏีหนึ่งที่นักออกแบบทั่วไปยอมรับมาจนถึงปัจจุบันก็คือ Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำ
ดังนั้นทีมออกแบบของ EMUI 10 จึงนำเอาทฤษฏี Golden Ratio นี้มาใช้ออกแบบไอคอนของแอปพลิเคชันเสียใหม่ให้ถูกหลักการ และสวยงามมากขึ้น
ซึ่งหากนำเอาไอคอนใหม่ใน EMUI 10 มาเปรียบเทียบกับไอคอนเวอร์ชันเดิม แม้ดูเผินๆ นั้นแทบไม่ต่างไปจากเดิม แต่หากสังเกตดีๆ ก็จะพบว่ามีสัดส่วนที่แตกต่าง และมีความสวยงามลงตัวน่าใช้งานมากขึ้นจริงๆ
Dark Mode ที่สบายตา ด้วยสิ่งที่มากกว่าการปรับสีเป็นขาว-ดำ
การใช้งานโทนมืด หรือ Dark Mode ใน EMUI 10 นั้นไม่เหมือนกับ Dark Mode ทั่วไป เพราะไม่ใช่แค่เปลี่ยนสีเมนูให้เป็นขาว-ดำเท่านั้น แต่ยังคงให้ความสำคัญกับสีอื่นๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อความสะดวกสบาย และประสบการณ์ที่ดีในการมองรายละเอียดบนหน้าจอ เพราะสีที่สบายตา ไม่ได้มีแค่สีขาว-ดำเท่านั้น
โดยพิจารณาทั้งในเรื่องของค่าความเปรียบต่าง (Contrast) และการไล่ระดับสี (Color Scale)
ทีมออกแบบของ EMUI 10 จึงมีการศึกษาทฤษฎีของสีที่สบายตาสำหรับมนุษย์อย่างจริงจัง ทั้งขณะที่ใช้งานในอาคาร, นอกอาคาร หรือท่ามกลางแสงแดดจัดๆ
มีการศึกษาเรื่องค่าความเปรียบต่าง (Contrast) ที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานแต่ละรูปแบบ
มีการศึกษาเรื่องสีที่เหมาะสมกับสายตาของมนุษย์เรา เพื่อความรู้สึกที่สบายตา และใช้งานต่อเนื่องได้อย่างผ่อนคลาย
ที่สำคัญ Dark Mode นี้ยังสามารถนำไปใช้งานกับแอปพลิเคชัน 3rd Party ได้ด้วย โดยอาศัยเทคนิคการแบ่งส่วนต่างๆ ภายในหน้าแสดงผลออกเป็นเลเยอร์ (Layer) เพื่อจัดการในแต่ละส่วนเป็นลำดับ ตั้งแต่พื้นหลัง, ไอคอน, ภาพ และตัวหนังสือ เมื่อรวมออกมาแล้วจึงดูสวยงามลงตัว และเหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด
ปรับหน้าตาของกล้องถ่ายภาพใหม่ เน้นเรียบง่ายสบายตา
ฟีเจอร์หนึ่งที่ผู้ใช้สมาร์ทโฟนใช้งานกันมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นกล้องถ่ายภาพนั่นเอง ดังนั้น EMUI 10 จึงมีการปรับปรุงหน้าตาของเมนูกล้องถ่ายภาพให้ดีขึ้นด้วยเช่นกัน ทั้งการใช้งานกล้องด้านหน้า และกล้องด้านหลัง เช่นการเพิ่มฟอนต์ขณะเปลี่ยนโหมด หรือแถบซูมที่ด้านข้างที่เปลี่ยนเป็นแบบจุดไข่ปลา แทนแถบหนาๆ ก่อนหน้านี้ รวมถึงปุ่มสำหรับปรับระยะที่ดูใช้ง่ายกว่าเดิม
โดยรวมสำหรับเมนูกล้องถ่ายภาพ ดูแล้วมีความเรียบง่ายทันสมัย และดูสบายตามากกว่าเดิม
การตอบสนองที่เร็วขึ้น และใช้งานสะดวกลื่นไหลเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ผู้ที่ใช้งานสมาร์ทโฟนก็คือมนุษย์ ดังนั้นทีมออกแบบ EMUI 10 จึงพยายามเข้าใจธรรมชาติในการใช้งานของมนุษย์ให้มากขึ้น
มีการศึกษาเรื่องระยะเวลาของการตอบสนองอย่างจริงจัง ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ได้ช่วงเวลาที่เหมาะสมมากที่สุด ไม่ช้าเกินไปจนรู้สึกหน่วง หรือไม่เร็วเกินไปจนดูแข็งกระด้าง เช่นจะเลือกลดการหน่วงเวลาของการสัมผัสหน้าจอให้เหลือที่ระดับ 100-130 มิลลิวินาที (ms) รวมถึงการตัดแอนิเมชันบางอย่างที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อให้ผู้ใช้รู้สึกถึงการตอบสนองที่เร็วขึ้น
นอกจากนี้การออกแบบไอคอนก็ให้ความรู้สึกในการตอบสนองที่ดีขึ้น และเป็นธรรมชาติมากขึ้นด้วยเช่นกัน โดยมีการออกแบบไอคอนให้เหมือนกับมีสปริงติดอยู่ด้านล่าง นั่นคือเมื่อกดลงไป ไอคอนก็จะหดเล็กลงตามแรงกด เหมือนกับยุบลงไปจริงๆ และเมื่อปล่อยก็จะขยายออกมาเป็นเมนูที่เราต้องการ
การสัมผัสมีความแตกต่างกัน ทั้งการสัมผัสพื้นที่ขนาดเล็ก, พื้นที่ขนาดกลาง และพื้นที่ขนาดใหญ่
มีการปรับการตอบสนองต่อการปัดนิ้ว หรือการลากนิ้ว ให้เหมาะกับสมกับการเคลื่อนไหวนิ้วจริงๆ ของมนุษย์มากขึ้นตามหลักฟิสิกส์ ไม่ว่าจะเป็นการปัดเป็นแนวเส้นตรง หรือการปัดเป็นเส้นโค้ง ระบบก็จะประมวลผล และตอบสนองได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ทั้งในเรื่องทิศทาง และความเร็วในการเคลื่อนที่
สิ่งอื่นๆ ที่น่าสนใจสำหรับ EMUI 10
นอกจากฟีเจอร์ที่เป็นไฮไลท์ข้างต้นแล้ว EMUI 10 ก็ยังมาพร้อมกับสิ่งที่น่าสนใจอีกหลายอย่างดังนี้
- ความปลอดภัยแบบกระจาย (Distributed Security) ที่ทำมาเพื่อรองรับระบบความปลอดภัยสำหรับการใช้งานในทุกสถานการณ์ เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นบุคคลที่ถูกต้อง, อุปกรณ์ที่เหมาะสม และเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง
- ความเข้ากันได้กับฮาร์ดแวร์ และการแชร์ระหว่างกัน ระหว่างอุปกรณ์ที่แตกต่างกัน
- การแชร์หน้าจอได้ในสัมผัสเดียว (One-Touch Screen Sharing) ที่ให้ประสบการณ์ราวกับกำลังใช้งานอยู่ในอุปกรณ์เดียวกัน เช่นเราสามารถแชร์หน้าการสนทนา หรือหน้าวิดีโอ ออกไปยังหน้าจอภายนอก หรือลำโพงภายนอกได้ เพื่อภาพที่ใหญ่เต็มตาขึ้น และเสียงที่มีมิติทรงพลังขึ้น
- การทำงานร่วมกันหลายหน้าจอ (Multi-Screen Collaboration) ที่ทุกอุปกรณ์ต่อพ่วงของสมาร์ทโฟน และเครื่องคอมพิวเตอร์พีซี สามารถแลกใช้งานกันได้ เช่นเมาส์ หรือคีย์บอร์ด ของเครื่องพีซี ก็จะสามารถใช้ควบคุมสมาร์ทโฟนได้ เรียกว่าทั้งสมาร์ทโฟน กับเครื่องพีซี สามารถทำงานร่วมกันได้แบบไร้รอยต่อ (Seamless) แต่อย่างไรก็ดี ก็ต้องอาศัยแอปพลิเคชัน 3rd Party ด้วยเช่นกัน
- Huawei HiCar ที่สามารถเชื่อมต่อกับรถยนต์, สมาร์ทโฟน และนาฬิกา ดังนั้นเราจึงสามารถใช้งานแอปพลิเคชันระบบนำทาง, ฟังเพลง และอื่นๆ บนสมาร์ทโฟน บนหน้าจอของรถยนต์ได้ด้วย
แผนการอัปเดต EMUI 10 สำหรับสมาร์ทโฟน Huawei
สำหรับ EMUI 10 นั้นจะมาพร้อมกับการอัปเดตระบบปฏิบัติการ Android 10 Q ซึ่งจากข้อมูลล่าสุด สมาร์ทโฟนกลุ่มแรกที่จะได้อัปเดตคือ P30 Series ในวันที่ 8 กันยายน 2019 ตามมาด้วยตระกูล Mate 20 Series และตระกูลอื่นๆ อีกหลายรุ่น ดังต่อไปนี้ (ที่มา : huaweicental)
สมาร์ทโฟน Huawei ตระกูล Mate Series
Huawei Mate 20 (ยืนยันอย่างเป็นทางการ)
Huawei Mate 20 Pro (ยืนยันอย่างเป็นทางการ)
Huawei Mate 20 Lite
Huawei Mate 20 X (ยืนยันอย่างเป็นทางการ)
Huawei Mate 20 X (5G) (ยืนยันอย่างเป็นทางการ)
Huawei Mate 20 Porsche RS (ยืนยันอย่างเป็นทางการ)
Huawei Mate X
Huawei Mate 10 (ยืนยันอย่างเป็นทางการ)
Huawei Mate 10 Pro (ยืนยันอย่างเป็นทางการ)
Huawei Porsche Design Mate 10 (ยืนยันอย่างเป็นทางการ)
Huawei Porsche Design Mate RS (ยืนยันอย่างเป็นทางการ)
สมาร์ทโฟน Huawei ตระกูล P Series
Huawei P30 (ยืนยันอย่างเป็นทางการ)
Huawei P30 Pro (ยืนยันอย่างเป็นทางการ)
Huawei P30 Lite/Nova 4e (ยืนยันอย่างเป็นทางการ)
Huawei P20 (ยืนยันอย่างเป็นทางการ)
Huawei P20 Pro (ยืนยันอย่างเป็นทางการ)
Huawei P Smart (2019) (ยืนยันอย่างเป็นทางการ)
Huawei P Smart+ 2019 (ยืนยันอย่างเป็นทางการ)
Huawei P Smart Z (ยืนยันอย่างเป็นทางการ)
สมาร์ทโฟน Huawei ตระกูล Nova Series
Huawei nova 5
Huawei nova 5 Pro
Huawei nova 5i
Huawei nova 4
Huawei nova 4e
สมาร์ทโฟน Honor
Honor 20 Pro (ยืนยันอย่างเป็นทางการ)
Honor 20 (ยืนยันอย่างเป็นทางการ)
Honor 20i/20 Lite (ยืนยันอย่างเป็นทางการ)
Honor View 10/Honor V10 (ยืนยันอย่างเป็นทางการ)
Honor View 20/Honor V20 (ยืนยันอย่างเป็นทางการ)
Honor 10 (ยืนยันอย่างเป็นทางการ)
Honor 10 GT
Honor 10 Lite (ยืนยันอย่างเป็นทางการ)
Honor Play
Honor Note 10
Honor 8X (ยืนยันอย่างเป็นทางการ)
Honor 8X Max
Honor 8C
Honor Magic 2 (ยืนยันอย่างเป็นทางการ)
Honor 8A
สมาร์ทโฟน Huawei รุ่นอื่นๆ ที่อาจได้รับการอัปเดต EMUI 10
Huawei P20 Lite/Nova 3e
Huawei P Smart + (Nova 3i)
Huawei Nova 3
Huawei Y3 (2018)
Huawei Y5 2018 Prime
Huawei Y5 2018 Lite
Huawei Y6 Prime (2018)
Huawei Y6 (2018)
Huawei Y7 (2018)
Huawei Y7 Prime (2018)
Huawei Y7 Pro (2018)
Huawei Y7 Pro 2019
Huawei Y8 2018
Huawei Y6 (2019)
Huawei Y9 2019 (also called enjoy 8 plus)
Huawei Y9 2019
Huawei Y7 (2019)
Huawei Y7 Pro (2019)
Huawei Y7 Prime (2019)
และแน่นอนว่าสมาร์ทโฟนเรือธงตระกูล Mate Series รุ่นต่อไปที่จ่อเปิดตัวในช่วงเดือนตุลาคมนี้ (คาดว่าเป็น Mate 30) ก็จะมาพร้อมกับ EMUI 10 ด้วยเช่นกัน
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจของงาน Huawei Developer Conference 2019
- รู้จัก HarmonyOS ระบบปฏิบัติการใหม่แห่งอนาคต พบคำตอบ Huawei สร้าง Ecosystem อย่างไร เพื่อเชื่อมทุกสมาร์ทดีไวซ์ ในทุกสถานการณ์
- Cyberverse อีกหนึ่งอาวุธลับ Huawei ที่รวมโลกจริง กับโลกดิจิทัลไว้ แบบไร้รอยต่อ ผ่านจอสมาร์ทโฟน
- พาทัวร์ Huawei Ox Horn Campus อาณาจักร 5 หมื่นล้าน สำนักงานในฝัน ที่ทุกวันเหมือนอยู่ในยุโรป
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 12/8/2562