ทำไม iPhone SE 2020 ถึงเป็นไอโฟนที่มีราคาขายถูกที่สุด ณ ตอนนี้ของ Apple?

หลายคนน่าจะทราบว่า โดยปกติแล้ว iPhone มักจะมีราคาวางจำหน่ายที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนทั่วไปบนท้องตลาด แต่เมื่อไม่นานมานี้ Apple สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว iPhone SE รุ่นที่ 2 หรือ iPhone SE 2020 โดยเปิดราคาวางจำหน่ายในประเทศไทยเริ่มต้นที่ 14,900 บาทเท่านั้น ส่งผลให้ iPhone รุ่นนี้เป็นไอโฟนที่ถูกที่สุดเท่าที่ Apple เคยมีมา แต่ทำไม Apple จึงกล้าตั้งราคา iPhone SE 2020 ในระดับนี้? วันนี้ทางสื่อต่างประเทศอย่าง Cult of Mac มีคำตอบครับ

หน้าจอที่ยกมาจากปี 2014

Cult of Mac เปิดเผยว่า คุณสมบัติโดยรวมของหน้าจอ iPhone SE 2020 มีความคล้ายคลึงกับหน้าจอของ iPhone 6 ที่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2014 เป็นอย่างมาก โดยมาพร้อมกับขนาดหน้าจอที่ 4.7 นิ้ว ความละเอียดเท่ากันที่ 750x1334 พิกเซล แต่ Apple มีการปรับปรุงคุณสมบัติบางส่วน อย่างเช่น ความสว่างของหน้าจอที่มากขึ้นเป็น 650 nits จากเดิมที่มีความสว่างสูงสุด 500 nits รวมถึงเพิ่มฟีเจอร์ใหม่อย่าง True Tone Display เข้ามา 

Cult of Mac เชื่อว่าการที่ Apple ยังใช้แผงหน้าจอที่มีลักษณะคล้ายกับ iPhone รุ่นก่อนๆ จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยลดต้นทุนการผลิตของ iPhone SE 2020 ลงไปได้มาก เพราะหน้าจอมักจะเป็นหนึ่งในส่วนประกอบที่มีต้นทุนการผลิตที่ค่อนข้างสูง 

กล้องที่ยกมาจากปี 2016

กล้องถ่ายภาพของ iPhone SE 2020 เป็นกล้องเดี่ยวความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.8 ซึ่งถึงแม้ว่าทาง Apple จะไม่ได้เปิดเผยว่าใช้เซ็นเซอร์รับภาพตัวใด แต่หากพิจารณาจากสเปกแล้ว Cult of Mac ระบว่า มีความคล้ายคลึงกับกล้องหลังที่ใช้บน iPhone 7 ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2016 ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ใน iPhone SE 2020 ก็มีสเปกเหมือนกับ iPhone 7 เช่นเดียวกัน แต่อย่างไรก็ดี Apple ก็ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้แก่กล้องของ iPhone SE 2020 ด้วย เช่น Smart HDR สำหรับถ่ายภาพหลายๆ ใบและนำมารวมกัน เพื่อช่วยเก็บรายละเอียดให้ดีมากยิ่งขึ้น ไป รวมถึงการเพิ่มฟีเจอร์ถ่ายหน้าชัดหลังเบลอให้ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง ซึ่งการใช้เซ็นเซอร์รับภาพตัวเดิม แต่อัดฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับซอฟท์แวร์เข้าไปโดยตรง ก็ช่วยให้ประหยัดต้นทุนการผลิตได้อีกพอสมควร

บอดี้ที่ยกมาจากปี 2017 

หากดูจากภายนอก iPhone SE 2020 มีดีไซน์ที่เหมือนกับ iPhone 8 ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2017 เป็นอย่างมาก ไม่่าจะเป็นขนาด, น้ำหนัก และดีไซน์ตัวเครื่องทั้งหมด (ซึ่งทาง The Verge ระบุว่า สามารถใช้เคสร่วมกับ iPhone 8 ได้) 

การปรับเปลี่ยนดีไซน์ภายนอกใหม่ก็อาจส่งผลถึงต้นทุนการวิจัย และพัฒนาด้วย ดังนั้นการลือกใช้บอดี้เดิมที่เคยใช้กับ iPhone รุ่นอื่นๆ มาแล้ว ก็ช่วยตัดต้นทุนส่วนนี้ได้เช่นกัน

ชิปเซ็ตจากปี 2019

มาถึงส่วนประกอบสำคัญอย่างไส้ในอย่าง ชิปเซ็ตประมวลผล Apple A13 Bionic ที่ Apple ยกมาจาก iPhone 11, 11 และ 11 Pro ส่งผลให้ iPhone SE 2020 มีประสิทธิภาพที่แรงเหมือนกับไอโฟนรุ่นราคาแพงแม้จะมีราคาขายที่ถูกกว่าก็ตาม อีกทั้งการตัดสินใจนำชิปเซ็ตตัวเดิมมาใช้กับ iPhone SE 2020 ก็หมายความว่า Apple ไม่จำเป็นต้องออก iPhone SE อยู่บ่อยๆ เพราะชิปเซ็ต Apple A13 Bionic เพิ่งจะมีการนำมาใช้ได้ไม่ถึงปี และคาดว่าจะได้รับการอัปเดตเป็นระยะเวลาอีกอย่างน้อย 3-4 ปี ซึ่งเหมือนกับ iPhone SE รุ่นแรกที่เปิดตัวห่างจากรุ่นที่ 2 นานถึง 4 ปีนั่นเองครับ

อย่างไรก็ดี ความเห็นด้านต้นมาจากเว็บไซต์ Cult of Mac เท่านั้น แม้ว่าเบื้องลึกเราอาจไม่ทราบว่า เพราะเหตุใด iPhone SE 2020 ถึงราคาถูกกว่า iPhone รุ่นอื่นๆ บนท้องตลาด แต่จากที่ทีมงานวิเคราะห์ก็อาจมีความเป็นไปได้ว่า อาจเป็นผลมาจากการใช้วัสดุเดิมที่ Apple มีอยู่แล้วมาทำการประกอบใหม่เพื่อลดต้นทุนการวิจัย และผลิต ส่งผลให้ iPhone SE 2020 สามารถตลาดสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้น หรือระดับกลางได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งเป็นตลาดที่ Apple ต้องการ Market Share จากแบรนด์ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจากประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศจีนที่เน้นผลิตสมาร์ทโฟนสเปกคุ้มในราคาประหยัด รวมทั้งยังเป็นการตอบโจทย์การใช้จ่ายในช่วง Pandamic ที่หลายคนเริ่มจับจ่ายใช้สอยกันอย่างระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็ต้องติตดามกันต่อไปว่าท้ายที่สุดแล้ว iPhone SE 2020 จะประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใดบนตลาดสมาร์ทโฟนปีนี้ครับ

ที่มา : Cult of Mac

วันที่ : 23/4/2563