เจาะลึกมือถือสำหรับเล่นเกม (Gaming Mobile) ที่มาพร้อมสเปกแรงจัดเต็ม แท้จริงแล้วต่างจากมือถือเรือธงรุ่นท็อปจากแบรนด์อื่นอย่างไร?
ปัจจุบันนี้ สมาร์ทโฟนไม่ได้ทำหน้าที่เป็นเพียงโทรศัพท์มือถือธรรมดาเท่านั้น แต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าเล็กๆ ชิ้นนี้ ยังทำหน้าที่เป็นอีกหลายสิ่งหลายอย่าง ทั้งโรงภาพยนตร์ขนาดพกพา, เครื่องเล่นเพลงสุดกระหึ่ม, กล้องถ่ายภาพระดับโปร หรือคลังแสงความรู้พร้อมข้อมูลอีกมากมายทั่วโลกด้วยการเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ต ซึ่งนอกจากความบันเทิงทั้งหมดทั้งมวลที่สามารถรับชม หรือเข้าถึงได้ผ่านทางสมาร์ทโฟนนั้น ยังมีความบันเทิงอีกรูปแบบหนึ่งที่ผู้ใช้ทั่วโลกให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ นั่นก็คือ การเล่นเกมมือถือ
หากกล่าวถึงเกมมือถือในยุคแรกๆ หลายๆ คนคงนึกถึงเกมงูสุดคลาสสิคที่เล่นกันอย่างเพลิดเพลิน จนกระทั่งเกมมือถือเริ่มพัฒนาคุณภาพด้านกราฟิก, ระบบการเล่น หรือเนื้อเรื่องที่มีสเกลใหญ่ขึ้นมาก หลังจากการมาของ App Store จากฝั่ง Apple และ Play Store จาก Google ทำให้เกมถูกแยกออกมาเป็นหมวดหมู่หลักในตลาดแอปพลิเคชัน และแทบจะเป็นหมวดหมู่ที่ใหญ่ที่สุดอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันนี้เกมมือถือหลายๆ เกมมีภาพกราฟิกที่สวยงามไม่แพ้เกมในคอมพิวเตอร์ พร้อมทั้งสามารถเล่นออนไลน์แบบ Multiplayer ได้ทันที เพราะสมาร์ทโฟนเองก็มีอินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว และด้วยความหลากหลายของแนวเกมก็ทำให้วงการเกมมือถือเติบโตขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดในช่วง 4-5 ปี ที่ผ่านมา
แต่สำหรับบรรดาเกมเมอร์ตัวจริงที่ชื่นชอบการเล่นเกมบนสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะเกมที่โด่งดังทั้งในเรื่องภาพ หรือระบบการเล่น ไม่ว่าจะเป็น ROV, PUBG, N.O.V.A. หรือเกมอื่นๆ ที่กราฟิกสวยงามเฉียบคม เกมเมอร์ทุกท่านก็ต้องการหาสมาร์ทโฟนรุ่นดีๆ มาใช้งานโดยเน้นการเล่นเกมให้ลื่นไหลแบบไม่กระตุกเป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว Device ที่มีประสิทธิภาพสูงขนาดนั้นก็มักจะเป็นกลุ่มสมาร์ทโฟนเรือธงเป็นหลัก แต่ล่าสุดก็มีกระแสการเปิดตัว Gaming Mobile หรือมือถือสำหรับการเล่นเกมออกมาเพื่อเอาใจเกมเมอร์โดยเฉพาะ ซึ่ง Gaming Mobile ก็แน่นอนว่าต้องมาพร้อมกับสเปกที่จัดเต็มพร้อมความเร็วแรงขั้นสุด เพื่อให้การประมวลผลเป็นไปอย่างไหลลื่น แต่ขณะที่ผู้ใช้บางส่วนก็สงสัยว่า แล้ว Gaming Mobile ต่างจากมือถือเรือธงตัวท็อปอย่างไร จะแยก section ออกมาด้วยเหตุใด เพราะในเมื่อก็ใช้เล่นเกมได้เหมือนกัน วันนี้เราจะมาเจาะลึกเรื่องราว และไขข้อสงสัยเหล่านี้กันครับ
Gaming Mobile เกิดขึ้นอย่างจริงจังเมื่อไหร่?
แม้ว่าบรรดาสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นต่างๆ จะพูดถึงเรื่องการเล่นเกมไปบ้างตั้งแต่ตอนเปิดตัวแล้ว แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะเน้นจุดเด่นหลักในเรื่องฟังก์ชัน หรือฟีเจอร์อื่นๆ กันเสียมากกว่า ส่วนการเล่นเกมนั้นเป็นเพียงฟีเจอร์รองลงมาตามลำดับ เหมือนผลพลอยได้ของการใช้งานชิปเซ็ตรุ่นท็อป ทำให้มีแบรนด์ Gaming Gear รายหนึ่งตัดสินใจขยายแพลตฟอร์มของ Gaming Device ให้ลงไปสู่สมาร์ทโฟนด้วย นั่นก็คือ Razer ที่ทำการเข้าซื้อบริษัท Nextbit อดีตผู้ผลิตสมาร์ทโฟน แล้วเริ่มโปรเจกต์พัฒนา Gaming Mobile รุ่นแรกเพื่อออกวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ และ Gaming Mobile รุ่นแรกก็ได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงปลายปี 2017 ที่ผ่านมา ในชื่อ Razer Phone
Razer Phone เป็นมือถือรุ่นแรกที่ระบุจุดขายของตนเองอย่างชัดเจนว่า เป็นสมาร์ทโฟนที่เกิดขึ้นมาเพื่อการเล่นเกมโดยแท้จริง ด้วยการใช้งาน ชิปเซ็ตประมวลผล Snapdragon 835 พร้อม RAM 8 GB เล่นเกมได้ต่อเนื่องยาวนานด้วยแบตเตอรี่ความจุ 4,000 mAh และที่สำคัญคือจุดเด่นอย่าง หน้าจอ LCD แบบ “Ultramotion” ขนาด 5.7 นิ้ว ความละเอียด 1440 x 2560 พิกเซล อัตราส่วน 16:9 ที่มี refresh rate สูงถึง 120 Hz ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ใช้งานหน้าจอเช่นนี้ด้วย
และหลังจากการมาของ Razer Phone ก็เกิดการจุดกระแสการพัฒนา Gaming Mobile ขึ้นมาทันที เพราะวงการเกมมือถือ และวงการมือถือถือว่าค่อนข้างเติบโตสูงมากในแต่ละปี จึงทำให้ในช่วงเวลาประมาณ 4-5 เดือน ที่ผ่านมานี้ มีสมาร์ทโฟนเกมมิ่งเปิดตัวมาอีกถึง 2 รุ่นด้วยกัน นั่นก็คือ Nubia Red Magic และ Xiaomi Black Shark ที่มาพร้อมกับสเปกจัดเต็มสุดขีดเช่นเดียวกัน
Gaming Mobile มีจุดเด่นตรงไหนบ้าง?
แน่นอนว่าหากสมาร์ทโฟนรุ่นนั้นๆ ถูกขนานนามว่าเป็น Gaming Mobile หรือเป็นมือถือสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ ก็จะต้องมีจุดเด่นในเรื่องการใช้ฮาร์ดแวร์ที่มีประสิทธิภาพเร็วแรง เพื่อประมวลผลได้อย่างลื่นไหล และไม่กระตุกเวลาเล่นเด็ดขาด มิฉะนั้นอาจทำให้เหล่าเกมเมอร์หัวเสียเพราะโดนคิลในจังหวะนั้นๆ ได้ ซึ่งอาจแบ่งออกเป็นปัจจัย ดังนี้
ชิปเซ็ตประมวลผล และ GPU - สำหรับชิปเซ็ตประมวลผลบนสมาร์ทโฟนนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมากในการเล่นเกม เพราะชิปตัวนี้จะประมวลผลการทำงานทั้งหมดขณะเล่น ซึ่งการเล่นกระตุก หรือไม่กระตุกก็มีปัจจัยหลักมาจากชิปเซ็ตด้วยเช่นกัน โดยส่วนใหญ่แล้วแบรนด์ผู้ผลิตที่ไม่ได้ผลิตชิปเซ็ตเองก็มักจะสั่งซื้อชิปเซ็ต Snapdragon จากบริษัท Qualcomm เป็นหลัก เพราะชิป Snapdragon ค่อนข้างขึ้นชื่อในหมู่ผู้ใช้ทั่วโลกเรื่องการเล่นเกม โดยชิปเซ็ตตัวท็อปที่มาพร้อมกับ Razer Phone ก็คือ Snapdragon 835 คู่กับ GPU Areno 540 ส่วนชิปเซ็ตรุ่นท็อปสุดในปัจจุบันคือ Snapdragon 845 กับ GPU Adreno 630 ที่ใช้งานอยู่บน Xiaomi Black Shark
หน่วยความจำแรม (RAM) - หากหน่วยความจำแรมยิ่งเยอะไว้ก่อนก็ยิ่งดีสำหรับ Gaming Device เพราะตัวเกมมือถือมักจะเรียกใช้งานหน่วยความจำแรมค่อนข้างเยอะ ซึ่งโดยปกติแล้วตัวระบบปฏิบัติการ Android OS ก็มักจะใช้งานแรมไปแล้วส่วนหนึ่ง และแอปพลิเคชันต่างๆ ที่เปิด Background App Refresh ก็จะใช้งานแรมไปอีกส่วนหนึ่ง ทำให้เหลือแรมใช้งานไม่เต็มจำนวนที่ให้มา เช่น มือถือรุ่นนี้มีแรม 4GB แต่ระบบ และแอปพลิเคชันอื่นๆ เรียกใช้งานไปประมาณ 1.5GB เราจึงเหลือแรมประมาณ 2.5GB ไว้ใช้เล่นเกมเท่านั้น ดังนั้น Gaming Mobile ที่เปิดตัวออกมา ณ ปัจจุบันนี้ จึงบรรจุแรมมาให้แบบจัดเต็มถึง 8GB กันเลยทีเดียว
แบตเตอรี่ - แบตเตอรี่นับเป็นหัวใจของสมาร์ทโฟน เพราะต่อให้ตัวเครื่องมีสเปกดีเลิศแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีพลังงาน หรือตัวกักเก็บพลังงานมีความจุที่น้อย ก็อาจทำให้ใช้งานได้เป็นระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการเล่นเกมที่ตัวเครื่องจะรีดเร้นประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์ทุกอย่างออกมาทั้งหมด จึงใช้พลังงานในการประมวลผลเยอะมาก ทำให้แบตเตอรี่จะลดลงเร็วขึ้นมากกว่าการใช้งานตามปกติ ทำให้ Gaming Mobile ต้องใส่แบตเตอรี่ความจุสูงๆ มาให้ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเล่นเกมได้ยาวนานขึ้นโดยไม่ต้องห่วงเรื่องแบตหมดนั่นเอง
ระบบระบายความร้อน หรือ Cooling System - เวลาเล่นเกมนานๆ ตัวเครื่องจะสะสมความร้อนไว้ค่อนข้างสูง ซึ่งความร้อนที่เกิดขึ้นนี้จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อฮาร์ดแวร์ภายในได้ หากความร้อนสูงเกินขีดจำกัดอาจทำให้เกิดการช็อต หรือระบบชัตดาวน์ตัวเองเพื่อป้องกันการลัดวงจร และทำให้ฮาร์ดแวร์ได้พักการทำงาน ซึ่ง Nubia Red Magic ก็มาพร้อมระบบระบายความร้อนด้วยแกรไฟต์ (สสารชนิดหนึ่งที่นำความร้อนได้ดี) ขณะที่ Xiaomi Black Shark ก็มาพร้อมระบบระบายความร้อนแบบ Liquid Cooling System ที่ช่วยลดอุณหภูมิได้ถึง 8 องศาเซลเซียส เรียกได้ว่าแต่ละรุ่นจัดหนักจัดเต็มกันมาแบบไม่มีใครยอมใครเลยทีเดียว
แล้ว Gaming Mobile แตกต่างจากมือถือเรือธงตัวท็อปแบรนด์อื่นอย่างไร?
จากจุดเด่นของมือถือ Gaming Mobile ที่กล่าวไปในหัวข้อที่แล้ว จะเห็นว่าสเปกหลักๆ ของตัวมือถือเกมมิ่งนั้นก็ค่อนข้างมีความคล้ายคลึงกับสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นท็อปๆ จากแบรนด์อื่น แล้วความแตกต่างกันอยู่ตรงไหน? ก่อนอื่นต้องขออธิบายก่อนว่า Gaming Mobile ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเน้นในด้านของการเล่นเกม "เท่านั้น" เพราะฉะนั้นฟีเจอร์ใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการเล่นเกมจะถูกจัดเต็มมาให้ทั้งหมด โดยเฉพาะข้อแตกต่างที่สังเกตได้ชัดเจนก็คือ เรื่องระบบระบายความร้อน แต่ฟังก์ชันอื่นๆ เป็นเพียงแค่ฟังก์ชันประกอบเท่านั้น เช่น ฟีเจอร์กล้องถ่ายภาพ เป็นต้น ทำให้ Gaming Mobile น่าจะมีต้นทุนที่ไม่สูงเท่ากับพวกมือถือเรือธง เพราะมีการลดทอนฟีเจอร์บางอย่างลงไปนั่นเอง
ขณะที่บรรดามือถือเรือธงตัวท็อปของแต่ละแบรนด์มักมาพร้อมกับฟังก์ชันที่ครบเครื่องในทุกๆ ด้าน ทั้งสเปก, กล้อง, ฟีเจอร์เสริมอื่นๆ ฯลฯ เรียกว่าองค์ประกอบทุกอย่างต้องดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตของมือถือเรือธงน่าจะสูงกว่า Gaming Mobile อยู่ไม่น้อย ดังนั้น ความแตกต่างกันของ Gaming Mobile และมือถือเรือธงน่าจะอยู่ที่ความครอบคลุมของการใช้งานได้รอบด้านแบบมีประสิทธิภาพสูงสุดมากกว่า
บทสรุป
หากจะกล่าวว่า Gaming Mobile แตกต่างจากมือถือเรือธงรุ่นอื่นๆ ขนาดไหน คำตอบที่ได้ก็คงจะเป็นในเรื่องของฟังก์ชันต่างๆ ที่ Gaming Mobile จะมีได้ไม่เทียบเท่ากับพวกเรือธงตัวท็อป เพราะ Gaming Mobile ถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบโจทย์ด้านการเล่นเกมเป็นหลักซึ่งอาจมีสเปกแบบเดียวกับมือถือเรือธงหรือเหนือกว่าเสียด้วยซ้ำ แต่ฟังก์ชันพิเศษต่างๆ ก็อาจไม่ครอบคลุมเท่า ขณะที่มือถือเรือธงถูกสร้างมาเพื่อใช้งานได้ทุกอย่างรอบด้านทั้งเล่นเกม, ถ่ายภาพ หรือใช้สำหรับความบันเทิงในด้านต่างๆ ทำให้ต้นทุนการผลิตของมือถือเรือธงต้องสูงกว่าเป็นธรรมดา เพราะต้องพัฒนาทุกฟีเจอร์ ทุกฟังก์ชันให้ออกมาดีที่สุด
สรุปส่งท้ายง่ายๆ สำหรับมือถือ Gaming Mobile จากตัวผู้เขียนเองนั้น ตัวผู้เขียนมองว่า Gaming Mobile เป็นมือถือที่ถูกออกแบบมาให้ใช้งานสเปกที่เร็วแรง และลื่นไหลมากที่สุด อาจมีจุดด้อยที่ฟีเจอร์ไม่หลากหลาย แต่จุดเด่นคือสเปก และราคาที่ไม่สูงมากจนเกินไป ขณะที่มือถือเรือธงจะมีทั้งสเปกที่เร็วแรง ฟีเจอร์หลากหลาย ใช้งานได้รอบด้าน แต่มีราคาที่ค่อนข้างสูงมากทีเดียว ดังนั้น การเลือกมือถือ Gaming Mobile หรือมือถือเรือธงก็คงต้องขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้แล้วล่ะครับว่าเน้นการใช้งานในรูปแบบไหนมากกว่ากัน ถ้าเป็นเกมเมอร์จริงจัง และรู้สึกว่าจะเอามาใช้เล่นเกมอย่างเดียวก็ไปสาย Gaming Mobile ซึ่งประหยัดเงินได้ด้วย แต่ถ้าหากคิดว่าต้องการใช้งานหลากหลาย บางทีเล่นเกม บางทีถ่ายภาพ บางทีต้องใช้ปากกาจดโน้ต ก็ไปสาย Flagship Mobile ซึ่งต้องเสียเงินเพิ่มมากกว่า แต่ก็ใช้งานได้รอบด้านกว่าเช่นเดียวกัน ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้เองนะครับ สำหรับวันนี้ทีมงาน Thaimobilecenter ต้องขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีครับ
บทความที่เกี่ยวข้อง
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 27/4/2561