รวม 5 มือถือสเปกแรง ราคาไม่เกิน 10,000 บาท ที่น่าสนใจ พร้อมวางขายในไทย มีรุ่นใดบ้าง มาดูกัน
เรียกได้ว่าสมาร์ทโฟนในระดับกลางได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เรียกได้ว่ามีบางฟีเจอร์เทียบชั้นรุ่นเรือธง จึงทำให้ผู้ใช้อย่างเราๆ สามารถใช้งานฟีเจอร์ระดับท็อปในราคาที่เอื้อมถึง และในวันนี้ทางทีมงานขอนำเสนอ 5 มือถือสเปกแรง ในงบ 10,000 บาท พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยแล้ววันนี้ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับท่านที่สนใจ โดนเกณฑ์ที่ทางทีมงานใช้เลือกสมาร์ทโฟนรุ่นต่างๆ มีดังนี้
- ชิปเซ็ตระดับกลางรุ่นใหม่ของค่าย (เช่น Qualcomm Snapdragon 732G / MediaTek Helio G90T / Kirin 820)
- มีหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาดขั้นต่ำ 6GB
เนื่องจากทั้งสองเป็นปัจจัยสำคัญในการบ่งบอกประสิทธิภาพของสมาร์ทโฟน ซึ่งจะมีรุ่นอะไรที่ตรงใจกันบ้างนั้น ไปชมกันเลยค่ะ
POCO X3 NFC (6GB+128GB) : 7,999 บาท
สมาร์ทโฟนรุ่นแรกของวงการที่มาพร้อมชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 732G รุ่นล่าสุด โดยทาง Qualcomm ระบุว่า Snapdragon 732G เป็นชิปเซ็ต 4G ในระดับกลางที่เร็ว แรงที่สุด ณ ตอนนี้ ซึ่งจับคู่กับ RAM ขนาด 6GB มีความจุให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ 64GB และ 128GB
POCO X3 NFC ชูโรงที่หน้าจอ สุดลื่นด้วยค่า Refresh Rate ระดับสูงสุด 120Hz พร้อมค่า Touch Sampling Rate ที่ระดับ 240Hz จึงสามารถตอบสนองการใช้งานเป็นอย่างดี และลื่นไหลกว่าเดิม รวมถึงมีแบตเตอรี่ความจุ 5160 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W Fast Charging เรียกได้ว่าสามารถใช้งานแบบหนักๆ ได้ยาวนานตลอดวัน
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกล้องหลัง 4 ตัว (Quad Camera) ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์ Ultra-Wide, เลนส์ Macro และเลนส์ Depth ที่รองรับการถ่ายภาพในทุกระยะ บนการดีไซน์จอไร้ขอบเจาะรูกล้องหน้าแบบ DotDisplay ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ และฝาหลังเงางามแบบ Metallic ที่มีการแกะสลักลวดลายแบบคาร์บอนไฟเบอร์
สรุปคุณสมบัติตัวเครื่องในเบื้องต้นของ POCO X3 NFC
- ตัวเครื่องมีขนาด 165.3x76.8x9.4 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 215 กรัม
- หน้าจอแสดงผล DotDisplay ขนาด 6.67 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 แบบ Cinematic Screen ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2400 พิกเซล : 395 ppi) มีค่า Refresh Rate ระดับสูงสุดที่ 120Hz พร้อมค่า Touch Sampling Rate ระดับ 240Hz และครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 5
- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Qualcomm Snapdragon 732G
- ระบบระบายความร้อน LiquidCool Technology 1.0 Plus ที่สามารถลดอุณหภูมิของ CPU ได้ 6 องศาเซลเซียส
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 618
- หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4X ขนาด 6GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) มาตรฐาน UFS 2.1 ขนาด 64GB / 128GB ที่สามารถเพิ่ม microSD Card ได้สูงสุด 256GB
- กล้องดิจิทัลด้านหลัง 4 ตัว (AI Quad Camera) ประกอบด้วย
- กล้องตัวหลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX682 ขนาด 1/1.73 นิ้ว พร้อมเทคโนโลยี 4-in-1 Super Pixel ขนาด 1.6 ไมครอน มีรูรับแสงขนาด F/1.89
- กล้องตัวที่สองแบบ Ultra-Wide ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล มีรูรับแสงขนาด F/2.2 สามารถถ่ายภาพมุมกว้างสุด 119 องศา
- กล้องตัวที่สามแบบ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พิกเซลขนาด 1.75 ไมครอน มีรูรับแสงขนาด F/2.4 สามารถถ่ายภาพระยะใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร
- กล้องตัวที่สี่แบบ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พิกเซลขนาด 1.75 ไมครอน มีรูรับแสงขนาด F/2.4
- กล้องดิจิทัลด้านหน้า AI ฝังบนจอแบบ In-Display Camera ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยี 4-in-1 Super Pixel ขนาด 1.6 ไมครอน มีรูรับแสงขนาด F/2.2
- แบตเตอรี่ความจุ 5160 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ 33W Fast Charging
- ระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย MIUI 12 for POCO
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่อง (Side-Mounted Fingerprint)
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 2x2 MIMO 802.11 a/b/g/n/ac (Dual-Band), Bluetooth 5.1 และ NFC
- รองรับบริการ Google Pay
- รองรับพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
- รุ่น 6GB+64GB ราคา 6,999 บาท
- รุ่น 6GB+128GB ราคา 7,999 บาท
realme 6 (8GB+128GB) : 8,999 บาท
สมาร์ทโฟนรุ่นแรๆ ของวงการที่ได้ใช้ชิปเซ็ต Helio G90T ชิปเซ็ตเกมมิ่งรุ่นแรกของค่าย MediaTek ที่พัฒนามาเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ และนอกจากจะเน้นด้านการเล่นเกมแล้ว ก็ยังสามารถตอบโจทย์การใช้งานต่างๆ ได้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น การรองรับหน้าจอ Full HD พร้อมกล้องความละเอียดสูง หรือระบบชาร์จเร็ว
แม้ว่า realme 6 จะเปิดตัวไปตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังถือว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจในตอนนี้ โดยมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล 90Hz Ultra Smooth Display ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ ที่มีค่า Refresh Rate ระดับสูงสุด 90Hz จึงสามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหล พร้อมกับ RAM ใช้งานได้จุใจที่ 8GB และแบตเตอรี่ความจุ 4300 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 30W VOOC Flash Charge 4.0
ด้านการถ่ายภาพก็ถือว่าน่าสนใจด้วยกล้องหลัง 4 ตัว (Quad Camera) ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์ Ultra-Wide, เลนส์ B&W (Portriat) และเลนส์ Macro ที่รองรับการการถ่ายในทุกระยะ บนการดีไซน์จอไร้ขอบเจาะรูกล้องหน้าแบบ Punch-Hole Display และฝาหลังเงางาม พร้อมลวดลายชื่อ Comet Design
สรุปคุณสมบัติตัวเครื่องในเบื้องต้นของ realme 6
- ตัวเครื่องมีขนาด 162.1x74.8x8.9 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 191 กรัม
- หน้าจอแสดงผล Punch-Hole Display ขนาด 6.5 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2400 พิกเซล) มีพื้นที่การแสดงผลคิดเป็น 90.5% และมีค่า Refresh Rate ระดับ 90Hz ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass
- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core MediaTek Helio G90T ที่มความเร็ว 2.05 GHz
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G76
- หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4X ขนาด 8GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) มาตรฐาน UFS 2.1 ขนาด 128GB พร้อมรองรับการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD สูงสุดที่ 256GB
- กล้องดิจิทัลด้านหลัง 4 ตัว (AI Quad Camera) แบ่งออกเป็น
- กล้องตัวหลักเลนส์ Wide-Angle ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Samsung GW1 ขนาด 1/1.7 นิ้ว รูรับแสงขนาด F/1.8
- กล้องตัวที่สองเลนส์ Ultra-Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด F/2.3 เก็บภาพมุมกว้างสุดที่ 119 องศา
- กล้องตัวที่สามเลนส์ B&W Portrait รูรับแสงขนาด F/2.4
- กล้องตัวที่สี่เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด F/2.4 ถ่ายภาพระยะใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร
รองรับการโฟกัสแบบ PDAF, โหมดถ่ายภาพความละเอียดสูง Ultra 64MP, Super NightScape 2.0 สำหรับถ่ายภาพเวลากลางคืนโดยเฉพาะ, โหมด Portrait ถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ พร้อม Bokeh Effect, โหมด Chroma Boost ในการเพิ่มสีสันให้กับภาพ และฟังก์ชัน AI Scene Recognition สำหรับตรวจจับซีนต่างๆ พร้อมแต่งภาพให้สวยงามโดยอัตโนมัติ รวมถึงบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 4K Ultra HD พร้อม UIS Video Stabilization และฟังก์ชัน Slo-mo ระดับ 120fps
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าบนหน้าจอแบบ In-Display Selfie ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด F/2.0 รองรับเทคโนโลยี AI Beauty, โหมด Portrait พร้อม Bokeh Effect และฟังก์ชันการถ่ายวิดีโอแบบ Slo-mo Selfie
- แบตเตอรี่ความจุ 4300 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 30W VOOC Flash Charge 4.0
- ระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย realme UI
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่อง (Side-Mounted Fingerprint) ใช้เวลาในการปลดล็อก 0.29 วินาที
- ระบบสแกนใบหน้า (Face Recognition)
- รองรับการใช้งานพร้อมกัน 2 ซิมการ์ด (Dual nanoSIM) พร้อมถาดใส่ซิมแบบ Triple-Slot
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (Dual Band) และ Bluetooth 5.0
- รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
Redmi Note 8 Pro (6GB+128GB) : 6,999 บาท
ถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่มาพร้อมชิปรุ่นท็อปของระดับกลางอย่าง MediaTek Helio G90T จับคู่กับ RAM ขนาด 6GB รวมถึงเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่มีกล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล เรียกได้ว่าจัดเต็มในราคาเอื้อมถึง
Redmi Note 8 Pro มาพร้อมกับหน้าจอทรงหยดน้ำแบบ Dot Drop Display ขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ และมีแบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จไว 18W Fast Charging รวมถึงพอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
สำหรับ Redmi Note 8 Pro เปิดตัวครั้งแรกไปเมื่อช่วงปลายปี 2019 ที่ผ่านมา ซึ่งแม้จะผ่านมาปีเต็ม แต่ความน่าสนใจของ Redmi Note 8 Pro ไม่ได้ลดลงเลย และยิ่งมีการปรับลดราคาลง ก็ยิ่งเป็นที่ต้องการ โดยล่าสุดมีราคาที่ 6,999 บาท จึงถือเป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย
สรุปคุณสมบัติตัวเครื่องในเบื้องต้นของ Redmi Note 8 Pro
- หน้าจอแสดงผล LCD Dot Drop Display ขนาด 6.53 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.5:9 ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2340 พิกเซล) สัดส่วนการแสดงผลที่ 91.4%
- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core MediaTek Helio G90T
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali G76
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 6GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64GB / 128GB พร้อมรองรับการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD สูงสุดที่ขนาด 256GB
- กล้องดิจิทัลด้านหลัง 4 ตัว (Quad Camera) แบ่งออกเป็น
- กล้องตัวหลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Samsung ISOCELL GW1
- กล้องตัวที่สองเลนส์ Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
- กล้องตัวที่สามเลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- กล้องตัวที่สี่เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล
- แบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จไว 18W Fast Charging
- ระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ซึ่งถูกครอบทับด้วย MIUI 10
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner)
- ระบบสแกนใบหน้า (Face Recognition)
- เซ็นเซอร์ IR Blaster
- รองรับการใช้งานพร้อมกัน 2 ซิมการ์ด (Dual-SIM)
- รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.0 และ NFC
- รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
HUAWEI nova 5T : 7,890 บาท
สมาร์ทโฟนรุ่นเด่นจากซีรีส์ nova ในปี 2019 ที่ผ่านมา ด้วยสเปกที่จัดเต็ม อย่างชิปเซ็ต Kirin 980 ตัวท็อปที่ใช้บน HUAWEI P30 Series รุ่นเรือธงที่เปิดตัวในปีเดียวกัน ซึ่งถือเป็นชิปเซ็ตที่มีประสิทธิภาพสูงรุ่นหนึ่งของปีเลยก็ว่าได้ และล่าสุด nova 5T ปรับราคาลงอยู่ที่ 7,890 บาท จากราคาเปิดตัว 10,990 บาท อีกทั้งยังเป็นสมาร์ทโฟน HUAWEI รุ่นที่ยังรองรับการใช้งาน Google Mobile Service (GMS) จึงทำให้เป็นอีกรุ่นที่ยังน่าสนใจในตอนนี้
นอกเหนือไปจากชิปเซ็ตระดับเรือธงอย่าง Kirin 980 ก็ยังมาพร้อมกับ RAM ขนาด 8GB พร้อมรองรับเทคโนโลยีเอาใจเกมเมอร์อย่าง GPU Turbo 3.0 รวมถึงเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 22.5W Huawei SuperCharge บนการดีไซน์ระดับพรีเมียมด้วยหน้าจอเจาะรูกล้อง ที่เป็นเทรนด์มาแรงในปี 2020 และตัวเครื่องเงางามพร้อมลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์แบบ Holographic 3D Design
สรุปคุณสมบัติตัวเครื่องในเบื้องต้นของ HUAWEI nova 5T
- ตัวเครื่องมีขนาด 154.25x73.97x7.87 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 174 กรัม
- หน้าจอแสดงผล TFT LCD (IPS) Punch-Hole Display ขนาด 6.26 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.5:9 ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2340 พิกเซล)
- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Kirin 980
- เทคโนโลยี GPU Turbo 3.0
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G76
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128GB
- กล้องดิจิทัลด้านหลัง 4 ตัว (AI Quad Camera) แบ่งออกเป็น
- กล้องตัวหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX586 (F/1.8) พร้อมเทคโนโลยี 4-in-1 Light Fusion
- กล้องตัวที่สองเลนส์มุมกว้างพิเศษ Super Wide Angle ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล (F/2.2) เก็บภาพกว้างสุด 117 องศา
- กล้องตัวที่สามเลนส์ Bokeh ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล (F/2.4)
- กล้องตัวที่สี่เลนส์ Marco ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล (F/2.4) ถ่ายภาพระยะใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร
โดยรองรับฟังก์ชัน Master AI สำหรับตรวจจับวัตถุ และสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านหน้าผู้ถ่าย เพื่อตั้งค่าการถ่ายภาพให้เหมาะสมแบบอัตโนมัติ จากกว่า 1,500 ซีน, โหมดถ่ายภาพกลางคืน Super Night ที่มาพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ AIS (AI Image Stabilization) และการถ่ายวิดีโอหน้าชัดหลังเบลอด้วยฟังก์ชัน AI Portrait Color ได้อย่าง real-time
- กล้องดิจิทัลด้านหน้า AI ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล มีขนาดรูรับแสงที่ F/2.0 พร้อมเทคโนโลยี AI Beauty, AI HDR+ และ AI Scene Recognition สำหรับตรวจจับซีนเพื่อปรับให้สวยงามแบบอัตโนมัติ
- แบตเตอรี่ความจุ 3750 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 22.5W Huawei SuperCharge (สามารถชาร์จถึงระดับ 50% ในเวลา 30 นาที)
- ระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย EMUI 9.1
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่อง (Side-Mounted Fingerprint Sensor)
- ระบบสแกนใบหน้า (Face Unlock)
- รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.0 และ NFC
- รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
HUAWEI nova 7 SE 5G : 10,990 บาท
สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดจากตระกูล nova Series ที่มาพร้อมชิปเซ็ตระดับกลางรุ่นใหม่อย่าง Kirin 820 ที่มาพร้อมความสามารถในการเชื่อมต่อเครือข่าย 5G โดยเลือกใช้ชิปโมเด็มตัวเดียวกันกับที่ใช้บนชิปรุ่นเรือธงอย่าง Kirin 990 อีกด้วย และแน่นอนว่า HUAWEI nova 7 SE รองรับการใช้งาน 5G ในประเทศไทยแล้ว
คุณสมบัติอื่นๆ ที่น่าสนใจของ HUAWEI nova 7 SE ก็คือรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 40W HUAWEI SuperCharge แบบเดียวกับ P40 Series ตระกูลเรือธง พร้อม RAM ขนาด 8GB มีกล้องหลัง AI 4 ตัว (Quad Camera) ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล และมีหน้าจอดีไซน์ใหม่แบบ HUAWEI Punch Display ขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว พร้อมความคมชัดระดับ Full HD+
สรุปคุณสมบัติตัวเครื่องในเบื้องต้นของ HUAWEI nova 7 SE
- ตัวเครื่องมีขนาด 162.31x75x8.58 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 189 กรัม
- หน้าจอแสดงผล LTPS LCD Punch Display ขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2400 พิกเซล)
- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Kirin 820
- หน่วยผระมวลลกราฟิก (GPU) Mali-G57
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128GB (ไม่รองรับหน่วยความจำภายนอก)
- กล้องดิจิทัลด้านหลัง 4 ตัว (Quad Camera) ประกอบด้วย
- กล้องหลักแบบ Wide-Angle ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล (F/1.8)
- กล้องตัวที่สองแบบ Ultra-Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (F/2.4) เก็บภาพมุมกว้างพิเศษ
- กล้องตัวที่สามแบบ Bokeh ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล (F/2.4)
- กล้องตัวที่สี่แบบ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล (F/2.4) ถ่ายภาพระยะใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าฝังบนจอแบบ In-Display Selfie ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล (F/2.0) รองรับ AI Beauty
- แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 40W HUAWEI SuperCharge
- ระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย EMUI 10.1
- รองรับบริการ HMS (Huawei Mobile Services)
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่อง (Side-Mounted Fingerprint)
- ระบบสแกนใบหน้า (Face Unlock)
- รองรับเครือข่าย 5G (NR 1/3/28/38/41/77/78/79)
- รองรับการใช้งานพร้อมกัน 2 ซิมการ์ด (Dual nanoSIM)
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac และ Bluetooth 5.1
- ช่องเชื่อมต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
- พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับมือถือสเปกแรง ในราคาไม่เกิน 10,000 บาท พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยแล้ววันนี้ ที่ทางทีมงานคัดมาให้ทุกท่านนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อกัน ซึ่งก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกๆ ท่านไม่มากก็น้อย อย่างไรก็ดี นอกจากสเปกโดยรวมแล้ว สไตล์การใช้งานเฉพาะตัวของผู้ใช้ก็เป็นสิ่งสำคัญในการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนเช่นกัน หากลองใช้แล้วรู้สึกพึงพอใจ ก็ถือได้ว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนั้นคุ้มค่าแก่การจับจองเป็นเจ้าของแล้วค่ะ
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 27/10/2563