Samsung Galaxy S9 และ S9+ สรุปทุกข้อมูล สเปก ราคา วันวางจำหน่าย : จัดเต็มกับจอไร้ขอบ, ชิปเซ็ต Exynos 9810 รุ่นล่าสุด, RAM 6GB, กล้องคู่รูรับแสง F1.5/F2.4, ฟีเจอร์ AR Emoji และ Bixby เวอร์ชันอัปเกรด!
ในที่สุดก็เปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะคะ สำหรับสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดจากค่าย Samsung ที่ใครหลายคนรอคอยอย่าง Samsung Galaxy S9 และ S9+ โดยยังคงการดีไซน์หน้าจอไร้ขอบแบบ Infinity Display บนตัวเครื่อง Metal-Glass เช่นเดิม พร้อมย้ายเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไปไว้ใต้กล้องตัวหลักที่ด้านหลัง และเพิ่มชั้นฟิล์มที่หน้าจอแสดงผลจึงทำให้ดูดำสนิทมากขึ้นกว่าเดิม
นอกจากนี้ยังอัปเกรดฟีเจอร์ภายในขึ้นหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น Bixby Vision 2 ที่ปรับปรุงให้ดีขึ้น พร้อมฟีเจอร์ AR Emoji ในการสร้าง Avatar แบบ 3 มิติจากใบหน้า โดยจับโครงสร้างของผู้ใช้แล้วสร้างเป็นภาพ 3 มิติ ซึ่งสามารถสร้างได้สูงสุด 100 คาแรคเตอร์เลยทีเดียว
- พรีวิว Samsung Galaxy S9 และ S9+ สัมผัสแรกเรือธงรุ่นประเดิมปี 2018
- เทียบครบจบในที่เดียว Samsung Galaxy S9, S8 และ Note 8 เรือธงสามรุ่นล่าสุดของค่าย มีฟีเจอร์จัดเต็มอย่างไร รุ่นใดคุ้มค่าน่าใช้มากที่สุด มาดูกัน!
อีกหนึ่งจุดขายสำคัญของ Samsung Galaxy S9 และ S9+ จะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจากกล้องถ่ายภาพ ที่สามารถเลือกค่ารูรับแสงของเลนส์ได้ 2 ระดับ อย่าง F/1.5 และ F/2.4 พร้อมเทคโนโลยี Super Speed Dual Pixel Image Sensor และ Multiframe Noise Reduction ที่สามารถจับภาพได้เร็วขึ้น และเมื่ออยู่ในสภาวะที่มีค่าแสงต่ำกว่า 50 lux จะทำการถ่ายภาพทั้งหมด 4 ภาพ เป็นจำนวน 3 ชุด รวมเป็น 12 ภาพแล้วนำภาพทั้งหมดมาประมวลผลรวมกัน ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะมี noise ลดลงถึง 30% เมื่อเทียบกับ Galaxy S8 นอกจากนี้ในรุ่น S9+ ยังได้อัปเกรดมาใช้กล้องคู่ (Dual-Camera) ที่รองรับ Dual-OIS และฟีเจอร์ Live Photo ด้วยเช่นกัน
รีวิวกระจกกันรอย Hi-Shield สำหรับ Samsung Galaxy S9 กับ S9+ รุ่น 3D Case Friendly และ 3D Strong Max จะใส่เคสหนาก็ได้ จะปกป้องเต็มจอก็ยังไหว!
เป็นอีกคำถามที่ถามกันเข้ามามากในช่วงนี้ ว่าจะเลือกกระจกกันรอยสำหรับ Samsung Galaxy S9 กับ S9+ รุ่นไหน จึงจะเหมาะกับจอ Infinity Display ขอบโค้งสวยๆ งามๆ ของสุดยอดสมาร์ทโฟนเรือธงตัวท็อปใหม่ล่าสุดทั้งสองรุ่นนี้? วันนี้เราจึงนำเอาสองกระจกกันรอยระดับพรีเมียมจากแบรนด์คุณภาพอย่าง Hi-Shield มาแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกัน นั่นคือ 3D Case Friendly ที่ใส่เคสได้ทุกรูปแบบโดยไม่ดันกระจก และ 3D Strong Max ที่โค้งรับกับหน้าจอได้อย่างแนบเนียน ปกป้องได้แบบเต็มจอ พร้อมกับคุณสมบัติที่โดดเด่นอีกมากมาย ซึ่งเรียกได้ว่าน่าสนใจทั้งคู่ ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไร มาติดตามกันต่อได้เลยครับ
รีวิวกระจกกันรอย Hi-Shield สำหรับ Samsung Galaxy S9 กับ S9+ รุ่น 3D Case Friendly และ 3D Strong Max
สรุปคุณสมบัติตัวเครื่องในเบื้องต้นของ Samsung Galaxy S9
- ตัวเครื่องมีขนาด 147.7x68.7x8.5 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 163 กรัม
- หน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED ขนาด 5.8 นิ้ว ไร้ขอบแบบ Infinity Display ความละเอียดระดับ WQHD+
- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core 64-bit Exynos 9810
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64GB พร้อมรองรับการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD สูงสุดที่ขนาด 400GB
- กล้องดิจิทัลด้านหลัง Super Speed Dual Pixel ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช LED, รองรับระบบป้องกันภาพสั่นไหว (OIS), เลือกค่ารูรับแสงของเลนส์ได้ 2 ระดับ F/1.5 และ F/2.4 รวมถึงฟังก์ชันบันทึกวิดีโอความละเอียดสูง แต่ใช้พื้นที่น้อยลง (H.265) และ Super Slow Motion 960 fps พร้อม Auto Motion Detection
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล โดยมีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.7
- แบตเตอรี่ความจุ 3000 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว และ Wireless Charging
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 8.0 Oreo
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner)
- เซ็นเซอร์สแกนม่านตา (Iris Scanner)
- รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE (Gigabit LTE Cat.18 รองรับความเร็วเครือข่ายสูงสุด 1.2 Gbps)
- รองรับการใช้งานพร้อมกัน 2 ซิมการ์ด (Dual-SIM)
- ลำโพง Stereo แบบคู่จาก AKG และระบบเสียง Dolby Atmos
- รองรับบริการ Samsung Pay
- คุณสมบัติการป้องกันน้ำ และป้องกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68
- Bixby Vision 2
- มีตัวเลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีดำ (Midnight Black), สีม่วง (Lilac Purple) และสีฟ้า (Coral Blue)
สรุปคุณสมบัติตัวเครื่องในเบื้องต้นของ Samsung Galaxy S9+
- ตัวเครื่องมีขนาด 158.1x73.8x8.5 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 189 กรัม
- หน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED ขนาด 6.2 นิ้ว ไร้ขอบแบบ Infinity Display ความละเอียดระดับ WQHD+
- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core 64-bit Exynos 9810
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 6GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64GB, 128GB และ 256GB พร้อมรองรับการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD สูงสุดที่ขนาด 400GB
- กล้องดิจิทัลด้านหลัง Super Speed Dual Pixel แบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (เลนส์ Wide+Telephoto) พร้อมไฟแฟลช LED, ฟีเจอร์ Live Photo, รองรับระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ Dual-OIS, เลือกค่ารูรับแสงของเลนส์ได้ 2 ระดับ F/1.5 และ F/2.4 รวมถึงฟังก์ชันบันทึกวิดีโอความละเอียดสูง แต่ใช้พื้นที่น้อยลง (H.265) และ Super Slow Motion 960 fps พร้อม Auto Motion Detection
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล โดยมีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.7
- แบตเตอรี่ความจุ 3500 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว และ Wireless Charging
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 8.0 Oreo
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner)
- เซ็นเซอร์สแกนม่านตา (Iris Scanner)
- รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE (Gigabit LTE Cat.18 รองรับความเร็วเครือข่ายสูงสุด 1.2 Gbps)
- รองรับการใช้งานพร้อมกัน 2 ซิมการ์ด (Dual-SIM)
- ลำโพง Stereo แบบคู่จาก AKG และระบบเสียง Dolby Atmos
- รองรับบริการ Samsung Pay
- คุณสมบัติการป้องกันน้ำ และป้องกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68
- Bixby Vision 2
- มีตัวเลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีดำ (Midnight Black), สีม่วง (Lilac Purple) และสีฟ้า (Coral Blue)
ราคา Samsung Galaxy S9 / S9+ ในประเทศไทย
Samsung
สำหรับท่านที่สั่งจองตัวเครื่องจาก Samsung จะมาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษคือ การรับประกันจอแตกนาน 1 ปี และรับฟรี Wireless Charger มูลค่า 2,090 บาท หรือนำเครื่องเก่ามาแลกเป็นส่วนลดพิเศษ โดยมีมูลค่าเพิ่ม 3,000 บาท
รายละเอียดเพิ่มเติม : Samsung
AIS
ส่วนโปรโมชั่นของทาง Operator ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เริ่มต้นที่ค่ายสีเขียวอย่าง AIS มอบส่วนลดค่าเครื่องสูงสุดถึง 10,000 บาท พร้อมรับฟรี Premiere Full HD มูลค่า 2,562 บาท นาน 6 เดือน เมื่อสมัครแพ็กเกจ 4G Max Speed Next G 1,099 หรือ 4G Hot Deal 1,099 ขึ้นไป และสำหรับลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิมรับส่วนลดเพิ่มอีก 1,000 บาท
รายละเอียดเพิ่มเติม : AIS
dtac
ต่อกันที่ค่ายใบพัดสีฟ้ากับ dtac ที่มาพร้อมส่วนลดสูงสุด 11,500 บาท ซึ่งเรียกว่าเป็นส่วนลดที่มากกว่าอีกสองค่ายด้วย นอกจากนี้ dtac ยังให้ลูกค้าสามารถผ่อนค่าเครื่อง และค่าบริการล่วงหน้าได้นานสูงสุด 30 เดือน ส่วนลูกค้า dtac ที่ใช้งานแพ็กเกจตามเงื่อนไขที่กำหนดอยู่แล้ว ก็สามารถรับสิทธิ์ส่วนลดในการซื้อ S9 ได้เช่นเดียวกัน
รายละเอียดเพิ่มเติม : dtac
TrueMove H
ปิดท้ายกันด้วยค่ายสีแดงกับ TrueMove H ที่มาพร้อมส่วนลดสูงสุด 10,000 บาท พร้อมรับชมฟรี TrueID Premium HD นาน 18 เดือน และลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิมรับส่วนลดอีก 1,000 บาท หรือถ้าหากท่านใดใช้งานสมาร์ทโฟน Samsung อยู่ก่อนหน้า แล้วอยากอัปเกรดเป็น S9 Series ก็สามารถนำเครื่องไปเข้าโปรแกรม "เก่าแลกใหม่" ได้ทันที และสามารถเป็นเจ้าของ Galaxy S9 ได้ในราคาเริ่มต้นเพียง 8,900 บาท เท่านั้น
รายละเอียดเพิ่มเติม : TrueMove H
สรุปฟีเจอร์เด่นของ Samsung Galaxy S9 และ Galaxy S9+
1.หน้าจอไร้กรอบ ไร้ปุ่มโฮม พร้อมดีไซน์ Metal-Glass สุดพรีเมียม
สำหรับ Galaxy S9 และ S9+ มาพร้อมกับดีไซน์หน้าจอแบบ Infinity Display ซึ่งเป็นการลดพื้นที่ขอบบน และขอบล่างให้เหลือน้อยที่สุด พร้อมขอบด้านข้างที่มีความโค้งลงไปยังเฟรม เพื่อช่วยเพิ่มพื้นที่ในการแสดงผลด้านหน้ามากขึ้น สามารถรับชมได้อย่างเต็มตา เต็มอารมณ์ บนความละเอียดคมชัดระดับ 2K QHD+ นอกจากนี้ ทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมกับสัดส่วนหน้าจอแบบ 18.5:9 ซึ่งช่วยให้ตัวเครื่องมีความกว้างกว่าสมาร์ทโฟนทั่วๆ ไป ซึ่งจะมีประโยชน์ในเรื่องของการเล่นแอปพลิเคชันแบบ 2 หน้าต่างนั่นเอง
ส่วนดีไซน์ตัวเครื่องนั้นเป็นแบบ Metal-Glass ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างเฟรมอะลูมิเนียม และบอดี้กระจกเงางามแบบ Gorilla Glass 5 ซึ่งช่วยเสริมความพรีเมียมให้แก่ตัวเครื่องมากยิ่งขึ้น ซึ่งวัสดุที่ทาง Samsung เลือกใช้รอบนี้เป็นอะลูมิเนียมซีรีส์ 7000 ต่างจาก Galaxy S8 ที่เลือกใช้อะลูมิเนียมซีรีส์ 6000
2.พร้อมลุยทุกสถานการณ์ด้วยคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่น
ด้านคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่น Galaxy S9 และ S9+ มาพร้อมกับมาตรฐานระดับ IP68 ซึ่งสามารถกันน้ำได้ลึกสุด 1.5 เมตร เป็นเวลานานสุด 30 นาที ตอบโจทย์การใช้งานในสภาวะที่หลากหลาย
3.เร็วแรงถึงใจด้วยขุมพลัง Exynos 9810 พร้อม RAM 6GB
ในปีนี้ Galaxy S9 และ S9+ มีการอัปเกรดชิปเซ็ตประมวลผล (CPU) เป็นตัวใหม่ในชื่อ Exynos 9810 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตทีี่ผลิตด้วยสถาปัตกรรมระดับ 10 นาโนเมตร มีจุดเด่นในเรื่องของความเร็ว และการประหยัดพลังงาน พร้อมรองรับ LTE Cat18 ซึ่งทำความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุดถึง 1.2Gbps เลยทีเดียว นอกจากนี้ ในรุ่น S9+ ยังมาพร้อมกับหน่วยความจำแรม (RAM) จุใจถึง 6GB ส่วนในรุ่น S9 มาพร้อมกับหน่วยความจำ RAM ขนาด 4GB ซึ่งสามารถรองรับการใช้งานทั่วไปได้แบบครบถ้วน
4. AR Emoji อีโมจิเคลื่อนไหวในแบบฉบับของตัวคุณ
AR Emoji เป็นอีกหนึ่งของใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาใน Galaxy S9 และ S9+ โดยจะเป็นฟีเจอร์สำหรับสร้าง Avatar ตามลักณะใบหน้าของผู้ใช้งาน พร้อม Action แบบเคลื่อนไหวได้ทั้งหมด 18 รูปแบบ ซึ่งเมื่อสร้างเสร็จแล้ว เราสามารถเลือกตกแต่งใบหน้า และการแต่งตัวของ Avatar ของเราได้ รวมทั้งยังสามารถแปลงรูป Avatar ที่ถูกสร้างออกมาเป็นไฟล์เคลื่อนไหวแบบ GIF หรือไฟล์วิดีโอได้อีกด้วย พร้อมกับแชร์ให้กับเพื่อนๆ ผ่านทาง Facebook Messenger หรือ Whatapss ได้ทันที
5.กล้องแบบใหม่ Super Speed Dual Pixel ที่โฟกัสฉับไวกว่าเดิม พร้อมยกระดับการถ่ายภาพด้วยกล้องคู่เป็นครั้งแรกของ Galaxy S-Series!
Galaxy S9 และ Galaxy S9+ มีการเลือกใช้เซ็นเซอร์รับภาพแบบใหม่ในชื่อ Super Speed Dual Pixel ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS มีจุดเด่นในเรื่องของการโฟกัสภาพได้ไวกว่าเดิมทั้งในสภาพแสงน้อย และสภาพแสงปกติ รวมทั้งยังมีเทคโนโลยี Super Low Light สำหรับช่วยถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย ซึ่งหากตัวกล้องตรวจจับได้ว่า สภาพแวดล้อมตรงหน้ามีแสงน้อยกว่า 50 lux จะทำการถ่ายภาพ 4 ภาพ ทั้งหมด 3 ชุดให้แบบอัตโนมัติ รวมกันเป็น 12 ภาพ จากนั้นจะนำภาพทั้งหมดมาประมวลผลรวมกัน ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะช่วยให้ภาพมีความคมชัด เก็บรายละเอียดได้มากขึ้น รวมทั้งยังช่วยลด Noise ได้ถึง 30% เมื่อเทียบกับ S8
และที่สำคัญในรุ่น S9+ มาพร้อมกับระบบกล้องหลังคู่ (Dual-Camera) เป็นรุ่นแรกของ Galaxy S-Series ด้วย ซึ่งกล้องตัวแรกจะมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ตัวเดียวกับที่ใช้บน S9 ส่วนกล้องตัวที่สองเป็นแบบ Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ Dual OIS (มี OIS ในกล้องทั้งสองตัว) โดย S9+ สามารถถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอผ่านโหมด Live Focus ได้เหมือนกับ Galaxy Note 8 พร้อมรองรับการถ่ายภาพแบบ Dual Capture ที่จะเป็นการถ่ายภาพจากกล้องสองตัวทั้งเลนส์มุมกว้าง Wide และเลนส์มุมแคบ Telephoto ในช็อตเดียว ทำให้เราเก็บได้ทั้งภาพบุคคล และภาพวิวทิวทัศน์ที่อยู่ด้านหลัง โดยไม่พลาดทุกช็อตความประทับใจนั่นเอง
6. Dual Aperture จะถ่ายแสงน้อย หรือแสงมาก ก็เอาอยู่
อีกหนึ่งไฮไลท์เด่นของ Galaxy S9 และ S9+ คือกล้องตัวหลักนั้นสามารถสลับค่ารูรับแสงจากตัวเลนส์แท้ๆ ได้ระหว่าง F/1.5 และ F/2.4 และยังสามารถทำงานได้แบบอัตโนมัติ โดยหากตัวกล้องตรวจจับได้ว่า สภาพแวดล้อมด้านหน้ามีแสงสว่างมากเพียงพอ ก็จะใช้ค่ารูรับแสงที่ F/2.4 เพื่อไม่ให้ภาพมีความสว่างมากจนเกินไป และหากเป็นการถ่ายภาพตอนกลางคืน หรือภาพแสงน้อย ก็จะสลับค่ารูรับแสงไปที่ F/1.5 เพื่อช่วยเก็บแสงให้มากขึ้น ส่งผลให้ภาพมีความสว่าง และความคมชัดมากขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง ส่วนใครที่อยากสลับรูรับแสงเองก็สามารถทำได้เช่นกันผ่านโหมด Pro
7.เห็นเหตุการณ์ในเสี้ยววินาที ด้วย Super Slow-Mo
นอกเหนือจากการปรับค่ารูรับแสงได้เอง รวมไปถึงเซ็นเซอร์แบบใหม่ที่ก้าวล้ำขึ้นกว่าเดิมแล้ว Galaxy S9 และ S9+ ยังรองรับการถ่ายภาพแบบ Slow Motion ได้ที่ระดับ 960fps บนความละเอียดระดับ HD ทำให้เราสามารถมองเห็นเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงวินาทีได้อย่างง่ายดาย
รวมทั้ง ระบบ Super Slow-Mo ของ S9 และ S9+ ยังมาพร้อมกับระบบ Detect Motion ซึ่งหากวัตถุด้านหน้ามีการเคลื่อนไหว ตัวกล้องจะทำการบันทึกวิดีโอแบบ Slow Motion ให้แบบอัตโนมัติ ทำให้เราไม่พลาดในช็อตสำคัญนั่นเอง
8.ลำโพงคู่ครั้งแรกจาก AKG พร้อมรองรับ Dolby Atmos
Galaxy S9 และ S9+ มีการปรับเปลี่ยนมาใช้ลำโพงคู่ Stero Speaker เป็นครั้งแรก ซึ่งลำโพงตัวแรกจะอยู่ด้านบนของหน้าจอ ตัวเดียวกับที่ใช้สำหรับสนทนา ส่วนลำโพงตัวที่สองจะอยู่ที่บริเวณด้านล่างของตัวเครื่องติดกับพอร์ตแบบ USB Type-C ซึ่งลำโพงทั้งสองตัวนี้จะได้รับการจูนเสียงจากแบรนด์เครื่องเสียงชั้นนำจาก AKG ส่งผลให้เสียงกระหึ่มยิ่งขึ้นกว่าเดิม
นอกจากนี้ Galaxy S9 และ S9+ ยังรองรับคอนเทนต์ Dolby Atmos ด้วย ซึ่งหากคอนเทนต์ไหนที่รองรับคอนเทนต์ดังกล่าว ตัวลำโพง S9 และ S9+ ก็จะเล่นเสียงได้แบบรอบทิศทาง ส่วนคอนเทนต์ธรรมดาจะเป็นการจำลองเสียงรอบทิศทางแบบ Virtual Surround แทน
9. สะดวก และปลอดภัยกว่าเดิม Intelligent Scan สแกนทั้งม่านตา และใบหน้า
Intelligent Scan เป็นวิธีการยืนยันตัวตนรูปแบบใหม่สำหรับปลดล็อกตัวเครื่อง หรือทำธุรกรรมทางการเงินที่ถูกเพิ่มเข้ามา สำหรับการใช้โหมดนี้นั้น ผู้ใช้จะต้องลงทะเบียนทั้งม่านตา และใบหน้าเอาไว้ก่อน ซึ่งตัวระบบจะทำการสลับรูปแบบของการยืนยันตัวตนระหว่างม่านตา และใบหน้าให้แบบอัตโนมัติตามสภาวะแสงโดยรอบ โดยหากเป็นพื้นที่แสงน้อย ก็สลับไปใช้งานระบบสแกนม่านตา ซึ่งมีควาแม่นยำในการสแกนในที่แสงน้อย ส่วนหากเป็นพื้นที่ที่มีแสงเพียงพอ ก็จะเปลี่ยนไปใช้งานระบบสแกนใบหน้าให้แบบอัตโนมัติ ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวก และรวดเร็วนั่นเอง แต่หากเป็นการทำธุรกรรมทางการเงิน อย่างเช่นการใช้ Samsung Pay ตัว Galaxy S9 และ S9+ จะสแกนทั้งใบหน้า และม่านตาของผู้ใช้งาน เพื่อความปลอดภัยขั้นสูงสุดนั่นเอง
ที่มา : Samsung
วันที่ : 23/03/2561
