หากสังเกตก็จะเห็นได้ว่า โทรศัพท์มือถือ รุ่นใหม่ๆ กว่าครึ่งในท้องตลาดขณะนี้ เป็น โทรศัพท์มือถือ ประเภท จอสัมผัส แทบทั้งนั้น เรียกได้ว่ากลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว และด้วยการที่เป็นเทคโนโลยีแบบ จอสัมผัส หรือ Touchscreen อะไรหลายๆ อย่างก็ย่อมจะแตกต่างไปจาก มือถือ แบบปุ่มกด ทั่วไปอย่างแน่นอน ฟังก์ชันหนึ่งที่ผู้ใช้มักจะเห็นกันใน มือถือจอสัมผัส ก็คือ ฟังก์ชัน Calibrate ซึ่งผู้ใช้ส่วนใหญ่น่าจะรู้อยู่แล้วว่าการ Calibrate คืออะไร แต่ก็มีผู้ใช้จำนวนไม่น้อยที่ยังสงสัยว่าการ Calibrate คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร จำเป็นต้องทำหรือไม่ ทำได้บ่อยแค่ไหน หรือจะต้องทำเมื่อไหร่ เป็นต้น
การ Calibrate หากจะใช้คำแทนเป็นภาษาไทย ก็น่าจะหมายถึง การปรับเทียบ ซึ่งเป็น การปรับเทียบ การใช้งานหลายๆ ส่วนให้ตอบสนองกับการสั่งงานของผู้ใช้งานได้ถูกต้องแม่นยำมากที่สุด การ Calibrate ประเภทแรกที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุดก็คือ การ Calibrate หน้าจอนั่นเอง ซึ่งเป็น การปรับเทียบ จุดสัมผัสของหน้าจอแบบ Touchscreen ให้ถูกต้องแม่นยำมากที่สุด หากเมื่อใดที่ผู้ใช้รู้สึกว่าการสั่งงานด้วยการสัมผัสบนหน้าจอไม่ค่อยแม่นยำถูกต้องตรงกับใจเท่าที่ต้องการ ก็สามารถเข้าไปทำการ Calibrate หน้าจอได้ ซึ่ง มือถือจอสัมผัส แทบทุกรุ่นก็น่าจะมีฟังก์ชันนี้ติดตั้งมาให้อยู่แล้ว
 รูปที่ 1 : ตัวอย่างฟังก์ชันสำหรับการ Calibrate หน้าจอ
เช่นในรูปที่ 1 ซึ่งเป็นตัวอย่างหนึ่งของ การปรับเทียบ หรือการ Calibrate หน้าจอ ซึ่งการ Calibrate จะทำได้โดยการสัมผัสไปยังจุดที่เห็นอยู่บนหน้าจอ ที่มีอยู่ทั้งหมด 4 จุด หากผู้ใช้สัมผัสครบทั้ง 4 จุดตามความถนัดของตนเองแล้ว ก็ค่อนข้างจะแน่ใจได้ว่า เมื่อทำ การปรับเทียบ เรียบร้อยแล้ว การตอบสนองในการสัมผัสก็จะถูกต้องแม่นยำตรงกับใจผู้ใช้อย่างแน่นอน
ที่เห็นไปข้างต้นก็เป็นการ Calibrate หน้าจอเพื่อ ปรับเทียบ ตำแหน่งในการสัมผัสบนหน้าจอ แต่ยังมีการ Calibrate อีกประเภทหนึ่งคือ การ Calibrate ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหว หรือระบบ G-Sensor ซึ่งระบบนี้มักจะถูกติดตั้งมาให้ใน มือถือจอสัมผัส รุ่นใหม่แทบทุกรุ่น ซึ่งประโยชน์ของระบบ G-Sensor ก็เช่น การปรับเปลี่ยนมุมมองการแสดงผลบนหน้าจอแบบแนวตั้งหรือแนวนอนให้โดยอัตโนมัติ การเอียงเครื่องเพื่อดูรายการรูปภาพ หรือการเล่นเกมด้วยการเคลื่อนไหว เป็นต้น
 รูปที่ 2 : การ Calirate ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหว หรือ G-Sensor
ที่เห็นในรูปที่ 2 นั่นคือตัวอย่างหนึ่งของการ Calibrate ระบบ G-Sensor ซึ่งผู้ใช้ต้องตั้งเครื่องให้ได้ระนาบกับพื้นโลกมากที่สุด โดยสังเกตได้จากฟองอากาศภายในหลอดแกน X และแกน Y หากฟองอากาศอยู่กึ่งกลางของทั้งแกน X และแกน Y พอดีทั้ง 2 แกน นั่นก็แสดงว่าตัวเครื่องได้ระนาบกับพื้นผิวโลกพอดีแล้วนั่นเอง ซึ่งทำให้ระบบ G-Sensor มีความแม่นยำถูกต้องในการใช้งาน
รูปแบบสุดท้ายของการ Calibrate ที่เห็นกันอยู่บ่อยๆ ใน โทรศัพท์มือถือ รุ่นใหม่ๆ ก็คงจะเป็น การ Calibrate เข็มทิศ สำหรับการใช้งานระบบจีพีเอส หรือระบบนำทาง นั่นเอง ซึ่งโปรแกรมแผนที่รุ่นใหม่ๆ แทบทุกค่ายก็จะมีฟังก์ชันเข็มทิศดิจิตอล หรือ Digital Compass ติดตั้งมาให้ใช้งานกันด้วย ทำให้ผู้ใช้ทราบได้ว่าตัวเองนั้นกำลังเคลื่อนที่ไปในทิศทางใด
 รูปที่ 3 : ตัวอย่างการ Calibrate เข็มทิศ สำหรับการใช้งานระบบจีพีเอส หรือระบบนำทาง
จากรูปที่ 3 จะเห็นได้ถึงลักษณะของ การปรับเทียบ หรือการ Calibrate ระบบเข็มทิศ ซึ่งผู้ใช้ต้องแกว่งตัวเครื่องวนไปวนมาในลักษณะคล้ายกับเลข 8 โดยอาจจะต้องวนไปวนมาอยู่พักหนึ่งจนกว่าระบบการ Calibrate จะเสร็จสิ้น ซึ่งหากเรียบกร้อยดีแล้ว การใช้งานเข็มทิศก็จะมีความถูกต้องแม่นยำ และทำงานได้รวดเร็วขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
ทั้งหมดที่เห็นข้างต้น ก็เป็นสาระน่ารู้เล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับ การปรับเทียบ หรือการ Calibrate แบบที่เห็นกันอยู่ทั่วไปใน โทรศัพท์มือถือ รุ่นใหม่ๆ โดยเฉพาะ โทรศัพท์มือถือ แบบ จอสัมผัส ซึ่งน่าจะช่วยให้ผู้ใช้หลายๆ ท่านเข้าใจกับคำว่า Calibrate มากขึ้นพอสมควร
-----------------------------------------------
นำเสนอ ทิป & ทริค ประจำวัน โดยคุณ ProTracker
วันที่ : 17/5/53
|