หน้าแรกมือถือ > รวมข่าวมือถือ > หน้าบทความ ข่าวมือถือ
   
Date : 18/7/2565

ทำไม Samsung Galaxy S23 และเรือธงในอนาคต ถึงอาจมีแค่รุ่นชิปเซ็ต Snapdragon เท่านั้น

 

โดยปกติแล้วสมาร์ทโฟนเรือธงของแบรนด์ Samsung จะเปิดตัวออกมาทั้งหมด 2 เวอร์ชัน นั่นก็คือ 1. เวอร์ชันที่ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon จากค่าย Qualcomm และ 2. เวอร์ชันที่ใช้ชิปเซ็ต Exynos ที่ Samsung พัฒนาขึ้นมาเอง แต่ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีรายงานออกมาอย่างหนาหูว่า Samsung อาจตัดสินใจยกเลิกการใช้งานชิปเซ็ต Exynos ในรุ่นเรือธงช่วงปี 2023 - 2024 ที่กำลังจะถึงนี้ ซึ่งหมายความว่าในอนาคตมือถือเรือธง Samsung จะมีเพียงเวอร์ชันเดียวคือเวอร์ชันที่ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon เท่านั้น แต่เพราะเหตุใดเรือธง Samsung รุ่นใหม่ถึงใช้ชิปเซ็ตแบบเดียวค่ายเดียว เราไปหาคำตอบกันครับ

 

1.ชิปเซ็ตรุ่นเดียว ค่ายเดียว อาจจะดีกว่า

โดยปกติแล้ว เรือธง Samsung ที่ใช้ชิปเซ็ต Exynos จะเป็นโมเดลที่วางจำหน่ายแบบทั่วโลกครอบคลุมทั้ง ยุโรป, อินเดีย, แอฟริกา, ตะวันออกกลาง ไปจนถึงประเทศบางแห่งในเอเชีย แต่ในรุ่น S22 ที่วางจำหน่ายในปีนี้ มีเพียงทวีปยุโรปเท่านั้นที่ใช้ชิปเซ็ต Exynos ดังนั้นการที่ Samsung จะหันมาใช้ชิปเซ็ตจากค่ายเดียว ก็จะเป็นการช่วยลดความสับสนให้แก่ผู้ใช้ และยังมอบความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้ว่า ไม่ว่าจะซื้อมือถือเรือธง Galaxy จากประเทศใดในโลก ก็จะได้มือถือที่มีประสิทธิภาพเหมือนกันนั่นเอง

 

อีกหนึ่งสาเหตุที่อาจทำให้ Samsung ยกเลิกการใช้ Exynos ก็อาจจะเป็นผลมาจาก ประสิทธิภาพการทำงาน โดยสื่อต่างประเทศอย่าง Android Authority ให้เหตุผลว่า ชิปเซ็ต Exynos มีประสิทธิภาพการทำงานที่ยังคงเป็นรองชิปเซ็ตจากค่ายอื่น ๆ อย่างเช่น การเล่นเกม โดยมีการตั้งกระทู้ใน Reddit เกี่ยวกับปัญหาที่พบเจอกับเกม Diablo Immortal เมื่อเล่นด้วยมือถือ Samsung ที่ใช้ชิปเซ็ต Exynos ที่มีปัญหาด้านกราฟิก การโหลด Texture รวมถึงอาการเครื่องร้อน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นผลมาจากการขาดนักพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับชิป Exynos 

 

ผลการทดสอบจาก DxOMark ที่พบว่า Galaxy S22 Ultra ที่ใช้ชิป Snapdragon สามารถถ่ายทอดรายละเอียดภาพถ่ายได้ดีกว่า และมี Noise บนภาพน้อยกว่าเมื่อเทียบกับรุ่นที่ใช้ชิป Exynos

นอกจากการเล่นเกมแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพระหว่างชิปเซ็ต Exynos และ Snapdragon ก็คือ การถ่ายภาพ โดย DxOMark สถาบันด้านการทดสอบกล้อง และเลนส์ระดับโลก เคยเปิดเผยรายงานออกมาว่า Galaxy S22 Ultra ที่ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon สามารถถ่ายภาพในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดีกว่ารุ่นที่ใช้ชิป Exynos รวมทั้งยังถ่ายวิดีโอได้มีคุณภาพกว่า รวมถึงถ่ายภาพ Telephoto ในที่แสงน้อยได้ดีกว่าด้วย ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากหน่วยประมวลผล ISP (หน่วยประมวลผลสัญญาณภาพ) รวมถึงฮาร์ดแวร์ส่วนอื่น ๆ ที่ต่างกันระหว่างสองชิปเซ้ตนั่นเอง

 

2.สงครามชิปเซ็ต

การที่ Samsung เลือกเปลี่ยนมาใช้ชิปเซ็ต Snapdragon เพียงอย่างเดียว อีกหนึ่งปัจจัยอาจเป็นผลมาจากสงครามของชิปเซ็ตที่กำลังหนักหน่วงขึ้น โดยทาง Android Authority เปิดเผยว่า ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 1 และ Exynos 2200 ที่ใช้บน Galaxy S22 Series ปีนี้ ล้วนแล้วแต่ถูกผลิตโดย Samsung แต่จากผลการทดสอบของ Android Authority กลับพบว่า ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 1 สามารถทำประสิทธิภาพด้านการประมวลผลกราฟิก (GPU) ได้ดีกว่าชิปเซ็ต Exynos

อย่างไรก็ดี หลังจากที่ Qualcomm เลือก Samsung เป็นผู้ผลิตชิปเซ็ตเรือธง Snapdragon 8 Gen 1 แต่ในรุ่นอัปเกรดใหม่อย่าง Snapdragon 8+ Gen 1 ทาง Qualcomm กลับเลือก TSMC เป็นผู้ผลิตแทน แถมในชิปรุ่นอัปเกรดใหม่นี้ก็มาพร้อมกับประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้นทั้งในส่วนของ CPU และ GPU ที่ได้รับการเพิ่ม Clock speed ราว 10% แถมประหยัดพลังงานมากขึ้นกว่า 30% เมื่อเทียบกับชิป Snapdragon 8 Gen 1

จากประสิทธิภาพของชิปเซ็ตที่ดีขึ้น ทำให้ Android Authority คาดการณ์ว่า TSMC อาจมีกำลังการผลิต รวมถึงความสามารถด้านการผลิตชิปเซ็ตที่เหนือกว่า Samsung ก็เป็นได้ อีกทั้งยังมีข่าวลือออกมาด้วยว่า ในชิปเซ็ตเรือธงรุ่นหน้าของ Qualcomm อย่าง Snapdragon 8 Gen 2 ทาง Qualcomm ก็ยังคงเลือกใช้ TSMC เป็นผู้ผลิตต่อไป

 

ก่อนหน้านี้ Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์ขาประจำวงการไอที ก็เคยออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า TSMC จะได้รับหน้าที่เป็นซัพพลายเออร์หลักในการผลิตชิปเซ็ตเรือธงรุ่นใหม่รหัส SM8550 ให้กับ Qualcomm โดยจะใช้กระบวนการผลิตระดับ 4 นาโนเมตรของ TSMC ซึ่ง Samsung Galaxy S23 Series พร้อมทั้งยังให้ข้อมูลอีกว่า Galaxy S23 Series จะไม่ใช้ชิปเซ็ต Exynos 2300 รุ่นใหม่ เนื่องจากยังมีประสิทธิภาพเป็นรองชิปเซ็ตรหัส SM8550 ของ Qualcomm อีกทั้งชิปเซ็ตรหัส SM8550 ยังถูกปรับแต่งมาให้เหมาะสมกับดีไซน์การผลิตของ TSMC มากกว่า 

 

ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่บริษัทผลิตชิปเซ็ต ส่งผลต่อการผลิตชิปเซ็ตที่มีประสิทธิภาพแตกต่างกันได้ ย้อนกลับไปในรุ่น Galaxy S20 Series ที่มีทั้งหมด 2 เวอร์ชัน ได้แก่ เวอร์ชันที่ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 865 ซึ่งผลิตโดย TSMC และเวอร์ชันที่ใช้ชิปเซ็ต Exynos 990 ที่ผลิตโดย Samsung ซึ่งก็พบว่าชิปเซ็ตที่ผลิตโดย TSMC ให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่าอย่างชัดเจน

 

3.หมดปัญหาฟีเจอร์ต่างกัน

มือถือเรือธงในยุคก่อนที่ใช้ชิปเซ็ตคนละค่าย เคยมีปัญหาด้านฟีเจอร์การที่ไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่นในรุ่น Galaxy S8 Series ที่ไม่มีฟีเจอร์การถ่ายวิดีโอ 4K ระดับ 60FPS แม้ว่าชิปเซ็ต Exynos 8895 จะรองรับ แต่ Samsung ก็เลือกที่จะปิดฟีเจอร์ดังกล่าวเพียงเพราะรุ่นที่ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 835 ไม่รองรับความสามารถนี้ หรือจะเป็นรุ่น Galaxy S10 Series ที่ขาดฟีเจอร์การถ่ายวิดีโอ 8K แม้ว่าชิปเซ็ต Exynos 990 จะรองรับ แต่ชิปเซ็ต Snapdragon 865 กลับไม่รองรับ ไปจนถึงรุ่น Galaxy S22 Series ใหม่ล่าสุดที่ไม่มีฟีเจอร์การถ่ายวิดีโอ 8K HDR เนื่องจากชิปเซ็ต Exynos 2200 ไม่รองรับ แต่ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 1 รองรับฟีเจอร์นี้แล้ว

การที่ Samsung หันมาใช้ชิปเซ็ตจากค่าย Qualcomm เพียงค่ายเดียว ก็น่าจะช่วยลดปัญหาฟีเจอร์การใช้งานที่ไม่ซัพพอร์ตในชิปเซ็ตค่ายใดค่ายหนึ่ง และอาจทำให้ Galaxy S23 Series จัดเต็มด้านฟีเจอร์มากกว่าที่เคย และสามารถรีดประสิทธิภาพการทำงานออกมาจากชิปเซ็ต Snapdragon ได้เต็มที่มากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ยังไม่มีกรยืนยันอย่างเป็นทางการจาก Samsung ว่าทางบริษัทจะหันไปใช้ชิปเซ็ตจากค่าย Qualcomm เพียงค่ายเดียวในเรือธงรุ่นใหม่หรือไม่ แต่จากที่เราเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหลาย ๆ ด้านจาก Samsung ในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็น รุ่น Galaxy S23 Ultra ที่ติดตั้งปากกา S Pen มาให้เหมือน Galaxy Note รวมทั้งการออกมาประกาศยกเลิกผลิตมือถือ Galaxy Note อย่างเป็นทางการ ก็ไม่แน่ว่าอีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตคือเรื่องชิปเซ็ตก็เป็นได้ครับ

 

ที่มา : Android Authority


วันที่ : 18/7/2565



Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy