ทำไม? iPhone 12 Pro Max ถึงอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุด แม้ว่าสเปกท็อปสุดก็ตาม
หากจะกล่าวว่า iPhone 12 Pro Max คือไอโฟนที่ดีที่สุดเท่าที่ Apple เคยทำมา ก็อาจฟังดูไม่แปลกเท่าไหร่นัก เพราะไอโฟนตัวท็อปรุ่นนี้จัดเต็มทุกฟีเจอร์ที่ต่างจากไอโฟนรุ่นอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น การเป็นไอโฟนที่มีขนาดหน้าจอใหญ่ที่สุดถึง 6.7 นิ้ว, ไอโฟนที่มีแบตเยอะที่สุดที่ 3687mAh รวมถึงการเป็นไอโฟนที่มีกล้องถ่ายภาพที่ดีที่สุด ด้วยคะแนนทดสอบจาก DxOMark ทั้งหมด 130 คะแนน
แม้ว่า iPhone 12 Pro Max จะเป็นไอโฟนที่มีสเปกท็อปสุด ณ ตอนนี้ก็จริง แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง iPhone 12 Pro Max ก็อาจเป็นตัวเลือกที่ไม่น่าสนใจสำหรับใครหลายๆ คนก็เป็นได้ เพราะล่าสุดนี้เพิ่งจะมีรายงานจาก JP Morgan Chase ถูกเปิดเผยออกมาว่า ยอดความต้องการของ iPhone 12 Pro Max เริ่มถดถอยลง ขณะที่ความต้องการของ iPhone 12 Pro กลับเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมแทน แต่เพราะเหตุใดทำไม iPhone 12 Pro Max ถึงอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับใครหลายคน? ไปหาคำตอบกันดีกว่าครับ
จอที่อาจดูใหญ่เกินไปสำหรับใครหลายคน
iPhone 12 Pro Max มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ขึ้นที่ 6.7 นิ้ว ขณะที่ iPhone รุ่นจอเล็กสุดในปีนี้อย่าง iPhone 12 Mini มาพร้อมกับหน้าจอ 5.4 นิ้วเท่านั้น ซึ่งแม้ว่าขนาดหน้าจอของทั้งสองรุ่นจะมีความต่างกันค่อนข้างมาก แต่หน้าตา UI ของระบบ iOS กลับเหมือนกันแทบทุกประการ
แม้ว่าหน้าจอของ iPhone 12 Pro Max จะใหญ่กว่า แต่ในหน้าโอมสกรีนกลับไม่สามารถวางไอคอนแอปฯ หรือวิดเจ็ต ได้เยอะกว่า iPhone 12 Mini ที่มีหน้าจอเล็กกว่า ซึ่งสุดท้ายแล้วทำให้ขนาดหน้าจอของ iPhone 12 Pro Max ดูจะตอบโจทย์กว่าในเรื่องของการรับชมความบันเทิง หรือการเสพคอนเทนต์ต่างๆ ได้อย่างเต็มตาเต็มอารมณ์กว่าเทา่นั้น
เว็บไซต์ XDA-Developers แหล่งรวมนักพัฒนารายใหญ่ ตั้งข้อสังเกตุว่า Apple ยังไม่มีการปรับแต่ง UI ของระบบ iOS ให้เหมาะสมกับไอโฟนที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ โดยจะเห็นได้จากหน้าโฮมสกรีนที่ผู้ใช้สามารถวางไอคอนแอปฯ ในแนวนอนได้เพียง 4 ช่อง ไปจนถึงการใส่รหัส PIN ที่มีไอคอนที่ใหญ่กว่าปกติ ทำให้หลายคนไม่สามารถกดตัวเลข 1-3 ในแถวบนสุดได้หากถือใช้งานด้วยมือเดียว ยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่ผู้ใช้ต้องกรอกรหัสผ่านอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากไม่สามารถสแกนหน้า FaceID ขณะใส่หน้ากากอนามัยได้ ทำให้หลายคนอาจรู้สึกไม่สะดวกที่จะต้องเอื้อมนิ้ว หรือเอื้อมมือในการใส่รหัสผ่านด้วยมือเดียวบ่อยๆ
การเรียกดูแจ้งเตือนที่จำเป็นต้องเอื้อมนิ้วขึ้นไปด้านขวาบนสุดเพื่อลากเฉพาะแถบ Notification ลงมา และหากต้องการจะเรียกใช้งาน Control Center ก็ต้องเอื้อมนิ้วไปทางด้านซ้ายบนสุดเพื่อลากแถบดังกล่าว ต่างจากมือถือฝั่ง Android ที่สามารถลากนิ้วลงมาจากบริเวณตรงกลางหน้าจอเพื่อเรียกดูการแจ้งเตือน รวมถึงเรียกใช้งานแถบคีย์ลัดได้อย่างสะดวกมากกว่า แม้ว่าจะมีขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่า iPhone 12 Pro Max ก็ตาม
UX ไม่ตอบโจทย์การใช้มือเดียว
อีกหนึ่งสิ่งที่ XDA-Developers ประสบปัญหาด้านการใช้งานบน iPhone 12 Pro Max ก็คือ การสั่งการด้วยมือเดียว โดยแม้ว่า Apple จะมีฟีเจอร์ Reachability เพื่อย่นหน้าจอให้เล็กลงเพื่อให้นิ้วมือสามารถเอื้อมไปใช้งานได้ง่ายขึ้น แต่เมื่อผู้ใช้แตะเพียงไม่กี่ครั้ง หรือหากย่นจอไว้แต่ไม่ได้ใช้งาน ระบบก็จะขยายหน้าจอที่เพิ่งย่อลงมาให้กลับเป็นไซส์เดิม ซึ่งจะต่างกับฟีเจอร์ย่อหน้าจอของทางฝั่ง Android ที่หลังจากย่อจอแล้ว ผู้ใช้สามารถสั่งการตัวเครื่องได้ตามปกติบน UI ที่เล็กลง ซึ่งเรียกได้ว่าตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องการใช้งานมือเดียวได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ Gesture (การลากนิ้วเพื่อสั่งการ) ของ iOS ก็ยังดูไม่ตอบโจทย์สำหรับการใช้งานมือเดียวบนไอโฟนจอใหญ่มากนัก โดยแม้ว่าเราจะสามารถสลับแอปฯ, กลับหน้าโฮม หรือเรียกดูแอปฯ ที่เปิดใช้งานอยู่เพียงแค่ปัดแถบด้านล่างหน้าจอ รวมทั้งยังสามารถย้อนกลับไปยังหน้าที่ผ่านมาได้โดยปัดจากขอบด้านข้าง แต่ก็รองรับเฉพาะแค่บางแอปฯ เท่านั้น อีกทั้ง แม้ว่าจะย้อนกลับโดยการปัดขอบด้านข้างได้ก็จริง แต่ก็อาจย้อนกลับไปยังหน้าต่างๆ ไม่ได้ไกลเท่าเมื่อเทียบกับมือถือฝั่ง Android ส่งผลให้สุดท้ายแล้วผู้ใช้ต้องเอื้อมนิ้วไปกดปุ่มคำสั่ง หรือปุ่มย้อนกลับที่ด้านบนแทน
สเปกไม่ได้ต่างจาก iPhone 12 Pro มาก
จริงอยู่ที่ iPhone 12 Pro Max มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ต่างจาก iPhone 12 รุ่นอื่นๆ แต่หากพิจารณาดีๆ แล้วจะพบว่า สเปกค่อนข้างจะใกล้เคียงกับ iPhone 12 Pro พอสมควร ไม่ว่าจะเป็น การได้ใช้กล้องหลัง 3 ตัวที่มีกล้อง LiDAR Scanner, ความจุเริ่มต้น 128GB และสูงสุดที่ 512GB, ชิปเซ็ต Apple A14 Bionic, การรองรับ 5G หรือการได้ใช้หน้าจอแสดงผลแบบ Super Retina XDA ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมของทั้งสองรุ่นนี้แทบไม่แตกต่างกันมากนัก
ตัวอย่างภาพถ่ายบน iPhone 12 Pro Max vs iPhone 12 Pro จาก Techradar
สิ่งที่ทำให้ iPhone 12 Pro Max ดูต่างจาก iPhone 12 Pro หากไม่นับเรื่องหน้าจอที่ใหญ่กว่า และแบตเตอรี่ที่เยอะกว่าแล้ว ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องกล้องถ่ายภาพ เนื่องจากกล้องของ iPhone 12 Pro Max เป็นเพียงรุ่นเดียวที่มีเทคโนโลยีกันสั่นแบบ Sensor-Shift OIS, เซ็นเซอร์รับภาพที่ใหญ่กว่า รวมไปถึงการรองรับการซูมภาพแบบ Optical ไกลกว่ารุ่น 12 Pro ที่ระยะ 5 เท่า แต่ในด้านการใช้งานจริงนั้น ทางสื่อต่างประเทศอย่าง Techradar ระบุว่า ภาพที่ได้ออกมาจากกล้องทั้งสองรุ่นแทบจะไม่มีความแตกต่าง ทั้งสองรุ่นถือว่าถ่ายภาพออกมาได้ค่อนข้างใกล้เคียงทั้งตอนกลางวัน และกลางคืน
ราคาที่ค่อนข้างสูง
อย่างที่กล่าวไปว่า iPhone 12 Pro Max มีสเปกหลายอย่างใกล้เคียงกับ iPhone 12 Pro แต่สำหรับราคาวางจำหน่ายเริ่มต้นของทั้งสองรุ่นแล้ว จะมีความแตกต่างกันอยู่ที่ 3,000 บาท (ราคาเริ่มต้นของ iPhone 12 Pro อยู่ที่ 36,900 บาท ส่วน iPhone 12 Pro Max เริ่มต้นที่ 39,900 บาท) จึงทำให้หลายคนอาจตัดสินใจเลือกรุ่น Pro แทนรุ่น Pro Max และนำเงินส่วนต่าง 3,000 บาท ไปซื้ออุปกรณ์เสริมเพื่อตอบโจทย์การใช้งานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Magsafe หรือ หัวชาร์จ เป็นต้น
แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับท่านที่ไม่มีปัญหากับการใช้งานสมาร์ทโฟนขนาดใหญ่ รวมถึงมีงบประมาณการซื้อที่ไม่จำกัด และต้องการมือถือที่เป็นรุ่นท็อปสุดของปีจริงๆ iPhone 12 Pro Max ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะจะได้รับประสบการณ์การใช้งานไอโฟนที่ดีที่สุดแห่งปี ด้วยฟีเจอร์ที่จัดเต็มทุกด้าน และมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ที่ไอโฟนรุ่นอื่นไม่มี รวมทั้ง iPhone 12 Pro Max ก็เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์กว่า หากท่านเป็นผู้ที่จำเป็นต้องทำงานบนมือถืออยู่เป็นประจำ ด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่ มองเห็นง่าย
ซึ่งสุดท้ายแล้วมือถือรุ่นไหนจะดีกว่ากันนั้น คงไม่ตัดสินได้ เพราะส่วนหนึ่งต้องขึ้นอยู่กับความชื่นชอบส่วนบุคคลของผู้ใช้งานด้วย หากทดลองเล่นแล้วถูกใจ มีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การทำงานในชีวิตประจำวัน ก็ถือว่ามือถือรุ่นนั้นๆ น่าจับจองเป็นเจ้าของแล้วครับ
ข้อมูลอ้างอิง : techradar, XDA-Developers, Gizchina
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 16/12/2563
