ทำไม Apple ถึงอยากได้ Baidu AI มาใช้ใน iPhone รุ่นที่ขายในจีน?
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มีรายงานว่า Apple กำลังเจรจากับ Baidu เพื่อขอนำเทคโนโลยี AI มาใช้ใน iPhone ที่วางจำหน่ายในจีน แต่เมื่อข่าวนี้ออกมาดูเหมือนว่าชาวไทยหลายคนจะไม่ปลื้มสักเท่าไหร่ เพราะยังติดภาพจำที่ไม่ดีในอดีตของ Baidu อยู่ และไม่เข้าใจว่าทำไม Apple ถึงต้องไปจับมือกับ Baidu ทั้ง ๆ ที่ยังมีตัวเลือกอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งในวันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยในประเด็นนี้กันครับ
1. Apple ไม่มีทางเลือก
หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่ารัฐบาลจีนมีนโยบายการควบคุมเทคโนโลยีที่เข้มงวด โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่มาจากต่างประเทศ อย่าง Google เองก็ไม่สามารถให้บริการเซอร์วิสใด ๆ ในประเทศจีนได้แม้กระทั่ง search engine (เว้นแต่ว่าจะมุด VPN)
ด้วยเหตุนี้สมาร์ทโฟนในจีนทุกเครื่องจึงไม่มีบริการใด ๆ ของ Google เลย ไม่ว่าจะเป็น Play Store, Gmail, Maps, YouTube หรืออะไรก็ตาม ซึ่งทั้งหมดจะถูกแทนที่ด้วยเซอร์วิสของจีนเอง เช่น Baidu Search Engine, Baidu Maps, Weibo, WeChat, QQ เป็นต้น
ขนาดเซอร์วิสธรรมดา ๆ ยังใช้ไม่ได้ AI ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะ AI ทุกตัวที่จะเข้ามาให้บริการในแผ่นดินจีนจะต้องถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดจากหน่วยงานกลางโดยไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งปัจจุบัน Gemini ของ Google ยังไม่ผ่านการรับรอง และไม่น่าจะได้รับการรับรองในเร็ว ๆ นี้เนื่องจากรัฐบาลจีนไม่ได้เปิดรับเซอร์วิสใด ๆ ของ Google อยู่แล้ว หาก Apple ต้องการนำ AI มาใช้กับ iPhone ที่วางขายในจีน ก็แทบจะไม่มีตัวเลือกอื่นนอกจาก AI ที่พัฒนาขึ้นในประเทศล้วน ๆ อย่าง Ernie ของ Baidu
ไม่ใช่แค่ Apple เท่านั้นที่ต้องจับมือกับ Baidu เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้ Samsung Galaxy S24 Series ที่ขายในจีนก็จำเป็นต้องใช้ AI ของ Baidu เพื่อขับเคลื่อน Galaxy AI เช่นกัน
2. Baidu AI คือเบอร์หนึ่งของจีนแล้ว
แม้จะมีชื่อเสียงในอดีตที่ไม่ดีอย่างไร แต่ในปัจจุบัน Baidu ก็เป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นแนวหน้าของจีน ซึ่งเพียบพร้อมไปทั้งประสบการณ์และองค์ความรู้ จึงมีศักยภาพมากพอที่จะพัฒนา AI ดี ๆ ได้ไม่แพ้ Google ซึ่งปัจจุบันก็มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ อย่างเช่น AI ขับขี่อัตโนมัติสำหรับรถยนต์ในจีนและรถแท็กซี่ไร้คนขับ ซึ่งมีการใช้งานจริงแล้วทั่วประเทศ และแชตบอท Ernie AI ที่มีการทำงานในลักษณะเดียวกับ ChatGPT ซึ่งสามารถเขียนนิยายกำลังภายใน, สร้างโปสเตอร์โฆณา และคลิปวิดีโอได้อย่างรวดเร็ว โดยล่าสุดเพิ่งจะเปิดตัว Ernie 4.0 ไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่ง Baidu เคลมว่าฉลาดพอ ๆ กับ GPT-4 ของ OpenAI เลยทีเดียว
3. Baidu AI จะอยู่ใน iPhone จีนเท่านั้น
หลายคนอาจจะเข้าใจผิดว่า Apple ต้องการนำ Baidu AI มาใช้กับ iPhone ทุกเครื่อง แต่จริง ๆ แล้ว Baidu AI จะถูกนำมาใช้กับ iPhone ที่วางขายในจีนเท่านั้น เพราะ Baidu AI พัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบสนองการใช้งานของชาวจีนเป็นหลัก จึงมีฐานข้อมูลที่ไม่ค่อยตรงกับความเข้าใจของผู้ใช้ในประเทศอื่น ๆ ในขณะเดียวกัน Apple ก็ได้เจรจากับ Google เพื่อขอนำ Gemini AI มาใช้กับ iPhone ด้วย ซึ่งมีความเป็นสากล และเหมาะกับผู้ใช้งานทั่วโลกมากกว่า จึงไม่น่าจะมีเหตุผลอะไรที่ Apple จะนำ Baidu AI ไปใส่ไว้ใน iPhone ทุกเครื่อง
ด้วย 3 เหตุผลข้างต้น ก็น่าจะตอบคำถามได้ดีแล้วว่าทำไม Apple ถึงสนใจ AI ของ Baidu ถึงเพียงนี้
ทำไมคนไทยถึงรู้สึกไม่ดีกับ Baidu?
สำหรับใครที่เกิดไม่ทัน หรือไม่รู้ว่าทำไมคนไทยบางส่วนถึงไม่ชอบ Baidu เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปราว ๆ 10 กว่าปีก่อน เมื่อ Baidu ได้เข้ามาทำตลาดในไทยด้วยโปรแกรมปรับปรุงสมรรถนะคอมพิวเตอร์ Baidu PC Faster และเบราเซอร์ Spark ซึ่งสามารถดาวน์โหลดไปใช้งานกันได้ฟรี ๆ
อย่างไรก็ตาม Baidu PC Faster ไม่ได้ทำให้คอมพิวเตอร์เร็วขึ้นอย่างที่คิด เพราะหลังจากที่ติดตั้งลงเครื่อง คอมพิวเตอร์ก็เริ่มมีอาการแปลก ๆ หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องค้าง, จอฟ้า, และหน้าเว็บพอร์ทัล hao123 ที่โผล่ขึ้นมาในเบราเซอร์แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แถมยังลบออกจากเครื่องไม่ได้อีกต่างหาก หลายคนถึงกับต้องล้างเครื่องลง Windows ใหม่ และนั่นทำให้ Baidu มีภาพลักษณ์ที่ไม่ดีในสายตาคนไทยมาจนถึงตอนนี้
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น Baidu เคยออกมาชี้แจงว่า ซอฟต์แวร์แปลก ๆ ที่ติดมากับโปรแกรมของ Baidu ไม่ใช่ความตั้งใจของ Baidu เอง และไม่ใช่การทำตลาดแบบยัดเยียดอย่างที่เข้าใจกัน แต่เกิดจากตัวแทนโฆษณา และตัวแทนผู้ให้บริการแจกจ่ายซอฟต์แวร์บางรายที่ไปดำเนินการกันเอง ซึ่ง Baidu ก็ได้พยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าว และสั่งปรับเงินเอเยนซี่ทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง แต่ในท้ายที่สุดแล้วก็ยังไม่สามารถกู้ชื่อเสียงในไทยกลับมาได้อยู่ดี
แม้จะไม่ประสบความสำเร็จในไทย แต่ Baidu ก็ยังคงพัฒนาตัวเองและเติบโตในจีนอย่างต่อเนื่อง จากผู้ให้บริการ Search Engine ก็เริ่มมีผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นอื่น ๆ ออกมามากมาย จนกลายเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นแนวหน้าของจีนในที่สุด ปัจจุบันมีแพล็ตฟอร์มต่าง ๆ ในมือที่ครอบคลุมแทบทุกวงการ ไม่ว่าจะเป็นสารานุกรม Baidu Wiki, วิดีโอสตรีมมิ่ง Haokan, โซเชียลมีเดีย Baidu Post, แผนที่และการนำทาง Baidu Maps แม้กระทั่งแอปดูหนังอย่าง iQIYI ก็อยู่ในเครือของ Baidu เช่นกัน เรียกได้ว่าเป็น "Google เมืองจีน" เลยก็ว่าได้
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 25/3/2567
