ควันหลง iPhone 12 ไม่แถมหูฟัง และหัวชาร์จให้กับไอโฟน อาจทำให้ Apple มีแต่ได้กับได้?
เก็บตกควันหลงหลังงานเปิดตัว iPhone 12 กันสักเล็กน้อย โดยภายในงานนอกจากจะสร้างเสียงฮือฮาด้วยการเปิดตัว iPhone ให้เห็นถึง 4 รุ่นเป็นครั้งแรก (รวมถึงการเปิดตัวไอโฟนรุ่น Mini ให้เห็นเป็นครั้งแรก) อีกหนึ่งสิ่งที่เป็นกระแสที่ถูกพูดถึงในวงกว้างเช่นกันนั่นก็คือ การที่ Apple ตัดสินใจไม่แถมหัวชาร์จ และหูฟังมาให้กับ iPhone 12 อีกต่อไป
นโยบายนี้ส่งผลไปถึงไอโฟนรุ่นเก่าที่ Apple วางจำหน่าย ณ ตอนนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น iPhone SE 2020, iPhone Xr หรือ iPhone 11 ที่ก็จะไม่มีการแถมหัวชาร์จ และหูฟังมาให้เช่นเดียวกัน แต่จะปรับเปลี่ยนเป็นการแถมสาย Lightning to USB-C มาให้ในกล่องแทนสาย Lightning to USB-A แทน ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าการตัดสินใจของ Apple ในครั้งนี้อาจเป็นเรื่องที่ผิดพลาด และอาจส่งผลต่อยอดขายในภายหลัง แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง การที่ Apple เลือกที่จะไม่ของแถมที่ควรจะมีมาให้กับไอโฟนรุ่นใหม่ รวมถึงรุ่นที่ขายอยู่ในปัจจุบัน อาจเป็นผลดีที่ทำให้ Apple มีแต่ "ได้กับได้" ก็เป็นได้ครับ
บางคนต้องซื้ออแดปเตอร์ใหม่
กล่องไอโฟนที่บางลงกว่าเดิม
Apple เผยในงานเปิดตัวว่า สาเหตุที่ไม่แถมหูฟัง และหัวชาร์จมาให้กับ iPhone 12 เป็นผลมาจากความตั้งใจของ Apple ที่จะช่วยลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์บนโลก ซึ่ง Apple เองเป็นบริษัทที่ดำเนินการนโยบายรักษ์โลกมาโดยตลอด โดยจะเห็นได้จากการเลือกใช้กล่องผลิตภัณฑ์แบบกระดาษแทนพลาสติก ไปจนถึงการสร้าง Apple Park (สำนักงานใหญ่ของ Apple) ที่เน้นใช้พลังงานแสงอาทิตย์ อีกทั้ง iPhone 12 เองก็มีการปรับเปลี่ยนมาใช้วัสดุที่สามารถนำกลับไปรีไซเคิลได้มากถึง 98%
สิ่งที่จะอยู่ในกล่องไอโฟนทุกรุ่น ณ ตอนนี้ มีเพียงแค่ตัวเครื่อง และสายชาร์จ
Apple ยังให้เหตุผลด้วยว่า ในปัจจุบันผู้บริโภคมีหูฟังแบบ Lightining มากกว่า 700 ล้านชิ้นอยู่แล้ว ผู้ใช้บางส่วนก็ปรับเปลี่ยนไปใช้หูฟังไร้สายอย่าง AirPods หรือ Beats และที่สำคัญ ในตอนนี้ก็มีอแดปเตอร์ของ Apple มากกว่า 2,000 ล้านชิ้นทั่วโลก ซึ่งยังไม่นับรวมอแดปเตอร์จากผู้ผลิตรายอื่นๆ อีกหลายพันล้านชิ้น ซึ่งผู้ใช้สามารถนำอแดปเตอร์เหล่านั้นกลับมาใช้บน iPhone 12 ได้ ดังนั้นภายในกล่องผลิตภัฑณ์ iPhone ทุกรุ่นในตอนนี้ที่ Apple วางจำหน่าย จะมีเพียงแค่ตัวเครื่อง และสายชาร์จแบบ Lightning to USB-C เท่านั้น
หัวชาร์จที่คนใช้ iPhone รุ่นเก่าอาจต้องซื้อเพิ่ม หากต้องการนำมาใช้กับสายชาร์จที่แถมมาให้กับไอโฟนในปัจจุบัน
แต่อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจครั้งนี้อาจทำให้ผู้ใช้หลายกลุ่มจำเป็นต้องซื้อหัวชาร์จเพิ่มเป็นจำนวนเงินอีก 690 บาท เนื่องจากสายชาร์จแบบ Lightning to USB-C ที่ Apple ให้มาในกล่อง iPhone 12 รวมถึงไอโฟนรุ่นเก่าที่ยังวางจำหน่ายอยู่ในตอนนี้ผ่าน Apple Store จำเป็นต้องใช้คู่กับหัวชาร์จที่มีพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB-C ไม่สามารถใช้งานร่วมกับหัวชาร์จที่เป็นพอร์ตแบบ USB-A ที่ Apple แถมมาให้กับ iPhone ทุกรุ่นที่เคยวางขาย (ยกเว้น iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ที่แถมหัวชาร์จเร็ว FastCharge 18W ที่เป็นพอร์ต USB-C มาให้ในกล่อง) ซึ่งหมายความว่าต่อให้เรามีหัวชาร์จของไอโฟนรุ่นก่อน ก็อาจไม่สามารถใช้งานร่วมกับสายชาร์จที่แถมมาให้ในกล่อง iPhone 12 รวมถึงไอโฟนรุ่นก่อนๆ ที่วางขายหลังจากนี้
เพิ่มความน่าสนใจให้รุ่นเก่า
ของแถมในกล่องไอโฟนที่วางขายก่อน iPhone 12 เปิดตัว
ต่อเนื่องมาจากนโยบายที่ Apple จะไม่แถมให้กับ iPhone 12 รวมถึงไอโฟนทุกๆ รุ่นที่วางจำหน่ายในตอนนี้ ทำให้ไอโฟนรุ่นเก่าที่วางจำหน่ายอยู่ ดูมีความน่าสนใจมากขึ้นทันที เนื่องจากไอโฟนล็อตเก่าๆ จะยังไม่ถูกตัดหูฟัง และหัวชาร์จออกไปจากกล่องผลิตภัฑณ์ ไม่จำเป็นต้องซื้อเพิ่ม อีกทั้งคนที่ต้องการซื้อ iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max อยู่แล้ว ก็จะได้ชุดชาร์จเร็วมาในกล่องผลิตภัณฑ์เลยเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ การบิวท์ให้คนหันไปซื้อไอโฟนรุ่นเก่าที่มีอุปกรณ์เสริมแถมมาให้ครบชุด และยังวางขายในท้องตลาดอยู่ ก็ยังเป็นวิธีช่วยระบายสต็อกสินค้าเก่าของ Apple ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ลดราคาอุปกรณ์เสริม เพิ่มช่องทางในการขาย
แม้จะ Apple จะไม่แถมอุปกรณ์เสริมมาให้ แต่ก็ใจดีด้วยการลดราคาอุปกรณ์เสริมชิ้นสำคัญอย่าง หูฟัง และหัวชาร์จ 20W ไปถึง 500 บาท ทำให้ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 690 บาทเท่านั้น ซึ่งถือว่าตอบโจทย์ผู้ที่ใช้ไอโฟนรุ่นเก่าๆ ที่รองรับชาร์จไว ไม่ว่าจะเป็น iPhone 8, iPhone X, iPhone Xs หรือ iPhone 11 ได้เป็นอย่างดี เพราะจากแต่ก่อนที่เราต้องจ่ายเงินจำนวน 1,880 บาท ในการซื้อสาย Lightning to USB-C + หัวชาร์จ USB-C 18W เพื่อใช้ชาร์จเร็ว แต่ในตอนนี้เราใช้เงินเพียง 1,380 บาทในการซื้อชุดชาร์จเร็วทั้งสาย และหัวชาร์จ แถมได้หัวชาร์จที่กำลังการจ่ายไฟเพิ่มขึ้น 2W
Apple ยังคงขายหัวชาร์จ 5W แบบเก่า (USB-A) แต่ตั้งราคาเท่ากับหัวชาร์จเร็ว 20W
และที่สำคัญจะสังเกตเห็นได้ว่า Apple ไม่ยอมลดราคาหัวชาร์จ USB-A 5W แบบเดียวกันกับที่แถมมาให้ในไอโฟนรุ่นก่อน ยังคงวางขายที่ราคา 690 บาทเท่ากับหัวชาร์จเร็ว USB-C 20W ที่เพิ่งลดราคาลงมาจาก 1,190 บาท ซึ่งเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ผู้บริโภคมองเห็นถึงความคุ้มค่าของหัวชาร์จเร็ว 20W และยังเป็นวิธีการโน้มน้าวให้ผู้ใช้ยอมจ่ายเงินเพิ่มอีก 690 บาท สำหรับซื้อสายชาร์จ Lightning to USB-C เพื่อใช้กับหัวชาร์จเร็วในราคาใหม่
ผลักดันให้คนเข้าสู่ Ecosystem
Apple เลือกเปิดตัวหูฟังไร้สาย AirPods ในงานวันเดียวกันกับ iPhone 7 ที่เป็นไอโฟนไร้ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. รุ่นแรก
หากเราย้อนกลับไปดู iPhone 7 ที่ Apple เลือกตัดช่องหูฟัง 3.5 มม. ออกไป และตัดสินใจเปิดตัวหูฟังไร้สาย AirPods ให้เห็นในงานเดียวกันทันที ซึ่งการตัดสินใจในครั้งนี้ ถือเป็นการมอบทางเลือกในการฟังเพลงรูปแบบใหม่ให้กับผู้บริโภค หรือหากมองอีกมุมหนึ่งก็เป็นเหมือนการผลักดัน ให้คนเข้าสู่โลก Ecosystem ของ Apple ซึ่งกลยุทธ์ในตอนนั้นของ Apple ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เพราะจากการสำรวจจากบริษัทวิเคราะห์ตลาดอย่าง Counterpoint เมื่อช่วงไตรมาสที่ 4 ในปี 2018 (2 ปีให้หลัง AirPods เปิดตัว) พบว่า AirPods กลายเป็นหูฟังไร้สายที่ทำยอดจัดส่งทั่วโลกได้มากที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่ง และยังครองส่วนแบ่งตลาดหูฟังไร้สายไปได้มากถึง 60%
แท่นชาร์จไร้สายจาก Belkin ที่ถูกออกแบบมาสำหรับ iPhone 12 ที่มีเทคโนโลยี MagSafe สามารถแปะชาร์จบนแท่นแนวตั้งได้โดยไม่ต้องกลัวหล่น
และการที่ Apple ไม่แถมหัวชาร์จ รวมถึงหูฟังมาให้กับ iPhone 12 ในครั้งนี้ และตัดสินใจเปิดตัวเทคโนโลยี MagSafe ให้เห็นภายในงานวันเดียวกันทันที ก็อาจเป็นกลยุทธ์ที่ผลักดันให้คนเข้าสู่ Ecosystem ของ iPhone 7 ก็เป็นได้ โดย MagSafe เป็นเทคโนโลยีแม่เหล็กหลังเครื่อง iPhone 12 Series ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถนำไปประกบเข้ากับแท่นชาร์จไร้สายรูปแบบใหม่ได้อย่างแนบสนิท ไม่ต้องกลัวโทรศัพท์จะลื่น หรือหลุดออกจากแท่นชาร์จ รวมทั้งภายในงานเปิดตัว iPhone 12 ที่ผ่านมา Apple ยังได้เผยให้เห็นถึงอุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่จะสามารถทำงานร่วมกับระบบ MagSafe ของ iPhone 12 ไม่ว่าจะเป็น เคส, แท่นชาร์จ MagSafe หรือกระเป๋าหนัง MagSafe เป็นต้น
ไอโฟนรุ่นเก่าราคาลดน้อยลง และเราอาจต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้น
ราคาใหม่ของ iPhone 11 และ iPhone Xr
ตามธรรมเนียมแล้ว Apple จะมีการลดราคาวางจำหน่ายของไอโฟนรุ่นเก่าทันทีหลังจากที่ไอโฟนรุ่นใหม่เปิดตัว ซึ่งหลังจากที่ iPhone 12 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ Apple ก็ทำการลดราคารุ่นเก่าอย่าง iPhone 11 ลงทันที 2,800 บาท และลดราคา iPhone Xr ลง 3,500 บาท แต่ต้องไม่ลืมว่า แม้ราคาไอโฟนจะลดลง แต่หากผู้ใช้ทำการซื้อกับ Apple Store ก็จำเป็นที่จะต้องซื้อหัวชาร์จ และหูฟังเพิ่มเติมรวมแล้ว 1,380 บาท (ในกรณีที่คุณยังไม่มีทั้งหูฟัง และหัวชาร์จที่เป็นพอร์ต USB-C) ซึ่งหมายความว่าจริงๆ แล้ว Apple ลดราคา iPhone 11 ไป 1,420 บาท และลดราคา iPhone Xr ไป 2,120 บาทเท่านั้น ซึ่งต่างจากกรณีเมื่อปี 2018 ที่ผ่านมา ที่ Apple ลดราคา iPhone 8 Series และ iPhone Xr ทันที 8,000 บาทหลังจากที่ iPhone 11 Series เปิดตัวอย่างเป็นทางการ
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 15/10/2563